Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - บทที่ 1380 : ข้อเรียกร้อง
เวลานี้หลงลั่วอวี๋หลงจ้าวเจียง และหลงจ้าวไห่ที่พุ่งขึ้นมาจากท้องทะเล และเปียกปอนไปทั้งร่างนั้น ก็ได้แต่จ้องมองหลิงหยุนด้วยความโมโหเกรี้ยวกราด
หลิงหยุนจ้องมองผู้เฒ่าตระกูลหลงทั้งสามด้วยสีหน้าขบขันจากนั้นจึงร้องตะโกนบอกไปว่า “หลิงหยุนอยู่นี่แล้ว พวกเจ้าคนใดต้องการที่จะมาสะสางบัญชีกับข้า ก็เข้ามาได้เลย!”
ในเมื่อทั้งหมดต่างก็เป็นศัตรูของเขาหลิงหยุนจึงคร้านที่จะเสียเวลาพูดจาไร้สาระด้วยอีก..
“ข้าคือหลงลั่วอวี๋ผู้นำตระกูลหลงคนก่อน!”
“ข้าหลงจ้าวเจียงแห่งตระกูลหลง!”
“ข้าหลงจ้าวไห่แห่งตระกูลหลง!”
“ข้านักบวชเล่ยถิงแห่งชางจิงกงจากเขาหลงหู่!”
“ข้านักบวชจางหลู่เอวี๋ยนแห่งเทียนชี่ฝูจากเขาหลงหู่!”
ทั้งห้าคนต่างก็เปิดเผยฐานะของตนเองอย่างไม่คิดที่จะปิดบัง..
หลิงหยุนยิ้มอย่างพึงพอใจพร้อมกับพยักหน้ารับรู้นั่นเพราะนอกเหนือจากเย่ชิงซิน สองยอดฝีมือแห่งคุนหลุน และหลงฮ่าวเฉียนแล้ว นี่ก็เป็นยอดฝีมืออีกห้าคนที่ล้วนแล้วแต่อยู่ในด่านสุดท้ายขั้นพลังชี่ทั้งสิ้น
หลิงหยุนเพิ่งจะรับทัณฑ์สวรรค์สำเร็จการที่มียอดฝีมือด่านสุดท้ายขั้นพลังชี่มาให้ทดสอบฝีมือเช่นนี้ นับว่าเป็นโอกาสที่ดีไม่น้อยสำหรับเขาเลยทีเดียว!
หลิงหยุนไม่สนใจผู้ใดเขาหันไปหาหลงลั่วอวี๋พร้อมกัยยกมือขึ้นชี้หน้า และร้องตะโกนท้าทายทันที
“ข้าหลิงหยุนอยู่ตรงนี้แล้วในเมื่อเจ้าอยากจะประมือกับข้า ก็เชิญเข้ามาได้เลย!” “เอ่อ..”
หลงลั่วอวี๋คิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะไม่มีท่าทีหวาดกลัวแม้แต่น้อยเช่นนี้จึงได้แต่อึ้งไปเล็กน้อย..
แต่ถึงกระนั้นเหตุผลที่หลงลั่วอวี๋ตกตะลึง ก็หาใช่เพราะความแข็งแกร่ง หรือท่าทางยะโสโอหังของหลิงหยุน แต่เป็นการแต่งตัวเต็มยศของหลิงหยุนต่างหากเล่า!
เสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงสีดำ รองเท้าหนังมันวับ และเสื้อสูท หากหลิงหยุนมีเนคไทและกระเป๋าหนังด้วยแล้วล่ะก็ ผู้ใดเห็นเข้าคงต้องคิดว่าเขาแต่งตัวจะไปทำงานบริษัท หรือไม่ก็ไปสัมภาษณ์งานอย่างแน่นอน!
ไม่เพียงหลงลั่วอวี๋เท่านั้นแม้แต่ผู้เฒ่าอีกสี่คนก็อยู่ในอาการตกตะลึงไม่น้อยเช่นกัน ทำให้เย่ซิงเฉินถึงกับกลั้นหัวเราะไม่อยู่จนต้องระเบิดมันออกมา
หลงลั่วอวี๋ชะงักนิ่งอึ้งไปเพียงแค่สองสามวินาทีเท่านั้นแต่เมื่อได้สติก็ร้องตะโกนตอบหลิงหยุนกลับไปทันที “หลิงหยุนขอบอกเจ้าตามตรง ข้าตามเจ้ามาจากหลุมยักษ์จนถึงเวลานี้ จุดประสงค์เพียงอย่างเดียวของข้าคือ.. สังหารเจ้าแก้แค้นให้กับลูกชายของข้าหลงฮ่าวเฉียง และหลานชายของข้าหลงเทียนฟาง!”
จุดประสงค์ของผู้เฒ่าตระกูลหลงทั้งสามคนนั้นหลิงหยุนได้ยินอย่างชัดเจนตั้งแต่ที่อยู่ใต้ท้องทะเลแล้ว เขาจึงเพียงแค่พยักหน้ารับรู้ จากนั้นจึงหันไปถามนักบวชอาวุโสทั้งสองคน
“แล้วพวกเจ้าล่ะ..ต้องการมาแก้แค้นข้าแทนนักบวชชางจิงกง และเทียนชิงฝูที่ถูกข้าสังหารตายก่อนหน้านี้ใช่หรือไม่”
เมื่อถูกหลิงหยุนถามอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้นักบวชอาวุโสทั้งสองถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย แต่แล้วก็พยักหน้าพร้อมกัน เพราะไม่ว่าอย่างไรความแค้นที่หลิงหยุนสังหารนักบวชจากสองนิกายไปเกือบสามสิบคนนั้น ก็ต้องได้รับการสะสาง
“เยี่ยม!ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็จะปฏิบัติตามกฏของผู้บ่มเพาะ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ย่อมได้รับความนับถือสูงสุด!”
