Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - บทที่ 1433 แจ้งข่าว
บทที่ 1433 : แจ้งข่าว
‘สำนักกระบี่เทียนซานอยู่ในมือของข้าแล้วท่านของข้าปลอดภัยดี!’
ก่อนที่จะเริ่มฝึกฝนวิชาหลิงหยุนได้หยิบเอาเครื่องมือสื่อสารของหน่วยนภาออกมา และจัดการส่งข้อความบอกกับฉินฉางชิง หลิงลี่ จินเหยียว ฉินตงเฉวี่ย และตี้เสี่ยวอู๋..
ทั้งห้าคนต่างก็รู้ว่าหลิงหยุนมาสำนักกระบี่เทียนซานเพื่อช่วยฉินจิวยื่อพวกเขาคงจะกำลังตั้งหน้าตั้งตารอฟังข่าวคราวจากตนเป็นแน่..
หลังจากที่จัดการสะสางทุกอย่างเรียบร้อยแล้วหลิงหยุนจึงต้องรีบแจ้งข่าวให้ทุกคนทราบในทันที
เครื่องมือสื่อสารของหน่วยนภานั้นเป็นระบบการสื่อสารที่ส่งผ่านสัญญาณจากดาวเทียม อยู่บนยอดเขาสูงเช่นนี้จึงมิได้มีปัญหาเรื่องสัญญาณขาดหายเลยแม้แต่น้อย และหลังจากที่หลิงหยุนกดส่งข้อความเท่านั้นเสียงเครื่องมือสื่อสารของเขาก็ดังขึ้นในทันที นอกเหนือจากเสียงสัญญาณที่ดังขึ้น ก็ยังมีเสียงข้อความเข้าติดต่อกันมากมาย
และแน่นอนว่าผู้ที่โทรเข้ามาหาหลิงหยุนเป็นคนแรกนั้นก็คือฉินฉางชิงนั่นเอง!
หลิงหยุนรีบกดรับทันที..
“หลิงหยุนนี่เจ้าช่วยจิวยื่อไว้ได้แล้วจริงๆรึ เวลานี้นางเป็นเช่นใดบ้าง? แล้วเจ้าล่ะ.. เจ้าได้รับบาดเจ็บมากหรือไม่?”
ทันทีที่หลิงหยุนกดรับสายเสียงพูดของฉินฉางชิงก็ดังขึ้นพร้อมด้วยความถามมากมาย น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความร้อนใจ และตื่นเต้นปะปนกัน
“ท่านตาฉินท่านแม่ปลอดภัยดี เพียงแต่ร่างกายยังคงผ่ายผอมมากจากการถูกทรมานตลอดหกเดือน ส่วนข้ามิได้รับบาดเจ็บ ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี..”
หลิงหยุนตอบคำถามของฉินฉางชิงที่ละข้อจากนั้นจึงเล่าเรื่องราวคร่าวๆให้เขาฟัง เพราะคงจะไม่สามารถเล่าเรื่องราวอย่างละเอียดในเวลานี้ได้
“อะไรนะ!ตี๋เฮ่อหมิงเจ้าสำนักกระบี่เทียนซานตายแล้วงั้นรึ?! เยี่ยม.. เยี่ยมมาก!”
“ตี๋เสี่ยวเจินก็ถูกเจ้าทำลายวรยุทธแล้วรึ!”
“ห๊ะ!แม้แต่ตี๋เฮ่ออี้ก็ถูกเจ้าสังหารตาย?! เยี่ยม.. หลิงหยุนเจ้าเก่งมากจริงๆ!”
“เจ้าสังหารตี๋ชิงโหวด้วยงั้นรึ!นี่มัน..”
“อะไรนะ!หนิงเทียนหยา.. เขา..”
ยิ่งหลิงหยุนบอกเล่าเรื่องราวให้ฟังมากเพียงใดฉินฉางชิงก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นจนพูดอะไรไม่ออก..
