Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - บทที่ 1215 : สืบเรื่องบริษัทชิงหยุนโปรดักชั่น!
- Home
- Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร
- บทที่ 1215 : สืบเรื่องบริษัทชิงหยุนโปรดักชั่น!
เวลาตีสอง..ที่ถนนซานหลี่ถุน
ซานหลี่ถุนตั้งอยู่ในเขตเฉาหยางของกรุงปักกิ่งเป็นถนนที่มีชื่อเสียงยาวนานกว่าสามสิบปี และเป็นย่านที่มีคลับ และบาร์ต่างๆอยู่มากมาย ขึ้นชื่อว่าเป็นถนนบันเทิงในยามค่ำคืนที่หรูหราที่สุดในปักกิ่ง และเป็นแหล่งที่ชาวต่างชาติ เศรษฐี และเหล่าเซลิบริตี้ในประเทศนี้นิยมยิ่งนัก..
แม้ว่าจะเป็นเวลาตีสองแล้วแต่ซานหลี่ถุนก็ยังคงคราคร่ำไปด้วยผู้คนมากมาย อีกทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวกลางคืนที่หรูหราที่สุดของกรุงปักกิ่งด้วย..
“ฮ่า..ฮ่า.. แล้วดูรถคันนั้นสิ!”
“ดีออก…ไม่เหมือนใคร เป็นเอกลักษณ์ดี!”
ทันทีที่รถบุบบู้บี้ของหลิงหยุนขับเข้าไปในถนนซานหลี่ถุนก็สามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนในนั้นได้มากทีเดียว..
หลิงหยุนนึกขันผู้คนที่พากันชี้นิ้วมาที่รถของตนเองแต่ก็คร้านที่จะใส่ใจ และได้เปิดจิตหยั่งรู้อันทรงพลังของตนเองออกสำรวจไปรอบๆบริเวณ
ภายในรัศมีจิตหยั่งรู้สามพันเมตร..บาร์มากมายกว่าหนึ่งร้อยแห่งก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการมองเห็นของหลิงหยุนเลยแม้แต่น้อย ถนนเส้นนี้เต็มไปด้วยแสงสีสว่างไสว และมีเสียงดนตรีดังอยู่ทั่วทุกมุม..
แทบทุกบาร์ที่อยู่บนถนนเส้นนี้ล้วนมีผู้คนนั่งอยู่กันหนาแน่นบ้างก็ร้อง บ้างก็เต้น อีกทั้งยังมีสาวสวยแต่งตัวอวดเนื้อหนังอยู่เต็มไปหมด
ระหว่างที่หลิงหยุนกำลังใช้จิตหยั่งรู้ของตนสำรวจไปทั่วบริเวณนั้นเสียงของเซิ่งหยิงหยิงก็ดังขึ้น
“เอาล่ะ..จอดแถวๆนี้ พวกเราไปที่ร้านหลานกุ้ยฟงกันดีกว่า!” และทันทีที่ก้าวลงจากรถเซิ่งหยิงหยิงก็ยกมือขึ้นผายออก พร้อมกับเงยหน้าขึ้นฟ้า และร้องตะโกนออกมาอย่างสบายอกสบายใจ
“ว้าว..บรรยากาศที่คุ้นเคย!”
แต่หลิงหยุนนั้นกลับมีสีหน้ากระอักกระอ่วนใจไม่น้อยเพราะเวลานี้เขายืนอยู่ข้างเซิ่งหยิงหยิง และได้เห็นหน้าอกทั้งสองข้างของนางเข้าเต็มตา..
เซิ่งหยิงหยิงสังเกตเห็นสายตาของหลิงหยุนจึงรีบลดมือลงปิดไว้ที่หน้าอกทั้งสองข้างของตนเองทันที ก่อนจะหันไปถามหลิงหยุนเสียงห้วน
“นี่เจ้าจ้องมองอะไร!”
หลิงหยุนรีบเมินหน้าหนีและระล่ำระลักตอบกลับไปว่า “ข้าไม่ได้ตั้งใจ.. แต่มือของเจ้าบดบังทัศนวิสัยในการมองของข้า!”
จากนั้นเซิ่งหยิงหยิงก็เดินนำทุกคนไปที่ร้านหลานกุ้ยฟงทันทีที่หนุ่มสาวทั้งห้าเดินเข้าไปในร้าน บริกรหนุ่มก็เดินออกมาต้อนรับและพาเข้าไปหาที่นั่ง..
“ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าต้องการให้เสริฟไวน์อะไรดีครับ”
เซิ่งหยิงหยิงตอบโดยไม่ต้องคิด“Lafite ปี 1982.. จัดมาห้าขวดก่อน!”
ถังเมิ่งได้ยินถึงกับตกตะลึงและได้แต่คิดในใจว่า Lafite ปี 1982 นั้น เป็นไวน์ที่มีราคาสูงถึงสองหมื่นหยวนเลยทีเดียว และหากสั่งในบาร์เช่นนี้ ก็ย่อมมีราคาแพงกว่าที่สั่งภายในโรงแรมมาก..
หลิงหยุนเหลือบมองเซิ่งหยิงหยิงพร้อมกับพูดขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม“นี่.. ต่อให้เจ้าอยากจะแก้แค้นข้านัก ก็อย่าดื่มจนเมามายขาดสติล่ะ!”
เซิ่งหยิงหยิงหน้าแดงขึ้นทันทีเมื่อถูกหลิงหยุนจับได้นางกัดริมฝีปากแน่นก่อนจะตอบไปว่า “เรื่องของข้า!”
หลังจากนั้นเซิ่งหยิงหยิงก็เอนกายพิงลงกับโซฟาอย่างสบายอกสบายใจและได้แต่คิดว่านางนั่งเล่นพนันในคาสิโนมากว่าห้าชั่วโมง จึงรู้สึกเหนื่อยล้ามาก การได้มานั่งฟังเพลงผ่อนคลายที่หลานกุ้ยฟงแห่งนี้จึงนับว่าผ่อนคลายดีไม่น้อย..
