Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - บทที่ 1427 เก็บเกี่ยวหลังสงคราม
บทที่ 1427 : เก็บเกี่ยวหลังสงคราม
หลิงหยุนเห็นร่างของตี๋ชิงโหวค่อยๆร่วงหล่นลงไปแต่เมื่อคิดได้ว่าอย่างไรเจ้าคนชั่วช้าผู้นี้ก็เป็นลูกชายของหนิงเทียนหยา เขาจึงมิอาจปล่อยให้ร่างของตี๋ชิงโหวร่วงหล่นลงไปกับพื้นได้ ความสูงในระดับนี้ หากปล่อยให้ร่างกระแทกกับพื้น คงต้องกลายเป็นเพียงก้อนเนื้อเละๆก้อนหนึ่งเท่านั้น หลิงหยุนจึงต้องเหาะไปรับร่างไร้วิญญาณของตี๋ชิงโหวขึ้นมา และนำไปทิ้งไว้บนพื้นของยอดเขาเจงิชโชกูซู
แต่เดิมยอดเขาเจงิชโชกูซูเป็นสันเขาโดดเด่นแต่เวลานี้กลับกลายเป็นคูน้ำที่มีร่องลึกถึงหนึ่งกิโลเมตรแทน..
ทั้งหมดล้วนเกิดจากการทำลายผนึกของกระบี่ฟ้าไม่ว่าจะเป็นหิมะถล่ม หรือแผ่นดินไหวรุนแรง..
หลิงหยุนเหาะกลับไปและเห็นกระบี่ฟ้าและหม้อเสินหนงยังคงปะทะกันอยู่ เขาจ้องมองกระบี่ฟ้าที่ยังคงไม่สลายหายไป หม้อเสินหนงนั้นนับเป็นวัตถุวิเศษชั้นเซียนแม้ฝาของมันจะหายไป แต่ก็ยังสามารถรับมือกับกระบี่ฟ้าซึ่งเป็นวัตถุวิเศษระดับสมบัติสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย
แม้ตี๋เฮ่ออี้จะถูกสังหารตายไปแล้วแต่กระบี่ฟ้าเล่มใหญ่นี้ก็คือพลังปราณที่แข็งแกร่งอย่างมาก และพลังปราณแข็งแกร่งนี้ก็ได้หลอมรวมจนกลายเป็นกระบี่ที่ดูราวกับกระบี่จริง แต่หลังจากที่ปะทะกับหม้อเสินหนงอยู่ครู่ใหญ่ ในที่สุดกระบี่ฟ้าก็ได้หักออกจากกัน
ครึ่งส่วนที่หักนั้นส่วนใหญ่ได้แตกสลายออกจากกันกลายเป็นกระบี่ลมปราณที่บริสุทธิ์ยิ่ง และลอยเคว้งอยู่ในห้วงอากาศอย่างน่าอัศจรรย์
นอกจากหลิงหยุนจะดูดซับเอาปราณกระบี่ที่บริสุทธิ์ยิ่งนี้เข้าไปในร่างในขณะเดียวกันก็เก็บเอากระบี่ลมปราณและชิ้นส่วนต่างๆเข้าไปไว้ในแหวนจักรวาลของตน
นี่คือสมบัติล้ำค่า..เขาไม่มีทางปล่อยทิ้งไปเฉยๆเป็นแน่!
“เฮ้อ..ปราณกระบี่ที่บริสุทธิ์เช่นนี้ ข้าไม่สามารถดูดซับเข้าไปคนเดียวได้หมด ช่างน่าเสียดายจริงๆ”
กระบี่ลมปราณที่แตกสลายออกจากกระบี่ฟ้านั้นมีมากจนเกินไปหลิงหยุนจึงพยายามสื่อสารกับหม้อเสินหนงให้ช่วยกันดูดซับเข้าไปอย่าให้เสียของเช่นนี้
แม้หม้อเสินหนงจะมิได้ตอบกลับแต่จู่ๆ มันก็ขยับเขยื้อนก่อนจะปราดพุ่งลงมาจากท้องฟ้าเบื้องบน และหันปากหม้อดูดเอากระบี่ลมปราณที่ลอยเคว้งอยู่เข้าไปทันที
และเวลานี้กระบี่ฟ้าที่ตี๋เฮ่อหมิงในขั้นก่อสร้างรากฐานระดับสูงสุดไม่สามารถที่จะย่อให้เล็กลงกว่านี้ได้นั้นหลังจากถูกหม้อเสินหนงดูดเข้าไป ก็ได้หดเล็กลงและลอยเข้าไปอยู่ด้านในของหม้อทันที!
