Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - บทที่ 720 : ความรุ่งโรจน์ของตระกูลหลิง!
- Home
- Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร
- บทที่ 720 : ความรุ่งโรจน์ของตระกูลหลิง!
บทที่ 720 : ความรุ่งโรจน์ของตระกูลหลิง!
เหล่ากุ่ยเดินที่เพิ่งเดินกลับเข้ามายังสวนชั้นที่หกได้แต่จ้องมองการเปลี่ยนแปลงของหลิงลี่ด้วยความตกใจก่อนจะเอ่ยถามออกไป
“นายผู้เฒ่า..นี่ท่าน..”
“ก็เจ้าหลานชายคนเก่งของข้าน่ะสิ!เพียงแค่ชั่วเวลาสั้นๆ ก็ช่วยให้ชายแก่อย่างข้าเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-8 ได้แล้ว”
หลิงลี่ร้องบอกเหล่ากุ่ยด้วยสีหน้าท่าทางและน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยภูมิอกภูมิใจในตัวหลิงหยุน
“เซียงเทียน-8เชียวรึ!”
เหล่ากุ่ยถึงกับร้องอุทานออกมาอย่างตกใจดวงตาของเขาเป็นประกายระยิบยับ เพราะรู้ดีว่าการที่หลิงลี่เข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-8 ได้นั้น จะมีความหมายเช่นใดต่อตระกูลหลิงบ้าง!
ความแข็งแกร่งล้วนเป็นกุญแจสำคัญของตระกูลใหญ่ทุกตระกูล!
เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้นน่ะหรือ
ยกตัวอย่างเช่นตระกูลเฉิน..ผู้นำตระกูลเฉินคนก่อนคือเฉินจิงเทียน ซึ่งเวลานี้อยู่ในขั้นเซียงเทียน-7 เท่านั้น แต่ตอนนี้หลิงลี่กลับเหนือกว่าเฉินจิงเทียนถึงหนึ่งขั้นใหญ่ เช่นนี้แล้วเฉิงจิงเทียนจะกล้าคิดลองดีกับตระกูลหลิงอีกเช่นนั้นหรือ!
และหากตอนนี้หลิงลี่เดินเข้าไปบ้านตระกูลเฉินและลงมือสังหารเฉินจิงเทียน คนในตระกูลเฉินก็คงจะไม่กล้าพูดอะไรอย่างแน่นอน!
การเอาชนะคู่แข่งนั้นไม่เพียงชนะด้วยฐานะทางการเงินอำนาจ หรือว่าทรัพย์สินที่มี แต่เหนือสิ่งอื่นใดนั้นคือการชนะด้วยความแข็งแกร่งที่เหนือกว่า! และหากฝ่ายใดมีความแข็งแกร่งเหนือกว่า ก็ย่อมมีฐานะที่สูงส่งกว่า!
เวลานี้หลิงลี่เข้าสู่ระดับเริ่มต้นขั้นเซียงเทียน-8แล้ว หากมีนินจาขั้นเซียงเทียน-7 บุกเข้ามาตระกูลหลิงอีก แน่นอนว่าหลิงลี่เพียงคนเดียวก็สามารถจัดการกับพวมันทั้งห้าคนพร้อมกันได้ในคราวเดียว และสำหรับผู้ที่ยังไม่สามารถเข้าสู่ด่านสุดท้ายของขั้นเซียงเทียนได้แล้วล่ะก็ หลิงลี่สามารถจัดการพวกมันได้ง่ายเพียงแค่ไม่กี่วินาที เช่นนี้แล้วตระกูลหลิงจะถูกกำจัดได้ง่ายๆอย่างไรกัน
ในบรรดาเจ็ดตระกูลใหญ่แห่งปักกิ่งนั้นมีเพียงตระกูลหลง และตระกูลเย่ที่ดูเหมือนจะควบคุมประเทศจีนไว้เกือบทั้งหมด แต่ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ทั้งสองตระกูลนั้นแม้จะมียอดฝีมือที่เหนือกว่าขั้นเซียงเทียน-8 แต่ที่เหลืออีกห้าตระกูลนั้นไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว!
