Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - บทที่ 731-732
บทที่ 731 : ธุระสำคัญสามเรื่อง!
หลิงหยุนนั้นรู้อยู่แล้วว่าชายชราต้องเห็นด้วยและสนับสนุนในสิ่งที่เขากำลังจะพูดออกมาอย่างแน่นอน
“เรื่องแรก..ข้าต้องการซื้อสมุนไพรจีนจำนวนมหาศาล และต้องไม่ใช่สมุนไพรจำพวกที่ผ่านกระบวนการใดๆมาก่อน และสมุนไพรที่ข้าต้องการล้วนเป็นสมุนไพรหายาก..”
เพราะไม่ว่าจะเป็นการปลุกเสกยันต์หรือว่าการปรุงยา หลิงหยุนก็ต้องใช้สมุนไพรจำนวนมากทั้งสิ้น จึงจำเป็นต้องจัดซื้อไว้เพื่อที่จะสามารถหยิบมาใช้ได้ในทันที
“ได้สิ..ไม่มีปัญหา!”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับพูดต่อว่า“ท่านปู่.. สมุนไพรที่ข้าต้องการนั้น ท่านก็ให้เหล่ากุ่ยไปหาซื้อจากตระกูลเสี่ยวโดยตรง ตระกูลเสี่ยวมีบริษัทยาทั้งขนาดกลาง และขนาดใหญ่มากมายในเมืองหลวง อีกทั้งยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรโดยตรง!”
ก่อนที่จะพูดเรื่องนี้หลิงหยุนเองก็ได้ครุ่นคิดมาก่อนแล้ว เขาไม่ยอมให้เงินทองของตนเองไหลเข้ากระเป๋าคนอื่นอย่างแน่นอน อีกทั้งท่านเสี่ยวหมอเทวดาก็เป็นผู้ที่ดีกับหลิงหยุนอย่างมาก เขาจึงต้องการที่จะตอบแทน
“นอกจากสมุนไพรจำนวนมหาศาลแล้ว ก็ต้องมีโกดังขนาดใหญ่สำหรับเก็บสมุนไพรเหล่านี้ด้วย..”
หลิงลี่ยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า“นั่นก็ไม่เป็นปัญหาเช่นกัน ว่าแต่เจ้าต้องการซื้อจำนวนเท่าไหร่รึ”
หลิงหยุนตอบกลับไปด้วยท่าทางสบายๆ“จำนวนสองร้อยล้านหยวน!”
ทันทีที่คำตอบหลุดออกมาจากปากของหลิงหยุนผู้คนที่อยู่ในห้องต่างก็ตกใจจนอ้าปากคค้าง! หลิงหยุนนับว่ามือเติบนัก เพราะสมุนไพรจำนวนสองร้อยล้านนั้น คงต้องให้คนเป็นหมื่นกินไปได้อีกหลายปีจึงจะหมด
หลิงเจิ้นเห็นหลิงหยุนเอ่ยปากพูดเรื่องเงินก็เริ่มไม่พอใจและรีบค้านขึ้นมาทันที “หลานสี่.. นี่เจ้าต้องการสมุนไพรมากมายขนาดนี้ไปทำอะไรงั้นรึ นี่มันไม่มากเกินไปหน่อยหรืออย่างไร?!”
หลิงหยุนหันไปมองหลิงเจิ้นพร้อมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ“ลุงใหญ่.. คนในตระกูลหลิงอาจจะยังไม่เข้าใจเรื่องประโยชน์ของสมุนไพรดีนัก แต่ข้าในฐานะศิษย์สำนักหมอสวรรค์.. ย่อมเข้าใจดี!”
“สำนักหมอสวรรค์งั้นรึข้าไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลย..”
“นั่นสิ..ข้าเองก็เคยได้ยินแต่ชื่อสำนักหมอหุบเขาเทวะ”
“มิน่าล่ะ..ไม่แปลกเลยที่น้องสี่มีทักษะทางการแพทย์ที่ล้ำเลิศถึงเพียงนี้ ชื่อเสียงของสำนักหมอสวรรค์คงจะไม่ด้อยไปกว่าสำนักหมอหุบเขาเทวะสินะ!”
ทั้งหลิงหย่งหลิงเฟิง และหลิงเลี่วย ต่างก็จ้องมองหลิงหยุนด้วยแววตาชื่นชม!
