Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - บทที่ 1367 : ต้นกำเนิดแม่น้ำใต้หลุมยักษ์
- Home
- Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร
- บทที่ 1367 : ต้นกำเนิดแม่น้ำใต้หลุมยักษ์
วันนี้หลิงหยุนไม่มีแผนที่จะต้องไปไหนตลอดทั้งวันเขาจึงมีเวลาที่จะอยู่สำรวจใต้หลุมยักษ์แห่งนี้โดยไม่ต้องกังวลใจ..
อีกทั้งโครงกระดูกมังกรที่เขาเป็นห่วงที่สุดก็ได้ถูกนำเข้าไปเก็บในแหวนพื้นที่แล้วจึงไม่มีเรื่องใดให้ต้องเป็นห่วงอีก และเวลานี้เป้าหมายของเขาก็มีเพียงแค่ ทำการสำรวจตำแหน่งดวงตาหยินและดวงตาหยางของค่ายกลมังกรหยิน–หยางแห่งนี้เท่านั้น
ครั้งก่อนถ้ำหินขนาดใหญ่ที่อยู่ภายในค่ายกลมังกรหยิน–หยางแห่งนี้ได้ถูกเคลื่อนย้ายไปอยู่ที่ป่าเสินหนงเจี๋ยหลังจากที่ค่ายกลจักรวาลถูกกระตุ้นให้ทำงานก่อนที่จะถูกทำลายไป แต่ทั้งเขามังกรและเขาหยกด้านใต้ยังคงอยู่ที่เดิม ดวงตาค่ายกลทั้งสองจึงยังคงอยู่ตำแหน่งเดิมด้วย
ค่ายกลมังกรหยิน–หยางนี้ถูกสร้างขึ้นโดยปรมาจารย์ในอดีตกาลหากไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ชนิดฟ้าถล่มดินสะเทือน ก็ยากที่ดวงตาค่ายกลทั้งหยิน และหยางจะเคลื่อนตำแหน่งไปจนผิดที่ผิดทางไปแบบหาไม่พบไม่เจอได้
ครั้งนั้นที่ค่ายกลจักรวาลทำงานจนเกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งผืนดินเช่นนั้นก็เพราะว่า ศิลาที่เป็นกลไกของค่ายกลถูกขยับ แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ทำให้ภูมิทัศน์ของเขามังกรกับเขาหยกด้านใต้เปลี่ยนไปมากนัก..
เวลานี้หลิงหยุนกำลังจ้องมองแม่น้ำมืดมิดที่อยู่ก้นหลุมยักษ์และพบว่าไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงไปเลย
การสำรวจก้นหลุมยักษ์ของหลิงหยุนในครั้งนี้ย่อมแตกต่างจากเมื่อครึ่งปีก่อนมากเพราะครั้งก่อนเขาอยู่เพียงแค่ระดับสูงสุดขั้นปรับกายา-3 อีกทั้งของวิเศษในมือก็มีเพียงแค่พู่กันจักพรรดิกับยันต์ไม่กี่ชนิด แต่ตอนนี้เขาเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นซานฉางชี่ (ขั้นพลังชี่-3) แล้ว ซึ่งนับว่าแข็งแกร่งกว่าครั้งก่อนมากนัก อีกทั้งยังมีไพ่ในมืออีกมากมาย จึงมั่นใจว่าจะสามารถจัดการกับเหตุการณ์ไม่คาดคิดได้อย่างไม่ยากนัก และนอกเหนือจากนั้น เวลานี้เขายังมีแก้วจ้าวสมุทรอีกด้วย..