“ที่นี่มีชาวต่างชาติเยอะทีเดียว!”
หลังจากที่สำรวจไปรอบๆตัวหลิงหยุนก็พบว่าโต๊ะรอบๆเขานั้นส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นชาวต่างชาติทั้งสิ้น และได้แต่คิดว่าหากพอลกับเจสเตอร์มาด้วย พวกมันคงจะชื่นชอบมากเป็นแน่!
เซิ่งหยิงหยิงตอบกลับหลิงหยุนไปว่า“ถนนเส้นนี้อยู่ติดกับสถานฑุตถึงเก้าประเทศ จะมีชาวต่างชาติมากกว่าที่อื่นก็ไม่น่าแปลก!”
“อ่อ..งั้นรึ!”
หลิงหยุนพึมพำและได้แต่คิดในใจว่าตระกูลหลิงเองก็ดูแลกระทรวงพาณิชย์อยู่เหมือนกัน ยังมีกระทรวงชลประทานที่อยู่ในการดูแลของตระกูลหลิง และหลังจากที่หลิงหยุนได้ทำลายตระกูลซันกับตระกูลเฉินไปแล้วกระทรวงศึกษา กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงคมนาคมและขนส่ง ก็ได้ตกอยู่ในการดูแลของตระกูลหลิงด้วยเช่นกัน!
แต่แน่นอนว่าการเปลี่ยนผ่านอำนาจครั้งใหญ่นี้ใช่ว่าจะสามารถเปลี่ยนข้าราชการระดับสูงทั้งหมดได้ในทันที หรือในระยะเวลาอันสั้น หลิงหยุนเองก็ไม่ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ และได้มอบหมายให้ลุงสองของเขาเป็นผู้จัดการเรื่องนี้แทนแล้ว
แต่หลิงหยุนในฐานะผู้นำตระกูลหลิงแม้เขาจะไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องเหล่านนี้ แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่รู้อะไรเลย..
“ถังเมิ่ง..หลังจากที่ธุรกิจภายในประเทศเข้าร่องเข้ารอยแล้ว พวกเราคงต้องคิดเรื่องทำธุรกิจกับต่างชาติกันบ้าง นายควรเตรียมตัวไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ”
“ได้พี่หยุน!”
ถังเมิ่งนั้นเข้าใจความคิดของหลิงหยุนดีจึงรีบตอบรับทันที! หลิงหยุนพยักหน้าและพูดกับถังเมิ่งต่อว่า “ที่ฉันให้นายมาปักกิ่งคราวนี้ ไม่ใช่ให้นายมาเที่ยวเล่นอย่างเดียว แต่จุดประสงค์หลักคือต้องการให้นายมาเรียนรู้เรื่องการบริหารธุรกิจ และเรื่องต่างๆจากลุงสอง ระหว่างที่นายอยู่ที่นี่ลุงสองจะเป็นผู้ที่สอนทุกอย่างให้กับนายด้วยตัวเอง รวมถึงเรื่องการรวมธุรกิจของตระกูลหลิงบางส่วนเข้ากับธุรกิจในเมืองจิงฉูในวันข้างหน้าด้วย..”
ถังเมิ่งถึงกับร้องอุทานออกมา“โอ้โหพี่หยุน.. โครงการใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ!”
เพียงแค่ธุรกิจในเมืองจิงฉูถังเมิ่งก็ยากลำบากมากแล้ว หากหลิงหยุนให้เขามาช่วยดูแลกิจการของตระกูลหลิงอีก เขาเกรงว่าตนเองจะทำไม่ได้ แต่หลิงหยุนกลับพูดยิ้มๆว่า
“ถ้านายทำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรบอกฉันมาตรงๆ ฉันจะได้หาคนมาทำแทน!”
“แน่นอน!ฉันทำได้อยู่แล้วพี่หยุน!” ถังเมิ่งรีบตอบกลับไปทันที!
เซิ่งหยิงหยิงเห็นหลิงหยุนกับถังเมิ่งซุบซิบคุยกันจึงได้แต่ร้องถามออกไปว่า “นี่.. พวกเจ้าต้องการทำธุรกิจข้ามชาติเลยงั้นรึ!”
“ถูกต้อง!พวกเราต้องการที่จะทำธุรกิจระหว่างประเทศทั่วโลก!”
หลิงหยุนย้ำให้เซิ่งหยิงหยิงฟังอย่างชัดถ้อยชัดคำ..
ระหว่างนั้นโม่วู๋เตาที่เปิดจิตหยั่งรู้ออกสำรวจไปทั่วทั้งร้านก็พูดขึ้นอย่างตื่นเต้น “ดูสิ.. หญิงโต๊ะข้างๆล้วนแล้วแต่งดงามทั้งนั้นเลย!”
ระหว่างที่นั่งฟังเพลงไปหนุ่มสาวทั้งห้าก็จิบไวน์ Lfite ไปแล้วถึงสามขวดแล้ว แม้ว่าจะดื่มไปมากแต่เซิ่งหยิงหยิงก็เพียงแค่หน้าแดงก่ำเท่านั้น ยังไม่ถึงกับเมา และภายในแสงไฟระยิบระยับเช่นนี้ ทำให้นางยิ่งดูงดงามมีเสน่ห์มากขึ้น แต่ถึงกระนั้น.. หลิงหยุนก็ยังไม่ลืมธุระสำคัญของตนเอง..
“เอาล่ะ..เจ้ากับข้ามาพูดธุระกันดีกว่า!”
เซิ่งหยิงหยิงหันไปยิ้มให้หลิงหยุนพร้อมกับถามขึ้นว่า“ธุระอะไรงั้นรึ!”
หลิงหยุนยกแก้วไวน์ในมือขึ้นหมุนพร้อมกับตอบไปว่า“จะธุระอะไรกันเล่า ก็ต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับบริษัท ชิงหยุน โปรดักชั่นน่ะสิ!”
