Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - บทที่ 1186 : หลิงหยุนกลับบ้าน!
หลังจากที่ร่างของเย่ซิงเฉินดูดเอาพลังดวงดาวเข้าไปจนอัดแน่นและร่างกายไม่สมารถรับไว้ได้อีกแล้วนั้น เย่ซิงเฉินจึงปลดปล่อยให้ตนเองเข้าสู่ขั้นที่สูงขึ้นในทันที..
ตูม!
เย่ซิงเฉินรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงภายในร่างกายและในที่สุดนางก็สามารถเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-9 ได้ในทันที แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น..
เพราะทันทีที่เข้าสู่ระดับหนึ่งขั้นเซียงเทียน-9แล้ว จุดตันเถียนของเย่ซิงเฉินก็ขยายใหญ่ขึ้นจากเดิมนับสิบเท่าอย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน..
และในเมื่อจุดตันเถียนขยายเส้นลมปราณทั้งหมด และจุดฝังเข็มทั้ง 365 จุดทั่วร่างนั้น ก็ได้ขยายตัวด้วยเช่นกัน!
เย่ซิงเฉินถึงกับยิ้มออกมาอย่างดีใจ..และรู้ด้วยตัวเองว่าเพราะเหตุใดหลิงหยุนจึงได้รบเร้า และพยายามเกลี้ยกล่อมให้ตนเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-9 เช่นนี้!
หลังจากที่จุดตันเถียนและเส้นลมปราณทั่วร่างขยายใหญ่ขึ้น เย่ซิงเฉินจึงไม่รีรอ และเริ่มใช้วิชาสุญญตาดูดดาวดึงเอาพลังดวงดาวบนท้องฟ้าเข้าไปเก็บไว้ที่่จุดตันเถียนของตนอีกครั้ง..
ขั้นตอนนี้นับว่าใช้เวลานานไม่น้อยทีเดียว..เย่ซิงเฉินใช้เวลาถึงสองชั่วโมง กว่าที่จะสามารถดูดเอาพลังดวงดาวเข้าไปเก็บไว้ในจุดตันเถียนใหม่ของตนเองจนเต็ม
เมื่อสัมผัสได้ว่าจุดตันเถียนเส้นมลมปราณทั่วร่าง และจุดฝังเข็มทั้ง 365 จุดของตนมีพลังดวงดาวผนึกแน่นจนไม่สามารถรับไว้ได้อีกแล้ว เย่ซิงเฉินจึงเริ่มโคจรพลังดวงดาวที่อัดแน่นอยู่ในร่างกายนี้ ให้พุ่งเข้าสู่จุดซือไห่ตรงกึ่งกลางหว่างคิ้วของตนทันที!
เมื่อใดที่จุดซือไห่ซึ่งอยู่กึ่งกลางหว่างคิ้วนี้ถูกทะลวงได้แล้วจิตหยั่งรู้หรือดวงตาที่สามอันแท้จริงก็จะถือกำเนิดขึ้น!
พลังดวงดาวที่บริสุทธิ์และทรงพลังมากมายได้รวมตัวกันเป็นเกลียวคล้ายกระแสน้ำวน ก่อนจะพุ่งไปตามเส้นลมปราณ และทะลวงเข้าสู่จุดซือไห่ของเย่ซิงเฉินอย่างรุนแรง และต่อเนื่อง..
ครืน..ครืน..
เสียงคล้ายกระแสคลื่นซัดเข้าสู่จุดซือไห่ของเย่ซิงเฉินดังขึ้นอยู่ภายในครั้งแล้วครั้งเล่าจนนับไม่ถ้วนและในเวลานี้เย่ซิงเฉินก็กำลังกัดฟันแน่น และเม็ดเหงื่อมากมายก็เริ่มผุดขึ้นอยู่เต็มหน้าผาก..
หลังจากที่เข้าสู่ระดับหนึ่งขั้นเซียงเทียน-9แล้ว.. เย่ซิงเฉินคิดว่าจะสามารถใช้พลังดวงดาวที่ทรงพลังนี้ทะลวงเข้าจุดซือไห่ได้ไม่ยากนัก แต่กลับกลายเป็นว่าตนเองคิดผิดไปถนัด เพราะการจะทะลวงจุดซือไห่นั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยากลำบากยิ่งนัก!
เพราะหลังจากที่จุดซือไห่ของเย่ซิงเฉินถูกพลังดาวดาวทะลวงจนเปิดออกได้เพียงเล็กน้อยมันก็ปิดกลับไปเช่นเดิม ซึ่งเป็นสิ่งที่เย่ซิงเฉินเองก็ไม่คาดคิดมาก่อน!
เย่ซิงเฉินไม่เคยพบเจอกับความยากลำบาเช่นนี้มาก่อนนางจึงค่อนข้างหงุดหงิด และเริ่มที่จะกระวนกระวายใจ..
หลิงหยุนซึ่งยืนทำหน้าที่คุ้มกันให้อย่างใกล้ชิดนั้นเมื่อเห็นว่าเย่ซิงเฉินยังไม่สามารถทะลวงจุดซือไห่ของตนได้อยู่นาน จึงพอจะเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้น และรีบร้องบอกให้นางคลายความกังวลใจทันที
“ซิงเฉิน..เจ้าไม่ต้องหงุดหงิดไป!”
“ยิ่งเจ้าใช้วิชาสุญญตาดูดดาวทะลวงจุดซือไห่ได้ยากเพียงใดประโยชน์ที่เจ้าจะได้รับคืนกลับมา ก็จะยิ่งเพิ่มพูนมาขึ้นเป็นทวีคูณ..”
“ดูเหมือนพลังดวงดาวของเจ้าจะยังไม่เพียงพอเจ้าถอยออกมา และดูดเอาพลังดวงดาวเข้าไปเพิ่มก่อน แล้วจึงค่อยทำการทะลวงจุดซือไห่ใหม่อีกครั้ง!”
หลิงหยุนรู้สึกอยู่ลึกๆในใจว่า..จุดซือไห่ของเย่ซิงเฉินนั้นอาจจะมีความแปลกประหลาดคล้ายกับจุดซือไห่ของตนเอง..
หลังจากที่ได้ยินคำพูดปลอบประโลมของหลิงหยุนจิตใจของเย่ซิงเฉินจึงเริ่มสงบลง แต่นางยังคงควบคุมพลังดวงดาวให้ทำหน้าที่ทะลวงจุดซือไห่ต่อไป ในขณะเดียวกันก็เริ่มใช้วิชาสุญญตาดูดดาวดึงเอาพลังดวงดาวเข้าไปในร่างกายราวอย่างบ้าคลั่ง..