ครั้งก่อนที่ยังไม่มีแก้วจ้าวสมุทรนั้นหลิงหยุนต้องเผชิญหน้ากับงูยักษ์ และสัตว์น้ำใหญ่หลายชนิด อีกทั้งยังข้ามแม่น้ำที่ลึกมากกว่าหนึ่งร้อยเมตรนี้ได้อย่างยากลำบาก แต่เวลานี้ทั้งหลิงหยุนและเย่ซิงเฉินกลับสามารถแหวกว่ายอยู่ในพื้นที่โล่งใต้แม่น้ำนี้ได้อย่างสบาย ทำให้คางคกขนาดใหญ่เท่าลูกฟุตบอล และปลาใหญ่ใต้น้ำมากมาย ไม่อาจเข้ามาในวงรัศมีของแก้วจ้าวสมุทรได้ พวกมันจึงได้แต่ว่ายอยู่ห่างๆ
แต่ถึงกระนั้นหลิงหยุนก็ยังไม่กล้าประมาทอีกทั้งยังเพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งกว่าเดิม นั่นเพราะค่ายกลแห่งนี้ปรมาจารย์ในอดีตกาลเป็นผู้สร้างขึ้น อีกทั้งยังเป็นดินแดนมังกร แม้แต่จิตหยั่งรู้ขั้นจิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-9) ก็ยังมิอาจสำรวจได้ หลิงหยุนจึงไม่กล้าที่จะทำอะไรบุ่มบ่าม ยิ่งระมัดระวังมากชีวิตก็จะยืนยาวมาก..
เวลานี้หลิงหยุนพาเย่ซิงเฉินมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของหลุมยักษ์อีกครั้ง เขาลัดเลาะไปตามหน้าผาสูง และมองไปยังถ้ำแห่งหนึ่ง
ครั้งก่อนหลิงหยุนกับเจ้าขาวปุยใช้เส้นทางนี้เข้ามายังค่ายกลมังกรหยินหยางแล้วจึงค่อยลัดเลาะไปเข้าถ้ำที่สามจากทิศใต้
หลิงหยุนครั้งก่อนที่เจ้ามาสำรวจใต้หลุมยักษ์แห่งนี้ เจ้าได้สิ่งใดกลับไปบ้างรึ เมื่อได้โอกาสเย่ซิงเฉินจึงรีบถามขึ้นทันที
ครั้งนั้นข้าได้สมบัติล้ำค่ากลับไปมากมายไม่ว่าจะเป็นกระบี่โลหิตเทวะ กระบี่มังกรขาว หม้อเสินหนง น้ำลายมังกร น้ำเต้าวิเศษ….
หลิงหยุนเล่าเรื่องการสำรวจก้นหลุมยักษ์ในครั้งนั้นให้เย่ซิงเฉินฟังอย่างละเอียดเว้นเพียงแค่เรื่องความลับของพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์ และสมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพเท่านั้น ยิ่งหลิงหยุนเล่าไปนานเท่าใดริมฝีปากของเย่ซิงเฉินก็ยิ่งอ้ากว้างมากขึ้นเท่านั้น และท้ายที่สุดก็ได้แต่ร้องอุทานออกมาอย่างตื่นเต้นตกใจ!
มิน่าเล่า..ชาวยุทธคนอื่นๆที่ลงมาสำรวจก้นหลุมยักษ์หลังจากนั้น จึงมิได้สมบัติล้ำค่าใดติดไม้ติดมือกลับไปด้วยเลย ที่แท้เจ้าก็ขนกลับไปจนหมดนี่เอง!
ซิงเฉิน..เจ้าเองก็ได้ยินหลวงจีนวัดเส้าหลินพูดไม่ใช่รึ! เขามักจะพูดเสมอว่าข้าคือคนผู้นั้น หากข้าไม่ขนสมบัติทั้งหมดกลับไปด้วยในครั้งนั้น ข้ายังจะเป็นคนผู้นั้นได้อีกรึ?! หลิงหยุนยิ้มกว้างจนเผยให้เห็นฟันขาว..
คำพูดประโยคนี้ของหลิงหยุนทำให้เย่ซิงเฉินอยากจะเอ่ยถามออกไปว่าเวลานี้พู่กันจักรพรรดิกับสมุดจักรพรรดิอยู่ที่เขาด้วยหรือไม่ แต่กลับเปลี่ยนใจกล้ำกลืนคำพูดทั้งหมดกลับลงลำคอไปดังเดิม..