หลิงหยุนร้องบอกผู้เฒ่าทั้งห้าด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแล้วจึงถามขึ้นว่า “พวกเราประมือกันก่อน แพ้ชนะเช่นใดค่อยเจรจากันทีหลัง พวกเจ้าเห็นด้วยหรือไม่”
“ได้..ตกลงตามนี้!”
นักบวชเล่ยถิงเป็นฝ่ายพูดขึ้นเพราะในเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างก็มาเผชิญหน้ากันแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องพล่ามวาจาไร้สาระอะไรอีก
“ซิงเฉินเจ้าหลีกไปให้ห่างจากรัศมีการต่อสู้!”
หลิงหยุนหันไปยิ้มให้เย่ซิงเฉินพร้อมกับย้ำให้นางมั่นใจ“เจ้าอย่าได้กังวลใจไปเลย ข้ารับปากเจ้าจะไม่ให้เสียเวลากลับไปกินอาหารเช้าที่จิงฉูมากนัก!”
เย่ซิงเฉินจ้องมองหลิงหยุนพร้อมกับสื่อสารผ่านทางกระแสจิต–หลิงหยุน เจ้าต้องระมัดระวังตัวให้มาก– จากนั้นจึงรีบเหาะออกไปทันที หลิงหยุนหันกลับไปหาผู้เฒ่าทั้งห้าพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “พวกเจ้าเห็นแล้วใช่หรือไม่ว่าข้าไม่มีเวลามากนัก! เอาล่ะ.. เวลานี้ร่างกายของข้ายังอ่อนแออยู่มาก ข้าแนะนำให้พวกเจ้าทั้งห้าคนเข้ามาพร้อมกัน!”
“..…”
คำพูดของหลิงหยุนทำให้ผู้เฒ่าทั้งห้าคนถึงกับพูดไม่ออกในขณะที่จางหลู่เอวี๋ยนถึงกับหงุดหงิดในความอวดดีของหลิงหยุน!
ผู้เฒ่าทั้งห้าต่างก็อยู่ในขั้นปาเฉิงเชี่(ขั้นพลังชี่-8) เช่นนี้ ทั่วทั้งยุทธภพไม่เคยมีผู้ใดกล้าพูดจายะโสโอหังและอวดดีกับพวกเขาดังเช่นหลิงหยุนมาก่อน!
“เจ้าเด็กนี่ช่างยะโสโอหังยิ่งนัก!ข้าจะสั่งสอนเจ้าเอง!”
หลงลั่วอวี๋ได้ฟังคำพูดอวดดีของหลิงหยุนก็ถึงกับควันออกหูเพียงแค่กระพริบตา ร่างของเขาก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าหลิงหยุน พร้อมกับพุ่งหมัดตรงใส่ร่างของหลิงหยุนอย่างรวดเร็วด้วย! หลิงหยุนเผชิญหน้ากับหมัดอันทรงพลังของหลงลั่วอวี๋ด้วยท่าทางสงบนิ่งเขาเพียงแค่ยิ้มมุมปากในขณะเดียวกันก็ซัดหมัดของตนเองออกไปเช่นกัน!
ปัง!
แล้วพลังปราณจากหมัดของคนทั้งสองก็ปะทะกันอย่างรุนแรงจนเสียงดังสนั่นหวั่นไหว..
ในระหว่างนั้นเองเสียงดังแกร๊กก็ดังแทรกขึ้นมา..
ปรากกฏว่าหมัดของหลงลั่วอวี๋ที่ถูกหมัดของหลิงหยุนกระแทกเข้าไปอย่างรุนแรงนั้นกระดูกมือข้างขวาของเขาถึงกับแตกละเอียด และร่างก็กระเด็นลอยละลิ่วออกไปไกลนับพันเมตร!
หลิงหยุนไม่รอช้าเขาใช้วิชาเงาลวงตาเคลื่อนที่ไปกลางอากาศด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ และซัดกำปั้นของตนเข้าใส่ร่างของผู้เฒ่าอีกสี่คนที่เหลือทันที! ปัง!ปัง! ปัง! ปัง!
ด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อของหลิงหยุนนั้นทำให้ผู้เฒ่าทั้งสี่ไม่มีใครสักคนที่สามารถหลบหนีการจู่โจมของหลิงหยุนได้ทัน จึงได้แต่ยกหมัดขึ้นมาต้านไว้!
เสียงกระดูกแตกลั่นขึ้นติดๆกันถึงสี่ครั้งและแต่ละคนที่ถูกหมัดของหลิงหยุนเข้าไปนั้น ก็ถึงกับกระดูกมือแตกพร้อมกับเส้นเอ็นฉีกขาดไปตามๆกัน
หลังจากที่รับทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้ได้สำเร็จหลิงหยุนแข็งแกร่งขึ้นมากจนกระทั่งสามารถจัดการกับยอดฝีมืออาวุโสขั้นปาเฉิงชี่ทั้งห้าได้ เพียงแค่การออกหมัดห้าครั้งเท่านั้น!
“อ่อ..ข้าลืมบอกพวกเจ้าไปว่า หลังจากรับทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้สำเร็จ ผู้ที่อยู่ต่ำกว่าขั้นก่อสร้างรากฐาน หาใช่คู่ต่อสู้ของข้าอีกต่อไปไม่!”