เซิ่งหยิงหยิงเพิ่งจะรู้ว่าเหตุใดหลิงหยุนจึงยอมรับปากพานางมาเลี้ยงข้าวอย่างง่ายดายเช่นนี้จึงได้แต่ร้องถามออกไปว่า
“นี่..นี่เจ้ายังไม่ลืมเรื่องของบริษัทชิงหยุนอีกรึ!”
หลิงหยุนหัวเราะและถามกลับไปว่า “แล้วเจ้าคิดเช่นใดกันเล่า”
เซิ่งหยิงหยิงวางแก้วไวน์ในมือลงพร้อมกับก้มหน้าก้มตาอยู่ครู่ใหญ่จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองหลิงหยุน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า..
“ได้..ข้ายินดีที่จะเล่าเรื่องของบริษัทชิงหยุนให้เจ้าฟัง แต่เจ้าต้องบอกฐานะที่แท้จริงของเจ้าให้ข้ารู้ก่อน!” หลิงหยุนหัวเราะพร้อมกับตอบไปว่า“ข้าก็คือเจ้าของของบริษัท หลิงหยุน คอร์ปอเรชั่นยังไงเล่า”
จากนั้นก็หันหน้าไปทางถังเมิ่งพร้อมกับพูดต่อว่า“ส่วนเขาก็คือประธานบริษัท!”
หลิงหยุนไม่จำเป็นต้องบอกฐานะที่แท้จริงของตนให้กับคนทั่วไปได้รู้เพราะยิ่งภูมิหลังของฐานะแตกต่างกันมาก สังคมก็ย่อมแตกต่างกันมากเช่นกัน และหากไม่จำเป็นจริงๆ หลิงหยุนก็ไม่ต้องการป่าวประกาศฐานะของตนให้ผู้อื่นได้รู้ เพราะจะมีแต่ปัญหาตามมาเท่านั้น..
และสำหรับเซิ่งหยิงหยิงหลิงหยุนคิดว่าเพียงแค่ฐานะนี้ก็เพียงพอแล้ว..
“บริษัทหลิงหยุน คอร์ปอเรชั่นงั้นรึ! ใช่บริษัทเดียวกับบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นหรือไม่?”
หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมตอบกลับไปว่า“ถูกต้อง.. เพียงแค่เปลี่ยนชื่อใหม่เท่านั้น!” เซิ่งหยิงหยิงอดที่จะถามด้วยความสงสัยไม่ได้..“หากข้าจำไม่ผิด.. เจ้าเพิ่งจะเปิดบริษัทได้เพียงแค่เดือนเดียว เหตุใดจึงต้องเปลี่ยนชื่อด้วยเล่า”
“ก็ไม่มีเหตุผลอะไรมาก..ข้าต้องการใช้ชื่อข้าก็เท่านั้นเอง!”
หลิงหยุนย่อมไม่จำเป็นต้องบอกเหตุผลที่แท้จริงให้กับเซิ่งหยิงหยิงรู้..
เซิ่งหยิงหยิงพยักหน้ารับรู้พร้อมกับกระดกแก้วไวน์ในมือขึ้นดื่มจนหมดหลิงหยุนจัดการรินไวน์เพิ่มให้พร้อมกับถามขึ้นว่า
“คราวนี้เจ้าจะเล่าเรื่องของบริษัทชิงหยุนโปรดักชั่นให้ข้าฟังได้หรือยัง”
ความจริงแล้วบริษัทชิงหยุน โปรดักชั่นนั้นก็ไม่ใช่บริษัทเล็กๆ หากหลิงหยุนต้องการจะรู้จริงๆ เขาก็แค่ส่งคนไปสืบเท่านั้น เซิ่งหยิงหยิงจึงคิดว่าไม่จำเป็นที่ตนจะต้องปิดบังอะไร และเริ่มเล่าให้กับหลิงหยุนฟัง..
เจ้าของบริษัทชิงหยุน โปรดักชั่นที่แท้จริงนั้นก็คือหวังเจิ้นจวิน คนผู้นี้เป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวย และในปี 1990 ก็ได้ก่อตั้งบริษัท ชิงหยุน โปรดักชั่นขึ้น บริษัทนี้ได้สร้างภาพยนต์ และทำละครดังออกมามากมายหลายเรื่อง บริษัท ชิงหยุน โปรดักชั่นนี้ก่อตั้งมาร่วมยี่สิบปีแล้ว และนับเป็นบริษัทอุตสาหกรรมบันเทิงที่ยืนยาวมากบริษัทหนึ่ง..
เนื่องจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมบันเทิงในประเทศจีนทำให้หวังเจิ้นจวินมองเห็นโอกาสในการทำเงิน จึงได้ขยายสาขาของบริษัท ชิงหยุน โปรดักชั่นไปตามเมืองต่างๆ ในขณะเดียวกันก็ได้เซ็นสัญญากับผู้กำกับ และดาราที่มีชื่อเสียงมากมาย พร้อมกับเสาะหาดาวดวงใหม่ที่พร้อมจะขึ้นมาประดับวงการด้วย..
และในบรรดาสาขาทั้งหมดทั่วประเทศหวังเจิ้นจวินก็ให้ความสำคัญกับบริษัท ชิงหยุน โปรดักชั่นสาขาจิงฉูมากที่สุด!
เหตุผลก็ไม่มีอะไรซับซ้อน..เพราะจิงฉูเป็นเมืองหลักมณฑลเจียงหนาน ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นมณฑลแห่งวงการภาพยนต์และโทรทัศน์ของจีน สถานะของบริษัท ชิงหยุน โปรดักชั่นสาขาจิงฉู จึงไม่ได้ด้อยไปกว่าสำนักงานใหญ่ในปักกิ่งเลย..
แต่หวังเจิ้นจวินเพิ่งจะก่อตั้งบริษัทชิงหยุนสาขาจิงฉูนี้ขึ้นมาได้ไม่นานก็ต้องถูกหลิงหยุนกับพวกบุกเข้าทำลายสำนักงานของบริษัท และทำร้ายคนของเขาบาดเจ็บไปหลายสิบคน รวมมูลค่าความเสียหายทั้งหมดก็กว่าสามสิบล้านหยวน!
