Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - บทที่ 753-754
บทที่ 753 : สมบัติล้ำค่าช่วยชีวิต!
เพียร์ซที่บินอยู่ด้านล่างของกลุ่มค้างคาวนั้นถึงกับตกใจเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากกลุ่มค้างคาวที่กำลังบินอยู่บนท้องฟ้า มันรีบกระพือปีกที่กว้างใหญ่เกือบแปดเมตรของตนเอง หลบหลีกเหล่าค้างคาวสีดำที่ร่วงลงมาตายราวกับห่าฝน แม้แต่เพียร์ซซึ่งเป็นแวมไพร์บริวารของหลิงหยุนเอง ยังอดที่จะรู้สึกสยดสยองไม่ได้!
แม้แต่ซานตานเองหากได้เห็นภาพที่น่าสยดสยองเช่นนี้ก็คงจะ..
เพียร์ซนั้นเป็นแวมไพร์ที่กลายพันธุ์แล้วและเป็นบริวารที่จงรักภักดีต่อหลิงหยุนอย่างมาก แต่เมื่อได้เห็นเหล่าแวมไพร์ถูกสังหารตายมากมายเช่นนี้ มันก็อดที่จะรู้สึกเศร้าใจไม่ได้..
หลิงหยุนใช้เวลาไปเพียงแค่สิบยี่สิบวินาทีก็สามารถฆ่าค้างคาวที่บินอยู่บนท้องฟ้าจำนวนมากได้..
“เก้าสิบเอ็ด..”
“เก้าสิบสอง..”
“เก้าสิบสี่..”
ในที่สุดแวมไพร์อีกสิบกว่าตัวก็ถูกหลิงหยุนฆ่าตายส่วนแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสก็ได้บินหนีหลิงหยุนออกไปไกลถึงหนึ่งร้อยเมตร
แต่ยิ่งสู้กันบนท้องฟ้านานเข้าหลิงหยุนก็ยิ่งลำบากมากขึ้น เพราะตัวเขานั้นเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง แต่เหล่าค้างคาวกลับช้ากว่ามาก อีกทั้งพวกมันยังต้องการบินหนีเขาอีกด้วย ทำให้หลิงหยุนไม่สามารถหาร่างค้างคาวที่จะใช้พยุงตัวอยู่บนท้องฟ้าต่อไปได้!
ในเมื่อรอบกายของหลิงหยุนไม่มีค้างคาวอีกแล้วร่างของหลิงหยุนจึงค่อยๆร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน!
และโอกาสนี้เองที่แวมไพร์ขั้นมาร์ควิสได้โอกาสบินหนีไป!
แวมไพร์ขั้นมาร์ควิสร้องสั่งแวมไพร์ขั้นเคานต์ทั้งห้าตนที่บินล้อมรอบร่างของมันอยู่..
“อย่าไปสนใจชายผู้นั้นพวกเราแยกย้ายออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งไล่ล่าเพียร์ซไป ไม่ว่าจะยังไงต่อให้ต้องตาย ก็อย่าให้เพียร์ซบินไปรับร่างของชายผู้นั้นได้อย่างเด็ดขาด แล้วมันก็จะต้องตกลงไปตายอย่างแน่นอน!”
“ดาบวิเศษอย่างดาบพายุเหตุใดจึงไปอยู่ในเงื้อมือของปีศาจอย่างมันได้!”
และด้วยสายตาในระดับมาร์ควิสมีหรือที่จะไม่สังเกตุเห็นอาวุธในมือของหลิงหยุนได้..
“ส่วนกลุ่มที่เหลือตามข้ามา..”
บริวารของแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสถูกหลิงหยุนสังหารตายไปมากมายและเวลานี้แวมไพร์ขั้นเคานต์ทั้งหมดยี่สิบกว่าตนก็เหลือเพียงแค่ห้าตนเท่านั้น ส่วนแวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์สองร้อยกว่าตน เวลานี้ก็เหลือเพียงสามสิบหกตนเท่านั้น มันจึงรู้สึกโกรธแค้นอย่างมาก และตั้งใจที่จะจัดการกับหลิงหยุนด้วยตนเอง
ความสามารถของแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสนั้นนับว่าแข็งแกร่งอยากมากแต่การที่มันเลือกจะไม่ปะทะกับหลิงหยุนโดยตรงนั้น นับว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องอย่างมาก!
