Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - บทที่ 755-756
บทที่ 755 : ศัตรูต่างหวาดกลัว!
มังกรคำรามนั้นเป็นการโจมตีคู่ต่อสู้ด้วยคลื่นเสียง!
และการโจมตีด้วยคลื่นเสียงนั้นก็นับว่าเป็นการโจมตีที่ทรงพลังมากอย่างหนึ่ง..
คลื่นเสียงนั้นมีพลังมากเพียงใดน่ะหรือ
อาจลองนึกถึงคนที่ต้องทำงานอยู่ในโรงงานที่มีเสียงดังเป็นระยะเวลานานๆหรือไม่ก็ลองถามผู้ที่อาศัยอยู่ใกล้กับสนามบินดู พวกเขาน่าจะรู้คำตอบเป็นอย่างดี!
มังกรคำรามของหลิงหยุนนั้นเป็นวิชาที่ทรงพลังมากวิชาหนึ่ง มันไม่เพียงแค่ทำลายแก้วหูของมนุษย์ แต่ยังสามารถทำลายสติของศัตรูได้อีกด้วย หากคนผู้นั้นไม่ได้มีกำลังภายในในระดับเดียวกับหลิงหยุน หรือเป็นเพียงแค่คนธรรมดา มังกรคำรามของหลิงหยุนก็จะสามารถโจมตีได้ถึงจิตเลยทีเดียว!
และสำหรับหลิงหยุนซึ่งอยู่ในระดับสูงสุดของขั้นปรับร่างกาย-9นั้น จึงสามารถทำให้เหล่าแวมไพร์รวมทั้งเฉินเจี้ยนกุ่ยถึงกับตกตะลึง และนิ่งไปได้ชั่วครู่..
และนี่คือปฏิกิริยาตอบสนองที่หลิงหยุนต้องการ!
“อ๊าก..”
เสียงกรีดร้องดังสนั่นไปทั่วทั้งหุบเขาหลิงหยุนก็จัดการยิงลูกธนูออกไปอีกสามดอก และทั้งสามดอกนั้นก็เล็งไปยังจุดสำคัญบนร่างกายของแวมไพร์ขั้นเคานต์ทั้งสามตน
ลูกธนูเงินที่เย็นเฉียบทั้งสามดอกของหลิงหยุนนั้นพุ่งไกลออกไปถึงห้าร้อยเมตร และตรงเข้าไปที่หัวไหล่ของแวมไพร์ขั้นเคานต์ทั้งสามตนพร้อมๆกัน จากนั้นไอเย็นของลูกธนูก็แผ่ซ่านเข้าไปที่หัวใจของพวกมัน!
และครั้งนี้..หลิงหยุนก็ไม่พลาดที่จะถ่ายเทพลังหยินอันแสนเย็นยะเยือกนี้ลงไปในลูกธนู
แวมไพร์ขั้นเคานต์ทั้งสามตนที่ยังไม่ฟื้นสติจากการถูกโจมตีด้วยคลื่นเสียงของมังกรคำรามก็ถูกหลิงหยุนสังหารตายในพริบตา ร่างที่แข็งเป็นน้ำแข็งนั้นร่วงตกลงไปที่ก้นหุบเขาอย่างรวดเร็ว!
มังกรคำรามของหลิงหยุนนั้นมีอานุภาพในการทำลายล้างศัตรูได้อย่างน่าทึ่งก็จริงแต่หลิงหยุนก็สามารถควบคุมไม่ให้มีผลกระทบต่อเกาเฉินเฉิน เหล่ากุ่ย และเพียร์ซได้
ส่วนเพียร์ซนั้นแม้ว่าตนเองจะได้รับบาดเจ็บอยู่แต่ก็กล้าหาญพุ่งเข้าใส่เหล่าแวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์นับสิบ..
จากนั้น..หลิงหยุนจึงใช้มังกรพรางร่างกระโดดขึ้นไปบนอากาศ พร้อมกับหมุนตัวลอยละลิ่วลงไปยืนอยู่บนโขดหินหน้าถ้ำทันที
ตูม!
จากนั้น..พลังลมที่รุนแรงก็พวยพุ่งออกมาจากฝ่ามือของหลิงหยุน และผลักเอาก้อนหินทั้งหมดที่เหล่าแวมไพร์พากันโยนลงมานั้นตกหน้าผาไป!