จนกระทั่งผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง..เย่ซิงเฉินเริ่มรู้สึกว่าพลังดวงดาวในร่างของตนนั้นเข้าสู่จุดสมบูรณ์สูงสุดอีกครั้งแล้ว จึงได้กัดฟันรวบรวมพลังดวงดาวที่หมุนเป็นเกลียวอยู่ในจุดตันเถียน ให้เคลื่อนไปตามเส้นลมปราณ ก่อนจะพุ่งตรงเข้าสู่จุดซือไห่กลางหว่างคิ้วของตนอีกครั้ง..
สีหน้าของหลิงหยุนเวลานี้เต็มไปด้วยความเคร่งเครียด..เขารู้ว่านี่คือช่วงนาทีแห่งอันตราย หลิงหยุนจึงเฝ้าระมัดระวังอย่างไม่ให้คลาดสายตา และเตรียมพร้อมที่จะเผาหยดเสินหยวนเพื่อช่วยเย่ซิงเฉินในทันทีหากมีเกิดอะไรขึ้น..
ปัง!
ในที่สุด..จุดซือไห่ซึ่งอยู่กึ่งกลางหว่างคิ้วของเย่ซิงเฉิน ก็ได้ถูกพลังดวงดาวที่แข็งแกร่งทะลวงผ่านเข้าไปได้สำเร็จ!
เย่ซิงเฉินรู้สึกราวกับว่า..เวลานี้ทั่วทั้งร่างกายของนางนั้นไม่ว่าจะเป็นจุดตันเถียน เส้นลมปราณ และจุดฝังเข็มทั่วร่าง รวมทั้งจุดซือไห่กลางหว่างคิ้วนั้น ล้วนมีพลังดวงดาวอัดแน่นอยู่อย่างท่วมท้น
และเวลานี้จุดซือไห่ก็ได้เปิดออกแล้ว..เย่ซิงเฉินสัมผัสได้ว่าจุดซือไห่ของตนนั้น คล้ายกับมีพลังปราณหมุนวนอยู่อย่างต่อเนื่อง..
เย่ซิงเฉินรู้สึกว่า..พลังปราณที่หมุนเป็นเกลียวอยู่ภายในจุดซือไห่ของนางนั้น หมุนรวดเร็วเสียยิ่งกว่าพลังปราณที่อยู่ในจุดตันเถียนของตนนับสิบเท่า อีกทั้งยังทอแสงประกายระยิบระยับคล้ายกับว่ามีดวงดาวนับล้านปะปนอยู่ในพลังปราณเหล่านั้นด้วยจริงๆ! หลังจากที่พลังปราณนี้รวมตัวเป็นเกลียวแล้วมันก็เริ่มเคลื่อนไปตามเส้นลมปราณได้เองโดยที่เย่ซิงเฉินไม่ต้องทำการเดินลมปราณเลยแม้แต่น้อย และเวลานี้ภายในร่างกายของเย่ซิงเฉิน ก็ด็ราวกับเป็นท้องฟ้าที่ดาดาดไปด้วยดวงดาวมากมาย..
ตูม!
สิ้นเสียงระเบิดภายในร่างกาย..เย่ซิงเฉินสัมผัสได้ว่าเวลานี้การรับรู้ของตนนั้น ได้ขยายขอบเขตออกไปไกลถึงหนึ่งกิโลเมตร.. เพิ่มเป็นสองกิโลเมตร.. และขยายไปจนถึงสามกิโลเมตร..
เวลานี้..รัศมีการรับรู้ของเย่ซิงเฉินได้ขยายออกไปไกลถึงสามกิโลเมตรเลยทีเดียว!
เย่ซิงเฉินมีความสุขอย่างมาก..เพราะเวลานี้นางสามารถมองเห็นทุกอย่างได้รอบตัว และมีรัศมีครอบคลุมไกลถึงสามกิโลเมตรเลยทีเดียว อีกทั้งภาพที่่เห็นยังเป็นภาพที่ชัดเจนแจ่มแจ้งยิ่งนัก!
หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นจึงรีบร้องบอกเย่ซิงเฉินทันที“ซิงเฉิน.. รวมกายใจเป็นหนึ่ง ดึงเอาพลังดวงดาวเข้าไปเก็บไว้ในร่างให้เต็มเปี่ยมอีกครั้ง!”
เย่ซิงเฉินไม่รอช้าและรีบทำตามคำแนะนำของหลิงหยุนทันที!
จนกระทั่งเข้าสู่เวลาตีสามครึ่ง..เย่ซิงเฉินจึงดูดเอาพลังดวงดาวเข้าไปในร่างจนเต็มเปี่ยมอีกครั้ง จากนั้นจึงใช้พลังจิตที่แข็งแกร่งของตนควบคุมให้พลังปราณที่หมุนอยู่นอกร่างกายกลับเข้าไปดังเดิม แล้วกระโดดลงมาที่พื้นทันที..
“ฮู่ว..”
หลิงหยุนพ่นลมออกจากปากด้วยความโล่งอกทันทีและเวลานี้เขาก็รู้สึกราวกับได้ยกภูเขาออกจากอก..
ตั้งแต่เวลาสี่ทุ่มไปจนถึงตีสามครึ่ง..เย่ซิงเฉินใช้เวลาในการพัฒนาขั้นของตนเองนานถึงห้าชั่วโมงครึ่งเลยทีเดียว และตลอดระยะเวลาตั้งแต่เริ่มจนกระทั่งเสร็จสิ้น นางไม่แม้แต่จะปริปากขอความช่วยเหลือจากหลิงหยุนเลยแม้แต่น้อย!
“หลิงหยุน..นี่ช่างเป็นความรู้สึกที่.. ที่..”
เย่ซิงเฉินเปิดจิตหยั่งรู้ของตนเองออกสำรวจไปทั่วทั้งหุบเขาและในรัศมีสามกิโลเมตร.. ภาพต้นไม้ใบหญ้าก็ปรากฏขึ้นในการรับรู้ของนางอย่างน่าอัศจรรย์!
“รับรู้ได้ในรัศมีกี่เมตรงั้นรึ”หลิงหยุนร้องถามออกไปทันที
“เช่นเดียวกับเจ้า..สามกิโลเมตร!”