หลิงหยุนยิ้มหยันพร้อมกับร้องบอกผู้เฒ่าทั้งห้าและหลิงหยุนก็หาได้โอ้อวดแต่อย่างใดไม่ สิ่งที่เขาพูดไปทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นความจริง..
ขั้นพลังของหลิงหยุนก่อนหน้าที่จะรับทัณฑ์สวรรค์คือด่านกลางขั้นอู่เฉิงชี่(ขั้นพลังชี่-5) ก็จริง แต่หลังจากที่เขาผ่านการรับทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จ ทั้งกายเนื้อและจิตหยั่งรู้ของเขาก็ได้ถูกพลังสายฟ้าบ่มเพาะ จนสามารถเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นอู่เฉิงชี่ได้!
และสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดของหลิงหยุนในเวลานี้คือ..ความรวดเร็วในการกลั่นเสินหยวน จุดตันเถียน เส้นลมปราณ จุดฝังเข็ม และจุดซือไห่กึ่งกลางหว่างคิ้วของเขานั่นเอง!
นั่นเพราะพลังหยินและหยางภายในร่างกายของหลิงหยุนนั้นล้วนแล้วแต่ถูกสร้างขึ้นภายในจุดตันเถียน ก่อนจะไหลเวียนไปตามเส้นลมปราณ และเข้าสู่จุดฝังเข็มต่างๆทั่วร่าง ท้ายที่สุดจึงไหลเวียนเข้าสู่จุดซือไห่กึ่งกลางหว่างคิ้วซึ่งเป็นบริเวณที่ใช้กลั่นเสินหยวน
และทัณฑ์อสุนีบาตห้าธาตุนั้นก็ได้ทำการชะล้างบ่มเพาะจุดตันเถียน เส้นลมปราณ จุดฝังเข็ม และจุดซือไห่ของเขาจนแข็งแกร่งและมีคุณสมบัติที่เยี่ยมยอด โดยเฉพาะจุดตันเถียนของเขา ที่เวลานี้สามารถสร้างพลังหยินและหยางได้มากกว่าเดิมถึงเก้าเท่า..
และหากหลิงหยุนจงใจที่จะเดินลมปราณเพื่อสร้างพลังหยินและหยางแล้วล่ะก็ความเร็วก็จะเพิ่มขึ้นสูงถึงสิบสองเท่าก่อนที่เข้ารับทัณฑ์สวรรค์ทีเดียว..
ส่วนเส้นลมปราณที่หลังจากถูกทัณฑ์อสุนีบาตห้าธาตุบ่มเพาะนั้นก็ยิ่งมีความแข็งแกร่งขึ้นจากเดิมมาก และสามารถรองรับพลังปราณจำนวนมากที่ถูกส่งมาจากจุดตันเถียนได้อย่างแข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อ..
ในขณะที่จุดซือไห่กลางหว่างคิ้วของเขานั้นก็ยิ่งทรงพลังทันทีที่พลังหยินและหยางถูกส่งเข้าจุดซือไห่นั้น ก็จะถูกกลั่นเป็นหยดเสินหยวนในทันที หากสามารถมองเห็นได้จากด้านนอก จะพบว่าภายในจุดซือไห่กึ่งกลางหว่างคิ้วของหลิงหยุนนั้น จะมีหยดน้ำไหลลงตลอดเวลาคล้ายกับมีฝนตกก็ไม่ปาน.. และในสภาพปกติจุดซือไห่ของหลิงหยุนเวลานี้ก็สามารถกลั่นเสินหยวนได้ถึงห้าพันสี่ร้อยหยดภายในหนึ่งชั่วโมง ซึ่งนับว่าเร็วกว่าเมื่อครั้งที่หลิงหยุนยังอยู่ในระดับสูงสุดขั้นซานเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-3) ถึงสามสิบเท่า!
ฉะนั้นแล้วในหนึ่งวันหลิงหยุนจะสามารถกลั่นเสินหยวนได้มากถึงหนึ่งแสนสองหมื่นหกพันหยดเลยทีเดียว!
สำหรับผู้บ่มเพาะนั้นหาใช่ทุกคนที่พัฒนาเข้าสู่ขั้นใหญ่จะต้องแข็งแกร่งเท่าเทียมกันเสมอไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยอีกหลายๆอย่าง แต่ในการพัฒนาพลังระดับย่อยเท่านั้นที่จะไม่แตกต่างกันนัก..
แต่คุณภาพการพัฒนาพลังในระดับย่อยก็ส่งผลต่อคุณภาพในการพัฒนาเข้าสู่ขั้นใหญ่เช่นกัน..
แต่สิ่งที่จะทำให้ผู้บ่มเพาะเกิดการเปลี่ยนแปลงหลังพัฒนาขั้นอย่างมีประสิทธิภาพที่สุดก็คือการรับทัณฑ์สวรรค์นั่นเอง! แม้หลิงหยุนจะยังมีไพ่อยู่ในมืออีกมากมายแต่เพียงแค่หมัดของเขาก็สามารถจัดการผู้เฒ่าทั้งห้านี้ได้แล้ว..
และเวลานี้ทั้งหลงลั่วอวี๋หลงจ้าวเจียง หลงจ้าวไห่ นักบวชเล่ยถิง และนักบวชจางหลู่เอวี๋ยน ก็ถึงกับได้รับบาดเจ็บจากหมัดของหลิงหยุนเพียงแค่หมัดเดียว และร่างของพวกเขาทั้งห้าก็ลอยกระเด็นไปกองรวมกัน
สีหน้าของหลงลั่วอวี๋เวลานี้บ่งบอกว่ากำลังตกใจสุดขีดเพราะความแข็งแกร่งของหลิงหยุนเวลานี้ เหนือความคาดหมายของเขาอย่างมาก!