หลิงเจิ้นเองก็นึกแปลกใจไม่น้อยเพราะเขาเองก็ไม่เคยได้ยินชื่อสำนักหมอสวรรค์มาก่อนเลย จึงได้แต่แสร้งทำเป็นสนอกสนใจ และถามหลิงหยุนไปว่า
“ลุงไม่เคยได้ยินชื่อสำนักหมอสวรรค์มาก่อนเลยแล้วก็ไม่รู้ว่าเจ้าเรียนวรยุทธมาจากสำนักใด แล้วสำนักหมอสวรรค์นี่ตั้งอยู่ที่ใหนงั้นรึ?”
ความจริงแล้วหลิงเจิ้นต้องการสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับตัวหลิงหยุนเสียมากกว่าเพราะหลิงหยุนไม่เพียงดูลึกลับ แต่ยังแข็งแกร่งและเก่งกาจอย่างน่าอัศจรรย์อีกด้วย หลิงเจิ้นจึงค่อนข้างแปลกใจและร้อนใจไม่น้อย!
เขารู้สึกว่าตำแหน่งผู้นำตระกูลของตนเองนั้นเริ่มสั่นคลอน!
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า“ลุงใหญ่.. เรื่องนั้นข้าบอกไม่ได้จริงๆ ข้าเป็นศิษย์เพียงคนเดียวของสำนักหมอสวรรค์ และอาจารย์ของข้าก็ได้สั่งไว้ว่าห้ามบอกที่อยู่ของสำนักให้คนนอกรู้!”
และเพียงแค่คำตอบของหลิงหยุนก็สามารถปิดกั้นคำถามที่จะตามมาของหลิงเจิ้นได้ในทันที
หลิงเจิ้นได้ฟังก็รู้สึกไม่พอใจหลิงหยุนมากยิ่งขึ้นจึงได้วางท่าทางในฐานะผู้นำตระกูลพร้อมกับขมวดคิ้ว และพูดต่อว่า
“เจ้าจะใช้เงินจำนวนก้อนโตของตระกูลหลิงซื้อสมุนไพรพอจะบอกได้หรือไม่ว่าจะนำสมุนไพรเหล่านี้ไปใช้อะไรกันแน่!”
หลิงหยุนตอบกลับไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม“ในเมื่อข้าต้องการซื้อสมุนไพร ก็ย่อมต้องนำมาใช้ประโยชน์อยู่แล้ว อีกอย่าง.. ตัวข้าเองก็มีเงิน ไม่จำเป็นต้องใช้เงินของตระกูลหลิง!”
จากนั้นหลิงหยุนก็เรียกสมุดเช็คออกมาพร้อมกับเขียนจำนวนเงินลงบนสมุดเช็คห้าร้อยล้านหยวน แล้วจึงยื่นให้กับหลิงลี่ด้วยท่าทางเคารพนบนอบ
“ท่านปู่..นี่เป็นเช็คของธนาคาร ICBC จำนวนห้าร้อยล้านหยวน สองร้อยล้านนั้นข้าต้องการนำไปซื้อสมุนไพร ส่วนที่เหลืออีกสามร้อยล้าน ข้ายังต้องนำไปใช้ในเรื่องอื่นๆอีก”
นอกเหนือจากหลิงลี่และเหล่ากุ่ยแล้วคนอื่นๆที่อยู่ในห้องต่างก็พากันตกตะลึง และนิ่งอึ้งไป พวกเขาคิดไม่ถึงจริงๆว่าหลิงหยุนจะมีเงินมากมายถึงเพียงนี้ หลิงหยุนสามารถจ่ายเงินห้าร้อยล้านด้วยสีหน้านิ่งเฉยราวกับกำลังเล่นขายของ
หลิงหยุนยิ้มมุมปากและไม่แม้แต่จะเหลียวไปมองหลิงเจิ้น..
หลิงเจิ้นถึงกับหน้าแดงก่ำและไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียวเช่นกัน!
หลิงลี่ขมวดคิ้วเล็กน้อยเขาเห็นว่าก่อนหน้านี้หลิงหยุนเองก็ไม่ยอมคำนับหลิงเจิ้น และดูท่าว่าทั้งคู่จะกินแหนงแคลงใจกันอยู่ เวลานี้หลิงเจิ้นเองก็มีฐานะเป็นถึงผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน ส่วนหลิงหยุนนั้นหลิงลี่ก็ได้คัดเลือกไว้ในใจให้เป็นผู้นำตระกูลรุ่นถัดไป หากทั้งคู่ยังไม่สามารถเข้าใจกันได้ ก็คงจะเป็นปัญหาต่อไปในวันข้างหน้าอย่างแน่นอน
หลิงลี่ไม่ยอมรับเช็คที่หลิงหยุนยื่นให้เขามองหลิงหยุนด้วยความรักพร้อมกับตอบไปว่า
“หลานรัก..ปู่รู้ว่าเจ้ามีเงิน แต่คืนนี้เจ้าเพิ่งจะกลับเข้าตระกูลหลิง และได้ช่วยตระกูลหลิงให้รอดพ้นจากหายนะครั้งใหญ่ และจุดไฟแห่งความหวังให้กับตระกูลของเรา ตระกูลหลิงไม่เพียงไม่มีอะไรมอบเป็นของขวัญให้กับเจ้า หากต้องให้เจ้าออกเงินซื้อสมุนไพรเองแล้ว ในวันข้างหน้าหากให้ใครล่วงรู้เข้า คงจะต้องหัวเราะเยาะตระกูลหลิงของเราแน่นอน!”