เย่ซิงเฉินร้องบอกหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจและมีความสุขยิ่งนัก!
“……”
หลิงหยุนถึงกับพูดไม่ออก..
‘ขั้นซานฉางชี่..น่าทึ่งมากจริงๆ!’
ครั้งนี้เย่ซิงเฉินสามารถเข้าสู่ระดับหนึ่งขั้นเซียงเทียน-9ได้แล้ว และจิตหยั่งรู้ของนางที่จุดซือไห่นั้นกลับอยู่ในขั้นซานฉางชี่..
แต่คำพูดประโยคต่อไปของเย่ซิงเฉินกลับทำให้หลิงหยุนตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น..
“หลิงหยุน..ข้าเพบว่าที่จุดซือไห่ของข้ามีพลังปราณหมุนวนอยู่อย่างรวดเร็ว และพลังปราณนั้นก็ดูเหมือนจะมีดวงดาวมากมายนับไม่ถ้วนที่กำลังทอแสงระยิบระยับอยู่ด้วย มันน่าอัศจรรย์มากจริงๆ!”
“เอิ่ม..”
หลิงหยุนจ้องมองเย่ซิงเฉินด้วยความตกตะลึงและคิดว่าช่างเป็นจุดซือไห่ที่ประหลาดล้ำลึกยิ่งนัก พร้อมกับคิดอยู่ในใจว่า
‘ผู้ที่มีกายดาราสามารถฝึกวิชาสุญญตาดูดาวได้ผลน่าทึ่งถึงเพียงนี้เชียวรึ!’
หลิงหยุนได้แต่คิดว่าหากเย่ซิงเฉินฝึกใช้พลังเหนือธรรมชาติจะน่ากลัวมากเพียงใด!
“ฮ่า..ฮ่า.. ฮ่า..”
หลิงหยุนหัวเราะออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจจากนั้นจึงเรียกกระบี่เหินเงาธนูออกมา เขาใช้พลังจิตควบคุมให้กระบี่เหินเงาธนูให้ขยายยาวขึ้นสองเมตร และกว้างหนึ่งฟุต จากนั้นจึงกระโดดขึ้นไปยืนบนตัวกระบี่ และใช้พลังจิตของตนบังคับควบคุมกระบี่ให้เคลื่อนที่!
“บินได้!”
ภายใต้การควบคุมด้วยพลังจิตที่แกร่งกล้าของหลิงหยุนกระบี่เหินเงาธนูพาหลิงหยุนทยานขึ้นฟ้าในทันที..
…..
หลิงหยุนเหยียบอยู่บนกระบี่เหินเงาธนูที่เหาะไปรอบๆภูเขาพร้อมกับกรีดร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น
ขั้นตอนการใช้กระบี่เหาะเหินไปบนอากาศนั้นมีข้อจำกัดอะไรบ้างอย่างนั้นหรือ
ก่อนอื่น..คนผู้นั้นจะต้องมีกระบี่เหินของตนเอง และกระบี่เหินนี้ก็จะต้องสามารถขยายขนาดได้กว้างอย่างน้อยหนึ่งฟุต!
ถัดมา..กระบี่เหินเล่มนี้จะต้องสามารถล่องลอยไปในอากาศได้ และจะต้องใช้พลังจิตควบคุมให้สามารถบินไปได้อย่างอิสระ หรือแม้กระทั่งบังคับให้ลอยนิ่งไม่เคลื่อนไหว..
สุดท้าย..ต้องมั่นใจว่าตนเองจะสามารถทรงตัวอยู่บนกระบี่เหินได้โดยไม่ตกลงมา ไม่ว่ากระบี่เหินจะบินไปด้วยความเร็วมากเพียงใดก็ตาม หรือแม้กระทั่งเปลี่ยนทางอย่างกะทันหัน!
หากไม่มีครบทั้งสามข้อนี้..ก็ไม่สามารถใช้กระบี่เหินเหาะเหินเดินอากาศได้!
เย่ซิงเฉินที่เพิ่งจะเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-9ได้ถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง..
“นี่เจ้า..!”
หลิงหยุนบังคับกระบี่เหินให้เหาะไปรอบๆเขาและบินวนกลับไปกลับมาอยู่เช่นนั้นนับสิบรอบ จากนั้นจึงกระโดดลงมาหาเย่ซิงเฉินที่อยู่ด้านล่าง..
กระบี่เหินเงาธนูยังคงหยุดนิ่งอยู่บนอากาศเช่นนั้น.. เย่ซิงเฉินร้องถามออกมาด้วยความตื่นเต้น“หลิงหยุน.. เจ้าเคยบอกว่าข้าว่าจะสามารถใช้กระบี่เหาะเหินไปในอากาศได้ จะต้องเข้าสู่ด่านกลางขั้นพลังชี่ก่อนไม่ใช่รึ”
“แล้วเหตุใดเจ้าจึงสามารถทำได้!”
หลิงหยุนหัวเราะพร้อมกับยกมือเกาศรีษะแล้วจึงอธิบายให้เย่ซิงเฉินฟัง.. “ปกติแล้วก็ควรเป็นเช่นนั้น! เพียงแต่คืนนี้จิตหยั่งรู้ของข้าทรงพลังยิ่งนัก ทำให้ข้าสามารถใช้พลังจิตควบคุมสั่งการให้กระบี่เหาะเหินได้..”
เดิมทีหลิงหยุนคิดว่าตนจะต้องเผาเสินหยวนเพื่อที่จะสามารถทำให้กระบี่พาตนเหาะเหินไปได้ แต่เมื่อเขาลองใช้เพียงแค่จิตหยั่งรู้ที่ทรงพลังของตนดู กลับพบว่าเขาสามารถสั่งการให้กระบี่เหินขึ้นฟ้าได้..
จากนั้น..หลิงหยุนก็หันไปบอกกับเย่ซิงเฉินว่า “เร็วเข้า.. พวกเราออกไปเหาะเล่นกันดีกว่า!”
เย่ซิงเฉินหัวเราะคิกคักพร้อมกับกระโดดขึ้นไปยืนอยู่บนกระบี่เหินเงาธนูหลิงหยุนใช้มือข้างหนึ่งโอบรอบเอวบอบบางของนางพร้อมกับสั่งว่า..
“ไปได้!”
สิ้นคำสั่งของหลิงหยุน..กระบี่เหินเงาธนูก็เอียงขึ้นฟ้าทำมุมสี่สิบห้าองศากับพื้นดินทันที แล้วจึงทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
“อ๊ะ..”