เย่ซิงเฉินเป็นคนเฉลียวฉลาดและรู้ว่าหากหลิงหยุนต้องการจะบอกนาง เขาย่อมต้องบอกนางไปแล้ว แต่หากนางคะยั้นคะยอและดึงดันที่จะรู้ให้ได้ ไม่แน่ว่าหลิงหยุนอาจยอมพูด แต่ความรู้สึกก็จะเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน และเย่ซิงเฉินก็ไม่ต้องการให้ความรู้สึกเช่นนั้นเกิดขึ้นกับตนเองและหลิงหยุน
เย่ซิงเฉินจ้องมองไปยังถ้ำด้านหน้าพร้อมกับเอ่ยถามหลิงหยุนว่า พวกเราจะเข้าไปในถ้ำเลยหรือไม่
ไม่ต้องรีบร้อนก่อนอื่นพวกเราไปสำรวจใต้แม่น้ำนี่ก่อน!
ครั้งก่อนนั้นหลิงหยุนถูกปลาประหลาดยักษ์ใต้แม่น้ำมืดมิดนี้จู่โจมทำให้เขาไม่กล้าที่จะอยู่ในแม่น้ำนานนัก แต่เวลานี้เขามีแก้วจ้าวสมุทรอยู่ในมือ จึงไม่ต้องการที่จะพลาดโอกาสที่จะได้ลงไปสำรวจใต้แม่น้ำอย่างเด็ดขาด
ตามใจเจ้า!
เย่ซิงเฉินทำหน้าที่เป็นผู้ติดตามที่ดีและเริ่มตื่นเต้นที่จะได้ลงไปสำรวจใต้แม่น้ำที่มือมิดแห่งนี้ นางยื่นแก้วจ้าวสมุทรในมือให้หลิงหยุน และให้เขาเป็นผู้นำลงไปด้านล่างทันที
ลงไปสำรวจด้านล่างกันดีกว่าข้าอยากรู้ว่าน้ำในแม่น้ำสายนี้ไหลมาจากที่ใดกันแน่
หลิงหยุนคาดเดาตั้งแต่ที่เมื่อครั้งที่มาสำรวจครั้งก่อนแล้วว่าปริมาณน้ำจำนวนมากที่พวยพุ่งขึ้นจากแม่น้ำแห่งนี้จนเต็มหลุมยักษ์ ไม่แน่ว่าแม้น้ำสายนี้อาจเชื่อมต่อไปถึงทะเลจีนตะวันออกก็เป็นได้ เขาจึงต้องการที่จะไปสำรวจดูให้เห็นกับตา
ไม่แน่ว่าน้ำในแม่น้ำอาจจะมาจากทะเลสาบจิงฉูก็เป็นได้ เย่ซิงเฉินคาดการ
เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!แม้ทะเลสาบจิงฉูจะกว้างใหญ่ แต่ก็ลึกเพียงแค่เจ็ดหรือแปดเมตรเท่านั้น ก้นทะเลสาบจิงฉูจึงห่างจากแม่น้ำสายนี้มากกว่าสองร้อยเมตรทีเดียว ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะเชื่อมต่อกัน..