“เฉินเฉิน..เหล่ากุ่ย.. พวกท่านเป็นอย่างไรบ้าง”
หลิงหยุนรีบเปิดจิตหยั่งรู้สำรวจเข้าไปในถ้ำเมื่อพบว่าเกาเฉินเฉินกับเหล่ากุ่ยยังสบายดี จึงได้แต่โล่งใจ..
“ฉันไม่เป็นอะไร..”
แม้ว่าจะเป็นระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีแต่ริมฝีปากของเกาเฉินเฉินก็แห้งผากจากการถูกความร้อนเผาไหม้
“นายน้อยสี่..ท่านทำให้บ่าวแก่ๆอย่างข้าเป็นห่วงจนแทบหัวใจวาย..” เหล่ากุ่ยร้องอุทานออกมาด้วยความเป็นห่วง
หลิงหยุนช่างบ้าระห่ำนัก..เขาบินสูงขึ้นไปถึงห้าร้อยเมตรเพียงเพื่อฆ่าเหล่าแวมไพร์ การกระทำเช่นนี้คงไม่มีใครหน้าใหนกล้าทำอีกแล้วนอกจากหลิงหยุน!
“ข้าขออภัยที่ทำให้ท่านต้องเป็นห่วง..”หลิงหยุนตอบยิ้มๆพร้อมกับถือคันธนูทองไว้ในมือ
“ยังมีแวมไพร์รอดชีวิตอีกสามสิบกว่าตนแล้วก็เฉินเจี้ยนกุ่ยด้วย..”
เวลานี้..นอกจากเฉินเจี้ยนกุ่ยที่อยู่ห่างจากรัศมีการต่อสู้ไป ก็ยังมีแวมไพร์ขั้นมาร์ควิส แวมไพร์ขั้นเคานต์อีกสองตน และแวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์อีกสามสิบหกตน
ส่วนหลิงหยุนนั้นแม้จะผ่านการต่อสู้ที่ดุเดือดมา แต่ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย มีเพียงเพียร์ซที่ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
………….
หลิงหยุนยืนนิ่งอย่างสง่าผ่าเผยอยู่บนโขดหินไม่ถึงสิบวินาทีก็เริ่มยกคันธนูในมือขึ้นมาน้าวสายอีกครั้ง!
ก่อนหน้านี้แวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์ทั้งสิบตนก็ได้ถูกหมัดของเพียร์ซจนได้รับบาดเจ็บ จึงเคลื่อนไหวได้ช้าลงกว่าปกติ..
หลิงหยุนเปลี่ยนจากจิตหยั่งรู้มาสำรวจด้วยเนตรหยิน-หยางแทนและไม่ว่าแวมไพร์ตนใหนก็ไม่สามารถล่องหนหลบหนีจากสายตาของหลิงหยุนไปได้
ครั้งนี้..แวมไพร์ขั้นมาร์ควิสก็ได้บินไปหลบอยู่ทางหน้าผาด้านตะวันออก เพราะเวลานี้มันเองก็ยังไม่สามารถฟื้นตัวกลับสู่สภาพเดิมได้
“มันต้องเป็นซานตานแน่ๆแล้วมันเอาลูกธนูเงินมาจากใหนมากมาย!”
“มันเป็นปีศาจชนิดใหนกันถึงได้จ้องล้างผลาญแวมไพร์อย่างพวกเรา!”
“แล้วไฟที่ร้อนแรงนั่นเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน!”
แต่ก็ไม่มีแวมไพร์ตนใหนสามารถตอบคำถามของแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสผู้น่าสงสารได้มีเพียงเสียงฟ้าร้องที่ดังกึกก้องแทนคำตอบ และฝนที่กระหน่ำตกลงมาอย่างรุนแรงอีกครั้ง!
พายุฝนกำลังกระหน่ำลงมาอีกครั้ง!
สายฟ้าสีเงินรูปมังกรปรากฏขึ้นอยู่กลางท้องฟ้าที่มืดมิดทำให้ทั่วทั้งบริเวณสว่างไสวขึ้นมาทันที!