เย่ซิงเฉินไม่ทันได้ระวังตัวจึงเซเข้าไปในอ้อมแขนของหลิงหยุนหลิงหยุนรีบโอบกอดร่างที่มีกลิ่นหอมอบอวลนั้นไว้ทันที
“นี่เจ้า..”เย่ซิงเฉินร้องออกมาด้วยความเขินอาย และใบหน้าก็เริ่มแดงก่ำ
“ฮ่า..ฮ่า.. ข้าจะพาเจ้าบินชมแม่น้ำและภูเขาที่งดงาม!”
ทั้งคู่บินอยู่เหนือพื้นดินราวห้าร้อยเมตรความรู้สึกที่ได้เหาะไปด้วยกระบี่เหินนั้น ช่างเป็นความรู้สึกที่มหัศจรรย์ไม่น้อย และเวลานี้เย่ซิงเฉินที่อยู่ในอ้อมกอดของหลิงหยุนก็หยุดดิ้นรน และดื่มด่ำอยู่กับทัศนียภาพที่สวยงามแทน..
ผ่านไปเพียงแค่ห้านาที..กระบี่เหินเงาธนูก็บินไปได้ไกลถึงยี่สิบกิโลเมตร แต่แล้วก็เริ่มสั่นอย่างรุนแรง เย่ซิงเฉินร้องออกมาอย่างตกใจ
“หลิงหยุน..พวกเราจะตกลงไปหรือไม่”
“ข้าไม่ทำเจ้าตกลงไปแน่!”
หลิงหยุนตอบยิ้มๆพร้อมกับจัดการเผาเสินหยวนสิบสองหยดทันที ทำให้จิตหยั่งรู้ของเขาทรงพลังมากยิ่งขึ้น และสามารถบังคับกระบี่เหินเงาธนูให้บินต่อไปได้อย่างราบรื่น..
แต่นั่นก็ทำให้หลิงหยุนได้รู้ว่า..หากไม่เผาเสินหยวน.. ตนเองจะสามารถควบคุมกระบี่เหินเงาธนูให้พาเหาะเหินไปได้ราวห้าสิบกิโลเมตร แต่หากบินไปพร้อมกันสองคนก็จะเหลือระยะทางเพียงแค่ยี่สิบกิโลเมตรเท่านั้น!
แต่เวลานี้..จุุดซือไห่กลางหว่างคิ้วของหลิงหยุนนั้นมีเสินหยวนอยู่มากกว่าห้าพันหยด จึงแทบไม่ต้องกังวลว่าจะตกลงไปเมื่อใด!
หลังจากที่ทั้งคู่บินไปได้ครู่หนึ่งเย่ซิงเฉินซึ่งเริ่มปรับตัวได้จึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นว่า “หลงหยุน.. เจ้ามาอยู่กับข้าเช่นนี้ ลุงสองของเจ้ากับเหล่ากุ่ยจะไม่เป็นห่วง และกำลังตามหาเจ้าหรอกรึ”
“….”
หลิงหยุนได้แต่นิ่งเงียบไม่พูดอะไร
เย่ซิงเฉินเห็นหลิงหยุนนิ่งเงียบไปจึงพูดต่อว่า “ทั้งเครื่องมือสื่อสารและโทรศัพท์มือถือของเจ้า ล้วนแล้วแต่เก็บอยู่ในแหวนไม่ใช่รึ ข้าเกรงว่าหากพวกเขาติดต่อเจ้าไม่ได้ ก็จะพากันออกตามหาด้วยความร้อนใจน่ะสิ!”
“ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไร..เจ้าควรจะกลับไปเผชิญหน้า และจัดการแก้ไขให้เรียบร้อย!”
เย่ซิงเฉินเอ่ยแนะนำหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน..
‘ใช่แล้ว..กลับไปเผชิญหน้ากับปัญหาและจัดการแก้ไขให้เรียบร้อย!’
หลิงหยุนยิ้มกว้างพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ได้.. ข้าจะเชื่อฟังเจ้า! พรุ่งนี้ข้าจะกลับตระกูลหลิง!”
จากนั้นหลิงหยุนก็บังคับกระบี่เหินเงาธนูให้บินกลับไปที่กระท่อมหลังน้อยของเย่ซิงเฉินทันทีและทั้งคู่ก็กลับถึงกระท่อมในเวลาตีสี่พอดี ซึ่งเป็นเวลาที่ท้องฟ้าเริ่มสว่างไสวแล้ว..
หลิงหยุนเรียกเครื่องมือสื่อสารและโทรศัพท์มือถืออกมาจากแหวนจักรวาล เขาพร้อมที่จะติดต่อกับโลกภายนอกอีกครั้ง และพร้อมที่จะลงมือจัดการกับปัญหาต่างๆแล้ว!
เย่ซิงเฉินเห็นเช่นนั้นจึงรีบปลีกตัวออกไปฝึกวิชาทิ้งให้หลิงหยุนได้อยู่เพียงลำพังเพื่อจัดการกับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
เพียงแค่หลิงหยุนเปิดเครื่องมือสื่อสารและโทรศัพท์มือถือ.. โทรศัพท์มือถือของเขาก็สั่นไม่หยุด หลิงหยุนจึงได้แต่พึมพำกับตัวเอง “เฮ้อ..Miss Call เป็นร้อยๆสายเช่นนี้ หลายคนคงกำลังตามหาตัวข้าอยู่สินะ!”
จากนั้นหลิงหยุนจึงเริ่มอ่านข้อมความต่างๆที่ส่งเข้ามาซึ่งมีทั้งจากหนิงหลิงยู่ ถังเมิ่ง หลิงซิ่ว เกาเฉินเฉิน หลิงเย่ว และโม่วู๋เตา
ส่วนฉินตงเฉวี่ยนั้นส่งข้อความผ่านทางเครื่องมือสื่อสารแทน..
……
ไม่เพียงเท่านั้น..ยังมีข้อความอีกมากมาย หลิงหยุนเปิดจิตหยั่งรู้มองผ่านข้อความทั้งหมดอย่างรวดเร็ว และข้อความต่างก็อยู่ในสมองของเขาหมดแล้ว
หลิงหยุนเงยหน้าขึ้นและหันมองไปทางตัวเมือง พร้อมรำพึงรำพันกับตัวเอง..
“ได้เวลากลับบ้านแล้วสินะ!”