แวมไพร์ขั้นเคานต์พร้อมด้วยขั้นไวส์เคานต์กลุ่มหนึ่งตรงเข้าไปหยุดเพียร์ซไว้แววตาของพวกมันล้วนบ่งบอกว่ายอมตายเพื่อหยุดยั้งเพียร์ซไม่ให้บินไปรับร่างของหลิงหยุนได้!
ส่วนแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสพร้อมด้วยบริวารขั้นเคานต์ที่เหลือและแวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์อีกยี่สิบหกตนนั้น ก็บินตรงไปที่ถ้ำด้านล่างทันที
แน่นอนว่าพวกมันตรงไปหาเกาเฉินเฉิน!
จากระยะไกล..เพียร์ซเห็นร่างของหลิงหยุนค่อยๆลอยละลิ่วตกลงไปที่พื้น จึงรีบสยายปีกบินตรงเข้าไปหาร่างของเขาทันที!
แต่เวลานี้การตรงไปรับร่างของหลิงหยุนกลับไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเพียร์ซอีกต่อไป..
ร่างของหลิงหยุนเริ่มร่วงลงสู่พื้นดิน..และเวลานี้ร่างของหลิงหยุนก็อยู่ทางด้านตะวันตกของหน้าผา และด้านล่างก็คือหุบเขาลึก!
เวลานี้ร่างของหลิงหยุนตกลงมาจากความสูงในระดับห้าร้อยเมตรส่วนหน้าผาที่อยู่หน้าถ้ำของเกาเฉินเฉินนั้นก็สูงจากพื้นดินราวสี่ร้อยเมตร หากหลิงหยุนตกลงบนหน้าผานี้ก็คงไม่ต้องให้เพียร์ซไปรอรับ แต่ปัญหาคือตำแหน่งที่เขาอยู่นั้น ด้านล่างมีหุบเขาที่ลึกลงไปอีกถึงสามร้อยเมตร!
นั่นเป็นเพียงความสูงที่ประเมินจากหน้าผาลงไปถึงปากหุบเขาเท่านั้นยังไม่รู้ว่าจากปากหุบไปถึงด้านล่างนั้น จะลึกลงไปอีกกี่ร้อยเมตร
และเวลานั้นหลิงหยุนก็มุ่งมั่นอยู่กับการสังหารเหล่าแวมไพร์และสามารถสังหารเหล่าแวมไพร์ที่อยู่กลางอากาศไปได้ถึงเก้าสิบกว่าตัวเลยทีเดียว ดังนั้น.. เขาจึงหวังพึ่งพาแวมไพร์ขั้นเคานต์อย่างเพียร์ซให้มารับตนเอง!
เพีร์ซกระพือปีกอย่างสุดกำลังเพื่อเร่งความเร็วในการบินตรงเข้าไปหาร่างของหลิงหยุน!
“เจ้าแวมไพร์ทรยศ..คิดจะบินไปหาเจ้ามนุษย์นั่นน่ะรึ ฝันไปเถอะ!”
แวมไพร์ขั้นเคานต์ทั้งสองตนนำผู้ติดตามขั้นไวส์เคานต์พุ่งไปขวางระหว่างร่างของหลิงหยุนและเพียร์ซไว้ทันที เพื่อหวังปิดทางเพียร์ซไม่ให้บินขึ้นไปรับร่างของหลิงหยุนได้
เพียร์ซเองก็รีบเร่งมากยิ่งขึ้น!เขาชูหมัดขึ้นพร้อมกับบินพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว พร้อมโยกตัวหลบหลีกแวมไพร์ตนอื่นที่คอยขวางทางไว้!
“มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก!”
เวลานี้..แวมไพร์ขั้นเคานต์ทั้งสองตนที่ความเร็วไม่ได้ช้าไปกว่าเพียร์ซ ก็ได้บินขึ้นไปขวางร่างของเพียร์ซแทนแวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์ที่ช้ากว่า..
ในเวลาเดียวกันนั้นเองแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสพร้อมด้วยแวมไพร์ขั้นเคานต์ทั้งสาม รวมทั้งแวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์ทั้งยี่สิบหกตน ต่างก็บินตรงไปที่ถ้ำทันที!
เกาเฉินเฉินกับเหล่ากุ่ยนั้นอยู่ในอันตรายมากแต่เพียร์ซกลับอันตรายกว่า และหลิงหยุนดูเหมือนจะอันตรายที่สุด!