ในขณะที่หวังเฟยหยางซึ่งเป็นผู้จัดการทั่วไปของบริษัทชิงหยุน โปรดักชั่นสาขาจิงฉูนั้น ก็หวาดกลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะก้าวเท้าเหยียบเข้าไปที่เมืองจิงฉูอีกเลย และเรื่องนี้นอกจากจะทำให้หวังเจิ้นจวินต้องสูญเสียเงินไปมากมายแล้ว ยังทำให้เขาต้องเสียหน้ามากอีกด้วย..
แต่หลังจากที่สืบรู้ผู้ที่สนับสนุนหลิงหยุนอยู่เบื้องหลังหวังเจิ้นจวินจึงไม่กล้าที่จะไปเผชิญหน้ากับหลิงหยุนโดยตรง ประกอบกับเขาเป็นคนที่ชื่นชอบการเล่นไพ่ และการพนันทุกชนิด ทำให้หวังเจิ้นจวินได้รู้จักกับเซิ่งหยิงหยิง และพี่ชายของนาง จึงได้คิดแผนการที่จะจัดการกับหลิงหยุนออก..
หวังเจิ้นจวินให้เงินก้อนหนึ่งกับเซิ่งหยางหยางเพื่อให้นางไปตระเวนเล่นพนันในบ่อนของแก๊งมังกรเขียวในเมืองจิงฉู
ผลปรากฏว่า..ในครั้งแรกนั้นเซิ่งหยิงหยิงป็นฝ่ายชนะ และได้เงินกลับไปมากถึงแปดสิบล้านหยวน ทำให้หวังเจิ้นจวินกระหยิ่มยิ้มย่อ และได้ทุ่มเงินให้เซิ่งหยิงหยิงอีกหนึ่งพันล้านหยวนกลับไปเล่นในบ่อนของแก๊งมังกรเขียวอีกครั้ง
และครั้งนี้เซิ่งหยิงหยิงกับพี่ๆกลับไม่สามารถเอาชนะหลิงหยุนได้ และได้สูญเสียเงินทั้งหมดให้กับหลิงหยุน
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เองรึ”
เซิ่งหยิงหยิงเล่าเรื่องทั้งหมดให้หลิงหยุนฟังโดยไม่ปิดบังด้วยความเฉลียวฉลาดของนาง เซิ่งหยิงหยิงรู้ดีว่าตนนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลิงหยุน ไม่ว่าจะเป็นฝีมือในการเล่นพนัน หรือภูมิหลัง..
และการที่เซิ่งหยิงหยิงขอให้หลิงหยุนเลี้ยงข้าวนั้นไม่ใช่ว่าเพราะตนเองหิวจริงๆ แต่เซิ่งหยิงหยิงเพียงแค่ต้องการรู้จักหลิงหยุนให้ลึกซึ้งกว่านี้เท่านั้น เพราะคนที่มีบุคลิกเช่นหลิงหยุนนั้น สามารถชนะผู้คนได้มากมาย..
อีกทั้งระหว่างเซิ่งหยิงหยิงกับหวังเจิ้นจวินนั้นก็ไม่ได้มีไมตรีที่ลึกซึ้งต่อกันเป็นเพียงแค่การจ้างงานเท่านั้น จึงไม่มีเหตุผลที่เซิ่งหยิงหยิงจะต้องช่วยปกปิดเรื่องของหวังเจิ้นจวิน..
หลังจากได้ฟังเซิ่งหยิงหยิงเล่าเรื่องทั้งหมดหลิงหยุนจึงถามขึ้นว่า “แล้วเหตุใดเจ้าจึงไม่กลับไปเล่นอีกครั้งเล่า”
“ข้าไม่กล้า!”
เซิ่งหยิงหยิงตอบไปตามตรง“อีกอย่าง.. หลังจากที่สูญเสียเงินก้อนโตไป หวังเจิ้นจวินก็วิตกกังวลว่าจะมีผลต่อบริษัทของตนเองด้วย!” “แต่ข้ารู้มาว่าหวังเจิ้นจวินเองก็ส่งคนมาสืบเรื่องของเจ้าอยู่ด้วยเหมือนกันแต่ไม่รู้ว่าเขาสืบรู้อะไรไปบ้าง เพราะหลังจากนั้นดูเหมือนหวังเจิ้นจวินจะไม่กล้าทำอะไรอีกเลย..”
หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่า..ผู้คนในปักกิ่งล้วนเป็นเช่นนี้ ปรับเปลี่ยนรวดเร็วเพื่อความอยู่รอด อย่างหยางจงเป็นต้น.. หลังจากที่พอจะคาดเดาฐานะของหลิงหยุนได้ เขาก็เปลี่ยนท่าทีในทันที!
หลิงหยุนยกแก้วไวน์ขึ้นเขย่าอีกครั้งพร้อมกับถามต่อว่า“สำนักงานใหญ่ของบริษัท ชิงหยุน โปรดักชั่นอยู่ที่ใดงั้นรึ”
เซิ่งหยิงหยิงได้ยินหลิงหยุนถามเช่นนี้จึงได้แต่ร้องตะโกนถามออกไปว่า “นี่.. เขาก็หยุดแล้ว เจ้าก็ปล่อยเขาไปไม่ได้รึ”
“ใช่ว่าข้าจ้องจะเล่นงานเขา..เพียงแต่ระหว่างเขากับข้ายังมีเรื่องที่ต้องสะสาง!”
หลิงหยุนตอบกลับไปทันทีและบัญชีที่หลิงหยุนพูดถึงก็คือเรื่องของหลินเมิ่งหาน.. “ตอบข้ามาว่าบริษัทชิงหยุนอยู่ที่ใด”
เซิ่งหยิงหยิงตอบกลับด้วยความไม่พอใจ“เจ้าอยากรู้ก็ไปสืบเอาเองสิ!”
หลิงหยุนยิ้มมุมปากก่อนจะหันไปสั่งถังเมิ่งว่า“ถังเมิ่ง.. เรื่องนี้มอบให้นายจัดการ!”