และด้วยสัญชาติญาณแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสถึงกับหดคอ และหลับตาปี๋!
แน่นนอนว่าแวมไพร์นั้นหวาดกลัวสายฟ้าเหล่านี้มากกว่าเปลวไฟที่ร้อนแรงอีกทั้งสายฟ้ารูปมังกรนี้ก็สว่างไสวเสียยิ่งกว่าสายฟ้าที่พวกมันเคยพบเห็นมาเสียอีก!
ภายในเวลาเพียงแค่สองนาทีหลิงหยุนก็สามารถสังหารแวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์ไปได้อีกถึงยี่สิบกว่าตน..
เวลานี้..ต่อให้ยิงลูกธนูออกไป ก็ไม่มีแวมไพร์หลงเหลืออีกแล้ว เพราะพวกมันต่างก็พากันบินหนีเอาชีวิตรอด หลิงหยุนจึงเก็บคันธนูทองเข้าไป และเขาก็พอใจการต่อสู้ในครั้งนี้มาก!
แม้ว่าหลิงหยุนจะไม่สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้แต่เขาก็สามารถสังหารเหล่าแวมไพร์ได้..
“ช่างโชคดีนักที่ก่อนหน้านี้ข้าได้ดูดเอาพลังปราณของยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนเข้าไปถึงสองคนไม่เช่นนั้นพลังหยิน-หยางในร่างกายของข้าคงจะต้องถูกใช้ไปจนหมดแน่..”
หลิงหยุนสูดลมหายเข้าไปลึกก่อนจะกระโดดเข้าไปในถ้ำและรีบเอื้อมมือออกไปคว้าร่างของเกาเฉินเฉินไว้พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“พวกเราต้องรีบออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด!”
ในสถานการณ์เช่นนี้อีกทั้งหลิงหยุนเองก็ยังไม่สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ เขาจึงต้องปกป้องเกาเฉินเฉิน และเหล่ากุ่ยให้ปลอดภัยเสียก่อน เพราะนอกเหนือจากเฉินเจี้ยนกุ่ยแล้ว หลิงหยุนก็เชื่อว่ายังมีแวมไพร์อยู่อีกมากมาย เขาจึงเกรงว่าการต่อสู้อาจจะยังไม่จบลงง่ายๆ
“นายน้อยสี่..พวกเราจะหนีไปทางใหน”
“พวกเราคงกลับไปที่ถนนเมื่อครู่ไม่ได้แล้วและจะต้องรีบไปจากหน้าผาแห่งนี้ ข้าว่าพวกเรามุ่งหน้าไปทางอ่างเก็บน้ำมี่หยวินจะดีกว่า!”
ทางด้านฝั่งตะวันออกของถนนนั้นมีภูเขาเรียงรายติดกันมากมาย และท่ามกลางภูเขาก็มีป่าทึบปกคลุม อีกทั้งยังมีหน้าผาอยู่มากมายหลายแห่ง ในสถานที่แบบนั้นหลิงหยุนก็จะสามารถต่อสู้ได้สะดวกขึ้นด้วย
“ไปกันได้แล้ว!”
มือขวาของหลิงหยุนโอบเอวของเกาเฉินเฉินไว้มือซ้ายถือกระบี่โลหิตแดนใต้ และรีบกระโดดขึ้นไปบนแผ่นหลังของเพียร์ซทันที!
เพียร์ซกระพือปีกและร่างของมันก็บินขึ้นสู่ท้องฟ้า เหล่ากุ่ยถือกระบี่ในมือพร้อมกับใช้วิชาตัวเบากระโดดจากหน้าผาตามหลิงหยุนไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
สายฝนยังคงกระหน่ำลงมาและแรงขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสเห็นหลิงหยุนยืนอยู่บนหลังของเพียร์และกำลังบินขึ้นสู่ท้องฟ้า มันก็ถึงกับร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ
“โอ้พระเจ้า..หมอนั่นจะไปใหน”
ครั้งนี้..ดูเหมือนว่าแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสจะหวาดกลัวหลิงหยุนเข้ากระดูก และคงเป็นไปไม่ได้ที่มันจะปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากท่านดยุคแดร๊กคิวล่าได้สำเร็จ เพราะสิ่งแรกที่มันต้องทำก่อนอย่างอื่นก็คือการรักษาชีวิตตนเองไว้!