ส่วนตระกูลเฉินนั้นเฉินจิงเทียนเองก็อยู่ในระดับสูงสุดของขั้นเซียงเทียน-7 มาเป็นสิบปีแล้ว และเวลานี้ก็คงแก่เกินกว่าที่จะสามารถพัฒนาสู่ขั้นที่สูงกว่านี้ได้
เวลานี้ผู้นำตระกูลหลิงคนก่อนกลับเข้าสู่ระดับเริ่มต้นขั้นเซียงเทียน-8ได้ภายในพริบตา และนั่นย่อมหมายความว่าตระกูลหลิงได้ก้าวขึ้นไปสู่สามตระกูลอันดับสูงสุดอย่างแน่นอนแล้ว!
นี่เพียงแค่หลิงลี่คนเดียวยังไม่ได้นับรวมหลิงหยุนที่เพิ่งกลับเข้าตระกูลอีกคน!
และหลิงหยุนนั้นนับว่าเหนือกว่าหลิงลี่หลายเท่านัก!
เหล่ากุ่ยนั้นแม้จะไม่ได้พูดออกมาแต่เมื่อเห็นหลิงหยุนสามารถจัดการกับนินจาขั้นเซียงเทียน-7 สองคนได้อย่างไม่ยากนั้น เขาจึงมั่นใจว่าหลิงหยุนจะสามารถรับมือกับยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-8 ได้เช่นกัน
และนี่เพียงแค่พูดถึงกำลังภายในของหลิงหยุนเพียงอย่างเดียวหลิงหยุนยังมีวิชาพลังมังกรที่สามารถเพิ่มกำลังภายในให้กับตนได้อีกหลายเท่า!
เหล่ากุ่ยครุ่นคิดอยู่ในใจเงียบๆและถึงกับตื่นเต้นจนแทบเก็บอาการไม่อยู่!
-เหล่ากุ่ยยินดีกับนายผู้เฒ่าด้วย!นายท่านมีความสุขเช่นนี้ ตระกูลหลิงก็ยิ่งมีความสุขไปด้วย!”
เหล่ากุ่ยเห็นหลิงลี่มีความสุขก็ใช้กระแสจิตบอกกับเขาและได้แต่คิดในใจด้วยความตื่นเต้นว่า หากหลิงหยุนสามารถช่วยหลิงเสี่ยวกลับมาได้ และด้วยความสามารถทางการแพทย์ที่ล้ำเลิศของหลิงหยุน เขาจะสามารถทำให้หลิงเสี่ยวเข้าสู่ขั้นใดกันแน่!
เพราะเดิมทีนั้นพรสวรรค์ของหลิงเสี่ยวก็เป็นที่โจษจันไปทั่วทั้งเมืองหลวงแม้แต่อัจฉิริยะแห่งตระกูลหลงในเวลานั้นยังยากที่จะเทียบได้!
มีทั้งหลิงลี่หลิงเสี่ยว และหลิงหยุน ปู่ ลูกชาย และหลานชาย หากอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา แน่นอนว่าตระกูลหลิงจะต้องแข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะตระกูลหลง และตระกูลเย่ได้ และจะสามารถขึ้นมาเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในประเทศได้อย่างแน่นอน!
เหล่ากุ่ยจ้องมองแวมไพร์ที่เป็นบริวารของหลิงหยุนทั้งสามตนก็ยิ่งมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก!
ความเจริญรุ่งเรืองของตระกูลหลิงเวลานี้นับว่าใกล้ความจริงมากเหลือเกิน!
“เหล่ากุ่ย..เจ้าสั่งคนให้มาทำความสะอาดสวนให้เรียบร้อย และจัดการฝังศพนักรบตระกูลหลิงให้สมเกียรติด้วย!”