ถังเมิ่งยกมือสองข้างขึ้นถูกันพร้อมกับหัวเราะหึๆ
ซานหลี่ถุนตั้งอยู่ในเขตเฉาหยางของกรุงปักกิ่งเป็นถนนที่มีชื่อเสียงยาวนานกว่าสามสิบปี และเป็นย่านที่มีคลับ และบาร์ต่างๆอยู่มากมาย ขึ้นชื่อว่าเป็นถนนบันเทิงในยามค่ำคืนที่หรูหราที่สุดในปักกิ่ง และเป็นแหล่งที่ชาวต่างชาติ เศรษฐี และเหล่าเซลิบริตี้ในประเทศนี้นิยมยิ่งนัก..
แม้ว่าจะเป็นเวลาตีสองแล้วแต่ซานหลี่ถุนก็ยังคงคราคร่ำไปด้วยผู้คนมากมาย อีกทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวกลางคืนที่หรูหราที่สุดของกรุงปักกิ่งด้วย..
“ฮ่า..ฮ่า.. แล้วดูรถคันนั้นสิ!”
“ดีออก…ไม่เหมือนใคร เป็นเอกลักษณ์ดี!”
ทันทีที่รถบุบบู้บี้ของหลิงหยุนขับเข้าไปในถนนซานหลี่ถุนก็สามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนในนั้นได้มากทีเดียว..
หลิงหยุนนึกขันผู้คนที่พากันชี้นิ้วมาที่รถของตนเองแต่ก็คร้านที่จะใส่ใจ และได้เปิดจิตหยั่งรู้อันทรงพลังของตนเองออกสำรวจไปรอบๆบริเวณ
ภายในรัศมีจิตหยั่งรู้สามพันเมตร..บาร์มากมายกว่าหนึ่งร้อยแห่งก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการมองเห็นของหลิงหยุนเลยแม้แต่น้อย ถนนเส้นนี้เต็มไปด้วยแสงสีสว่างไสว และมีเสียงดนตรีดังอยู่ทั่วทุกมุม..
แทบทุกบาร์ที่อยู่บนถนนเส้นนี้ล้วนมีผู้คนนั่งอยู่กันหนาแน่นบ้างก็ร้อง บ้างก็เต้น อีกทั้งยังมีสาวสวยแต่งตัวอวดเนื้อหนังอยู่เต็มไปหมด
ระหว่างที่หลิงหยุนกำลังใช้จิตหยั่งรู้ของตนสำรวจไปทั่วบริเวณนั้นเสียงของเซิ่งหยิงหยิงก็ดังขึ้น
“เอาล่ะ..จอดแถวๆนี้ พวกเราไปที่ร้านหลานกุ้ยฟงกันดีกว่า!” และทันทีที่ก้าวลงจากรถเซิ่งหยิงหยิงก็ยกมือขึ้นผายออก พร้อมกับเงยหน้าขึ้นฟ้า และร้องตะโกนออกมาอย่างสบายอกสบายใจ
“ว้าว..บรรยากาศที่คุ้นเคย!”
แต่หลิงหยุนนั้นกลับมีสีหน้ากระอักกระอ่วนใจไม่น้อยเพราะเวลานี้เขายืนอยู่ข้างเซิ่งหยิงหยิง และได้เห็นหน้าอกทั้งสองข้างของนางเข้าเต็มตา..
เซิ่งหยิงหยิงสังเกตเห็นสายตาของหลิงหยุนจึงรีบลดมือลงปิดไว้ที่หน้าอกทั้งสองข้างของตนเองทันที ก่อนจะหันไปถามหลิงหยุนเสียงห้วน
“นี่เจ้าจ้องมองอะไร!”
หลิงหยุนรีบเมินหน้าหนีและระล่ำระลักตอบกลับไปว่า “ข้าไม่ได้ตั้งใจ.. แต่มือของเจ้าบดบังทัศนวิสัยในการมองของข้า!”
จากนั้นเซิ่งหยิงหยิงก็เดินนำทุกคนไปที่ร้านหลานกุ้ยฟงทันทีที่หนุ่มสาวทั้งห้าเดินเข้าไปในร้าน บริกรหนุ่มก็เดินออกมาต้อนรับและพาเข้าไปหาที่นั่ง..
“ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าต้องการให้เสริฟไวน์อะไรดีครับ”
เซิ่งหยิงหยิงตอบโดยไม่ต้องคิด“Lafite ปี 1982.. จัดมาห้าขวดก่อน!”
ถังเมิ่งได้ยินถึงกับตกตะลึงและได้แต่คิดในใจว่า Lafite ปี 1982 นั้น เป็นไวน์ที่มีราคาสูงถึงสองหมื่นหยวนเลยทีเดียว และหากสั่งในบาร์เช่นนี้ ก็ย่อมมีราคาแพงกว่าที่สั่งภายในโรงแรมมาก..
หลิงหยุนเหลือบมองเซิ่งหยิงหยิงพร้อมกับพูดขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม“นี่.. ต่อให้เจ้าอยากจะแก้แค้นข้านัก ก็อย่าดื่มจนเมามายขาดสติล่ะ!”
เซิ่งหยิงหยิงหน้าแดงขึ้นทันทีเมื่อถูกหลิงหยุนจับได้นางกัดริมฝีปากแน่นก่อนจะตอบไปว่า “เรื่องของข้า!”
หลังจากนั้นเซิ่งหยิงหยิงก็เอนกายพิงลงกับโซฟาอย่างสบายอกสบายใจและได้แต่คิดว่านางนั่งเล่นพนันในคาสิโนมากว่าห้าชั่วโมง จึงรู้สึกเหนื่อยล้ามาก การได้มานั่งฟังเพลงผ่อนคลายที่หลานกุ้ยฟงแห่งนี้จึงนับว่าผ่อนคลายดีไม่น้อย..
“ที่นี่มีชาวต่างชาติเยอะทีเดียว!”