ในวันที่5 กันยายน.. หลังจากรับประทานอาหารเช้ากับเย่ซิงเฉินแล้ว หลิงหยุนจึงได้ร่ำลานาง และมุ่งหน้ากลับเข้าตัวเมืองปักกิ่งทันที!
ตูม!
เย่ซิงเฉินรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงภายในร่างกายและในที่สุดนางก็สามารถเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-9 ได้ในทันที แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น..
เพราะทันทีที่เข้าสู่ระดับหนึ่งขั้นเซียงเทียน-9แล้ว จุดตันเถียนของเย่ซิงเฉินก็ขยายใหญ่ขึ้นจากเดิมนับสิบเท่าอย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน..
และในเมื่อจุดตันเถียนขยายเส้นลมปราณทั้งหมด และจุดฝังเข็มทั้ง 365 จุดทั่วร่างนั้น ก็ได้ขยายตัวด้วยเช่นกัน!
เย่ซิงเฉินถึงกับยิ้มออกมาอย่างดีใจ..และรู้ด้วยตัวเองว่าเพราะเหตุใดหลิงหยุนจึงได้รบเร้า และพยายามเกลี้ยกล่อมให้ตนเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-9 เช่นนี้!
หลังจากที่จุดตันเถียนและเส้นลมปราณทั่วร่างขยายใหญ่ขึ้น เย่ซิงเฉินจึงไม่รีรอ และเริ่มใช้วิชาสุญญตาดูดดาวดึงเอาพลังดวงดาวบนท้องฟ้าเข้าไปเก็บไว้ที่่จุดตันเถียนของตนอีกครั้ง..
ขั้นตอนนี้นับว่าใช้เวลานานไม่น้อยทีเดียว..เย่ซิงเฉินใช้เวลาถึงสองชั่วโมง กว่าที่จะสามารถดูดเอาพลังดวงดาวเข้าไปเก็บไว้ในจุดตันเถียนใหม่ของตนเองจนเต็ม
เมื่อสัมผัสได้ว่าจุดตันเถียนเส้นมลมปราณทั่วร่าง และจุดฝังเข็มทั้ง 365 จุดของตนมีพลังดวงดาวผนึกแน่นจนไม่สามารถรับไว้ได้อีกแล้ว เย่ซิงเฉินจึงเริ่มโคจรพลังดวงดาวที่อัดแน่นอยู่ในร่างกายนี้ ให้พุ่งเข้าสู่จุดซือไห่ตรงกึ่งกลางหว่างคิ้วของตนทันที!
เมื่อใดที่จุดซือไห่ซึ่งอยู่กึ่งกลางหว่างคิ้วนี้ถูกทะลวงได้แล้วจิตหยั่งรู้หรือดวงตาที่สามอันแท้จริงก็จะถือกำเนิดขึ้น!
พลังดวงดาวที่บริสุทธิ์และทรงพลังมากมายได้รวมตัวกันเป็นเกลียวคล้ายกระแสน้ำวน ก่อนจะพุ่งไปตามเส้นลมปราณ และทะลวงเข้าสู่จุดซือไห่ของเย่ซิงเฉินอย่างรุนแรง และต่อเนื่อง..
ครืน..ครืน..
เสียงคล้ายกระแสคลื่นซัดเข้าสู่จุดซือไห่ของเย่ซิงเฉินดังขึ้นอยู่ภายในครั้งแล้วครั้งเล่าจนนับไม่ถ้วนและในเวลานี้เย่ซิงเฉินก็กำลังกัดฟันแน่น และเม็ดเหงื่อมากมายก็เริ่มผุดขึ้นอยู่เต็มหน้าผาก..
หลังจากที่เข้าสู่ระดับหนึ่งขั้นเซียงเทียน-9แล้ว.. เย่ซิงเฉินคิดว่าจะสามารถใช้พลังดวงดาวที่ทรงพลังนี้ทะลวงเข้าจุดซือไห่ได้ไม่ยากนัก แต่กลับกลายเป็นว่าตนเองคิดผิดไปถนัด เพราะการจะทะลวงจุดซือไห่นั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยากลำบากยิ่งนัก!
เพราะหลังจากที่จุดซือไห่ของเย่ซิงเฉินถูกพลังดาวดาวทะลวงจนเปิดออกได้เพียงเล็กน้อยมันก็ปิดกลับไปเช่นเดิม ซึ่งเป็นสิ่งที่เย่ซิงเฉินเองก็ไม่คาดคิดมาก่อน!
เย่ซิงเฉินไม่เคยพบเจอกับความยากลำบาเช่นนี้มาก่อนนางจึงค่อนข้างหงุดหงิด และเริ่มที่จะกระวนกระวายใจ..
หลิงหยุนซึ่งยืนทำหน้าที่คุ้มกันให้อย่างใกล้ชิดนั้นเมื่อเห็นว่าเย่ซิงเฉินยังไม่สามารถทะลวงจุดซือไห่ของตนได้อยู่นาน จึงพอจะเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้น และรีบร้องบอกให้นางคลายความกังวลใจทันที
“ซิงเฉิน..เจ้าไม่ต้องหงุดหงิดไป!”
“ยิ่งเจ้าใช้วิชาสุญญตาดูดดาวทะลวงจุดซือไห่ได้ยากเพียงใดประโยชน์ที่เจ้าจะได้รับคืนกลับมา ก็จะยิ่งเพิ่มพูนมาขึ้นเป็นทวีคูณ..”
“ดูเหมือนพลังดวงดาวของเจ้าจะยังไม่เพียงพอเจ้าถอยออกมา และดูดเอาพลังดวงดาวเข้าไปเพิ่มก่อน แล้วจึงค่อยทำการทะลวงจุดซือไห่ใหม่อีกครั้ง!”
หลิงหยุนรู้สึกอยู่ลึกๆในใจว่า..จุดซือไห่ของเย่ซิงเฉินนั้นอาจจะมีความแปลกประหลาดคล้ายกับจุดซือไห่ของตนเอง..
หลังจากที่ได้ยินคำพูดปลอบประโลมของหลิงหยุนจิตใจของเย่ซิงเฉินจึงเริ่มสงบลง แต่นางยังคงควบคุมพลังดวงดาวให้ทำหน้าที่ทะลวงจุดซือไห่ต่อไป ในขณะเดียวกันก็เริ่มใช้วิชาสุญญตาดูดดาวดึงเอาพลังดวงดาวเข้าไปในร่างกายราวอย่างบ้าคลั่ง..