หลิงหยุนที่กำลังตกลงไปบนพื้นอย่างรวดเร็วเมื่อได้เห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก็เริ่มกระวนกระวายใจขึ้นมาทันที และได้แต่คิดว่าครั้งนี้คงจะเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่!
ระหว่างที่ลอยละลิ่วตกลงไปที่พื้นสูงกว่าห้าร้อยเมตรนี้ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ แต่หากคำนวณคร่าวๆแล้ว ก็คงเป็นระยะเวลาไม่เพียงแค่สิบกว่าวินาทีเท่านั้น..
หลิงหยุนมีเวลาเพียงแค่สิบวินาทีเท่านั้น!
และหากเป็นคนธรรมดาก็คงยากที่จะทำอะไรได้ในช่วงเวลาเพียงสั้นๆแค่นี้แต่ไม่ใช่หลิงหยุน.. เขาไม่ปล่อยให้เวลาสั้นๆนี้ล่วงไปโดยเปล่าประโยชน์แน่
การเดินเล่นกลางเวหาโดยไม่มีพื้นที่สำหรับยืมเป็นแรงส่งเลยนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะหากทำเช่นนั้นจะต่างอะไรกับบินได้เล่า!
ในเวลานั้นหลิงหยุนเองก็ได้ยินเสียงดังขึ้นที่หน้าถ้ำและเหล่ากุ่ยเองก็สังเกตุเห็นถึงอันตายที่กำลังจะเกิดขึ้น เขาจึงรีบหยิบยันต์เตโชออกมาสามแผ่นพร้อมกับสั่งให้ยันต์ออกฤทธิ์ทันที
หลิงหยุนทำได้แค่มองและรู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง เหล่ากุ่ยนั้นนับว่าเป็นผู้ที่ผ่านสนามรบที่เต็มไปด้วยเลือดมาหลายครั้ง จึงมีทักษะการต่อสู้ที่ค่อนข้างดีเยี่ยม
หลิงหยุนได้แต่ภาวนาขอให้เหล่ากุ่ยแก้ปัญหาได้อย่างดีที่สุดเพราะด้วยความสูงระยะนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่หลิงหยุนจะสามารถช่วยเหลือคนทั้งคู่ได้
หลิงหยุนโคจรดาราคุ้มกายไว้เขาจึงไม่ได้รับบาดเจ็บจากการกระแทก และเกี่ยวเข้ากับกิ่งไม้ แต่เวลานี้หลิงหยุนไม่สนใจกับเรื่องบาดเจ็บเล็กๆน้อยๆนี้ เขาสนใจเรื่องของเวลาเสียมากกว่า
หลิงหยุนไม่รู้ว่าแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสนั้นจะมีความสามารถพิเศษอะไรอีกนอกเหนือจากแปลงร่างและหายตัว หากมันสามารถทนต่อเปลวไฟจากยันต์เตโชได้ แน่นอนว่าเกาเฉินเฉินจะต้องถูกมันจับตัวไปอีกครั้งอย่างแน่นอน
เพียร์ซร้องตะโกนออกมาอย่างโกรธแค้นร่างของมันบินหลบไปทางซ้ายทีขวาที แต่ก็ไม่สามารถบินฝ่าวงล้อมของแวมไพร์ขั้นเคานต์ทั้งสองตน และขั้นไวส์เคานต์อีกสิบตนไปได้!
แม้เพียร์ซจะกลายร่างเป็นค้างคาวแล้วก็ยังไม่สามารถบินฝ่าลงล้อมของอีกฝ่ายไปได้ เพราะพวกมันคาดหวังว่าจะต้องทำให้หลิงหยุนตกลงไปบนพื้นดินตายให้ได้!
เพียงแค่สองหรือสามวินาทีเท่านั้นหลิงหยุนก็ตกลงไปราวหนึ่งร้อยเมตร และเกือบจะอยู่ต่ำกว่าร่างของเพียร์ซแล้ว
เมื่อต้องเผชิญกับแวมไพร์ขั้นเคานต์ถึงสองตนเพียร์ซก็แทบจะทำอะไรไม่ได้ มันจึงกลายร่างกลับคืน และยกมือขึ้นชกแวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์ที่อยู่ตรงหน้าทั้งหกคนจนเลือดสาด!