ความจริงหลิงลี่ต้องการให้หลิงหย่งจัดการเรื่องนี้แต่ก็เกรงว่าเขายังเด็กเกินไปที่จะทำงานเช่นนี้ได้ จึงสั่งให้เหล่ากุ่ยไปจัดการแทน
“ขอรับนายท่าน!”เหล่ากุ่ยคำนับรับคำสั่งด้วยท่าทางเคารพนบนอบ
“นักรบและคนตระกูลหลิงทุกคนฟังข้า!ข้ามีเรื่องที่ต้องการจะประกาศให้พวกเจ้ารับรู้สองสามเรื่อง!” หลิงลี่เดินไปยืนอยู่กลางสวนชั้นที่หกพร้อมกับตะโกนสั่งทุกคนด้วยน้ำเสียงดังกังวาน
นักรบและคนตระกูลหลิงต่างก็จ้องมองหลิงลี่ด้วยความเคารพ..
“เรื่องแรก– เรื่องที่เกิดขึ้นภายในคืนนี้ หากใครกล้าแพร่งพายออกไปแม้เพียงคำเดียว มันผู้นั้นจะต้องมีโทษตายสถานเดียวเท่านั้น!”
“เรื่องที่สอง– เรื่องที่นายน้อยหลิงหยุนกลับเข้าตระกูลหลิงแล้วนั้น ห้ามแพร่งพรายออกไปโดยเด็ดขาด และหากใครกล้าขัดคำสั่งของข้า นำเรื่องของหลิงหยุนออกไปเปิดเผย ก็จะมีโทษตายเพียงสถานเดียวเช่นกัน!”
“เรื่องที่สาม– นักรบตระกูลหลิงทุกคนจงฟังคำสั่งของข้า นับตั้งแต่นี้ไป คำสั่งของนายน้อยหลิงหยุน ให้ถือเป็นคำสั่งของข้า หากใครขัดขืน โทษตายสถานเดียวอีกเช่นกัน!”
พูดจบ..ดวงตาที่เต็มไปด้วยแววตาน่าเกรงขามของหลิงลี่ ก็กวาดมองนักรบ และคนตระกูลหลิงที่อยู่ในบริเวณนั้น แม้กระทั่งหลิงเจิ้นเองก็ได้แต่ก้มศรีษะรับคำสั่งเช่นกัน
“หวังว่าพวกเจ้าคงจะเข้าใจคำสั่งของข้าดีแล้ว!”
เหล่านักรบตระกูลหลิงต่างก็สบตากันด้วยความตื่นเต้น!พวกเขาตื่นเต้นดีใจจนไม่สามารถปกปิดไว้ได้..
เหล่านักรบตระกูลหลิงนั้นต่างก็ถูกคัดเลือกมาจากคนเป็นพันๆ และนำมาฝึกฝน ไม่เพียงพวกเขาจะจงรักภักดีต่อตระกูลหลิงจนสามารถตายแทนได้ แต่ทุกคนยังนับว่าเฉลียวฉลาด มีพรสวรรค์ และแข็งแกร่งไม่เบาเลยทีเดียว
เหล่านักรบตระกูลหลิงที่ผ่านการคัดเลือกมานี้ต่างก็ได้เห็นศักยภาพที่เหนือมนุษย์ของหลิงหยุนมาแล้ว ทุกคนต่างก็ศรัทธา และต้องการจะติดตามหลิงหยุนอยู่แล้ว คำประกาศของหลิงลี่จึงทำให้พวกเขาถึงกับตื่นเต้นดีอกดีใจอย่างที่สุด!
หลังจากที่หลิงลี่ประกาศจบไปแล้วหลิงหยุนก็กวักมือเรียกเหล่ากุ่ยมาพร้อมกับบอกให้เขานำศพนักรบตระกูลหลิงใส่โลงไว้ ส่วนศพของนินจาญี่ปุ่นนั้น ให้นำมากองรวมกัน แล้วเขาจะจัดการเอง!
และครั้งนี้หลิงหยุนจะจัดการทำลายซากศพของเหล่านินจาด้วยผงละลายศพที่ได้เตรียมา..