“ฮ่า..ฮ่า.. บินขึ้นไปหาพวกมัน!”
หลิงหยุนตะโกนบอกเพียร์ซ..และเพียร์ซก็บินขึ้นไปหาเหล่าแวมไพร์ตามคำสั่งทันที..
กระบี่โลหิตแดนใต้ในมือซ้ายของหลิงหยุนกวัดแกว่งไปมาอย่างรวดเร็วและตัดร่างของแวมไพร์ที่ขวางหน้ากระเด็นกระดอนออกไปทันที!
ชัวะ!
กระบี่โลหิตแดนใต้ฟันเข้ากับร่างของแวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์ถึงสามตนสิ้นใจตายในทันที
“หนีเร็วเข้า!”
แวมไพร์ขั้นมาร์ควิสสั่งเหล่าแวมไพร์ที่กลายร่างเป็นค้างคาวให้บินสูงขึ้นไปอีกและเพียงแค่พริบตาเดียวก็หายไปท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาอย่างหนัก
“เฉินเจี้ยนกุ่ย..เจ้าต้องชดใช้ด้วยชีวิต!” หลิงหยุนร้องบอกขณะที่บินตรงเข้าไปหาเฉินเจี้ยนกุ่ยที่อยู่ห่างออกไป
เฉินเจี้ยนกุ่ยทั้งหวาดกลัวและสยดสยองจนต้องบินหนีไปและไม่กล้าเผชิญหน้ากับหลิงหยุนอีก
หลิงหยุนเห็นเหล่ากุ่ยที่วิ่งตรงแต่ไม่มีศัตรูติดตามมาด้วย จึงรีบร้องบอกเพียร์ซว่า
“เพียร์ซ..เจ้าบินไปทางฝั่งตะวันออก และลดเพดานบินให้อยู่ในระดับยอดไม้!”
เพียร์ซคิดว่าเหล่ากุ่ยจะมีน้ำหนักมากแต่เมื่อเหล่ากุ่ยกระโดดขึ้นมาบนหลังของมัน เพียร์ซกลับพบว่าเหล่ากุ่ยกับหลิงหยุนนั้นเบาดั่งขนนก มันจึงแบกน้ำหนักของเกาเฉินเฉินเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น
“ขอรับ..ลูกพี่!”
เพียร์ซขยับปีกและมุ่งหน้าไปทางตะวันออกตามคำสั่งทันที!
บทที่ 756 : หรือจะเป็นหลิงหยุน?
“แวมไพร์มีดีเท่านี้เองงั้นรึ”
หลิงหยุนยืนผงาดอยู่บนแผ่นหลังของเพียร์ซพร้อมกับร้องตะโกนถามแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสที่ถึงกับหน้าถอดสีเมื่อได้ยินคำเย้ยหยันของหลิงหยุน!
แวมไพร์ขั้นมาร์ควิสถึงกับคิดไม่ตกเมื่อเห็นเพียร์ซพาหลิงหยุนบินหนีไปทางด้านตะวันออกมันยากที่จะตัดสินใจว่าจะตาม หรือไม่ตามหลิงหยุนไปดี!
เพราะเวลานี้..หลังจากที่การต่อสู้ดำเนินไปเพียงแค่ครึ่งชั่วโมง แวมไพร์ขั้นเคานต์ และขั้นไวส์เคานต์ที่มันนำมาด้วยนั้นก็ตายไปตั้งมากมาย แวมไพร์ขั้นมาร์ควิสแทบไม่อยากจะเชื่อ และอยากจะคิดว่ามันเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น..
หลิงหยุนเก่งกาจและน่าหวาดกลัวถึงเพียงนี้!
แวมไพร์ขั้นมาร์ควิสนั้นรู้ดีว่าหากมันฝืนลงไปต่อสู้กับหลิงหยุนด้วยตัวเองอีก มันก็คงต้องถูกหลิงหยุนฆ่าตายอย่างแน่นอน!