เพียร์ซเห็นว่ามีเพียงหนทางเดียวที่จะจัดการกับแวมไพร์ขั้นเคานต์และไวส์เคานต์ได้ในเวลาสั้นๆ คือต้องใช้มนต์โลหิตเท่านั้น!
แต่การใช้มนต์โลหิตของเหล่าแวมไพร์นั้นก็จะต้องแลกกับเลือดในร่างกายที่มีเพียงเล็กน้อยของตนเอง!
แวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์หกตนได้รับบาดเจ็บจึงบินได้ช้าลง และไม่สามารถบินทันเพียร์ซได้อีก!
หมัดทั้งสองข้างของเพียร์ซนั้นรุนแรงเกินกว่าจะต้านทานเพียร์ซพุ่งตรงเข้าหาแวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์อีกสองตน แต่ในเวลาเดียวกันนั้นแวมไพร์ขั้นเคานต์ทั้งสองตนก็บินกลับไปทางด้านหลังของเพียร์ซ และจัดการชกหมัดทั้งสี่เข้าที่ด้านหลังของเพียร์ซอย่างแรง!
ร่างสูงใหญ่ของเพียร์ซถูกกระแทกอย่างแรงและเกือบจะตกลงไป แต่มันก็รีบกลายร่างเป็นค้างคาว และบินตรงเข้าไปหาหลิงหยุนทันที
แต่ถึงกระนั้นร่างของหลิงหยุนก็กำลังร่วงลงสู่พื้นดินและน่าจะต้องได้รับบาดเจ็บ เพราะร่างของเขานั้นร่วงลงพื้นอย่างรวดเร็ว ส่วนแวมไพร์ขั้นเคานต์ทั้งสองตนก็ไล่ตามเพียร์ซมาติดๆ
‘จะทำเช่นไรดี’หลิงหยุนครุ่นคิด
แต่ระหว่างนั้นเอง..หลิงหยุนก็ยิ้มออกมา
นี่เขาลืมสมบัติล้ำค่าของตนเองไปได้อย่างไรกันสมบัติล้ำค่าที่จะช่วยชีวิตของเขาได้!
หลิงหยุนขยับมือซ้ายเล็กน้อยแล้วร่มก็ปรากฏขึ้นมาทันที หลิงหยุนกางร่มในมือออก และมันก็กลายเป็นร่มชูชีพขนาดเล็กที่ช่วยชะลอความเร็วให้กับหลิงหยุนได้..
แต่ถึงกระนั้น..ด้วยความเร็วที่ตกลงไป แม้ว่าจะกางร่มได้สำเร็จ แต่ก็ถูกแรงลมพัดปลิวไป และในไม่ช้าร่มเล็กก็ยากที่จะรับน้ำหนักคนแปดสิบกิโลกรัมได้!
แต่หลิงหยุนนั้นไม่ใช่คนธรรมดาเขาเพียงแค่ต้องการใช้ร่มชะลอความเร็วเท่านั้น และเพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว!
หลิงหยุนถือร่มที่กางไว้ในมือและรีบร้องบอกเพียร์ซ..
“เพียร์ซ..ข้ารู้ว่าเจ้าจงรักภักดีต่อข้ามาก แต่ตอนนี้เจ้าไม่ต้องห่วงข้าแล้ว รีบไปที่ถ้ำจัดการกับเหล่าแวมไพร์เดี๋ยวนี้..”
จากนั้นหลิงหยุนก็กระแทบมือซ้ายที่ถือร่มลงอย่างแรงเขาสูดลมหายใจลึก และปล่อยให้ร่างลอยละลิ่วลงพื้นในสภาพกลับหัวกลับหาง!
และทันใดนั้น..ร่างของหลิงหยุนก็ไปยืนอยู่บนปลายร่มด้วยขาข้างเดียว และอาศัยแรงส่งกระโดดขึ้นไปบนหน้าผาที่อยู่ห่างถึงสองร้อยเมตรทันที!
บทที่ 754 : มังกรคำราม!
เพียร์ซมีความสุขอย่างมากเมื่อได้ยินเสียงสั่งการจากหลิงหยุนอีกครั้งมันรีบหันหลัง และบินกลับไปที่ถ้ำหินทันที!
หลิงหยุนกระโดดไกลกว่าสองร้อยเมตรและไปยืนอยู่บนหน้าผาได้อย่างง่ายดาย!