เหล่ากุ่ยยิ้มให้กับหลิงหยุนจากนั้นจึงสั่งให้คนไปจัดการตามมคำสั่งอย่างรวดเร็ว
หลิงลี่สั่งให้หลิงเจิ้นหลิงเย่ว หลิงหย่ง และหลานอีกสามคนมายืนตรงหน้า แล้วหันไปยิ้มให้กับหลานๆพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“คืนนี้พวกเจ้าทั้งสามทำได้ดีมากไม่ทำให้ตระกูลหลิงต้องอับอายเลยแม้แต่น้อย ปู่จะมีรางวัลให้กับพวกเจ้าด้วย!”
“ท่านปู่..พวกเราไม่อยากได้รางวัล แต่อยากให้น้องหลิงหยุนสอนวรยุทธให้กับพวกเรามากกว่า!” หลิงเฟิงรีบร้องบอกทันที
หลิงลี่หันไปมองหลิงหยุนพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข“นั่นเป็นเรื่องระหว่างพวกเจ้าพี่น้อง เจ้าต้องไปอ้อนวอนหลิงหยุนเองหากต้องการเรียนวรยุทธจากเขา..”
ยังไม่ทันที่หลิงลี่จะพูดจบประโยคดีหลิงเฟิงก็รีบวิ่งไปกอดขาหลิงหยุนพร้อมกับอ้อนวอนว่า
“น้องชายที่แสนดี..ได้โปรดสอนวรยุทธให้กับข้าด้วยเถิดนะ! ถ้าเจ้าสอนวรยุทธให้ข้า เจ้าจะสั่งให้ข้าทำอะไรก็ได้..”
หลิงหย่งกับหลิงเลี่วยก็รีบวิ่งเข้าไปอ้อนวอนหลิงหยุนเช่นกัน..
หลิงหยุนถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดัง“ก็ถ้าพวกท่านไม่กลัวความยากลำบาก ข้าก็ยินดีที่จะสอนให้..”
หลังจากที่หลิงหยุนได้เห็นพี่น้องตระกูลหลิงเขาก็รู้ดีว่าพรสวรรค์ของทุกคนนั้นเยี่ยมยอดไม่ธรรมดาเลย เพียงแต่ไม่มีอาจารย์คอยชี้แนะให้เท่านั้น
แต่ถึงกระนั้น..การฝึกวรยุทธก็ใช่ว่าจะขึ้นอยู่กับพรสวรรค์เพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องขึ้นอยู่กับจิตใจของผู้ฝึกด้วย หลิงหยุนต้องการที่จะทดสอบจิตใจของพวกเขาทุกคนก่อน
หลิงหย่งหลิงเฟิง และหลิงเลี่วย ต่างก็ยกมือขึ้นตบหน้าอกตนเองพร้อมกับพูดอย่างมั่นอกมั่นใจว่าพวกตนนั้นล้วนเป็นคนที่อดทนต่อการฝึกหนักได้
หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นก็ได้แต่คิดในใจว่ารอให้พวกเจ้าฝึกฝนจริงๆเสียก่อน แล้วอย่าได้มานึกเสียใจภายหลังก็พอ..
พี่น้องทั้งสี่คนต่างก็พากันหัวเราะอย่างมีความสุขหลิงลี่จึงร้องตะโกนออกไปว่า “พวกเจ้าสามคนจำคำสั่งของข้าเมื่อครู่ได้ใช่หรือไม่ พวกเจ้าต้องปิดปากเรื่องของหลิงหยุนให้สนิท อย่าได้แพร่งพรายออกไป เข้าใจมั๊ย?!”
เหล่ากุ่ยนั้นไม่ต้องเป็นห่วงคนในตระกูลหลิงก็ไม่ต้องเป็นกังวลเช่นกัน เพราะหลิงเจิ้นกับหลิงเย่วนั้นต่างก็เข้าใจดี หลิงลี่เพียงแค่เป็นห่วงหลานๆทั้งสามคนของเขาเท่านั้น
“ท่านปู่..ท่านไม่ต้องกังวลใจไป พวกเราสามคนไม่ใช่คนโง่!” หลิงเลี่วยร้องบอก หลิงลี่ได้แต่คิดว่าเจ้าเด็กคนนี้ช่างพูดนัก!