“เจ้าเก็บเช็คนี้กลับไปเถิด..เรื่องนี้ปู่จะจัดการให้กับเจ้าเอง!” คำพูดของหลิงลี่นั้นชัดเจน
หลิงเย่วเองก็พูดสนับสนุนขึ้นเช่นกัน“หลานสี่.. ลุงสองขอออกความเห็นบ้าง! เรื่องนี้เจ้าคงต้องเชื่อฟังท่านปู่ เงินที่จัดซื้อสมุนไพรเหล่านี้ ให้เจ้าเป็นผู้จ่ายไม่ได้อย่างแน่นอน!”
ตั้งแต่หลิงหยุนกลับเข้าตระกูลหลิงมาหลิงเย่วเองก็ได้แต่นิ่งเงียบมาตลอด แต่เขาก็ได้ตัดสินใจแล้วว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาเลือกที่จะยืนอยู่ข้างหลิงหยุนอย่างแน่นอน แม้ว่าจะทำให้พี่ใหญ่ของเขาไม่พอใจบ้าง หลิงเย่วก็คงต้องยอม!
หลิงหยุนยิ้มกว้างให้กับหลิงเย่วพร้อมกับย้ำว่า“ลุงสอง.. ตอนนี้ข้ามีเงินมากมาย เงินเหล่านี้อยู่ในมือของข้าก็ไม่ได้ใช้อะไร หากสามารถนำมาสร้างความแข็งแกร่งให้กับตระกูลหลิงได้เร็วที่สุดก็จะยิ่งเป็นเรื่องดี พวกเราต่างก็เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความอีก..”
จากนั้นหลิงหยุนก็หันไปทางหลิงลี่พร้อมกับยัดเยียดเช็คลงไปในมือของเขาและพูดยิ้มๆ “ท่านปู่.. ท่านรีบเก็บเช็คนี้ไปเถิด ข้ายังมีธุระเรื่องอื่นอีก!”
หลิงลี่ไม่มีทางเลือกจึงได้แต่รับเช็คมาจากหลิงหยุน เขายิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ถ้าเช่นนั้น.. เจ้าก็พูดเรื่องต่อไปได้เลย!”
หลิงหยุนตอบมาว่า“เรื่องที่สอง.. ข้ามีบริษัทยาอยู่ในมณฑลเจียงหนานถึงหกบริษัท แต่น้ำไกลย่อมดับไฟไม่ทัน ข้าจึงคิดว่าในวันข้างหน้า หากไม่จัดหาซื้อยามาเตรียมไว้ตั้งแต่เนิ่น ก็คงต้องเปิดบริษัทยาที่นี่เสียเอง เพื่อที่ราจะได้หาซื้อยาได้ง่ายและราคาถูกมากขึ้น ไม่ทราบท่านปู่คิดเห็นเช่นใด”
หลิงลี่ได้ฟังก็ตอบกลับในทันที“เรื่องนี้ง่ายมาก.. ลุงสองรู้จักกับผู้คนในแวดวงนี้ดี เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของลุงสองก็แล้วกัน”
“ลูกสอง..เจ้าล่ะมีปัญหาอะไรหรือไม่!”
หลิงเย่วหัวเราะพร้อมกับตอบไปว่า“ท่านพ่อ.. ข้ายินดี และเข้าใจความต้องการของหลิงหยุนดี! ”
หลิงหยุนยิ้มและตอบกลับไปว่า“ขอบคุณท่านลุงสองมาก!”