แวมไพร์ทั้งสิบสองตนต่างก็คิดว่าหลิงหยุนได้ตกลงกระแทกพื้นตายไปแล้วแต่เมื่อพวกมันเห็นหลิงหยุนสามารถเอาชีวิตรอดมาได้ด้วยร่มเพียงคันเดียว ก็ได้แต่ตกตะลึงและนิ่งอึ้งไปทันที!
หลิงหยุนเอาร่มมาจากใหนกัน!
หลิงหยุนไม่ได้เสกมาอย่างแน่นอน..ร่มคันนี้เป็นของเหล่ากุ่ยที่นำมากางให้เขากับเกาเฉินเฉินเมื่อครั้งที่ออกมาจากเขาหยุนเมิ่งนั่นเอง และเขาก็ได้โยนมันไว้ที่เบาะด้านข้างเกาเฉินเฉิน แต่ก่อนที่จะออกมานั้น หลิงหยุนก็ได้เรียกมันเข้าไปเก็บไว้ในแหวนพื้นที่..
ทันทีที่กระโดดไปยืนบนหน้าผาได้หลิงหยุนก็ใช้มังกรพรางร่างพาตนเองเคลื่อนที่ไปอยู่บนภูเขาทางด้านตะวันตกซึ่งอยู่ตรงเข้ามกับหน้าผาหินทันที!
ช่วงเวลาที่หลิงหยุนคิดหาวิธีเอาชีวิตรอดด้วยร่มนั้นแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสก็ได้นำแวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์ทั้งยี่สิบหกตนบินตรงไปยังถ้ำซึ่งเป็นที่ซ่อนตัวของเกาเฉินเฉิน..
และเวลานี้เปลวไฟจากยันต์เตโชยังคงลุกโชติช่วงอยู่หน้าถ้ำเต็มพื้นที่บนหน้าผาจนไม่เหลือที่ว่างให้สามารถยืนได้เลย..
แวมไพร์ขั้นมาร์ควิสนั้นนับว่าเฉลียวฉลาดแต่ก็ไม่เจ้าเล่ห์เพทุบายเหมือนเฉินเจี้ยนกุ่ย มันรู้ดีอยู่แล้วว่าหลิงหยุนนั้นแข็งแกร่งและเก่งกาจมากเพียงใด ในสายตาของเฉินเจี้ยนกุ่ยนั้น หลิงหยุนไม่เพียงเป็นอันตรายต่อตัวมันอย่างมาก แต่ยังเป็นอันตรายต่อเหล่าแวมไพร์ทั้งหลายอีกด้วย ดังนั้นตลอดระยะเวลาการต่อสู้ มันจึงพยายามอยู่ห่างจากหลิงหยุนให้มากที่สุด แต่เมื่อหลิงหยุนพลาดท่ากำลังร่วงหล่นลงไปบนพื้นดิน มันจึงรีบฉวยโอกาสนี้บินตามหลังแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสไปที่ถ้ำ..
เพราะหากต่อสู้กันตัวต่อตัวแล้ว..เฉินเจี้ยนกุ่ยนั้นยังนับว่าห่างชั้นจากหลิงหยุนมาก และด้วยกำลังภายในของมันเวลานี้ หากคิดจะจัดการกับหลิงหยุน ก็คงทำได้แค่เพ้อหรือฝันกลางวันเท่านั้น!
ดังนั้น..มันจึงต้องรอจังหวะ และอาศัยโอกาสที่หลิงหยุนพลาดท่านี้ บุกเข้าไปชิงตัวเกาเฉินเฉินกลับมา และเมื่อใดก็ตามที่ได้ดื่มเลือดของเกาเฉินเฉินเข้าไป พละกำลังของมันก็จะเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกหลายเท่าตัว!
เฉินเจี้ยนกุ่ยนั้นวาดภาพความสำเร็จไว้สวยงามมากจนเกินไปแม้มันจะวาดฝันให้เป็นไปตามแผนการเช่นนั้น แต่ใช่ว่าความจริงจะเป็นไปตามที่วาดฝันไว้!
แม้ว่าการเป็นแวมไพร์จะทำให้มีพละกำลังและว่องไวเหนือมนุษย์ธรรมดา แต่แวมไพร์ก็มีจุดอ่อน!