จากนั้นผู้เฒ่าทั้งห้าคนก็รีบทำการเผาหยดเสินหยวนของตนเองทันที!
ทั้งหมดต่างก็ใช้พลังวิเศษจากการเผาเสินหยวนของตนรักษาอาการบาดเจ็บเสียก่อนจากนั้นนักบวชเล่ยถิงก็ได้หยิบยันต์บำบัดของตนออกมาส่งให้ผู้เฒ่าอีกสี่คนเก็บไว้..
หลิงหยุนยืนมองด้วยท่าทีสงบนิ่งระหว่างที่มองผู้เฒ่าทั้งห้าคนกำลังรักษาอาการบาดเจ็บของตน เขาจึงร้องตะโกนถามออกไปว่า
“พวกเจ้ายังอยากจะเล่นสนุกอีกหรือไม่”
หลงลั่วอวี๋หันไปกระซิบกับนักบวชทั้งสอง“หลิงหยุนไม่ได้พูดโอ้อวดเลยแม้แต่น้อย หลังจากรับทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้ ต่ำกว่าขั้นก่อสร้างรากฐาน ล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!”
ผู้เฒ่าทั้งห้าต่างก็หันไปมองหน้ากันด้วยความอับอายและแทบไม่ต้องต่อสู้อีกต่อไป เพราะพวกเขารู้ดีว่าผลจะออกมาเป็นเช่นใด แต่ก็ไม่กล้าเหาะหนีไปเฉยๆเช่นนี้หากหลิงหยุนยังไม่อนุญาต เพราะหลิงหยุนสามารถเหาะได้เร็วกว่าพวกเขาถึงสองเท่า!
แล้วจู่ๆร่างของหลิงหยุนก็มาปรากฏอยู่หน้าผู้เฒ่าทั้งห้าคน ทั้งหมดถึงกับผงะถอยหลังไปถึงสองสามก้าว หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นว่า
“ดูท่าพวกเจ้าทั้งหมดคงไม่ต้องการที่จะสู้กับข้าอีกแล้วสินะ!” จากนั้นหลิงหยุนก็หันไปทางหลงลั่วอวี๋พร้อมกับตั้งใจพูดกับเขาโดยตรง“เท่าที่ข้ารู้ในตอนนี้ ระหว่างตระกูลหลงกับตระกูลหลิงยังไม่มีความแค้นกันถึงขั้นที่จะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ ในคืนที่ประมือกับคนตระกูลหลง ข้าจึงตั้งใจที่จะไม่เอาชีวิตหลงฮ่าวเฉียน และหลงเทียนฟาง อีกทั้งยังตั้งใจปล่อยหลงเทียนซินไปด้วย..”
“ส่วนมังกรดำที่อยู่ในป่าเสินหนงเจี๋ยนั้นก็เป็นมังกรของข้าเพียงแต่ข้าไม่มีสถานที่ที่จะเลี้ยงมันไว้ จึงปล่อยให้มันเติบใหญ่อยู่ในแม่น้ำเช่นนั้นก่อน..”
“และหินมังกรเขียวที่อยู่ใต้หลุมยักษ์นั้นก็เป็นของข้าเช่นกันและที่ข้านำไปเก็บไว้ที่นั่นก็เพราะไม่มีที่เก็บเช่นกัน..”
“ส่วนมังกรสีแดงในบ่อมังกรทะเลสาบผอหยางนั้นในเมื่อหลานชายของเจ้าหลงเทียนฟางจงใจซัดหมัดให้ข้าตกลงไปที่นั่น มังกรนั่นย่อมเป็นของข้าเช่นกัน”
“และในเมื่อวันนี้ข้าเป็นฝ่ายชนะ..ข้าจึงมีข้อเรียกร้องให้กับตระกูลหลงทั้งหมดสามข้อ!”
“ข้อแรก..เมืองจิงฉูเป็นเขตอิทธิพลของข้า นับจากนี้ไปห้ามคนตระกูลหลงส่งผู้ใดไปเหยียบที่นั่นอีกเด็ดขาด!”
“ข้อสอง..ป่าเสินหนงเจี๋ยก็เป็นเขตอิทธิพลของข้าอีกเช่นกัน จากนี้ไปห้ามคนตระกูลหลงส่งผู้ใดไปเหยียบที่นั่นโดยเด็ดขาด!”
“และสาม..สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้อยู่ในการดูแลอารักขาของตระกูลฉินมานานกว่าสองพันปี อีกไม่ช้าข้าจะไปสำรวจที่นั่น และนับจากนี้ไปห้ามคนตระกูลหลงเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสุสานแห่งนี้อย่างเด็ดขาดเช่นกัน!”
“ข้อเรียกร้องทั้งสามข้อของข้านั้นเจ้าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยนั้น ข้าหาได้สนใจไม่! แต่ข้าขอเตือนไว้ก่อนว่า หากคนตระกูลหลงไม่ว่าผู้ใดก็ตาม กล้าฝ่าฝืนข้อเรียกร้องทั้งสามของข้าแล้วล่ะก็ วันหน้าอย่าได้ตำหนิว่าข้าโหดเหี้ยมต่อคนตระกูลหลง!” หลิงหยุนหยุดนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วจึงพูดต่อว่า “อ่อ.. ยังมีอีกหนึ่งเรื่อง ข้ารู้ว่าหลงคุนกับหลงหวู่สองพ่อลูกล้วนอยู่ในกำมือของตระกูลหลง เมื่อข้ากลับถึงปักกิ่ง หวังว่าจะได้เห็นพวกเขาทั้งคู่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระแล้ว..”