หลังจากที่สำรวจไปรอบๆตัวหลิงหยุนก็พบว่าโต๊ะรอบๆเขานั้นส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นชาวต่างชาติทั้งสิ้น และได้แต่คิดว่าหากพอลกับเจสเตอร์มาด้วย พวกมันคงจะชื่นชอบมากเป็นแน่!
เซิ่งหยิงหยิงตอบกลับหลิงหยุนไปว่า“ถนนเส้นนี้อยู่ติดกับสถานฑุตถึงเก้าประเทศ จะมีชาวต่างชาติมากกว่าที่อื่นก็ไม่น่าแปลก!”
“อ่อ..งั้นรึ!”
หลิงหยุนพึมพำและได้แต่คิดในใจว่าตระกูลหลิงเองก็ดูแลกระทรวงพาณิชย์อยู่เหมือนกัน ยังมีกระทรวงชลประทานที่อยู่ในการดูแลของตระกูลหลิง และหลังจากที่หลิงหยุนได้ทำลายตระกูลซันกับตระกูลเฉินไปแล้วกระทรวงศึกษา กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงคมนาคมและขนส่ง ก็ได้ตกอยู่ในการดูแลของตระกูลหลิงด้วยเช่นกัน!
แต่แน่นอนว่าการเปลี่ยนผ่านอำนาจครั้งใหญ่นี้ใช่ว่าจะสามารถเปลี่ยนข้าราชการระดับสูงทั้งหมดได้ในทันที หรือในระยะเวลาอันสั้น หลิงหยุนเองก็ไม่ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ และได้มอบหมายให้ลุงสองของเขาเป็นผู้จัดการเรื่องนี้แทนแล้ว
แต่หลิงหยุนในฐานะผู้นำตระกูลหลิงแม้เขาจะไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องเหล่านนี้ แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่รู้อะไรเลย..
“ถังเมิ่ง..หลังจากที่ธุรกิจภายในประเทศเข้าร่องเข้ารอยแล้ว พวกเราคงต้องคิดเรื่องทำธุรกิจกับต่างชาติกันบ้าง นายควรเตรียมตัวไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ”
“ได้พี่หยุน!”
ถังเมิ่งนั้นเข้าใจความคิดของหลิงหยุนดีจึงรีบตอบรับทันที! หลิงหยุนพยักหน้าและพูดกับถังเมิ่งต่อว่า “ที่ฉันให้นายมาปักกิ่งคราวนี้ ไม่ใช่ให้นายมาเที่ยวเล่นอย่างเดียว แต่จุดประสงค์หลักคือต้องการให้นายมาเรียนรู้เรื่องการบริหารธุรกิจ และเรื่องต่างๆจากลุงสอง ระหว่างที่นายอยู่ที่นี่ลุงสองจะเป็นผู้ที่สอนทุกอย่างให้กับนายด้วยตัวเอง รวมถึงเรื่องการรวมธุรกิจของตระกูลหลิงบางส่วนเข้ากับธุรกิจในเมืองจิงฉูในวันข้างหน้าด้วย..”
ถังเมิ่งถึงกับร้องอุทานออกมา“โอ้โหพี่หยุน.. โครงการใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ!”
เพียงแค่ธุรกิจในเมืองจิงฉูถังเมิ่งก็ยากลำบากมากแล้ว หากหลิงหยุนให้เขามาช่วยดูแลกิจการของตระกูลหลิงอีก เขาเกรงว่าตนเองจะทำไม่ได้ แต่หลิงหยุนกลับพูดยิ้มๆว่า
“ถ้านายทำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรบอกฉันมาตรงๆ ฉันจะได้หาคนมาทำแทน!”
“แน่นอน!ฉันทำได้อยู่แล้วพี่หยุน!” ถังเมิ่งรีบตอบกลับไปทันที!
เซิ่งหยิงหยิงเห็นหลิงหยุนกับถังเมิ่งซุบซิบคุยกันจึงได้แต่ร้องถามออกไปว่า “นี่.. พวกเจ้าต้องการทำธุรกิจข้ามชาติเลยงั้นรึ!”
“ถูกต้อง!พวกเราต้องการที่จะทำธุรกิจระหว่างประเทศทั่วโลก!”
หลิงหยุนย้ำให้เซิ่งหยิงหยิงฟังอย่างชัดถ้อยชัดคำ..
ระหว่างนั้นโม่วู๋เตาที่เปิดจิตหยั่งรู้ออกสำรวจไปทั่วทั้งร้านก็พูดขึ้นอย่างตื่นเต้น “ดูสิ.. หญิงโต๊ะข้างๆล้วนแล้วแต่งดงามทั้งนั้นเลย!”
ระหว่างที่นั่งฟังเพลงไปหนุ่มสาวทั้งห้าก็จิบไวน์ Lfite ไปแล้วถึงสามขวดแล้ว แม้ว่าจะดื่มไปมากแต่เซิ่งหยิงหยิงก็เพียงแค่หน้าแดงก่ำเท่านั้น ยังไม่ถึงกับเมา และภายในแสงไฟระยิบระยับเช่นนี้ ทำให้นางยิ่งดูงดงามมีเสน่ห์มากขึ้น แต่ถึงกระนั้น.. หลิงหยุนก็ยังไม่ลืมธุระสำคัญของตนเอง..
“เอาล่ะ..เจ้ากับข้ามาพูดธุระกันดีกว่า!”
เซิ่งหยิงหยิงหันไปยิ้มให้หลิงหยุนพร้อมกับถามขึ้นว่า“ธุระอะไรงั้นรึ!”
หลิงหยุนยกแก้วไวน์ในมือขึ้นหมุนพร้อมกับตอบไปว่า“จะธุระอะไรกันเล่า ก็ต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับบริษัท ชิงหยุน โปรดักชั่นน่ะสิ!”
เซิ่งหยิงหยิงเพิ่งจะรู้ว่าเหตุใดหลิงหยุนจึงยอมรับปากพานางมาเลี้ยงข้าวอย่างง่ายดายเช่นนี้จึงได้แต่ร้องถามออกไปว่า
“นี่..นี่เจ้ายังไม่ลืมเรื่องของบริษัทชิงหยุนอีกรึ!”