แวมไพร์นั้นต่อให้แข็งแกร่งเพียงใดก็ยังหวาดกลัวไฟหวาดกลัวแสง และหวาดกลัวอาวุธที่ทำจากเงิน และนี่ล้วนคือจุดอ่อนของเฉินเจี้ยนกุ่ย
ดังนั้นเมื่อมันบินตรงไปยังหน้าผาและพบว่าจู่ๆพื้นที่บนหน้าผาก็กลายเป็นกำแพงไฟที่ลุกโชนจนไม่เหลือพื้นที่ให้ยืนได้ มันก็ถึงกับตกใจกลัวอย่างมาก!
ถึงแม้ว่ากำแพงไฟจากยันต์เตโชจะมีเวลาเพียงแค่หนึ่งนาทีเหล่ากุ่ยก็มั่นใจอย่างมากว่านายน้อยสี่ของเขาจะต้องไม่ตกลงไปตายตามที่เหล่าแวมไพร์ปรารถนาอย่างแน่นอน สิ่งเดียวที่เขาต้องทำในเวลานี้ก็คือ.. ต้านทานแวมไพร์เหล่านี้ไว้ให้ได้นานที่สุด เพื่อรอเวลาให้นายน้อยสี่ของเขากลับมาช่วย!
แต่ถึงกระนั้นการต้านทานเหล่าแวมไพร์ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย!
ยันต์ที่หลิงหยุนปลุกเสกขึ้นมานั้นจะไม่ทำอันตราย หรือมีผลกระทบต่อตัวผู้ที่ใช้ยันต์ เหล่ากุ่ยซึ่งเป็นผู้ใช้ยันต์เตโชนี้ เปลวไฟจึงไม่อาจทำร้ายเขาได้ แต่ก็เพียงเหล่ากุ่ยคนเดียวเท่านั้น!
แต่ภายในถ้ำยังมีเกาเฉินเฉินอยู่ด้วย!
เปลวไฟจากยันต์เตโชระดับห้าของหลิงหยุนนั้นมีอุณหภูมิสูงถึงหนึ่งพันองศาเซลเซียสเลยทีเดียว และเวลานี้ยันต์มากกว่าสิบแผ่นได้ถูกจุดขึ้นพร้อมๆกันอยู่หน้าถ้ำ และกำลังกลายเป็นกำแพงไฟอยู่ในขณะนี้ ความร้อนที่พวยพุ่งออกมาจึงแทบไม่ต้องพูดถึง!
หลิงหยุนนั้นขุดถ้ำลึกไปเพียงแค่สองเมตรเท่านั้น!
พูดง่ายๆก็คือว่าต่อให้เกาเฉินเฉินซ่อนตัวอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของถ้ำ เธอก็จะยังคงได้รับผลกระทบจากอุณหภูมิที่สูงมากของเปลวไฟจากยันต์เตโชมากกว่าสิบแผ่นที่ถูกจุดขึ้นพร้อมกันนั่นเอง แม้จะมีเวลาเพียงแค่นาทีเดียว แต่นั่นก็ทำให้เกาเฉินเฉินแทบไม่สามารถทนอยู่ต่อไปได้!
สภาพของเกาเฉินเฉินเวลานี้ไม่ต่างจากคนงานที่อยู่หน้าเตาหลอมโลหะอุณหภูมิสูงและไม่ได้สวมชุดป้องกันความร้อนนั่นเอง หนทางเดียวคือต้องถอยห่างออกมาจากเตาหลอมนั้น!
ความจริงแล้วเหล่ากุ่ยเองก็ตั้งใจว่าจะใช้ยันต์เตโชเพียงแค่สิบเหกแผ่นเท่านั้น จากนั้นที่เหลือก็จะให้เกาเฉินเฉินเป็นผู้ใช้ยันต์บ้าง เพื่อให้ความร้อนจากยันต์เตโชไม่มีผลต่อตัวเธอ ประกอบกับกำลังภายในขั้นเซียงเทียน-2 ของเหล่ากุ่ยเอง ก็เพียงพอที่จะทำให้ทั้งคู่สามารถต้านทานความร้อนจากเปลวไฟได้อย่างสบาย
แต่เมื่อยันต์ทั้งสิบหกแผ่นลุกโชนขึ้นพร้อมกันเกาเฉินเฉินก็แทบจะไม่สามารถหายใจได้แล้ว จึงแทบไม่ต้องพูดถึงเรื่องใช้ยันต์ตามที่เหล่ากุ่ยวางแผนไว้..