จนกระทั่งผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง..เย่ซิงเฉินเริ่มรู้สึกว่าพลังดวงดาวในร่างของตนนั้นเข้าสู่จุดสมบูรณ์สูงสุดอีกครั้งแล้ว จึงได้กัดฟันรวบรวมพลังดวงดาวที่หมุนเป็นเกลียวอยู่ในจุดตันเถียน ให้เคลื่อนไปตามเส้นลมปราณ ก่อนจะพุ่งตรงเข้าสู่จุดซือไห่กลางหว่างคิ้วของตนอีกครั้ง..
สีหน้าของหลิงหยุนเวลานี้เต็มไปด้วยความเคร่งเครียด..เขารู้ว่านี่คือช่วงนาทีแห่งอันตราย หลิงหยุนจึงเฝ้าระมัดระวังอย่างไม่ให้คลาดสายตา และเตรียมพร้อมที่จะเผาหยดเสินหยวนเพื่อช่วยเย่ซิงเฉินในทันทีหากมีเกิดอะไรขึ้น..
ปัง!
ในที่สุด..จุดซือไห่ซึ่งอยู่กึ่งกลางหว่างคิ้วของเย่ซิงเฉิน ก็ได้ถูกพลังดวงดาวที่แข็งแกร่งทะลวงผ่านเข้าไปได้สำเร็จ!
เย่ซิงเฉินรู้สึกราวกับว่า..เวลานี้ทั่วทั้งร่างกายของนางนั้นไม่ว่าจะเป็นจุดตันเถียน เส้นลมปราณ และจุดฝังเข็มทั่วร่าง รวมทั้งจุดซือไห่กลางหว่างคิ้วนั้น ล้วนมีพลังดวงดาวอัดแน่นอยู่อย่างท่วมท้น
และเวลานี้จุดซือไห่ก็ได้เปิดออกแล้ว..เย่ซิงเฉินสัมผัสได้ว่าจุดซือไห่ของตนนั้น คล้ายกับมีพลังปราณหมุนวนอยู่อย่างต่อเนื่อง..
เย่ซิงเฉินรู้สึกว่า..พลังปราณที่หมุนเป็นเกลียวอยู่ภายในจุดซือไห่ของนางนั้น หมุนรวดเร็วเสียยิ่งกว่าพลังปราณที่อยู่ในจุดตันเถียนของตนนับสิบเท่า อีกทั้งยังทอแสงประกายระยิบระยับคล้ายกับว่ามีดวงดาวนับล้านปะปนอยู่ในพลังปราณเหล่านั้นด้วยจริงๆ! หลังจากที่พลังปราณนี้รวมตัวเป็นเกลียวแล้วมันก็เริ่มเคลื่อนไปตามเส้นลมปราณได้เองโดยที่เย่ซิงเฉินไม่ต้องทำการเดินลมปราณเลยแม้แต่น้อย และเวลานี้ภายในร่างกายของเย่ซิงเฉิน ก็ด็ราวกับเป็นท้องฟ้าที่ดาดาดไปด้วยดวงดาวมากมาย..
ตูม!
สิ้นเสียงระเบิดภายในร่างกาย..เย่ซิงเฉินสัมผัสได้ว่าเวลานี้การรับรู้ของตนนั้น ได้ขยายขอบเขตออกไปไกลถึงหนึ่งกิโลเมตร.. เพิ่มเป็นสองกิโลเมตร.. และขยายไปจนถึงสามกิโลเมตร..
เวลานี้..รัศมีการรับรู้ของเย่ซิงเฉินได้ขยายออกไปไกลถึงสามกิโลเมตรเลยทีเดียว!
เย่ซิงเฉินมีความสุขอย่างมาก..เพราะเวลานี้นางสามารถมองเห็นทุกอย่างได้รอบตัว และมีรัศมีครอบคลุมไกลถึงสามกิโลเมตรเลยทีเดียว อีกทั้งภาพที่่เห็นยังเป็นภาพที่ชัดเจนแจ่มแจ้งยิ่งนัก!
หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นจึงรีบร้องบอกเย่ซิงเฉินทันที“ซิงเฉิน.. รวมกายใจเป็นหนึ่ง ดึงเอาพลังดวงดาวเข้าไปเก็บไว้ในร่างให้เต็มเปี่ยมอีกครั้ง!”
เย่ซิงเฉินไม่รอช้าและรีบทำตามคำแนะนำของหลิงหยุนทันที!
จนกระทั่งเข้าสู่เวลาตีสามครึ่ง..เย่ซิงเฉินจึงดูดเอาพลังดวงดาวเข้าไปในร่างจนเต็มเปี่ยมอีกครั้ง จากนั้นจึงใช้พลังจิตที่แข็งแกร่งของตนควบคุมให้พลังปราณที่หมุนอยู่นอกร่างกายกลับเข้าไปดังเดิม แล้วกระโดดลงมาที่พื้นทันที..
“ฮู่ว..”
หลิงหยุนพ่นลมออกจากปากด้วยความโล่งอกทันทีและเวลานี้เขาก็รู้สึกราวกับได้ยกภูเขาออกจากอก..
ตั้งแต่เวลาสี่ทุ่มไปจนถึงตีสามครึ่ง..เย่ซิงเฉินใช้เวลาในการพัฒนาขั้นของตนเองนานถึงห้าชั่วโมงครึ่งเลยทีเดียว และตลอดระยะเวลาตั้งแต่เริ่มจนกระทั่งเสร็จสิ้น นางไม่แม้แต่จะปริปากขอความช่วยเหลือจากหลิงหยุนเลยแม้แต่น้อย!
“หลิงหยุน..นี่ช่างเป็นความรู้สึกที่.. ที่..”
เย่ซิงเฉินเปิดจิตหยั่งรู้ของตนเองออกสำรวจไปทั่วทั้งหุบเขาและในรัศมีสามกิโลเมตร.. ภาพต้นไม้ใบหญ้าก็ปรากฏขึ้นในการรับรู้ของนางอย่างน่าอัศจรรย์!
“รับรู้ได้ในรัศมีกี่เมตรงั้นรึ”หลิงหยุนร้องถามออกไปทันที
“เช่นเดียวกับเจ้า..สามกิโลเมตร!”
เย่ซิงเฉินร้องบอกหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจและมีความสุขยิ่งนัก!
“……”
หลิงหยุนถึงกับพูดไม่ออก..
‘ขั้นซานฉางชี่..น่าทึ่งมากจริงๆ!’