“ยังมีเหลืออีกครึ่งหนึ่ง!”
หลิงหยุนร้องตะโกนบอกหม้อเสินด้วยด้วยสีหน้าที่เปี่ยมด้วยความสุขในขณะที่สายตาของเขาก็จับจ้องอยู่ที่กระบี่ฟ้าอีกครึ่ง..
หม้อเสินหนงเคลื่อนไปยังกระบี่ฟ้าอีกครึ่งทันทีหลิงหยุนเห็นกระบี่ฟ้าหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว และในที่สุดมันก็กลายเป็นกระบี่หักที่มีความยาวเพียงแค่หนึ่งฟุต และกำลังส่องประกายระยิบระยับอยู่ในหม้อเสินหนง
ในที่สุดกระบี่ฟ้าที่เป็นอันตรายต่อหลิงหยุนยิ่งนักก่อนหน้านี้ ก็ได้ถูกหลิงหยุนนำกลับไปได้ทั้งหมด
หลิงหยุนมีความสุขอย่างมากและได้แต่คิดว่าจากนี้ไปกระบี่เหินเงาธนู และกระบี่กังฉีของตนจักสามารถพัฒนาเป็นอาวุธที่ล้ำเลิศ สามารถทะลายเกราะป้องกันของผู้ที่มีพลังบ่มเพาะในขั้นก่อสร้างรากฐานได้
หลังจากยึดกระบี่ฟ้าซึ่งเป็นสมบัติล้ำค่ากลับไปได้แล้วหลิงหยุนจึงใช้มังกรคำรามร้องตะโกนบอกเย่ซิงเฉินในทันที
“ซิงเฉินเวลานี้ศัตรูถูกข้าสังหารตายหมดแล้ว ได้เวลาสังหารศิษย์สำนักกระบี่เทียนซานให้สิ้นซากแล้ว!”
เสียงร้องตะโกนของหลิงหยุนดังสนั่นไปทั่วทั้งสำนักกระบี่เทียนซานไม่เพียงเย่ซิงเฉินเท่านั้นที่ได้ยิน แต่ศิษย์สำนักกระบี่เทียนซานทั้งหมดก็ได้ยินด้วย พวกเขาต่างก็หวาดกลัวเมื่อรู้ว่าตนเองจักต้องถูกสังหารตาย
“เจ้าไม่ต้องบอกข้าก็จัดการสังหารพวกมันไปหลายสิบคนแล้ว!”
หลังจากที่หลิงหยุนสังหารตี๋เฮ่ออี้และไล่ล่าตี๋ชิงโหวไปนั้น เย่ซิงเฉินก็ได้เหาะออกจากรัศมีของหลิวเทวะวิญญาณ และพุ่งเข้าสังหารเหล่าอาวุโสของสำนักกระบี่เทียนซานที่ร้องเตือนตี๋เฮ่ออี้ตายจนหมด จากนั้นนางก็เหาะไปที่ยอดเขามนุษย์ และลงมือสังหารศิษย์สำนักกระบี่สวรรค์อีกนับสิบคนที่กำลังจหนีไป
“ฮ่าๆๆๆเจ้าทำได้ดีมาก!”
หลิงหยุนรู้ว่าเย่ซิงเฉินกับตนนั้นเสมือนมีจิตใจที่เชื่อมต่อกันนางรู้ใจเขาแทบทุกอย่าง และเวลานี้ จากนั้นหลิงหยุนก็เหาะลงไปหาของที่จะนำกลับไปเหมือนเช่นทุกครั้ง สิ่งแรกที่หลิงหยุนพบก็คือกระบี่เหินสีแดงของตี๋เฮ่ออี้หลิงหยุนจึงเรียกเข้าไปเก็บไว้ในแหวน จากนั้นจึงเริ่มค้นหาอาวุธและของวิเศษของศิษย์คุนหลุนทั้งสี่ต่อ
เวลานี้คนรอบข้างหลิงหยุนต่างก็อยู่ในขั้นที่สูงขึ้นมากเรื่อย ไม่ว่าจะเป็นฉินตงเฉวี่ย จินเหยียว เฉิงเม่ยเฟิง และคนอื่นๆอีก ทั้งหมดใกล้จะเข้าสู่ด่านกลางขั้นพลังชี่แล้ว หลิงหยุนจึงตั้งใจจะหลอมอาวุธวิเศษให้ แต่ยังขาดโลหะที่จะนำมาหลอม
หลิงหยุนเหาะลงไปที่ป่าเบื้องล่างอย่างรวดเร็วจากนั้นจึงรีบเสาะหาร่างไร้วิญญาณของเหล่าศิษย์คุนหลุน และอาวุโสคนอื่นๆของสำนักกระบี่เทียนซานด้วย
แต่ก่อนอื่นหลิงหยุนได้ใช้ยันต์บำบัดรักษาบาดแผลตามร่างกายที่เกิดจากพลังปราณของกระบี่ฟ้า ร่างกายของเขามีบาดแผลเป็นรูเต็มไปหมด และต้องใช้ยันต์บำบัดระดับหกมากถึงสิบกว่าแผ่นในการรักษา “เฮ้อ..ข้าประเมินสำนักกระบี่เทียนซานต่ำไปจริงๆ!”