อีกทั้งยันต์นั้นเป็นเพียงกระดาษสีเหลืองบางเบาเท่านั้นคนธรรมดาจึงไม่สามารถโยนมันออกห่างจากตัวได้มากกว่าครึ่งเมตรอย่างแน่นอน!
แต่เวลานี้หลิงหยุนอยู่ห่างจากศัตรูเพียงแค่เอื้อมและเพิ่งจะกระโดดไปยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามหน้าผา แต่เหล่ากุ่ยซึ่งอยู่ในถ้ำนั้นไม่รู้ เขารู้เพียงแค่ว่าหากเขาปล่อยให้แวมไพร์เข้ามาในถ้ำได้แม้แต่ตัวเดียว เขาจะต้องถูกมันสังหาร และเกาเฉินเฉินจะต้องถูกนำตัวกลับไปอย่างแน่นอน!
“เฉินเฉิน..เจ้าคงต้องทนอีกนิดนะ!”
เหล่ากุ่ยไม่มีทางเลือกจึงต้องนำยันต์เตโชออกมาใช้อีกห้าแผ่น เพื่อให้เปลวไฟร้อนแรงนั้นปิดทางเข้าถ้ำไว้ ป้องกันไม่ให้เหล่าแวมไพร์พุ่งเข้ามาด้านในได้
จากนั้นเหล่ากุ่ยก็ได้ใช้กำลังภายในทั้งหมดที่ตนเองมี บังความร้อนจากปากถ้ำไว้เพื่อปกป้องเกาเฉินเฉิน..
ด้วยวิธีของเหล่ากุ่ยนี้..หน้าผาทั้งหน้าผาก็ได้กลายเป็นกองเพลิงลูกมหึมา และไฟที่ร้อนแรงนั้นก็ทำให้เหล่าแวมไพร์ทั้งหลายหวาดกลัวเป็นอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันก็กำลังย่างเหล่ากุ่ยกับเกาเฉินเฉินซึ่งอยู่ด้านในด้วย..
และแน่นอนว่ากำแพงไฟที่มีอุณหภูมิสูงถึงเพียงนี้ก็ทำให้เหล่าแวมไพร์หวาดกลัวจนไม่กล้าเข้าไปใกล้แม้แต่น้อย และได้ถอยร่นห่างออกไปถึงห้าสิบเมตร!
แวมไพร์ขั้นเคานต์และไวส์เคานต์ต่างก็พากันหยิบหินก้อนหินใหญ่บ้างเล็กบ้างขว้างปาใส่กองเพลิงเพื่อหวังให้ไฟดับ จนพื้นหน้าผาสั่นสะเทือนไปหมด
และเพียงแค่เวลาสั้นๆแวมไพร์ก็พากันขว้างปาหินใส่กองเพลิงจนกองพะเนินมากมาย..
ท่ามกลางความตกใจ..เหล่ากุ่ยรู้ดีว่ากำลังตกอยู่ในอันตราย แต่ก็ตั้งสติโต้ตอบกลับไปด้วยการใช้ยันต์เตโชเพิ่มอีกราวเจ็ดถึงแปดแผ่น และเปลวไฟก็ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง!
เหล่าแวมไพร์ยังคงตอบโต้ด้วยการขว้างปาหินใส่ไม่หยุดหย่อนและเวลานี้หน้าผาก็เต็มไปด้วยก้อนหินกองพะเนินมากมายจนแทบปิดปากถ้ำไว้หมด!
ระหว่างนั้น..แวมไพร์ขั้นมาร์ควิสก็ได้สั่งให้แวมไพร์ขั้นเคานต์เตรียมบุกเข้าไปในถ้ำเพื่อจับตัวเกาเฉินเฉินพร้อมกับตน!
“เจ้ารนหาที่ตายเอง!”
หลิงหยุนร้องตะโกนออกมาเสียงดังพร้อมกับเรียกคันธนูทองมาไว้ในมือ แล้วยิงลูกธนูเงินออกไปสามดอกพร้อมๆกัน และแน่นอนว่าเป้าที่หลิงหยุนเล็งนั้นคือแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสนั่นเอง..
ฟิ้ว!
ทันทีที่หลิงหยุนปล่อยสายธนูลูกธนูเงินทั้งสามดอกก็วิ่งตรงเข้าใส่ร่างของแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสทันที!