ครั้งนี้เย่ซิงเฉินสามารถเข้าสู่ระดับหนึ่งขั้นเซียงเทียน-9ได้แล้ว และจิตหยั่งรู้ของนางที่จุดซือไห่นั้นกลับอยู่ในขั้นซานฉางชี่..
แต่คำพูดประโยคต่อไปของเย่ซิงเฉินกลับทำให้หลิงหยุนตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น..
“หลิงหยุน..ข้าเพบว่าที่จุดซือไห่ของข้ามีพลังปราณหมุนวนอยู่อย่างรวดเร็ว และพลังปราณนั้นก็ดูเหมือนจะมีดวงดาวมากมายนับไม่ถ้วนที่กำลังทอแสงระยิบระยับอยู่ด้วย มันน่าอัศจรรย์มากจริงๆ!”
“เอิ่ม..”
หลิงหยุนจ้องมองเย่ซิงเฉินด้วยความตกตะลึงและคิดว่าช่างเป็นจุดซือไห่ที่ประหลาดล้ำลึกยิ่งนัก พร้อมกับคิดอยู่ในใจว่า
‘ผู้ที่มีกายดาราสามารถฝึกวิชาสุญญตาดูดาวได้ผลน่าทึ่งถึงเพียงนี้เชียวรึ!’
หลิงหยุนได้แต่คิดว่าหากเย่ซิงเฉินฝึกใช้พลังเหนือธรรมชาติจะน่ากลัวมากเพียงใด!
“ฮ่า..ฮ่า.. ฮ่า..”
หลิงหยุนหัวเราะออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจจากนั้นจึงเรียกกระบี่เหินเงาธนูออกมา เขาใช้พลังจิตควบคุมให้กระบี่เหินเงาธนูให้ขยายยาวขึ้นสองเมตร และกว้างหนึ่งฟุต จากนั้นจึงกระโดดขึ้นไปยืนบนตัวกระบี่ และใช้พลังจิตของตนบังคับควบคุมกระบี่ให้เคลื่อนที่!
“บินได้!”
ภายใต้การควบคุมด้วยพลังจิตที่แกร่งกล้าของหลิงหยุนกระบี่เหินเงาธนูพาหลิงหยุนทยานขึ้นฟ้าในทันที..
…..
หลิงหยุนเหยียบอยู่บนกระบี่เหินเงาธนูที่เหาะไปรอบๆภูเขาพร้อมกับกรีดร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น
ขั้นตอนการใช้กระบี่เหาะเหินไปบนอากาศนั้นมีข้อจำกัดอะไรบ้างอย่างนั้นหรือ
ก่อนอื่น..คนผู้นั้นจะต้องมีกระบี่เหินของตนเอง และกระบี่เหินนี้ก็จะต้องสามารถขยายขนาดได้กว้างอย่างน้อยหนึ่งฟุต!
ถัดมา..กระบี่เหินเล่มนี้จะต้องสามารถล่องลอยไปในอากาศได้ และจะต้องใช้พลังจิตควบคุมให้สามารถบินไปได้อย่างอิสระ หรือแม้กระทั่งบังคับให้ลอยนิ่งไม่เคลื่อนไหว..
สุดท้าย..ต้องมั่นใจว่าตนเองจะสามารถทรงตัวอยู่บนกระบี่เหินได้โดยไม่ตกลงมา ไม่ว่ากระบี่เหินจะบินไปด้วยความเร็วมากเพียงใดก็ตาม หรือแม้กระทั่งเปลี่ยนทางอย่างกะทันหัน!
หากไม่มีครบทั้งสามข้อนี้..ก็ไม่สามารถใช้กระบี่เหินเหาะเหินเดินอากาศได้!
เย่ซิงเฉินที่เพิ่งจะเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-9ได้ถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง..
“นี่เจ้า..!”
หลิงหยุนบังคับกระบี่เหินให้เหาะไปรอบๆเขาและบินวนกลับไปกลับมาอยู่เช่นนั้นนับสิบรอบ จากนั้นจึงกระโดดลงมาหาเย่ซิงเฉินที่อยู่ด้านล่าง..
กระบี่เหินเงาธนูยังคงหยุดนิ่งอยู่บนอากาศเช่นนั้น.. เย่ซิงเฉินร้องถามออกมาด้วยความตื่นเต้น“หลิงหยุน.. เจ้าเคยบอกว่าข้าว่าจะสามารถใช้กระบี่เหาะเหินไปในอากาศได้ จะต้องเข้าสู่ด่านกลางขั้นพลังชี่ก่อนไม่ใช่รึ”
“แล้วเหตุใดเจ้าจึงสามารถทำได้!”
หลิงหยุนหัวเราะพร้อมกับยกมือเกาศรีษะแล้วจึงอธิบายให้เย่ซิงเฉินฟัง.. “ปกติแล้วก็ควรเป็นเช่นนั้น! เพียงแต่คืนนี้จิตหยั่งรู้ของข้าทรงพลังยิ่งนัก ทำให้ข้าสามารถใช้พลังจิตควบคุมสั่งการให้กระบี่เหาะเหินได้..”
เดิมทีหลิงหยุนคิดว่าตนจะต้องเผาเสินหยวนเพื่อที่จะสามารถทำให้กระบี่พาตนเหาะเหินไปได้ แต่เมื่อเขาลองใช้เพียงแค่จิตหยั่งรู้ที่ทรงพลังของตนดู กลับพบว่าเขาสามารถสั่งการให้กระบี่เหินขึ้นฟ้าได้..
จากนั้น..หลิงหยุนก็หันไปบอกกับเย่ซิงเฉินว่า “เร็วเข้า.. พวกเราออกไปเหาะเล่นกันดีกว่า!”
เย่ซิงเฉินหัวเราะคิกคักพร้อมกับกระโดดขึ้นไปยืนอยู่บนกระบี่เหินเงาธนูหลิงหยุนใช้มือข้างหนึ่งโอบรอบเอวบอบบางของนางพร้อมกับสั่งว่า..
“ไปได้!”
สิ้นคำสั่งของหลิงหยุน..กระบี่เหินเงาธนูก็เอียงขึ้นฟ้าทำมุมสี่สิบห้าองศากับพื้นดินทันที แล้วจึงทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
“อ๊ะ..”