เวลานี้ไม่ได้มีเพียงแค่ฉินฉางชิงเท่านั้นที่กำลังฟังหลิงหยุนเล่าแต่ยังมีฉินชุนเฟิง ฉินเซี่ยฮัว และคนอื่นๆร่วมฟังอยู่ด้วย ทุกคนต่างก็นั่งฟังไปพร้อมกับเลือดลมที่พลุ่งพล่านตามไปด้วย! จะมิให้พวกเขารู้สึกตื่นเต้นและเลือดในกายพลุ่งพล่านได้อย่างไรกันเล่า ในเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ ตี๋เสี่ยวเจินเคยพาคนของสำนักกระบี่เทียนซานบุกมาถล่มตระกูลฉินจนเกือบสิ้นชื่อ เวลานี้หลิงหยุนไม่เพียงบุกไปสำนักกระบี่เทียนซานช่วยแม่ของเขากลับมาได้ แต่ยังสังหารศัตรูของพวกเขาตายไปตั้งมากมายด้วย
นั่นมิเท่ากับช่วยตระกูลฉินสะสางหนี้แค้นกับสำนักกระบี่เทียนซานหรอกหรือ!
“หลิงหยุน..เวลานี้เจ้าอยู่กับจิวยื่อหรือไม่ ข้า.. ข้ามีคำพูดสองสามคำอยากจะกล่าวกับนาง..” ฉินฉางชิงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกระวนกระวายใจ
“ท่านตา..เวลานี้อารมณ์ของท่านแม่ยังคงผันผวนมาก ข้าคิดว่าควรให้นางอยู่ตามลำพังเงียบๆสักคืนหนึ่งก่อน ยังไม่อยากให้ผู้ใดรบกวนท่านแม่ในเวลานี้..”
หลิงหยุนเข้าใจความร้อนอกร้อนใจของฉินฉางชิงและคนตระกูลฉินดี แต่เขาก็เข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของฉินจิวยื่อด้วย จึงได้แต่บอกกับฉินฉางชิงไปตามตรง
“ก็ดีเหมือนกัน..ที่เจ้ากล่าวมาก็มีเหตุผล”
ฉินฉางชิงนึกถึงอุปนิสัยใจคอของฉินจิวยื่อแล้วก็ได้แต่เห็นด้วยกับหลิงหยุน และไม่คะยั้นคะยออีก เวลานี้มีหลิงหยุนอยู่ข้างกายนางด้วย เขาจึงไม่ต้องห่วงอะไรมากนัก
“หลิงหยุนแล้วเจ้าจะพาจิวยื่อกลับมาเมื่อใด ข้าจะได้เตรียมจัดงานเลี้ยงฉลองให้กับเจ้า!”
เวลานี้ฉินฉางชิงตื่นเต้นดีใจยิ่งนักแผนการทั้งหมดของหลิงหยุนประสบความสำเร็จเช่นนี้ ตระกูลฉินมีแต่จะได้ประโยชน์อย่างมากมาย
หลิงหยุนได้แต่ยิ้มขื่นเมื่อนึกถึงการตายของหนิงเทียนหยาและตอบกลับไปว่า “ท่านตาฉิน.. ท่านแม่ต้องการอยู่ที่นี่ต่ออีกเจ็ดวันเพื่อส่งวิญญาณท่านลุงหนิง ข้าว่าช่วงนี้ไม่ควรจัดงานเลี้ยงฉลอง..” “อีกเจ็ดวันงั้นรึเอาล่ะ.. ข้าเข้าใจที่เจ้าพูดแล้ว แต่เรื่องน่ายินดีเช่นนี้จะไม่ฉลองได้อย่างไรกัน..”
“หลิงหยุน..เวลานี้พวกเจ้าอยู่ทางโน้นต้องการสิ่งใดบ้าง ข้าจะได้ให้ชุนเฟิงนำไปให้!”
เวลานี้สำนักกระบี่เทียนซานตกอยู่ในกำมือของหลิงหยุนเช่นนี้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะให้คนตระกูลฉินนิ่งเฉยโดยไม่ทำสิ่งใด
“ท่านตา..ที่นี่มีข้าวปลาอาหารไม่ขาดแคลน รอให้ข้าถามท่านแม่พรุ่งนี้ แล้วจะบอกกับท่านอีกทีดีหรือไม่”
หลิงหยุนตอบคำถามของฉินฉางชิงและสนทนากันต่ออีกสองสามคำจึงวางสายไป..
