Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - บทที่ 1299 : ธาราขั้วโลก
ศิลาแม่เหล็กขั้วโลกนั้นชื่อของมันก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าจะมีปรากฏในดินแดนที่อยู่ทางแถบขั้วโลกเท่านั้น เพราะขั้วโลกของดาวเคราะห์ดวงนี้นับว่าเป็นจุดที่มีสนามแม่เหล็กทรงพลังที่สุด
แน่นอนว่าดาวเคราะห์ที่ประกอบไปด้วยแม้เหล็กทั้งหมดนั้นไม่ได้มีอยู่ในจักรวาลอันกว้างใหญ่แต่หากจะมีก็คงไม่อาจสามารถพบเห็นได้ เพราะดาวเคราะห์เช่นนี้คงจะก่อตัวใกล้กับหลุมดำเท่านั้น เพราะมันจะไม่สามารถถูกหลุมดำในจักรวาลดูดกลืนเข้าไปได้
ส่วนธาราขั้วโลกนั้นมักจะพบเจอในบริเวณเดียวกันกับที่พบศิลาแม่เหล็กขั้วโลกตราบใดที่บริเวณใกล้ศิลาแม่เหล็กขั้วโลกมีแอ่งน้ำที่ไม่ไหลเวียน ไม่ว่าจะอยู่บนพื้นดินหรือใต้ดินมานานหลายปี น้ำที่อยู่ใกล้กับศิลาแม่เหล็กขั้วโลกย่อมได้รับอานุภาพของแม่เหล็กเข้าไปด้วยเช่นกัน นานวันเข้าก็จะพัฒนากลายเป็นธาราขั้วโลกแทนน้ำธรรมดา
ธาราขั้วโลกนี้นับเป็นน้ำที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลกพลังแทรกซึมและทำลายล้างของมันนั้นรุนแรงอย่างน่าอัศจรรย์ หากผู้ใดได้สัมผัสเข้ากับธาราขั้วโลกนี้ จะส่งผลต่อผิวหนังและโลหิตของคนผู้นั้นทันที ธาราขั้วโลกนี้สามารถทำลายเข้าไปจนถึงปลายเประสาทของมนุษย์ได้เลยทีเดียว และจุดใดบนร่างกายที่ธาราขั้วโลกแทรกซึมเข้าไปได้นั้น บริเวณส่วนนั้นก็จะกลายเป็นสีดำในทันที แม้จะไม่รู้สึกเจ็บปวด แต่ก็ทำให้สูญเสียความรู้สึกในบริเวณนั้นไปสิ้น
หลิงหยุนรู้ถึงอานุภาพของธาราขั้วโลกนี้ดีแม้แต่เขาที่ฝึกวิชาดาราคุ้มกาย หากยังไม่เข้าสู่ด่านที่สามแล้วโดนธาราขั้วโลกนี้เข้าไป ก็คงต้องมีวิธีเดียวเท่านั้นคือเฉือนเนื้อส่วนนั้นทิ้งไปเสีย
ธาราขั้วโลกจึงนับเป็นอาวุธที่ใช้สำหรับสังหารศัตรูได้อย่างง่ายดาย!
ยิ่งไปกว่านั้นหลิงหยุนยังสามารถนำธาราขั้วโลกนี้ไปเป็นส่วนผสมในการหลอมกลั่นโอสถได้อีกด้วย และแน่นอนว่าต้องไม่ใช่โอสถที่มีคุณประโยชน์อันใด แต่จะเป็นโอสถพิษที่รุนแรงมาก ไม่จำเป็นต้องให้ศัตรูกลืนกินโอสถพิษที่ทำจากธาราขั้วโลกด้วยซ้ำ เพียงแค่ร่างกายสัมผัสถูกพิษเข้า ก็สามารถตายได้อย่างง่ายดาย
และนี่คือเหตุผลที่หลิงหยุนเฝ้ารอคอยธาราขั้วโลกอย่างใจจดใจจ่อ..
ว่าแต่จะมีผู้ใดนำธาราขั้วโลกออกมาประมูลหรือไม่นะ
โดยปกติแล้วผู้ที่นำศิลาแม่เหล็กขั้วโลกออกมาประมูลควรจะต้องมีธาราขั้วโลกมาประมูลคู่กันด้วย และหลังจากที่ตี้เสี่ยวอู๋จัดการชำระค่าสินค้าประมูลเรียบร้อยแล้ว ชายคนเดิมก็หยิบขวดใสขนาดใหญ่ที่ภายในบรรจุน้ำสีดำกว่า 25 กิโลกรัมออกมา
ห๊ะ..ไม่เสียเที่ยวจริงๆ!
หลิงหยุนพึมพำออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจเมื่อพบว่ามีธาราขั้วโลกมาประมูลด้วยจริงๆ
โอ้ดูนั่นสิ!น้ำลืมเลือนมีมากมายถึงเพียงนั้นเชียวรึ
‘น้ำลืมเลือนงั้นรึ!นี่มันชื่อบ้าบออะไรกัน?!’
หลิงหยุนที่ยืนฟังนิ่งได้แต่นึกบ่นพึมพำอยู่ในใจแล้วจู่ๆเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้แม่ชีมี่หลินได้เอ่ยขึ้นว่านางต้องการมาร่วมประมูลในครั้งนี้ เพราะอยากจะได้หญ้าใจสลายกลับไปหลอมกลั่นโอสถไร้ใจ ส่วนน้ำลืมเลือนนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าจะโชคดีมีผู้นำมาประมูลหรือไม่
เมื่อคิดได้เช่นนี้หลิงหยุนจึงรีบเปิดจิตหยั่งรู้ของตนออกสำรวจไปทางเหล่าแม่ชีจากอารามจิ้งซินทันที และพบว่าทุกคนต่างก็มีสีหน้าตื่นเต้น..
หลิงหยุนนึกถึงสรรพคุณของธาราขั้วโลกแล้วก็สามารถเข้าใจได้ในทันทีไม่ว่าจะเป็นหญ้าใจสลายหรือสมุนไพรอะไรก็ตาม หากเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์เป็นพิษ แล้วถูกนำมาผสมรวมกับธาราขั้วโลกที่มีฤทธิ์เป็นพิษเช่นกันนั้น พิษทั้งสองชนิดจะหักล้างพิษซึ่งกันและกัน และด้วยวิธีการหลอมโอสถในแบบเฉพาะของอารามจิ้งซิน ทำให้พิษทั้งสองชนิดนี้หลอมรวมกลายมาเป็นโอสถไร้ใจได้!
หึ..ที่แท้การหลอมโอสถไร้ใจก็เป็นเช่นนี้เองหรอกรึ!
หลิงหยุนได้แต่นึกชื่นชมอารามจิ้งซินที่สามารถใช้พิษทั้งสองของสองสิ่งมาหลอมกลั่นเป็นโอสถไร้ใจได้สำเร็จ!
แม้พิษของธาราขั้วโลกจะถูกทำให้หมดฤทธิ์ไปแล้วแต่ความสามารถในการแทรกซึมของมันยังคงอยู่ มันไม่ได้เข้าไปทำลายความรู้สึกของมนุษย์อย่างที่เข้าใจ แต่มันเข้าไปฆ่าเซลสมองเฉพาะส่วนของมนุษย์ ทำให้คนผู้นั้นหลงลืมเรื่องราวเฉพาะส่วนได้!
เหตุใดโอสถไร้ใจจึงสามารถทำให้ผู้หญิงลืมสิ้นความรักและคนรักได้อย่างนั้นหรือนั่นเพราะผู้หญิงมักจะให้ความสำคัญและคิดถึงเรื่องชายคนรักมากที่สุด และฮอร์โมนแห่งความรักนี้ก็ถูกกระตุ้นโดยเซลสมองบางส่วน โดยมีปลายประสาทเป็นตัวเชื่อมต่อไปที่ความรู้สึกอีกที
โอสถไร้ใจซึ่งมีส่วนผสมของหญ้าใจสลายและธาราขั้วโลกฤทธิ์ของพิษทั้งสองชนิดจะแทรกซึมเข้าทำลายเซลสมองในส่วนที่ทำให้ผู้หญิงนึกถึงคนรักจนหมดสิ้น จนกระทั่งไม่สามารถจดจำคนรักได้อีก..
ยิ่งคิดหลิงหยุนก็ยิ่งเดือดดาลเป็นที่สุด..
–เสี่ยวอู๋เจ้าต้องประมูลธาราขั้วโลกนี้มาให้ได้ ไม่ว่าจะต้องใช้เงินมากเท่าใดก็ตาม อย่าให้คนของอารามจิ้งซินประมูลไปได้เด็ดขาด!- หลิงหยุนกำชับตี้เสี่ยวอู๋
ดูเหมือนว่าน้ำลืมเลือนนี้จะไม่ได้รับความสนใจมากเท่ากับศิลาแม่เหล็กจึงมีผู้สนใจประมูลน้อย และให้ราคาที่ไม่สูงนัก
ราคาเริ่มต้นของน้ำลืมเลือนนี้อยู่ที่10,000 แต้ม การประมูลแต่ละครั้งต้องไม่ต่ำกว่า 10,000 เริ่มประมูลได้ หลังจากประกาศออกไปแล้วชายผู้นั้นจึงหันมองไปทางศิษย์อารามจิ้งซิน เพราะรู้ว่าเหล่าแม่ชีมาเพื่อประมูลสิ่งนี้โดยเฉพาะ
สำนักจิ้งซินเสนอราคาประมูลทันที ห้าหมื่น!