ระหว่างที่หลิงหยุนตอบเย่ซิงเฉินนั้นเขาก็ได้เดินมาถึงตรงกลางหลุมยักษ์ซึ่งเป็นช่วงที่น้ำเชี่ยวมาก แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเขา เพราะกระแสน้ำที่รุนแรงนั้นไม่อาจไหลเข้าไปในบริเวณรัศมีของแก้วจ้าวสมุทรได้ จึงไม่ส่งผลใดๆต่อเขากับเย่ซิงเฉิน
เย่ซิงเฉินเดินตามหลิงหยุนไปติดๆจากนั้นทั้งสองคนก็เริ่มเดินลงไปสำรวจใต้แม่น้ำที่มืดมิด ทั้งคู่ว่ายไปตามพื้นที่ว่างราวกับเหาะอยู่กลางอากาศ และเพียงแค่ชั่วอึดใจก็สามารถลงไปได้ลึกมากกว่าหนึ่งร้อยเมตร นับว่าเป็นความเร็วที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก
แม่น้ำมืดมิดสายนี้ไหลทอดจากทิศตะวันตกไปทางทิศตะวันออกแต่เมื่อทั้งคู่ว่ายแหวกอากาศมาไปตามเส้นทางได้ราวเจ็ดถึงแปดกิโลเมตร พวกเขาก็พบว่าสายน้ำได้เบี่ยงขึ้นไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือแทน..
หลังจากสำรวจไกลไปอีกเจ็ดกิโลเมตรได้หลิงหยุนก็พบว่าแม่น้ำสายนี้ได้กลายเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ใต้เมืองจิงฉู และแม่น้ำมืดมิดแห่งนี้ก็คือแม่น้ำสายหลัก ในขณะเดียวกันก็มีแม่น้ำอีกนับสิบสายที่ไหลมาจากทุกทิศทาง ลงสู่แม่น้ำสายนี้จนเกิดเป็นกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก มืดสนิทจริงๆ!เวลานี้ดูเมือนพวกเราจะอยู่ลึกลงไปใต้ดินของเมืองจิงฉูมากกว่าหนึ่งร้อยเมตร..
แม้กระแสน้ำใต้แม่น้ำแห่งนี้จะเชี่ยวกรากแต่ก็ยังไม่รุนแรงเท่ากับกระแสน้ำที่อยู่กลางหลุมยักษ์ และเวลานี้พวกเขาก็อยู่ใต้ดินใกล้กับเมืองจิงฉูมาก
ข้าพอที่จะคาดเดาได้แล้วว่ากระแสน้ำภายในแม่น้ำที่มืดมิดแห่งนี้มาจากที่ใดพวกเราไปสำรวจดูต่ออีกหน่อยแล้วค่อยกลับออกไป..
เย่ซิงเฉินพยักหน้าและตามหลิงหยุนไปทันที ในเวลาไม่ถึงสิบนาที ทั้งคู่ก็เดินออกไปได้ไกลกว่าสามสิบกิโลเมตร และเวลานี้้น้ำในแม่น้ำแห่งนี้ก็สูงขึ้นจนเกือบจะติดกับผืนดินด้านบน
จากนั้นหลิงหยุนกับเย่ซิงเฉินก็หันไปมองหน้ากันพร้อมกับพูดขึ้นมาพร้อมกัน แม่น้ำจิงฉู!
ในที่สุดหลิงหยุนก็พบว่ากระแสน้ำหลักของแม่น้ำใต้ผืนดินแห่งนี้ เกิดจากแม่น้ำจิงฉูซึ่งอยู่ชานเมืองทางตอนเหนือ ที่ไหลผ่านบริเวณตะวันเฉียงเหนือ ผ่านภูเขามากมายหลายลูก รวมกับน้ำตกและน้ำฝน ก่อนจะแทรกซึมลงสู่ผืนดินเบื้องล่าง
นี่คือวัฏจักรของน้ำขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อกันระหว่างทะเลจีนตะวันออกอ่าวจิงฉู แม่น้ำใต้หลุมยักษ์สายนี้ ก่อนจะไหลวนสู่ทะเลจีนตะวันออกอีกครั้ง!!
และหากมังกรทั้งสองตัวของเขาได้ซ่อนอยู่ในแม่น้ำใต้หลุมยักษ์แห่งนี้คนตระกูลหลงก็คงไม่สามารถจับตัวพวกมันได้แน่!