หลิงหยุนหัวเราะและถามกลับไปว่า “แล้วเจ้าคิดเช่นใดกันเล่า”
เซิ่งหยิงหยิงวางแก้วไวน์ในมือลงพร้อมกับก้มหน้าก้มตาอยู่ครู่ใหญ่จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองหลิงหยุน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า..
“ได้..ข้ายินดีที่จะเล่าเรื่องของบริษัทชิงหยุนให้เจ้าฟัง แต่เจ้าต้องบอกฐานะที่แท้จริงของเจ้าให้ข้ารู้ก่อน!” หลิงหยุนหัวเราะพร้อมกับตอบไปว่า“ข้าก็คือเจ้าของของบริษัท หลิงหยุน คอร์ปอเรชั่นยังไงเล่า”
จากนั้นก็หันหน้าไปทางถังเมิ่งพร้อมกับพูดต่อว่า“ส่วนเขาก็คือประธานบริษัท!”
หลิงหยุนไม่จำเป็นต้องบอกฐานะที่แท้จริงของตนให้กับคนทั่วไปได้รู้เพราะยิ่งภูมิหลังของฐานะแตกต่างกันมาก สังคมก็ย่อมแตกต่างกันมากเช่นกัน และหากไม่จำเป็นจริงๆ หลิงหยุนก็ไม่ต้องการป่าวประกาศฐานะของตนให้ผู้อื่นได้รู้ เพราะจะมีแต่ปัญหาตามมาเท่านั้น..
และสำหรับเซิ่งหยิงหยิงหลิงหยุนคิดว่าเพียงแค่ฐานะนี้ก็เพียงพอแล้ว..
“บริษัทหลิงหยุน คอร์ปอเรชั่นงั้นรึ! ใช่บริษัทเดียวกับบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นหรือไม่?”
หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมตอบกลับไปว่า“ถูกต้อง.. เพียงแค่เปลี่ยนชื่อใหม่เท่านั้น!” เซิ่งหยิงหยิงอดที่จะถามด้วยความสงสัยไม่ได้..“หากข้าจำไม่ผิด.. เจ้าเพิ่งจะเปิดบริษัทได้เพียงแค่เดือนเดียว เหตุใดจึงต้องเปลี่ยนชื่อด้วยเล่า”
“ก็ไม่มีเหตุผลอะไรมาก..ข้าต้องการใช้ชื่อข้าก็เท่านั้นเอง!”
หลิงหยุนย่อมไม่จำเป็นต้องบอกเหตุผลที่แท้จริงให้กับเซิ่งหยิงหยิงรู้..
เซิ่งหยิงหยิงพยักหน้ารับรู้พร้อมกับกระดกแก้วไวน์ในมือขึ้นดื่มจนหมดหลิงหยุนจัดการรินไวน์เพิ่มให้พร้อมกับถามขึ้นว่า
“คราวนี้เจ้าจะเล่าเรื่องของบริษัทชิงหยุนโปรดักชั่นให้ข้าฟังได้หรือยัง”
ความจริงแล้วบริษัทชิงหยุน โปรดักชั่นนั้นก็ไม่ใช่บริษัทเล็กๆ หากหลิงหยุนต้องการจะรู้จริงๆ เขาก็แค่ส่งคนไปสืบเท่านั้น เซิ่งหยิงหยิงจึงคิดว่าไม่จำเป็นที่ตนจะต้องปิดบังอะไร และเริ่มเล่าให้กับหลิงหยุนฟัง..
เจ้าของบริษัทชิงหยุน โปรดักชั่นที่แท้จริงนั้นก็คือหวังเจิ้นจวิน คนผู้นี้เป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวย และในปี 1990 ก็ได้ก่อตั้งบริษัท ชิงหยุน โปรดักชั่นขึ้น บริษัทนี้ได้สร้างภาพยนต์ และทำละครดังออกมามากมายหลายเรื่อง บริษัท ชิงหยุน โปรดักชั่นนี้ก่อตั้งมาร่วมยี่สิบปีแล้ว และนับเป็นบริษัทอุตสาหกรรมบันเทิงที่ยืนยาวมากบริษัทหนึ่ง..
เนื่องจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมบันเทิงในประเทศจีนทำให้หวังเจิ้นจวินมองเห็นโอกาสในการทำเงิน จึงได้ขยายสาขาของบริษัท ชิงหยุน โปรดักชั่นไปตามเมืองต่างๆ ในขณะเดียวกันก็ได้เซ็นสัญญากับผู้กำกับ และดาราที่มีชื่อเสียงมากมาย พร้อมกับเสาะหาดาวดวงใหม่ที่พร้อมจะขึ้นมาประดับวงการด้วย..
และในบรรดาสาขาทั้งหมดทั่วประเทศหวังเจิ้นจวินก็ให้ความสำคัญกับบริษัท ชิงหยุน โปรดักชั่นสาขาจิงฉูมากที่สุด!
เหตุผลก็ไม่มีอะไรซับซ้อน..เพราะจิงฉูเป็นเมืองหลักมณฑลเจียงหนาน ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นมณฑลแห่งวงการภาพยนต์และโทรทัศน์ของจีน สถานะของบริษัท ชิงหยุน โปรดักชั่นสาขาจิงฉู จึงไม่ได้ด้อยไปกว่าสำนักงานใหญ่ในปักกิ่งเลย..
แต่หวังเจิ้นจวินเพิ่งจะก่อตั้งบริษัทชิงหยุนสาขาจิงฉูนี้ขึ้นมาได้ไม่นานก็ต้องถูกหลิงหยุนกับพวกบุกเข้าทำลายสำนักงานของบริษัท และทำร้ายคนของเขาบาดเจ็บไปหลายสิบคน รวมมูลค่าความเสียหายทั้งหมดก็กว่าสามสิบล้านหยวน!