น้ำเสียงของแม่ชีมี่หลินสั่นด้วยความตื่นเต้นนางเองก็คิดไม่ถึงว่าจะมีผู้นำน้ำลืมเลือนออกมาประมูลจริงๆ เพราะนับสิบปีแล้วที่นางไม่เคยพบเห็นน้ำลืมเลือนนี้
ด้วยปริมาณน้ำลืมเลือนที่มากถึง25 กิโลกรัมนี้ อารามจิ้งซินจะสามารถกลั่นโอสถไร้ใจที่มีคุณภาพได้นับพันๆเม็ดเลยทีเดียว ไม่เพียงจะช่วยให้เหล่าศิษย์อารามจิ้งซินก้าวหน้าแล้ว โอสถนี้ยังจะช่วยให้หญิงที่เจ็บปวดเรื่องความรักอีกมากมายบนโลกใบนี้ได้ด้วย
เหล่าชาวยุทธต่างก็รู้ว่าน้ำลืมเลือนนี้เป็นสิ่งที่อารามจิ้งซินใช้ในการกลั่นโอสถจึงมีไม่กี่คนนักที่สนใจร่วมประมูลด้วย เพราะต่างก็รู้ว่าต่อให้ประมูลไปได้ ก็คงไม่สามารถนำออกจากหุบเขาแห่งนี้ได้เป็นแน่ และเมื่ออารามจิ้งซินเสนอราคาสูงถึง90,000 แต้ม ชาวยุทธสองสามคนที่ร่วมประมูลจึงยอมถอยให้ทันที และนั่นสร้างความตื่นเต้นดีใจให้กับแม่ชีมี่หลินยิ่งนัก เพราะหลังจากต้องเสียหน้าไปมากก่อนหน้านี้ อย่างน้อยตอนนี้นางก็กำลังจะได้น้ำลืมเลือนกลับไป นับว่าสวรรค์ยังเมตตา!
แต่เม่ชีมี่หลินก็ตื่นเต้นดีใจอยู่ได้ไม่นานนักเพราะหลังจากนั้นตี้เสี่ยวอู๋ก็ร้องตะโกนออกไปว่า
100,000!
สีหน้าของแม่ชีมี่หลินถึงกับเปลี่ยนไปทันทีนางแทบไม่ต้องหันไปมองก็จำได้ว่ามันคือเสียงของตี้เสี่ยวอู๋ เด็กหนุ่มที่สร้างความอับอายให้กับอารามจิ้งซินอย่างมากในคืนนี้
หนึ่งแสนห้าหมื่นแต้ม! แม่ชีมี่หลินประมูลแข่งกลับไปทันที
200,000!
ตี้เสี่ยวอู๋ได้รับคำสั่งมาจากหลิงหยุนแล้วว่าต้องไม่ปล่อยให้อารามจิ้งซินประมูลไปได้ เขาจึงเสนอราคาเพิ่มไปอีกห้าหมื่นทันทีเช่นกัน
220,000! แม่ชีมี่หลินเพิ่มไปอีกสองหมื่น
280,000! ตี้เสี่ยวอู๋ยืนกอดอกมองไปทางแม่ชีของอารามจิ้งซิน และเพิ่มราคาไปอีกหกหมื่นแต้มทันที!
นี่เจ้า..
ร่างของแม่ชีมี่หลินสั่นสะท้านด้วยความโกรธริมฝีปากของนางสั่นระริกในขณะที่ก้าวเท้าขึ้นมายืนด้านหน้าของเหล่าแม่ชี
ตั้งแต่ตี้เสี่ยวอู๋เข้ามาประมูลเแข่งกับนางนั้นราคาของน้ำลืมเลือนก็พุ่งขึ้นไม่หยุด นางเชื่อว่าการที่ตี้เสี่ยวอู๋ออกมาประมูลแข่งเช่นนี้ ก็เพราะเขาต้องการที่จะฉีกหน้าอารามจิ้งซินอีกคร้้งนั่นเอง
300,000! แม่ชีมี่หลินร้องตะโกนออกมา สามแสนแต้มก็เท่ากับเงินจำนวนเก้าพันล้านแล้วและนี่คือจำนวนเงินสูงสุดที่อารามจิ้งซินจะสามารถจ่ายได้
จากการประมูลโอสถเยาว์วัยก่อนหน้านี้นั้นทำให้หลิงหยุนได้รู้ว่าอารามจิ้งซินมีความสามารถในการประมูลได้ไม่เกิดนสามแสนแต้ม เขาจึงสั่งให้ตี้เสี่ยวอู๋เสนอราคาเพิ่มไปอีกสี่หมื่น..