หลิงหยุนจำต้องรีบวางสายของฉินฉางชิงเพราะในระหว่างที่สนทนากันนั้น ได้มีสายที่เข้ามาพร้อมกับถึงสองสาย ซึ่งเป็นสายของหลิงลี่และจินเหยียว ทั้งคู่ต่างก็เป็นห่วงเป็นใยหลิงหยุนยิ่งนัก แต่หลิงหยุนไม่สามารถเล่ารายละเอียดทั้งหมดให้ฟังได้จึงบอกเล่ากลับไปเพียงคร่าวๆ เพื่อให้ทั้งคู่คลายความกังวล
ระบบสื่อสารในสังคมยุคนี้ช่างพัฒนาไปไกลเหลือเกินเพียงแค่ประเดี๋ยวเดียว ก็สามารถสื่อสารถึงกันได้อย่างรวดเร็ว ข่าวคราวเกี่ยวกับเขาที่ถูกส่งออกไปนั้น ไม่ต่างจากการโยนก้อนหินลงในผืนน้ำที่สงบนิ่ง ทันทีที่ก้อนหินกระทบผิวน้ำ ก็กระจายเป็นคลื่นวงกลมอย่างรวดเร็ว และเวลานี้หลิงหยุนก็ต้องรับสายที่กระหน่ำโทรเข้ามาอย่างต่อเนื่องไม่หยุด แม้กระทั่งถังเมิ่งที่ไม่ได้ฝึกวรยุทธ ยังได้ทราบข่าวนี้ด้วยเช่นกัน
และแน่นอนว่าที่ข่าวคราวกระจายไปรวดเร็วเช่นนี้ก็เพราะว่าหากหลิงลี่รู้ ทั่วทั้งตระกูลหลิงย่อมรู้ด้วย รวมถึงตระกูลเกาในปักกิ่ง..
เมื่อจินเหยียวรู้เหมี่ยวเสี่ยวเหมาก็ต้องรู้ด้วยเช่นกัน และตามมาด้วยเสี่ยวเม่ยหนิง เฉิงเม่ยเฟิง ถังเมิ่ง…
นี่ยังไม่รวมเหล่าสมาชิกตระกูลฉิน.. แต่ถึงแม้ว่าข่าวคราวจะแพร่สะพรัดไปอย่างรวดเร็วแต่ก็อยู่เฉพาะในหมู่คนใกล้ชิดและสนิทสนมกับหลิงหยุนเท่านั้น เพราะเรื่องที่หลิงหยุนมาช่วยแม่ของตนนั้น ล้วนเป็นเรื่องภายในครอบครัว จึงมิจำเป็นต้องป่าวประกาศให้คนภายนอกล่วงรู้
กว่าที่หลิงหยุนจะคุยครบทุกสายที่โทรเข้ามาก็กินเวลาไปร่วมชั่วโมงกว่า ท้ายที่สุดหลิงหยุนต้องโยนเครื่องมือสื่อสารของตนกลับเข้าไปไว้ในแหวนจักรวาลเช่นเดิม และเลิกสนใจใยดีอีก
หาไม่แล้วเขาคงต้องรับสายทุกคนไม่จบไม่สิ้นแน่!
อย่างน้อยเวลานี้คนสำคัญที่ควรต้องรู้ข่าวคราวเรื่องนี้ก็ได้รู้แล้วไว้เขาค่อยไปแก้ตัวคราวหลัง..
“เฮ้อ..ข้าตอบคำถามจนคอแห้งหมดแล้ว!” หลิงหยุนบ่นพึมพำพร้อมกับยกขวดน้ำแร่ขึ้นจิบไปด้วย
แต่แล้วจู่ๆเย่ซิงเฉินก็เอ่ยเตือนหลิงหยุนว่า“หลิงหยุน เจ้าลืมคนผู้หนึ่งไป!”
“เจ้าคงจะหมายถึงหลิงยู่สินะ”
แววตาของหลิงหยุนเป็นประกายในระหว่างที่พูดต่อว่า“ข้ารู้ว่านางคือผู้ที่ควรต้องรู้ข่าวนี้มากกว่าผู้ใด แต่ข้าต้องการรอให้ถึงวันพรุ่งนี้ และให้ท่านแม่เป็นผู้บอกกับนางเองโดยตรง!”