“หากพวกเจ้าทั้งสามคนเข้าใจคำพูดของข้าดีแล้วก็เชิญกลับไปได้!”
หลิงหยุนจ้องมองผู้เฒ่าตระกูลหลงทั้งสามด้วยสีหน้าขบขันจากนั้นจึงร้องตะโกนบอกไปว่า “หลิงหยุนอยู่นี่แล้ว พวกเจ้าคนใดต้องการที่จะมาสะสางบัญชีกับข้า ก็เข้ามาได้เลย!”
ในเมื่อทั้งหมดต่างก็เป็นศัตรูของเขาหลิงหยุนจึงคร้านที่จะเสียเวลาพูดจาไร้สาระด้วยอีก..
“ข้าคือหลงลั่วอวี๋ผู้นำตระกูลหลงคนก่อน!”
“ข้าหลงจ้าวเจียงแห่งตระกูลหลง!”
“ข้าหลงจ้าวไห่แห่งตระกูลหลง!”
“ข้านักบวชเล่ยถิงแห่งชางจิงกงจากเขาหลงหู่!”
“ข้านักบวชจางหลู่เอวี๋ยนแห่งเทียนชี่ฝูจากเขาหลงหู่!”
ทั้งห้าคนต่างก็เปิดเผยฐานะของตนเองอย่างไม่คิดที่จะปิดบัง..
หลิงหยุนยิ้มอย่างพึงพอใจพร้อมกับพยักหน้ารับรู้นั่นเพราะนอกเหนือจากเย่ชิงซิน สองยอดฝีมือแห่งคุนหลุน และหลงฮ่าวเฉียนแล้ว นี่ก็เป็นยอดฝีมืออีกห้าคนที่ล้วนแล้วแต่อยู่ในด่านสุดท้ายขั้นพลังชี่ทั้งสิ้น
หลิงหยุนเพิ่งจะรับทัณฑ์สวรรค์สำเร็จการที่มียอดฝีมือด่านสุดท้ายขั้นพลังชี่มาให้ทดสอบฝีมือเช่นนี้ นับว่าเป็นโอกาสที่ดีไม่น้อยสำหรับเขาเลยทีเดียว!
หลิงหยุนไม่สนใจผู้ใดเขาหันไปหาหลงลั่วอวี๋พร้อมกัยยกมือขึ้นชี้หน้า และร้องตะโกนท้าทายทันที
“ข้าหลิงหยุนอยู่ตรงนี้แล้วในเมื่อเจ้าอยากจะประมือกับข้า ก็เชิญเข้ามาได้เลย!” “เอ่อ..”
หลงลั่วอวี๋คิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะไม่มีท่าทีหวาดกลัวแม้แต่น้อยเช่นนี้จึงได้แต่อึ้งไปเล็กน้อย..
แต่ถึงกระนั้นเหตุผลที่หลงลั่วอวี๋ตกตะลึง ก็หาใช่เพราะความแข็งแกร่ง หรือท่าทางยะโสโอหังของหลิงหยุน แต่เป็นการแต่งตัวเต็มยศของหลิงหยุนต่างหากเล่า!
เสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงสีดำ รองเท้าหนังมันวับ และเสื้อสูท หากหลิงหยุนมีเนคไทและกระเป๋าหนังด้วยแล้วล่ะก็ ผู้ใดเห็นเข้าคงต้องคิดว่าเขาแต่งตัวจะไปทำงานบริษัท หรือไม่ก็ไปสัมภาษณ์งานอย่างแน่นอน!
ไม่เพียงหลงลั่วอวี๋เท่านั้นแม้แต่ผู้เฒ่าอีกสี่คนก็อยู่ในอาการตกตะลึงไม่น้อยเช่นกัน ทำให้เย่ซิงเฉินถึงกับกลั้นหัวเราะไม่อยู่จนต้องระเบิดมันออกมา
หลงลั่วอวี๋ชะงักนิ่งอึ้งไปเพียงแค่สองสามวินาทีเท่านั้นแต่เมื่อได้สติก็ร้องตะโกนตอบหลิงหยุนกลับไปทันที “หลิงหยุนขอบอกเจ้าตามตรง ข้าตามเจ้ามาจากหลุมยักษ์จนถึงเวลานี้ จุดประสงค์เพียงอย่างเดียวของข้าคือ.. สังหารเจ้าแก้แค้นให้กับลูกชายของข้าหลงฮ่าวเฉียง และหลานชายของข้าหลงเทียนฟาง!”
จุดประสงค์ของผู้เฒ่าตระกูลหลงทั้งสามคนนั้นหลิงหยุนได้ยินอย่างชัดเจนตั้งแต่ที่อยู่ใต้ท้องทะเลแล้ว เขาจึงเพียงแค่พยักหน้ารับรู้ จากนั้นจึงหันไปถามนักบวชอาวุโสทั้งสองคน
“แล้วพวกเจ้าล่ะ..ต้องการมาแก้แค้นข้าแทนนักบวชชางจิงกง และเทียนชิงฝูที่ถูกข้าสังหารตายก่อนหน้านี้ใช่หรือไม่”
เมื่อถูกหลิงหยุนถามอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้นักบวชอาวุโสทั้งสองถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย แต่แล้วก็พยักหน้าพร้อมกัน เพราะไม่ว่าอย่างไรความแค้นที่หลิงหยุนสังหารนักบวชจากสองนิกายไปเกือบสามสิบคนนั้น ก็ต้องได้รับการสะสาง
“เยี่ยม!ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็จะปฏิบัติตามกฏของผู้บ่มเพาะ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ย่อมได้รับความนับถือสูงสุด!”