340,000
หลังจากที่ตี้เสี่ยวอู๋ประกาศตัวเลขออกไปแม่ชีมี่หลินก็แทบจะน้ำตาร่วงออกมาทันที นางสูดลมหายใจสะกัดกั้นอารมณ์โกรธ แล้วหันไปพูดกับตี้เสี่ยวอู๋ว่า
ประสก..ข้ารู้ว่าเพราะเรื่องของเฉิงเม่ยเฟิงทำให้เจ้าแค้นเคืองอารามจิ้งซิน แต่เวลานี้นางก็ออกจากสำนักของเราไปแล้ว ส่วนแม่ชีมี่ยู่ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส อารามจิ้งซินเองก็จะขับไล่นางออกจากสำนักเช่นกัน!
จากนั้นแม่ชีมี่หลินก็ได้อธิบายด้วยท่าทีจริงใจว่า น้ำลืมเลือนนี้หากให้ผู้อื่นนำไปใช้ก็จะเป็นภัยมหันต์ ต่อให้เจ้าประมูลได้ ชาวยุทธคนอื่นๆก็คงไม่ยอมให้เจ้านำออกไปจากที่นี่ได้แน่ เช่นนั้นแล้วเจ้าก็วางมือ แล้วให้อารามจิ้งซินของข้านำกลับไปที่สำนักเถิด!
น้ำเสียงของแม่ชีมี่หลินเป็นไปในทางขอร้องมากกว่าข่มขู่บังคับ..
350,000
360,000
หลังจากที่แม่ชีมี่หลินตัดใจเสนอราคาเป็นครั้งสุดท้ายตี้เสี่ยวอู๋เองก็เสนอราคาต่อทันทีเช่นกัน
นี่เจ้า!
แม่ชีมี่หลินโกรธจนแทบคลั่งพลังปราณพวยพุ่งออกจากร่างกายพร้อมกับร้องตะโกนออกไปว่า นี่เจ้าจะหยามข้ามากเกินไปแล้วนะ!
ในที่สุดตี้เสี่ยวอู๋ก็หันไปพูดกับแม่ชีมี่หลินด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม คนของอารามจิ้งซินคิดได้เพียงเท่านี้รึ เหตุใดพวกเจ้าจึงคิดว่าน้ำลืมเลือนนี้ใช้ได้เฉพาะอารามจิ้งซินเท่านั้น? และเหตุใดผู้อื่นนำไปใช้จึงจะเป็นภัยมหันต์?
เหตุใดเจ้าจึงเชื่อว่าหากอารามจิ้งซินนำไปใช้จะไม่เป็นภัยต่อผู้คนพี่สาวของข้าก็ถูกทำร้ายด้วยโอสถไร้ใจของพวกเจ้าไม่ใช่รึ?
สิ่งที่ตี้เสี่ยวอู๋พูดนั้นล้วนเป็นความจริงและมีเหตุผลยิ่งนัก ทำให้แม่ชีมี่หลินถึงกับโต้เถียงไม่ได้
ต่อให้พี่สาวของข้าจะยังไม่ถึงขั้นเสียชีวิตแต่การที่พวกจ้ากลั่นโอสถไร้ใจขึ้นมา และบีบบังคับให้ผู้คนต้องสูญเสียความทรงจำเกี่ยวกับคนรักไป นั่นนับเป็นความถูกต้องงั้นรึ สตรีจะรักหรือโกรธเกลียดบุรุษ สิ่งเหล่านี้ล้วนเรียกว่าประสบการณ์ ไม่ว่าพวกนางเลือกที่จะจำหรือว่าลืมเลือน ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องส่วนตัว เหตุใดต้องให้อารามจิ้งซินควบคุมเช่นนี้เล่า?
อีกอย่าง..แม้การกลืนกินโอสถไร้ใจจะสามารถทำให้ลืมเลือนคนรักได้จริง แต่เจ้าคิดบ้างหรือไม่ว่าการที่คนคนหนึ่งต้องสูญเสียความสามารถในการรักผู้อื่นไปเช่นนั้น นับเป็นเรื่องที่เลวร้ายอย่างมากสำหรับคนคนหนึ่งเลยทีเดียว!