หลิงหยุนนั้นมีเงินและแม้ว่าตระกูลหลิงจะตกต่ำลงมาก แต่ก็ยังคงเป็นหนึ่งในเจ็ดตระกูลใหญ่แห่งปักกิ่ง จึงยังคงมีอำนาจและเส้นสายอยู่บ้าง เพียงแค่เงินกับเส้นสาย การเปิดบริษัทยาสักบริษัทก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรนัก
หลังจากที่ปรึกษาหารือกันเรียบร้อยแล้วหลิงหยุนก็พูดธุระเรื่องที่สามต่อ..
“ท่านปู่..ข้าจำเป็นจะต้องหลอมโลหะจำนวนมากในปักกิ่ง จึงอยากจะซื้อหรือตั้งโรงงานถ่านหินขนาดใหญ่ด้วย ท่านคิดเห็นเช่นใด”
หลิงหยุนนั้นก่อนที่จะออกเดินทางจากจิงฉูเขาก็มีอยากจะมีโรงถลุงโลหะเพื่อเตรียมการไว้สำหรับการเล่นแร่แปรธาตุในวันข้างหน้า
แต่ทันทีที่หลิงหยุนพูดจบ..ทุกคนในตระกูลหลิงรวมถึงทายาทรุ่นหลัง ต่างก็มีสีหน้าเศร้าสร้อย และนั่งนิ่งไม่พูดไม่จา
เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้นน่ะหรือ!
นั่นเพราะเมื่อสิบแปดปีก่อนอุตสาหกรรมถลุงโลหะได้เคยอยู่ในการครอบครองของตระกูลหลิง แต่กลับถูกปล้นไปเป็นของตระกูลอื่น ทุกคนจึงรู้สึกเศร้าใจเมื่อหลิงหยุนพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา
“เฮ้อ..” หลิงลี่ถึงกับถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดต่อว่า..
“ปู่รับปากว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้กับเจ้าแต่ช่วงนี้มีการคุมเข้มอุตสาหกรรมที่สร้างมลพิษเหล่านี้มาก และในอุตสาหกรรมเหล่านี้ในปักกิ่ง ก็ล้วนแล้วแต่อยู่ภายใต้การดูแลของรัฐบาลจีน หากเจ้าต้องการจริงๆ ก็คงต้องเปิดแถวชานเมืองรอบๆปักกิ่งแทน..”
ความจริงแล้วยังมีเรื่องอื่นที่หลิงลี่ไม่ได้พูดออกมา ตระกูลหลิงนั้นตกต่ำมาถึงสิบแปดปี จู่ๆต้องการจะซื้อกิจการโรงงานถลุงโลหะและถ่านหิน แน่นอนว่าหากให้เรื่องนี้ล่วงรู้ไปถึงตระกูลอื่นๆ คงจะไม่เป็นผลดีต่อตระกูลหลิงอย่างแน่นอน!
หลิงหยุนเองก็เฉลียวฉลาดเขาจึงเข้าใจดีว่าเหตุใดจู่ๆ คนตระกูลหลิงจึงมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก และเข้าใจว่าเหตุใดหลิงลี่จึงได้ถอนใจออกมาเช่นนั้น หลิงหยุนจึงพูดขึ้นมาอย่างโอหัง..
“ท่านปู่..ท่านไม่ต้องกังวลใจไป! อะไรที่เคยเป็นของตระกูลหลิงเมื่อสิบแปดปีก่อน ข้า – หลิงหยุนจะนำกลับคืนมาให้ท่านเอง!”
คำพูดที่เต็มไปด้วยความหยิ่งจองหองและมั่นอกมั่นใจของหลิงหยุนนั้น ทำให้ทุกคนในที่นั้นถึงกับตกตะลึง!
ทุกคนต่างก็รู้สึกว่าหลิงหยุนนั้นช่างแข็งแกร่งมั่นอกมั่นใจ และหยิ่งผยอง!
สิ่งใดที่เคยเป็นของตระกูลหลิงจะนำกลับคืนมาให้เช่นนั้นหรือ!
หลิงลี่เองก็ถึงกับตกใจไม่น้อยหลิงเจิ้นได้แต่นิ่งไป หลิงเย่วเองก็เพียงแค่ยิ้ม ส่วนเหล่ากุ่ยถึงกับน้ำตาเอ่อ หลิงซิ่วและทายาทคนอื่นๆ ต่างก็รับรู้ได้ถึงเลือดในกายที่กำลังเดือดพล่าน
พวกเขาทุกคนต่างก็รอคอยวันนี้มานานถึงสิบแปดปี!
รอคอยวันที่ตระกูลหลิงจะได้กลับมาภาคภูมิใจในตัวเองอีกครั้งและวันนั้นก็กำลังจะมาถึงในไม่ช้า!