และในที่สุดหลิงหยุนก็หาสถานที่หลบซ่อนตัวที่ปลอดภัยให้กับเจ้าตัวใหญ่และเจ้าสีนิลได้แล้วนับว่าเป็นการสำรวจใต้น้ำที่คุ้มค่ายิ่งนัก!
เอาล่ะไม่ต้องสำรวจต่อแล้ว กลับขึ้นไปที่หลุมยักษ์ดีกว่า!
หลิงหยุนกับเย่ซิงเฉินตัดสินใจกลับขึ้นไปที่หลุมยักษ์และไม่สำรวจต่อ ระหว่างทางที่เดินกลับนั้น เย่ซิงเฉินก็ได้แต่เอ่ยชื่นชมหลิงหยุนออกมาจากใจจริง
หลิงหยุนเจ้าช่างเป็นคนที่เก่ง และรอบรู้ยิ่งนัก!
……
ยี่สิบนาทีต่อมาหลิงหยุนกับเย่ซิงเฉินก็กลับขึ้นมาบนหลุมยักษ์ตามเดิม และครั้งนี้ทั้งคู่ก็มุ่งหน้าไปยังถ้ำที่อยู่ทางด้านเขาหยกด้านใต้ทันที
ครั้งก่อนหลิงหยุนกับเจ้าขาวปุยก็เคยเข้ามาในถ้ำแห่งนี้แต่เวลานี้เนื่องจากมีน้ำท่วมหลุมยักษ์สูงมากกว่าหนึ่งร้อยเมตร ทำให้ถ้ำหินแห่งนี้ถูกน้ำท่วมไปด้วย แต่นั่นก็ไม่ได้สร้างปัญหาใดๆให้กับหลิงหยุนและเย่ซิงเฉิน เพราะด้วยอานุภาพของแก้วจ้าวสมุทร ทำให้ทั้งคู่สามารถเดินไปได้โดยที่ไม่ถูกน้ำภายในถ้ำรบกวน
ใช่แล้ว..ดวงตาหยินยังคงอยู่ตรงนั้น!
หลิงหยุนก้าวเข้าไปภายในถ้ำหินและสามารถสัมผัสได้ถึงพลังหยินอ่อนๆในทันที ทำให้เขารู้สึกมีความสุขยิ่งนัก
เขาหยกด้านใต้นั้นเป็นบริเวณดวงตาหยินแม้ค่ายกลมังกรหยิน–หยางจะถูกทำลายลงแล้ว แต่หลิงหยุนก็ยังคงสามารถสัมผัสถึงพลังหยินได้ แม้จะบางเบากว่าก่อนหน้านี้มาก แต่ก็เป็นเครื่องยืนยันได้ว่าดวงตาหยินแห่งนี้ยังไม่ถูกทำลาย..
หลิงหยุนย่อมต้องมีความสุขอย่างมากเพราะเขาฝึกวิชาพลังลับหยิน–หยาง และอีกเพียงไม่กี่วันเขาก็จะเข้าสู่ด่านกลางของขั้นพลังชี่แล้ว สิ่งที่ต้องการมากที่สุดก็คือพลังหยินและหยาง ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่รีบร้อนรุดมาที่นี่..
เจ้าตามข้ามา!
หลิงหยุนยังคงรู้สึกคุ้นเคยกับทุกสิ่งทุกอย่างในถ้ำแห่งนี้และรีบนำเย่ซิงเฉินตรงเข้าไปด้านในทันที
ที่ผนังถ้ำด้านหน้าหลิงหยุนเวลานี้มีถ้ำหินที่เหมือนกันอย่างมากอยู่สองถ้ำ.. ด้านไหนกันนะที่เป็นถ้ำประตูแห่งความตายน่าจะเป็นด้านขวา..
หลิงหยุนตัดสินใจเดินนำเย่ซิงเฉินเข้าไปในถ้ำประตูแห่งความตายและเริ่มสัมผัสได้ถึงความเย็นที่เพิ่มสูงขึ้น และพลังหยินที่รุนแรงขึ้น