หลิงหยุนร้องบอกผู้เฒ่าทั้งห้าด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแล้วจึงถามขึ้นว่า “พวกเราประมือกันก่อน แพ้ชนะเช่นใดค่อยเจรจากันทีหลัง พวกเจ้าเห็นด้วยหรือไม่”
“ได้..ตกลงตามนี้!”
นักบวชเล่ยถิงเป็นฝ่ายพูดขึ้นเพราะในเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างก็มาเผชิญหน้ากันแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องพล่ามวาจาไร้สาระอะไรอีก
“ซิงเฉินเจ้าหลีกไปให้ห่างจากรัศมีการต่อสู้!”
หลิงหยุนหันไปยิ้มให้เย่ซิงเฉินพร้อมกับย้ำให้นางมั่นใจ“เจ้าอย่าได้กังวลใจไปเลย ข้ารับปากเจ้าจะไม่ให้เสียเวลากลับไปกินอาหารเช้าที่จิงฉูมากนัก!”
เย่ซิงเฉินจ้องมองหลิงหยุนพร้อมกับสื่อสารผ่านทางกระแสจิต–หลิงหยุน เจ้าต้องระมัดระวังตัวให้มาก– จากนั้นจึงรีบเหาะออกไปทันที หลิงหยุนหันกลับไปหาผู้เฒ่าทั้งห้าพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “พวกเจ้าเห็นแล้วใช่หรือไม่ว่าข้าไม่มีเวลามากนัก! เอาล่ะ.. เวลานี้ร่างกายของข้ายังอ่อนแออยู่มาก ข้าแนะนำให้พวกเจ้าทั้งห้าคนเข้ามาพร้อมกัน!”
“..…”
คำพูดของหลิงหยุนทำให้ผู้เฒ่าทั้งห้าคนถึงกับพูดไม่ออกในขณะที่จางหลู่เอวี๋ยนถึงกับหงุดหงิดในความอวดดีของหลิงหยุน!
ผู้เฒ่าทั้งห้าต่างก็อยู่ในขั้นปาเฉิงเชี่(ขั้นพลังชี่-8) เช่นนี้ ทั่วทั้งยุทธภพไม่เคยมีผู้ใดกล้าพูดจายะโสโอหังและอวดดีกับพวกเขาดังเช่นหลิงหยุนมาก่อน!
“เจ้าเด็กนี่ช่างยะโสโอหังยิ่งนัก!ข้าจะสั่งสอนเจ้าเอง!”
หลงลั่วอวี๋ได้ฟังคำพูดอวดดีของหลิงหยุนก็ถึงกับควันออกหูเพียงแค่กระพริบตา ร่างของเขาก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าหลิงหยุน พร้อมกับพุ่งหมัดตรงใส่ร่างของหลิงหยุนอย่างรวดเร็วด้วย! หลิงหยุนเผชิญหน้ากับหมัดอันทรงพลังของหลงลั่วอวี๋ด้วยท่าทางสงบนิ่งเขาเพียงแค่ยิ้มมุมปากในขณะเดียวกันก็ซัดหมัดของตนเองออกไปเช่นกัน!
ปัง!
แล้วพลังปราณจากหมัดของคนทั้งสองก็ปะทะกันอย่างรุนแรงจนเสียงดังสนั่นหวั่นไหว..
ในระหว่างนั้นเองเสียงดังแกร๊กก็ดังแทรกขึ้นมา..
ปรากกฏว่าหมัดของหลงลั่วอวี๋ที่ถูกหมัดของหลิงหยุนกระแทกเข้าไปอย่างรุนแรงนั้นกระดูกมือข้างขวาของเขาถึงกับแตกละเอียด และร่างก็กระเด็นลอยละลิ่วออกไปไกลนับพันเมตร!
หลิงหยุนไม่รอช้าเขาใช้วิชาเงาลวงตาเคลื่อนที่ไปกลางอากาศด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ และซัดกำปั้นของตนเข้าใส่ร่างของผู้เฒ่าอีกสี่คนที่เหลือทันที! ปัง!ปัง! ปัง! ปัง!
ด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อของหลิงหยุนนั้นทำให้ผู้เฒ่าทั้งสี่ไม่มีใครสักคนที่สามารถหลบหนีการจู่โจมของหลิงหยุนได้ทัน จึงได้แต่ยกหมัดขึ้นมาต้านไว้!
เสียงกระดูกแตกลั่นขึ้นติดๆกันถึงสี่ครั้งและแต่ละคนที่ถูกหมัดของหลิงหยุนเข้าไปนั้น ก็ถึงกับกระดูกมือแตกพร้อมกับเส้นเอ็นฉีกขาดไปตามๆกัน
หลังจากที่รับทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้ได้สำเร็จหลิงหยุนแข็งแกร่งขึ้นมากจนกระทั่งสามารถจัดการกับยอดฝีมืออาวุโสขั้นปาเฉิงชี่ทั้งห้าได้ เพียงแค่การออกหมัดห้าครั้งเท่านั้น!
“อ่อ..ข้าลืมบอกพวกเจ้าไปว่า หลังจากรับทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้สำเร็จ ผู้ที่อยู่ต่ำกว่าขั้นก่อสร้างรากฐาน หาใช่คู่ต่อสู้ของข้าอีกต่อไปไม่!”
หลิงหยุนยิ้มหยันพร้อมกับร้องบอกผู้เฒ่าทั้งห้าและหลิงหยุนก็หาได้โอ้อวดแต่อย่างใดไม่ สิ่งที่เขาพูดไปทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นความจริง..