หลิงลี่กำหมัดจ้องมองหลิงหยุนนิ่งไปครู่ใหญ่จู่ๆก็ลุกขึ้น และจู่ๆก็เงยหน้าขึ้นหัวเราะเสียงดัง!
“เยี่ยม!ตระกูลหลิงมีเจ้า ปู่คงไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้ว! ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเจ้า เจ้าบอกมาว่าต้องการสร้างโรงถลุงเหล็กที่ใหน”
บทที่ 732 : คฤหาสน์หลังใหม่!
หลิงหยุนลุกขึ้นไปยืนอยู่ด้านหน้าแผนที่ประเทศจีนซึ่งแขวนอยู่นผนังห้องเขายิ้มเล็กน้อยระหว่างที่ตอบไปอย่างมั่นใจ
“ที่จางเจียโข่ว!”
เพื่อให้สามารถสอบเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยได้หลิงหยุนจึงต้องอ่านหนังสือวิชาภูมิศาสตร์มามากมาย และนั่นทำให้เขาเข้าใจภูมิประเทศของจีนได้ดียิ่งขึ้น แต่หลิงหยุนก็ไม่ได้ตั้งใจอ่านเพียงเพื่อทำข้อสอบอย่างเดียวเท่านั้น เขาอ่านเพื่อที่ตนเองจะสามารถท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆได้อย่างถูกต้อง
หลิงหยุนได้เรียนรู้ว่าในประเทศจีนนั้นมีสิ่งอัศจรรย์อยู่มากมายและการที่เขามาปักกิ่งในครั้งนี้ ก็ไม่ได้เพียงแค่ต้องการกลับเข้าตระกูลหลิง หรือเพียงแค่ต้องการมาช่วยหลิงเย่ว หลิงเสี่ยว กับเกาเฉินเฉินเท่านั้น แต่เขายังมีเรื่องสำคัญอีกมากมายที่ต้องทำ
หลิงหยุนเป็นถึงปรมาจารย์ด้านการวางค่ายกลเขาจึงมองออกว่าประเทศจีนนั้นเป็นดินแดนที่มีฮวงจุ้ยล้ำเลิศ และมีสถานที่ที่เปรียบเสมือนเส้นเลือดมังกรอยู่ด้วย
หลิงหยุนตั้งใจว่าเมื่อมาถึงปักกิ่งเขามีสถานที่ที่ต้องการไปสำรวจอยู่มากมายหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นกำแพงเมืองจีน พระราชวังต้องห้าม ภูเขา และแม่น้ำรอบๆเมือง
เมืองหลวงของประเทศจีนมีชื่อเรียกอีกอย่างว่าหยานจิงอยู่ทางเหนือติดกับภูเขาหยานซาน
หยานซานเป็นหนึ่งในภูเขาที่มีชื่อเสียงของจีนทอดตัวจากทางตะวันตกเชื่อมต่อกับภูเขาหยินซาน ในสายตาของผู้อื่น มันอาจจะเป็นเพียงแค่ภูเขาลูกหนึ่งเท่านั้น แต่สำหรับหลิงหยุนแล้ว มันเปรียบเหมือนเส้นเลือดดำของมังกรเลยทีเดียว!
และหลิงหยุนรู้ดีว่าตามสถานที่ที่เปรียบเสมือนเส้นเลือดมังกรนี้ย่อมมีสมบัติล้ำค่าซ่อนอยู่อย่างแน่นอน เพราะเขาเองก็ได้อ่านจากบันทึกที่ท่านป้าหลี่เป็นผู้มอบให้!
หลิงหยุนใช้เวลาศึกษาเรียนรู้อักษรจีนโบราณไปมากและเวลานี้เก็สามารถอ่านเขียนได้ จึงล่วงรู้ข้อมูลที่บันทึกเกี่ยวกับสุสานบาณ และรู้ว่าสุสานส่วนใหญ่ถูกฝังอยู่ในบริเวณภูเขาหยานซานแห่งนี้!
ด้วยอุปนิสัยของหลิงหยุนมีหรือที่เขาจะไม่เข้าไปสถานที่ที่มีของวิเศษมากมายเช่นนี้ และนี่คือเหตุผลที่เขาศึกษาภูมิศาสตร์มาอย่างละเอียด
ตอนนี้อาจพูดได้ว่าหลิงหยุนท่องแผนที่ประเทศจีนได้อย่างแม่นยำและแทบจะเดาได้ว่าสมบัติล้ำค่านั้นซ่อนอยู่ที่ใดบ้าง หลิงหยุนต้องการที่จะออกไปสำรวจสุสานอย่างมากแล้ว!