เย่ซิงเฉินไม่ทันได้ระวังตัวจึงเซเข้าไปในอ้อมแขนของหลิงหยุนหลิงหยุนรีบโอบกอดร่างที่มีกลิ่นหอมอบอวลนั้นไว้ทันที
“นี่เจ้า..”เย่ซิงเฉินร้องออกมาด้วยความเขินอาย และใบหน้าก็เริ่มแดงก่ำ
“ฮ่า..ฮ่า.. ข้าจะพาเจ้าบินชมแม่น้ำและภูเขาที่งดงาม!”
ทั้งคู่บินอยู่เหนือพื้นดินราวห้าร้อยเมตรความรู้สึกที่ได้เหาะไปด้วยกระบี่เหินนั้น ช่างเป็นความรู้สึกที่มหัศจรรย์ไม่น้อย และเวลานี้เย่ซิงเฉินที่อยู่ในอ้อมกอดของหลิงหยุนก็หยุดดิ้นรน และดื่มด่ำอยู่กับทัศนียภาพที่สวยงามแทน..
ผ่านไปเพียงแค่ห้านาที..กระบี่เหินเงาธนูก็บินไปได้ไกลถึงยี่สิบกิโลเมตร แต่แล้วก็เริ่มสั่นอย่างรุนแรง เย่ซิงเฉินร้องออกมาอย่างตกใจ
“หลิงหยุน..พวกเราจะตกลงไปหรือไม่”
“ข้าไม่ทำเจ้าตกลงไปแน่!”
หลิงหยุนตอบยิ้มๆพร้อมกับจัดการเผาเสินหยวนสิบสองหยดทันที ทำให้จิตหยั่งรู้ของเขาทรงพลังมากยิ่งขึ้น และสามารถบังคับกระบี่เหินเงาธนูให้บินต่อไปได้อย่างราบรื่น..
แต่นั่นก็ทำให้หลิงหยุนได้รู้ว่า..หากไม่เผาเสินหยวน.. ตนเองจะสามารถควบคุมกระบี่เหินเงาธนูให้พาเหาะเหินไปได้ราวห้าสิบกิโลเมตร แต่หากบินไปพร้อมกันสองคนก็จะเหลือระยะทางเพียงแค่ยี่สิบกิโลเมตรเท่านั้น!
แต่เวลานี้..จุุดซือไห่กลางหว่างคิ้วของหลิงหยุนนั้นมีเสินหยวนอยู่มากกว่าห้าพันหยด จึงแทบไม่ต้องกังวลว่าจะตกลงไปเมื่อใด!
หลังจากที่ทั้งคู่บินไปได้ครู่หนึ่งเย่ซิงเฉินซึ่งเริ่มปรับตัวได้จึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นว่า “หลงหยุน.. เจ้ามาอยู่กับข้าเช่นนี้ ลุงสองของเจ้ากับเหล่ากุ่ยจะไม่เป็นห่วง และกำลังตามหาเจ้าหรอกรึ”
“….”
หลิงหยุนได้แต่นิ่งเงียบไม่พูดอะไร
เย่ซิงเฉินเห็นหลิงหยุนนิ่งเงียบไปจึงพูดต่อว่า “ทั้งเครื่องมือสื่อสารและโทรศัพท์มือถือของเจ้า ล้วนแล้วแต่เก็บอยู่ในแหวนไม่ใช่รึ ข้าเกรงว่าหากพวกเขาติดต่อเจ้าไม่ได้ ก็จะพากันออกตามหาด้วยความร้อนใจน่ะสิ!”
“ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไร..เจ้าควรจะกลับไปเผชิญหน้า และจัดการแก้ไขให้เรียบร้อย!”
เย่ซิงเฉินเอ่ยแนะนำหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน..
‘ใช่แล้ว..กลับไปเผชิญหน้ากับปัญหาและจัดการแก้ไขให้เรียบร้อย!’
หลิงหยุนยิ้มกว้างพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ได้.. ข้าจะเชื่อฟังเจ้า! พรุ่งนี้ข้าจะกลับตระกูลหลิง!”
จากนั้นหลิงหยุนก็บังคับกระบี่เหินเงาธนูให้บินกลับไปที่กระท่อมหลังน้อยของเย่ซิงเฉินทันทีและทั้งคู่ก็กลับถึงกระท่อมในเวลาตีสี่พอดี ซึ่งเป็นเวลาที่ท้องฟ้าเริ่มสว่างไสวแล้ว..
หลิงหยุนเรียกเครื่องมือสื่อสารและโทรศัพท์มือถืออกมาจากแหวนจักรวาล เขาพร้อมที่จะติดต่อกับโลกภายนอกอีกครั้ง และพร้อมที่จะลงมือจัดการกับปัญหาต่างๆแล้ว!
เย่ซิงเฉินเห็นเช่นนั้นจึงรีบปลีกตัวออกไปฝึกวิชาทิ้งให้หลิงหยุนได้อยู่เพียงลำพังเพื่อจัดการกับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
เพียงแค่หลิงหยุนเปิดเครื่องมือสื่อสารและโทรศัพท์มือถือ.. โทรศัพท์มือถือของเขาก็สั่นไม่หยุด หลิงหยุนจึงได้แต่พึมพำกับตัวเอง “เฮ้อ..Miss Call เป็นร้อยๆสายเช่นนี้ หลายคนคงกำลังตามหาตัวข้าอยู่สินะ!”
จากนั้นหลิงหยุนจึงเริ่มอ่านข้อมความต่างๆที่ส่งเข้ามาซึ่งมีทั้งจากหนิงหลิงยู่ ถังเมิ่ง หลิงซิ่ว เกาเฉินเฉิน หลิงเย่ว และโม่วู๋เตา
ส่วนฉินตงเฉวี่ยนั้นส่งข้อความผ่านทางเครื่องมือสื่อสารแทน..
……
ไม่เพียงเท่านั้น..ยังมีข้อความอีกมากมาย หลิงหยุนเปิดจิตหยั่งรู้มองผ่านข้อความทั้งหมดอย่างรวดเร็ว และข้อความต่างก็อยู่ในสมองของเขาหมดแล้ว
หลิงหยุนเงยหน้าขึ้นและหันมองไปทางตัวเมือง พร้อมรำพึงรำพันกับตัวเอง..
“ได้เวลากลับบ้านแล้วสินะ!”
ในวันที่5 กันยายน.. หลังจากรับประทานอาหารเช้ากับเย่ซิงเฉินแล้ว หลิงหยุนจึงได้ร่ำลานาง และมุ่งหน้ากลับเข้าตัวเมืองปักกิ่งทันที!