ขั้นพลังของหลิงหยุนก่อนหน้าที่จะรับทัณฑ์สวรรค์คือด่านกลางขั้นอู่เฉิงชี่(ขั้นพลังชี่-5) ก็จริง แต่หลังจากที่เขาผ่านการรับทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จ ทั้งกายเนื้อและจิตหยั่งรู้ของเขาก็ได้ถูกพลังสายฟ้าบ่มเพาะ จนสามารถเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นอู่เฉิงชี่ได้!
และสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดของหลิงหยุนในเวลานี้คือ..ความรวดเร็วในการกลั่นเสินหยวน จุดตันเถียน เส้นลมปราณ จุดฝังเข็ม และจุดซือไห่กึ่งกลางหว่างคิ้วของเขานั่นเอง!
นั่นเพราะพลังหยินและหยางภายในร่างกายของหลิงหยุนนั้นล้วนแล้วแต่ถูกสร้างขึ้นภายในจุดตันเถียน ก่อนจะไหลเวียนไปตามเส้นลมปราณ และเข้าสู่จุดฝังเข็มต่างๆทั่วร่าง ท้ายที่สุดจึงไหลเวียนเข้าสู่จุดซือไห่กึ่งกลางหว่างคิ้วซึ่งเป็นบริเวณที่ใช้กลั่นเสินหยวน
และทัณฑ์อสุนีบาตห้าธาตุนั้นก็ได้ทำการชะล้างบ่มเพาะจุดตันเถียน เส้นลมปราณ จุดฝังเข็ม และจุดซือไห่ของเขาจนแข็งแกร่งและมีคุณสมบัติที่เยี่ยมยอด โดยเฉพาะจุดตันเถียนของเขา ที่เวลานี้สามารถสร้างพลังหยินและหยางได้มากกว่าเดิมถึงเก้าเท่า..
และหากหลิงหยุนจงใจที่จะเดินลมปราณเพื่อสร้างพลังหยินและหยางแล้วล่ะก็ความเร็วก็จะเพิ่มขึ้นสูงถึงสิบสองเท่าก่อนที่เข้ารับทัณฑ์สวรรค์ทีเดียว..
ส่วนเส้นลมปราณที่หลังจากถูกทัณฑ์อสุนีบาตห้าธาตุบ่มเพาะนั้นก็ยิ่งมีความแข็งแกร่งขึ้นจากเดิมมาก และสามารถรองรับพลังปราณจำนวนมากที่ถูกส่งมาจากจุดตันเถียนได้อย่างแข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อ..
ในขณะที่จุดซือไห่กลางหว่างคิ้วของเขานั้นก็ยิ่งทรงพลังทันทีที่พลังหยินและหยางถูกส่งเข้าจุดซือไห่นั้น ก็จะถูกกลั่นเป็นหยดเสินหยวนในทันที หากสามารถมองเห็นได้จากด้านนอก จะพบว่าภายในจุดซือไห่กึ่งกลางหว่างคิ้วของหลิงหยุนนั้น จะมีหยดน้ำไหลลงตลอดเวลาคล้ายกับมีฝนตกก็ไม่ปาน.. และในสภาพปกติจุดซือไห่ของหลิงหยุนเวลานี้ก็สามารถกลั่นเสินหยวนได้ถึงห้าพันสี่ร้อยหยดภายในหนึ่งชั่วโมง ซึ่งนับว่าเร็วกว่าเมื่อครั้งที่หลิงหยุนยังอยู่ในระดับสูงสุดขั้นซานเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-3) ถึงสามสิบเท่า!
ฉะนั้นแล้วในหนึ่งวันหลิงหยุนจะสามารถกลั่นเสินหยวนได้มากถึงหนึ่งแสนสองหมื่นหกพันหยดเลยทีเดียว!
สำหรับผู้บ่มเพาะนั้นหาใช่ทุกคนที่พัฒนาเข้าสู่ขั้นใหญ่จะต้องแข็งแกร่งเท่าเทียมกันเสมอไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยอีกหลายๆอย่าง แต่ในการพัฒนาพลังระดับย่อยเท่านั้นที่จะไม่แตกต่างกันนัก..
แต่คุณภาพการพัฒนาพลังในระดับย่อยก็ส่งผลต่อคุณภาพในการพัฒนาเข้าสู่ขั้นใหญ่เช่นกัน..
แต่สิ่งที่จะทำให้ผู้บ่มเพาะเกิดการเปลี่ยนแปลงหลังพัฒนาขั้นอย่างมีประสิทธิภาพที่สุดก็คือการรับทัณฑ์สวรรค์นั่นเอง! แม้หลิงหยุนจะยังมีไพ่อยู่ในมืออีกมากมายแต่เพียงแค่หมัดของเขาก็สามารถจัดการผู้เฒ่าทั้งห้านี้ได้แล้ว..
และเวลานี้ทั้งหลงลั่วอวี๋หลงจ้าวเจียง หลงจ้าวไห่ นักบวชเล่ยถิง และนักบวชจางหลู่เอวี๋ยน ก็ถึงกับได้รับบาดเจ็บจากหมัดของหลิงหยุนเพียงแค่หมัดเดียว และร่างของพวกเขาทั้งห้าก็ลอยกระเด็นไปกองรวมกัน
สีหน้าของหลงลั่วอวี๋เวลานี้บ่งบอกว่ากำลังตกใจสุดขีดเพราะความแข็งแกร่งของหลิงหยุนเวลานี้ เหนือความคาดหมายของเขาอย่างมาก!
จากนั้นผู้เฒ่าทั้งห้าคนก็รีบทำการเผาหยดเสินหยวนของตนเองทันที!