ในเมื่อใต้ภูเขาหยานซานนั้นมีสุสานขนาดใหญ่ใต้ภูเขาหยินซานก็น่าจะมีเช่นกัน และเมืองจางเจียโข่วที่หลิงหยุนพูดถึงก็อยู่ทางปลายเขาด้านตะวันออกของเขาหยินซาน!
นอกเหนือจากนั้นยังมีสถานที่สำคัญๆอีกแห่งซึ่งอยู่ระหว่างเมืองจางเจียโข่วกับปักกิ่ง แม้มันจะเป็นเมืองเล็กๆ แต่หลิงหยุนก็ได้ตั้งใจไว้แล้วว่าจะต้องไปที่นั่นให้ได้!
และที่สำคัญมันอยู่ห่างจากปักกิ่งไปเพียงแค่สองร้อยกิโลเมตรเท่านั้นหากขับรถด้วยความเร็วสูงก็ใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น นับว่าสะดวกสบายมาก และหากไม่ขับรถ หลิงหยุนก็สามารถใช้วิชาเคลื่อนที่ของตนเองเดินทางไปที่นั่นได้ในเวลาอันรวดเร็ว
เมืองจางเจียโข่วเองก็อยู่ห่างจากเมืองต้าถงซึ่งเป็นแหล่งที่มีถ่านหินอุดมสมบูรณ์ไปไม่ถึงสองร้อยกิโลเมตรและการขนส่งถ่านหินก็สามารถทำได้อย่างสะดวกสบาย แล้วเหตุใดหลิงหยุนจึงจะไม่เลือกเมืองนี้เล่า!
หลิงหยุนยืนนิ่งอยู่หน้าแผนที่ประเทศจีนบุคลิกท่าทางของเขานั้นช่างสง่างาม ทำให้ทุกคนถึงกับนิ่งอึ้งไป..
และนี่คือเสน่ห์อย่างหนึ่งของหลิงงหยุนไม่ว่าเขาจะปรากฏตัวที่ใด ก็มักจะกลายเป็นจุดสนใจของทุกคน ร่างกายของหลิงหยุนจึงมีลักษณะคล้ายแม่เหล็กขนาดใหญ่ที่สามารถดึงดูดสายตาของผู้คนรอบๆได้เป็นอย่างดี!
ไม่ว่าจะเป็นบุคลิกลักษณะท่าทาง หรือว่าใบหน้า ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เสริมให้หลิงหยุนดูดีมากยิ่งขึ้น!
แต่จู่ๆหลิงซิ่วก็ยิ้มออกมาและพูดแทรกขึ้นมาว่า “เจ้าเด็กตัวแสบนี่เลือกสถานที่ได้ดีทีเดียว ที่นั่นเป็นเมืองที่การจราจรไม่ติดขัด หากขับรถด้วยความเร็วสูง ก็ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำไป..”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมตอบกลับไปว่า“พี่หลิงซิ่ว.. ข้าเองก็เพิ่งรู้ว่าเมืองนี้อยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวง แล้วการเดินทางก็สะดวกสบาย..”
ในเมื่อมีหลิงเจิ้นอยู่ด้วยหลิงหยุนเองก็ไม่ต้องการเผยจุดประสงค์ที่แท้จริงของตนเองออกมาเช่นกัน..
หลิงลี่จ้องมองหลิงหยุนอยู่นานก่อนจะยิ้มและพูดออกไปว่า “เมืองจางเจียโข่วนับว่าเป็นทำเลที่ดีเยี่ยม!”
จากนั้นหลิงลี่ก็กวาดตามองสำรวจทุกคนที่อยู่ในห้องก่อนจะถามหลิงหยุนต่อว่า “หลิงหยุน.. เจ้ายังมีเรื่องอื่นอีกหรือไม่”
หลิงหยุนก้มศรีษะนิ่งอยู่ครู่ใหญ่และจู่ๆก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับพูดออกไปว่า “ท่านปู่.. ข้าต้องการหาทำเลในปักกิ่งเพื่อใช้สร้างคฤหาสน์ตระกูลหลิงหลังใหม่ โดยใช้งบประมาณของตัวเอง!”
“แต่เรื่องนี้ยังเป็นโครงการระยะยาวของข้าคงต้องใช้เวลาอีกราวสามถึงห้าปี และใช้เงินจำนวนมหาศาล ข้าจึงอยากจะขออนุญาตท่านปู่ไว้ก่อนว่าเงินทุนสำหรับก่อสร้างจะเป็นเงินของข้าเอง!”