หลิงหยุนนึกถึงฝนกระบี่คราใดก็อดที่จะหวาดผวาไม่ได้อีกทั้งยังอดขนหัวลุกไม่ได้เมื่อคิดว่า หากเขามิมีหลิวเทวะวิญญาณและหม้อเสินหนง ป่านนี้ทั้งเขาและทุกคนคงต้องถูกสังหารตายที่นี่เป็นแน่
“ยังคงไม่พอ!”
หลังจากที่หลิงหยุนดูดซับปราณกระบี่ที่บริสุทธิ์เข้าไปมากมายนั้นก็เกือบจะเข้าสู่ขั้นลิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-6) ได้แล้ว
“หวังว่าคุนหลุนจะไม่มาตามไล่ล่าข้าเร็วนัก!”
หลังจากรักษาบาดแผลทั่วร่างกายแล้วหลิงหยุนก็เรียกยันต์ธาราออกมาทำความสะอาดร่างกาย ก่อนจะใช้พลังหยางทำให้หยดน้ำระเหยแห้งไป จากนั้นจึงเรียกชุดลำลองออกมาสวมใส่
หลิงหยุนอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงยีนส์สีน้ำเงิน รองเท้าผ้าใบ พร้อมกับร่างกายที่สะอาดสดชื่น หลิงหยุนไม่ได้สนใจว่าตนจะแต่งกายเหมาะสมกับการเป็นผู้บ่มเพาะพลังหรือไม่แต่อย่างใด
ฟิ้ว…
จากนั้นหลิงหยุนจึงได้เหาะขึ้นไปบนยอดเขาเทียนเฟิงและไปยืนอยู่หน้าฉินจิวยื่อผู้เป็นมารดา
“ท่านแม่ท่านทานอาหารอิ่มแล้วหรือไม่”
ภายใต้รัศมีพลังของหลิวเทวะวิญญาณที่ปลดปล่อยออกมานั้นทำให้ฉินจิวยื่อฟื้นคืนเป็นปกติขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด แม้นางจะยังคงผ่ายผอม แต่เลือดลมภายในร่างกลับหมุนเวียนได้ดี ใบหน้าจึงเริ่มมีสีแดงระเรื่อ และจิตวิญญาณก็แตกต่างจากก่อนหน้า
ทันทีที่เห็นหลิงหยุนกลับมานางก็รีบลุกขึ้นยืนพรัอมกับร้องถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “หลิงหยุน เป็นเพราะข้าแท้ๆ ทำให้เจ้าต้องลำบากถึงเพียงนี้!” หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ“ท่านแม่ ข้าไม่รู้สึกลำบากเลยแม้แต่น้อย แต่ข้ามีหนึ่งเรื่องที่อยากจะขอให้ท่านแม่รับปากข้า!”
“เรื่องอะไรงั้นรึ”
ดวงตาของฉินจิวยื่อเป็นประกายขึ้นมาทันทีราวกับรู้ว่าหลิงหยุนกำลังต้องการจะพูดอะไร
“ท่านแม่แม้ท่านลุงหนิงจะสิ้นใจไปแล้ว แต่ท่านยังมีหลิงยู่ ยังมีข้า และยังมีตระกูลฉิน ท่านแม่ต้องไม่คิดสั้นเพราะการตายของท่านลุงหนิงอีก..”
นี่นับเป็นเรื่องที่หลิงหยุนกังวลใจยิ่งนักเขาจึงต้องขอร้องฉินจิวยื่อ เพราะเกรงว่านางจะคิดทำอะไรเช่นนั้นอีก
“หลิงหยุนเจ้าอย่าได้กังวลใจไปเลย ข้าไม่เพียงจะไม่ปลิดชีพตนเอง วันข้างหน้ายังจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ด้วย จะได้อยู่ดูเจ้าค่อยๆแข็งแกร่งขึ้นทีละก้าว..”
ฉินจิวยื่อเอ่ยตอบพร้อมกับยกมือขึ้นลูบไล้ใบหน้าหลิงหยุนอย่างรักใคร่..
��