และแน่นอนว่าคำพูดเหล่านี้ตี้เสี่ยวอู๋ไม่สามารถคิดเองได้แน่ทั้งหมดเป็นหลิงหยุนบอกให้เขาพูดออกไปทั้งสิ้น
แม้โอสถไร้ใจจะทำให้เหล่าสตรีสามารถลบเลือนความทรงจำที่เจ็บปวดที่สุดไปได้แต่ก็ทำให้พวกนางสูญเสียความสามารถในการรักผู้อื่นไปด้วยเช่นกัน ชีวิตของพวกนางจะเปลี่ยนไปทันที และจะไม่มีทางกลับมาเป็นเช่นเดิมได้อีก โอสถไร้ใจจึงนับเป็นโอสถที่เลวร้ายยิ่งนัก!
เช่นนี้แล้ว..ยังกล้าพูดว่าน้ำลืมเลือนเมื่ออยู่ในมือของอารามจิ้งซิน จะไม่นำไปสู่มหันตภัยได้อย่างไรกัน!
เหล่าชาวยุทธหญิงที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างก็คล้อยตามและหากเป็นพวกนาง พวกนางจะไม่มีวันยอมกินโอสถไร้ใจอย่างเด็ดขาด!
ความจริงแล้วสิ่งที่พวกเจ้าอ้างว่าช่วยเหลือเหล่าสตรีที่ได้รับความเจ็บปวดจากความรักนั้นแท้ที่จริงก็คือการทำร้ายพวกนางดีๆนี่เอง
แม่ชีมี่หลินได้แต่นิ่งอึ้งไม่อาจโต้เถียงได้และได้แต่คิดว่าโอสถไร้ใจช่วยผู้คน หรือว่าทำร้ายผู้คนกันแน่
น้องชาย..ข้าอยู่ข้างเจ้า!
ข้าด้วย!
นั่นสิ!อารามจิ้งซินพาเด็กสาวเข้าสำนักตั้งแต่เยาว์วัย ไม่เปิดโอกาสให้พวกนางได้รักใครสักคนด้วยซ้ำ แต่กลับบีบให้พวกนางเดินตามทางพุทธองค์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น นี่ไม่เท่ากับทำร้ายพวกนางทางอ้อมหรอกรึ
และเวลานี้เหล่าชาวยุทธต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์กันไปทั่วและแทบไม่มีผู้ใดเห็นด้วยกับอารามจิ้งซินอีก
‘หึ..นี่คือเหตุผลที่ข้ายังไม่ให้พวกเจ้าต้องตาย!’ หลิงหยุนได้แต่นึกเย้ยหยันอยู่ในใจ
อย่างไรเสียอารามจิ้งซินก็คงไม่รอดจากคืนพรุ่งนี้ไปได้แต่การช่วยเด็กสาวอย่างหลี่สุ่ยให้หลุดพ้นจากขุมนรกแห่งความขมขื่นนี้ต่างหากที่เป็นแผนของหลิงหยุน
จากนั้นแม่ชีมี่หลินก็ได้แต่ยืนนิ่งและไม่เสนอราคาประมูลอีกเลย!
และในที่สุดธาราขั้วโลกทั้ง25 กิโลกรัมก็ได้ตกเป็นของหลิงหยุนทันที!
หลังจากที่เสร็จสิ้นแล้วตี้เสี่ยวอู๋ก็ได้ส่งธาราขั้วโลกให้กับหวังชงเซียว แล้วจึงเอ่ยขึ้นว่า ขอบอกทุกท่านตามตรง น้ำลืมเลือนนี้ก็เป็นหนึ่งในส่วนผสมสำคัญในการหลอมโอสถเยาว์วัยและโอสถโฉมสะคราญ!
เมื่อทุกคนได้ฟังต่างก็พากันตกตะลึง…
ผู้ใดกันที่กล่าวว่าน้ำลืมเลือนนี้มีแต่อารามจิ้งซินเท่านั้นที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้!
คำพูดเพียงประโยคเดียวนี้ของตี้เสี่ยวอู๋ก็สามารถกำจัดความคลางแคลงใจของผู้คนไปได้อย่างมาก อีกทั้งโอสถทั้งสองนั้นยังมีประโยชน์เหนือกว่าโอสถไร้ใจของอารามจิ้งซินมากนัก
อารามจิ้งซินช่างไร้ยางอายยิ่งนัก!