ทุกคนในห้องได้ฟังก็ถึงกับตกตะลึงอีกครั้งและแม้แต่หลิงลี่เองก็ตกใจไม่น้อย และได้แต่คิดในใจว่าบ้านบรรพบุรุษตระกูลหลิงทั้งเก้าชั้นนี้ก็ใหญ่โตมโหฬารมากแล้ว ยังไม่เพียงพอให้เจ้าอยู่อีกงั้นรึ
หลิงเจิ้นนั้นรู้สึกไม่พอใจตั้งแต่ที่หลิงหยุนปรากฏตัวเพราะไม่เพียงหลิงหยุนจะเป็นที่รักของทุกคน แต่คืนนี้เขายังพล่ามเรื่องโครงการใหญ่โตมากมาย โดยไม่สนใจความคิดเห็นของเขาเลยแม้แต่น้อย ตำแหน่งผู้นำตระกูลหลิงของเขาแทบไม่มีความหมายอะไร
“อะแฮ่ม..”หลิงเจิ้นกระแอมแล้วจึงพูดต่อว่า
“หลานสี่..การสร้างคฤหาสน์ตระกูลหลิงนั้นดูเหมือนจะเป็นโครงการใหญ่โต เจ้าเพิ่งจะกลับเข้าบ้านตระกูลหลิง สำหรับเรื่องนี้ข้าจะค่อยๆคุยกับเจ้าวันหลัง รอให้ช่วยพ่อเจ้าออกมาให้ได้ก่อน และหลังจากที่ตระกูลของเรามั่นคงปลอดภัยดีแล้ว พวกเราค่อยพูดเรื่องสร้างคฤหาสน์ตระกูลหลิง เจ้าเห็นว่ายังไง”
หลังจากที่หลิงเจิ้นพูดขึ้นมาทุกคนต่างก็หันไปมองหลิงหยุน และรู้สึกว่าคำพูดของหลิงเจิ้นนั้นมีเหตุมีผลมากทีเดียว
หลิงหยุนครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะออกมาและตอบกลับไปว่า “ขอบคุณลุงใหญ่ที่เตือนสติข้า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่โตจริงๆ ถ้าเช่นนั้นก็รอให้ท่านปู่ใคร่ครวญก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องนี้กันใหม่อีกครั้ง!”
เรื่องสุดท้ายที่หลิงหยุนพูดไปนั้นเขายังไม่คิดที่จะเอาจริงเอาจังอะไรในตอนนี้ เขาเพียงแค่เกริ่นให้ทุกคนได้รู้ล่วงหน้าก่อนเท่านั้นเอง
แต่เมื่อถึงเวลาหากเขาต้องการจะสร้างคฤหาสน์ตระกูลหลิง ใครก็ห้ามเขาไม่ได้อย่างแน่นอน!
หลิงหยุนเห็นตัวอย่างมาจากคฤหาสน์ตระกูลเฉินที่เป็นสัดเป็นส่วนและมีความเป็นส่วนตัวสูง
จากนั้นหลิงเย่วก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ท่านพ่อ.. ข้าว่าคืนนี้ตระกูลเฉินคงไม่ส่งคนบุกมาอีกแล้วล่ะ! เวลานี้ก็ดึกมากแล้ว หากไม่มีอะไร พวกเราก็แยกย้ายดีหรือไม่”
หลิงลี่เสริมขึ้นทันทีและโบกมือขึ้นบอกกับทุกคน“เอาล่ะ.. นี่ก็ดึกมากแล้วจริงๆด้วย เรื่องอื่นไว้ค่อยคุยกันใหม่พรุ่งนี้ก็แล้วกัน พวกเจ้าทุกคนกลับไปพักผ่อนกันได้แล้ว ส่วนหลิงหยุนกับเหล่ากุ่ยอยู่ที่นี่ก่อน!”
หลิงเย่วยิ้มให้หลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า“หลานสี่.. ลุงสองอยู่ที่สวนชั้นที่สองของบ้านหลังนี้ หากเจ้ามีธุระก็สามารถไปหาข้าได้ตลอดเวลา..”