“คนที่ข้ากังวลมากที่สุดก็คือเจ้านั่นล่ะ!”หลิงลี่ตอบยิ้มๆ
หลิงเลี่วยเลียริมฝีปากพร้อมกับทำเสียงขึ้นจมูกแต่ก็ไม่กล้าโต้แย้งอะไรมากไปกว่านั้น
“ผู้นำตระกูล!”ในที่สุดหลิงลี่ก็หันไปพูดกับหลิงเจิ้น
“ข้าทราบ!”หลิงเจิ้นพยักหน้าพร้อมกับตอบหลิงลี่ไป
ที่ผ่านมานั้น..ในบรรดาคนตระกูลหลิงทั้งหมด หลิงเจิ้นเป็นเพียงคนเดียวที่อยู่ในขั้นเซียงเทียน-2 อีกทั้งยังเป็นผู้นำตระกูลหลิงคนปัจจุบันด้วย และตลอดหลายปีมานี้หลิงเจิ้นยังคงกตัญญูต่อหลิงลี่ถึงแม้ว่าจะมีบางเรื่องที่แอบปิดบัง และไม่รายงานให้เขาทราบบ้างก็ตาม
แต่ที่ผ่านมานั้นหลิงลี่จำเป็นต้องพึ่งพาหลิงเจิ้นมากที่สุดจึงจำต้องทำเป็นหลับหูหลับตาไปบ้าง..
หลิงเจิ้นมองหลิงลี่ที่เวลานี้เข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-8ได้แล้ว และได้แต่นึกหวั่นในใจว่าหลิงลี่กำลังจะพูดอะไรออกมา..
“เรื่องของหลิงหยุนนั้นเจ้าไม่ต้องจัดการอะไรทั้งนั้น และเขาจะเป็นอิสระไม่ขึ้นต่อใคร”
แม้หลิงลี่จะพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาราวกับไม่ได้พูดเรื่องสำคัญแต่หลิงเจิ้นกับหลิงเย่วก็เข้าใจความหมายดี ชายชรากำลังบอกพวกเขาทั้งสองคนว่า หลิงหยุนจะไม่ฟังคำสั่งของใครทั้งนั้น แม้แต่หลิงเจิ้นซึ่งเป็นผู้นำตระกูล!
สีหน้าของหลิงเจิ้นเปลี่ยนเป็นกระอักกระอ่วนทันทีแต่ก็ตอบกลับไปด้วยท่าทางเคารพนบนอบ “ลูกทราบ!”
“ถ้าเช่นนั้นก็ดี..”หลิงลี่พยักหน้าแล้วหันไปพูดกับหลิงเย่วว่า
“ลูกสอง..หลังจากคืนนี้ไป เจ้าก็หาเวลาพูดคุยกับหลิงหยุนบ้าง!”
หลังจากที่หลิงลี่สั่งการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเขาก็ร้องตะโกนออกไปว่า “พวกเจ้าทั้งหกคนมานี่!”
เหล่ากุ่ยซึ่งกำลังสั่งงานเมื่อได้ยินคำสั่งของนายผู้เฒ่าก็รีบสั่งให้นักรบทั้งหกไปหาหลิงลี่ทันที
หลิงลี่ยกมือขึ้นชี้ไปที่ร่างของเฉินไห่คุนที่อยู่มุมสวนพร้อมกับร้องสั่งว่า“อุ้มมันกับหัวหน้านินจาทั้งสองคนไปไว้ที่คุกใต้ดินตระกูลหลิง”
“ขอรับนายผู้เฒ่า!”
นักรบทั้งหกคนรับคำสั่งและแยกย้ายกันออกเป็นสามกุล่ม อุ้มร่างของเฉินไห่คุน และหัวหน้านินจาทั้งสองคนตรงเข้าไปยังสวนชั้นที่แปดทันที และดูเหมือนว่าคุกใต้ดินของตระกูลหลิงจะอยู่ที่สวนชั้นที่แปดนี้!
“เอ่อ..จะเข้าไปได้ยังไง”
นักรบทั้งหกต่างก็ได้แต่งุนงงเมื่อเห็นหมอกสีขาวปกคลุมสวนชั้นที่เจ็ดไว้จนหาทางเข้าไม่เจอ