ในขณะที่หวังเฟยหยางซึ่งเป็นผู้จัดการทั่วไปของบริษัทชิงหยุน โปรดักชั่นสาขาจิงฉูนั้น ก็หวาดกลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะก้าวเท้าเหยียบเข้าไปที่เมืองจิงฉูอีกเลย และเรื่องนี้นอกจากจะทำให้หวังเจิ้นจวินต้องสูญเสียเงินไปมากมายแล้ว ยังทำให้เขาต้องเสียหน้ามากอีกด้วย..
แต่หลังจากที่สืบรู้ผู้ที่สนับสนุนหลิงหยุนอยู่เบื้องหลังหวังเจิ้นจวินจึงไม่กล้าที่จะไปเผชิญหน้ากับหลิงหยุนโดยตรง ประกอบกับเขาเป็นคนที่ชื่นชอบการเล่นไพ่ และการพนันทุกชนิด ทำให้หวังเจิ้นจวินได้รู้จักกับเซิ่งหยิงหยิง และพี่ชายของนาง จึงได้คิดแผนการที่จะจัดการกับหลิงหยุนออก..
หวังเจิ้นจวินให้เงินก้อนหนึ่งกับเซิ่งหยางหยางเพื่อให้นางไปตระเวนเล่นพนันในบ่อนของแก๊งมังกรเขียวในเมืองจิงฉู
ผลปรากฏว่า..ในครั้งแรกนั้นเซิ่งหยิงหยิงป็นฝ่ายชนะ และได้เงินกลับไปมากถึงแปดสิบล้านหยวน ทำให้หวังเจิ้นจวินกระหยิ่มยิ้มย่อ และได้ทุ่มเงินให้เซิ่งหยิงหยิงอีกหนึ่งพันล้านหยวนกลับไปเล่นในบ่อนของแก๊งมังกรเขียวอีกครั้ง
และครั้งนี้เซิ่งหยิงหยิงกับพี่ๆกลับไม่สามารถเอาชนะหลิงหยุนได้ และได้สูญเสียเงินทั้งหมดให้กับหลิงหยุน
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เองรึ”
เซิ่งหยิงหยิงเล่าเรื่องทั้งหมดให้หลิงหยุนฟังโดยไม่ปิดบังด้วยความเฉลียวฉลาดของนาง เซิ่งหยิงหยิงรู้ดีว่าตนนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลิงหยุน ไม่ว่าจะเป็นฝีมือในการเล่นพนัน หรือภูมิหลัง..
และการที่เซิ่งหยิงหยิงขอให้หลิงหยุนเลี้ยงข้าวนั้นไม่ใช่ว่าเพราะตนเองหิวจริงๆ แต่เซิ่งหยิงหยิงเพียงแค่ต้องการรู้จักหลิงหยุนให้ลึกซึ้งกว่านี้เท่านั้น เพราะคนที่มีบุคลิกเช่นหลิงหยุนนั้น สามารถชนะผู้คนได้มากมาย..
อีกทั้งระหว่างเซิ่งหยิงหยิงกับหวังเจิ้นจวินนั้นก็ไม่ได้มีไมตรีที่ลึกซึ้งต่อกันเป็นเพียงแค่การจ้างงานเท่านั้น จึงไม่มีเหตุผลที่เซิ่งหยิงหยิงจะต้องช่วยปกปิดเรื่องของหวังเจิ้นจวิน..
หลังจากได้ฟังเซิ่งหยิงหยิงเล่าเรื่องทั้งหมดหลิงหยุนจึงถามขึ้นว่า “แล้วเหตุใดเจ้าจึงไม่กลับไปเล่นอีกครั้งเล่า”
“ข้าไม่กล้า!”
เซิ่งหยิงหยิงตอบไปตามตรง“อีกอย่าง.. หลังจากที่สูญเสียเงินก้อนโตไป หวังเจิ้นจวินก็วิตกกังวลว่าจะมีผลต่อบริษัทของตนเองด้วย!” “แต่ข้ารู้มาว่าหวังเจิ้นจวินเองก็ส่งคนมาสืบเรื่องของเจ้าอยู่ด้วยเหมือนกันแต่ไม่รู้ว่าเขาสืบรู้อะไรไปบ้าง เพราะหลังจากนั้นดูเหมือนหวังเจิ้นจวินจะไม่กล้าทำอะไรอีกเลย..”
หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่า..ผู้คนในปักกิ่งล้วนเป็นเช่นนี้ ปรับเปลี่ยนรวดเร็วเพื่อความอยู่รอด อย่างหยางจงเป็นต้น.. หลังจากที่พอจะคาดเดาฐานะของหลิงหยุนได้ เขาก็เปลี่ยนท่าทีในทันที!
หลิงหยุนยกแก้วไวน์ขึ้นเขย่าอีกครั้งพร้อมกับถามต่อว่า“สำนักงานใหญ่ของบริษัท ชิงหยุน โปรดักชั่นอยู่ที่ใดงั้นรึ”
เซิ่งหยิงหยิงได้ยินหลิงหยุนถามเช่นนี้จึงได้แต่ร้องตะโกนถามออกไปว่า “นี่.. เขาก็หยุดแล้ว เจ้าก็ปล่อยเขาไปไม่ได้รึ”
“ใช่ว่าข้าจ้องจะเล่นงานเขา..เพียงแต่ระหว่างเขากับข้ายังมีเรื่องที่ต้องสะสาง!”
หลิงหยุนตอบกลับไปทันทีและบัญชีที่หลิงหยุนพูดถึงก็คือเรื่องของหลินเมิ่งหาน.. “ตอบข้ามาว่าบริษัทชิงหยุนอยู่ที่ใด”
เซิ่งหยิงหยิงตอบกลับด้วยความไม่พอใจ“เจ้าอยากรู้ก็ไปสืบเอาเองสิ!”
หลิงหยุนยิ้มมุมปากก่อนจะหันไปสั่งถังเมิ่งว่า“ถังเมิ่ง.. เรื่องนี้มอบให้นายจัดการ!”
ถังเมิ่งยกมือสองข้างขึ้นถูกันพร้อมกับหัวเราะหึๆ