ที่สวนชั้นที่หนึ่งของบ้านตระกูลหลิงนั้นเป็นที่อยู่สำหรับทายาทหนุ่มสาว สวนชั้นที่สองก็เป็นที่อยู่ของหลิงเย่ว สวนชั้นที่สามนั้นเคยเป็นที่อยู่ของหลิงเสี่ยว และสวนชั้นที่สี่ก็เคยเป็นที่อยู่ของหลิงเจิ้น แต่เพราะหลิงเสี่ยวนั้นจมอยู่กับความทุกข์ หลิงลี่จึงได้ให้แลกเปลี่ยนกับหลิงเจิ้น
ส่วนสวนชั้นที่ห้ากับหกนั้นก็ปล่อยทิ้งไว้ไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่ มีเพียงคนเข้ามาทำความสะอาดเป็นครั้งคราวเท่านั้น
สวนชั้นที่เจ็ดและแปดนั้นก็เป็นที่ที่เหล่านักรบตระกูลหลิงเคยอาศัยอยู่..
และนั่นคือเหตุผลว่าเหตุใดนินจาทั้งสามสิบหกคนจึงสามารถเข้ามายังสวนชั้นที่ห้าได้อย่างง่ายดาย..
“ขอบคุณลุงสอง..ข้าต้องไปรบกวนท่านแน่!” หลิงหยุนตอบกลับอย่างอารมณ์ดี
หลิงเจิ้นก็ไม่ได้แสดงท่าทีเย็นชากับหลิงหยุนเขาหัวเราะและพูดจากับหลิงหยุนเล็กน้อยก่อนจะขอตัวกลับ
หลิงเจิ้นและหลิงเย่วกลับไปแล้วภายในห้องจึงเหลือเพียงหลิงซิ่ว หลิงหย่ง หลิงเฟิง และหลิงเลี่วย และทั้งหมดต่างก็นั่งยิ้มจนเห็นฟันขาว ดูเหมือนไม่มีใครต้องการที่จะกลับไปแม้ว่าจะเป็นเวลาตีสองแล้ว พวกเขาเห็นหลิงหยุนเป็นราวกับเทพจึงต้องการตามติดหลิงหยุนเช่นนี้
“เหตุใดพวกเจ้าทั้งสี่คนยังอยู่ที่นี่อีก”
หลิงลี่จ้องมองหลานทั้งสี่คนด้วยความรำคานเล็กน้อยและคิดว่าพวกเขาควรจะปล่อยให้ตนเองกับหลิงหยุนอยู่กันตามลำพังได้แล้ว
“ท่านปู่..พวกเรายังอยากคุยกับน้องสี่ต่อ” หลิงซิ่วเกาะแขนหลิงลี่พร้อมกับออดอ้อน
แต่กลับไม่ได้ผลหลิงลี่ขมวดคิ้วพร้อมตอบกลับไปว่า “ปู่รู้ว่าพวกเจ้ายังอยากพูดคุยกับหลิงหยุนต่อ แต่นี่ดึกมากแล้ว!”
“เอาเป็นว่ารออีกสักสองสามวันให้ปู่จัดการเรื่องตระกูลหลิงให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นพวกเจ้าทั้งสี่ก็พาหลิงหยุนไปช้อปปิ้ง อยากจะซื้อะไรก็ซื้อ แล้วคิดเงินในบัญชีของปู่ก็แล้วกัน ตกลงนะ!”
ในที่สุดหลิงลี่ก็ต้องหากลอุบายเพื่อให้ได้พูดคุยกับหลิงหยุนตามลำพังและดูเหมือนว่าปู่ที่รักหลานมากๆคงต้องมีกลอุบายเช่นนี้กันแทบทุกคน
แต่ดูเหมือนหลิงซิ่วจะได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างตามอกตามใจมากกว่าใครๆนางจึงยังคงดื้อดึงไม่ยอมกลับ
หลิงหยุนเห็นว่าหลิงซิ่วคงไม่ยอมกลับอย่างแน่นอนและหากหลิงซิ่วไม่กลับ ที่เหลือก็คงไม่กลับเช่นกัน เขาจึงหันไปพูดกับหลิงซิ่วว่า
“พี่หลิงซิ่ว..ข้ามีของขวัญมามอบให้ท่านด้วย”
“จริงเหรอ!”
หลิงซิ่วได้ยินก็ถึงกับตาโต และรีบร้องถามออกมาทัน นางรีบปล่อยมือที่เกาะแขนหลิงลี่ และหันไปทางหลิงหยุน
หลิงหยุนจับมือของหลิงซิ่วแบออกจากนั้นจึงเรียกชุดเครื่องประดับที่ทำจากหยกจักรพรรดิทั้งสี่ชิ้นออกมาวางไว้บนฝ่ามือของนาง
หยกจักรพรรดิสีเขียวสดใสเปล่งประกายไปทั่วทั้งห้องหลิงซิ่วตื่นเต้นตกใจสุดขีด ปากของนางอ้ากว้างและร่างกายสั่นเทิ้มด้วยความดีใจ!