ทั้งหมดต่างก็ใช้พลังวิเศษจากการเผาเสินหยวนของตนรักษาอาการบาดเจ็บเสียก่อนจากนั้นนักบวชเล่ยถิงก็ได้หยิบยันต์บำบัดของตนออกมาส่งให้ผู้เฒ่าอีกสี่คนเก็บไว้..
หลิงหยุนยืนมองด้วยท่าทีสงบนิ่งระหว่างที่มองผู้เฒ่าทั้งห้าคนกำลังรักษาอาการบาดเจ็บของตน เขาจึงร้องตะโกนถามออกไปว่า
“พวกเจ้ายังอยากจะเล่นสนุกอีกหรือไม่”
หลงลั่วอวี๋หันไปกระซิบกับนักบวชทั้งสอง“หลิงหยุนไม่ได้พูดโอ้อวดเลยแม้แต่น้อย หลังจากรับทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้ ต่ำกว่าขั้นก่อสร้างรากฐาน ล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!”
ผู้เฒ่าทั้งห้าต่างก็หันไปมองหน้ากันด้วยความอับอายและแทบไม่ต้องต่อสู้อีกต่อไป เพราะพวกเขารู้ดีว่าผลจะออกมาเป็นเช่นใด แต่ก็ไม่กล้าเหาะหนีไปเฉยๆเช่นนี้หากหลิงหยุนยังไม่อนุญาต เพราะหลิงหยุนสามารถเหาะได้เร็วกว่าพวกเขาถึงสองเท่า!
แล้วจู่ๆร่างของหลิงหยุนก็มาปรากฏอยู่หน้าผู้เฒ่าทั้งห้าคน ทั้งหมดถึงกับผงะถอยหลังไปถึงสองสามก้าว หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นว่า
“ดูท่าพวกเจ้าทั้งหมดคงไม่ต้องการที่จะสู้กับข้าอีกแล้วสินะ!” จากนั้นหลิงหยุนก็หันไปทางหลงลั่วอวี๋พร้อมกับตั้งใจพูดกับเขาโดยตรง“เท่าที่ข้ารู้ในตอนนี้ ระหว่างตระกูลหลงกับตระกูลหลิงยังไม่มีความแค้นกันถึงขั้นที่จะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ ในคืนที่ประมือกับคนตระกูลหลง ข้าจึงตั้งใจที่จะไม่เอาชีวิตหลงฮ่าวเฉียน และหลงเทียนฟาง อีกทั้งยังตั้งใจปล่อยหลงเทียนซินไปด้วย..”
“ส่วนมังกรดำที่อยู่ในป่าเสินหนงเจี๋ยนั้นก็เป็นมังกรของข้าเพียงแต่ข้าไม่มีสถานที่ที่จะเลี้ยงมันไว้ จึงปล่อยให้มันเติบใหญ่อยู่ในแม่น้ำเช่นนั้นก่อน..”
“และหินมังกรเขียวที่อยู่ใต้หลุมยักษ์นั้นก็เป็นของข้าเช่นกันและที่ข้านำไปเก็บไว้ที่นั่นก็เพราะไม่มีที่เก็บเช่นกัน..”
“ส่วนมังกรสีแดงในบ่อมังกรทะเลสาบผอหยางนั้นในเมื่อหลานชายของเจ้าหลงเทียนฟางจงใจซัดหมัดให้ข้าตกลงไปที่นั่น มังกรนั่นย่อมเป็นของข้าเช่นกัน”
“และในเมื่อวันนี้ข้าเป็นฝ่ายชนะ..ข้าจึงมีข้อเรียกร้องให้กับตระกูลหลงทั้งหมดสามข้อ!”
“ข้อแรก..เมืองจิงฉูเป็นเขตอิทธิพลของข้า นับจากนี้ไปห้ามคนตระกูลหลงส่งผู้ใดไปเหยียบที่นั่นอีกเด็ดขาด!”
“ข้อสอง..ป่าเสินหนงเจี๋ยก็เป็นเขตอิทธิพลของข้าอีกเช่นกัน จากนี้ไปห้ามคนตระกูลหลงส่งผู้ใดไปเหยียบที่นั่นโดยเด็ดขาด!”
“และสาม..สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้อยู่ในการดูแลอารักขาของตระกูลฉินมานานกว่าสองพันปี อีกไม่ช้าข้าจะไปสำรวจที่นั่น และนับจากนี้ไปห้ามคนตระกูลหลงเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสุสานแห่งนี้อย่างเด็ดขาดเช่นกัน!”
“ข้อเรียกร้องทั้งสามข้อของข้านั้นเจ้าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยนั้น ข้าหาได้สนใจไม่! แต่ข้าขอเตือนไว้ก่อนว่า หากคนตระกูลหลงไม่ว่าผู้ใดก็ตาม กล้าฝ่าฝืนข้อเรียกร้องทั้งสามของข้าแล้วล่ะก็ วันหน้าอย่าได้ตำหนิว่าข้าโหดเหี้ยมต่อคนตระกูลหลง!” หลิงหยุนหยุดนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วจึงพูดต่อว่า “อ่อ.. ยังมีอีกหนึ่งเรื่อง ข้ารู้ว่าหลงคุนกับหลงหวู่สองพ่อลูกล้วนอยู่ในกำมือของตระกูลหลง เมื่อข้ากลับถึงปักกิ่ง หวังว่าจะได้เห็นพวกเขาทั้งคู่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระแล้ว..”
“หากพวกเจ้าทั้งสามคนเข้าใจคำพูดของข้าดีแล้วก็เชิญกลับไปได้!”