ดังคำพูดว่า..หากต้องการจะจับโจร ให้จับหัวหน้าของมันก่อน!
หลิงหยุนมาถึงในเวลาที่ช้ามากแล้วเขาจึงต้องจัดการกับแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสก่อน เพื่อไม่ให้มันสามารถบัญชาการเหล่าแวมไพร์ตนอื่นๆได้
เพราะคำสั่งและบัญชาการรบของแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสตนนี้นับว่าชาญฉลาดอย่างมาก และความสามารถในการต่อสู้ของมันก็แข็งแกร่งไม่น้อย
แต่แวมไพร์ขั้นมาร์ควิสก็ได้กลายร่างเป็นค้างคาวตัวน้อยเพื่อหลบหลีกการโจมตีของหลิงหยุนแต่หลิงหยุนก็สามารถหามันพบได้อย่างง่ายดาย!
ในบรรดาค้างคาวกลายร่างนั้นมีเพียงแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสเท่านั้นที่มีดวงตาสีแดง!
แวมไพร์ขั้นมาร์ควิสเองก็ไม่ได้โง่ทันทีที่มันเห็นหลิงหยุนปรากฏตัวอยู่เหนือหน้าผา มันก็รู้ได้ทันทีว่าแผนการที่ต้องการให้หลิงหยุนตกลงไปตายนั้นล้มเหลว มันเห็นคันธนูทองปรากฏขึ้นในมือของหลิงหยุนอีกครั้ง และรู้ว่านั่นคือสัญญาณอันตราย!
แวมไพร์ขั้นมาร์ควิสจึงระเบิดละอองเลือดและอาศัยจังหวะฉุกละหุกนี้หลบหนีออกไป!
แต่ถึงกระนั้นก็ยังช้ากว่าความเร็วของลูกธนูที่หลิงหยุนยิงออกไป มันหลบลูกธนูทั้งสองดอกของหลิงหยุนได้ แต่ในที่สุดก็ถูกดอกที่สามเข้าจนได้!
“อ๊าก!”
แวมไพร์ขั้นมาร์ควิสแน่นิ่งจนกลายเป็นเพียงรูปปั้นค้างคาวในทันที!แต่มันก็รีบกลายร่างดึงลูกธนูสีเงินที่ปักร่างออกในทันที..
เนื่องจากเวลากระชั้นชิดจนเกินไปหลิงหยุนจึงไม่มีเวลาถ่ายเทพลังหยินที่เย็นดั่งน้ำแข็งลงไปที่ลูกธนู ไม่เช่นนั้นแล้วแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสคงจะไม่เพียงแค่ได้รับบาดเจ็บเท่านั้นแน่!
และจู่ๆเงาสีดำขนาดใหญ่ก็พุ่งออกมาจากท้องฟ้าที่มืดมิดแม้เพียร์ซจะเป็นแวมไพร์กลายพันธุ์แล้ว แต่ก็ยังไม่กล้าที่จะเข้าใกล้เปลวไฟเช่นกัน ถึงกระนั้นมันก็พยายามป้องกันเหล่าแวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์ทั้งสิบตนที่พยายามจะบินเข้าไปในถ้ำให้ได้
“รีบเข้าไปในถ้ำจับคนเร็วเข้า!”แวมไพร์ขั้นมาร์ควิสร้องสั่งการแวมไพร์ขั้นเคานต์ทั้งสามตนอย่างบ้าคลั่ง
แวมไพร์ขั้นเคานต์ทั้งสามตนเห็นเจ้านายตัวเองได้รับบาดเจ็บก็ต้องการที่จะเข้าไปปกป้องเจ้านายก่อน แต่เมื่อได้ยินคำสั่ง จึงรีบบินกลับไปที่ถ้ำทันที!
และในนาทีวิกฤตเช่นนี้..
หลิงหยุนสูดลมหายใจลึก..จากนั้นจึงร้องตะโกนออกไปด้วยเสียงที่ดังสนั่นหวั่นไหว เสียงคำรามของหลิงหยุนดังราวกับเสียงของมังกรคำราม และกระแทกเข้าใส่แก้วหูของเหล่าแวมไพร์ทันที!
หลิงหยุนใช้มังกรคำรามหยุดการกระทำของเหล่าแวมไพร์!