ไม่มีทางที่มันจะสามารถเอาชนะหลิงหยุนได้เลยกระบี่ในมือของหลิงหยุนนั้นทรงพลานุภาพอย่างมาก อย่าว่าแต่มันซึ่งเป็นแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสเลย ต่อให้เป็นท่านดยุคแดร๊กคิวล่ามาด้วยตัวเอง ก็คงยากที่จะต้านทานหลิงหยุนได้เช่นกัน!
แต่ไม่เพียงเท่านั้น..เพราะหลิงหยุนยังครอบครองดาบที่เปรียบเสมือนฝันร้ายของเหล่าแวมไพร์อย่างดาบพายุอีกด้วย!
ในขณะนี้..เฉินเจี้ยนกุ่ยก็บินวนเวียนอยู่ไม่ไกลจากแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสมากนัก ดวงตาของมันหรี่เล็กลงคล้ายกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่..
เฉินเจี้ยนกุ่ยไม่ได้นึกเสียใจหรือรู้สึกผิดต่อแวมไพร์ทั้งยี่สิบเก้าตนที่มันพามาจากอเมริกาหรือรู้สึกผิดต่อแวมไพร์ซึ่งเป็นบริวารของท่านดยุคแดร๊กคิวล่าที่ถูกหลิงหยุนสังหารเลยแม้แต่น้อย แต่มันกำลังคิดว่าการตายของเหล่าแวมไพร์ ก็จะยิ่งทำให้เหล่าแวมไพร์เกลียดชังหลิงหยุนจนเข้ากระดูกดำ และยิ่งพวกมันเกลียดชังหลิงหยุนมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเป็นประโยชน์ต่อตัวมันเอง และตระกูลเฉินมากเท่านั้น!
เวลานี้เฉินเจี้ยนกุ่ยกำลังครุ่นคิดถึงคำพูดของเหล่ากุ่ย“นายน้อยสี่งั้นรึ! ในบรรดาตระกูลใหญ่ตระกูลใดบ้าง ที่มีนายน้อยสี่ที่เก่งกาจและอหังการเช่นนี้?!”
ช่วงเวลาที่หลิงหยุนลอยละลิ่วจากความสูงห้าร้อยเมตรตกลงสู่พื้นดินนั้นเหล่ากุ่ยเองก็ตกอกตกใจจนต้องอุทานเรียกนายน้อยสี่ออกมา แม้เสียงของเหล่ากุ่ยจะไม่ดังมาก แต่เฉินเจี้ยนกุ่ยซึ่งอยู่ในขั้นเซียงเทียน-6 นั้น ก็สามารถได้ยินอย่างชัดเจน!
เฉินเจี้ยนกุ่ยมั่นใจว่าศัตรูที่ลึกลับผู้นี้จะต้องไม่ใช่คนของตระกูลหลงอย่างแน่นอน เพราะยอดฝีมือตระกูลหลงนั้น หากจะออกมากระทำการสิ่งใด ก็มักจะไม่สวมผ้าคลุมปิดบังใบหน้าเช่นนี้ อีกทั้งไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำเช่นนั้นด้วย..
“หรือว่าจะเป็นนายน้อยสี่แห่งตระกูลเย่ที่มักไม่ชอบยุ่งกับโลกภายนอก”
แต่นั่นก็ยิ่งไม่น่าที่จะเป็นไปได้!เพราะนายน้อยสี่แห่งตระกูลเย่นั้น มักจะวางตัวอยู่เหนือเรื่องราวบนโลกนี้ เขาสนใจ และมุ่งมั่นอยู่กับเรื่องของการฝึกฝนเท่านั้น อีกทั้งยังไม่เคยสนใจเรื่องของตระกูลต่างๆในประเทศจีนด้วยซ้ำไป และไม่เคยใส่ใจว่าตระกูลใดจะขึ้น หรือตระกูลใดจะถูกสังหาร!
แต่ถึงกระนั้น..นอกเหนือจากตระกูลหลงแล้ว ก็ไม่มีสมาชิกตระกูลใดที่จะเก่งกาจ และแข็งแกร่งอย่างน่าอัศจรรย์เช่นนี้ ท่ามกลางเหล่าแวมไพร์นับร้อย แต่ชายผู้นี้กลับสามารถหนีรอดออกไปได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่นิดเดียว..
แต่คำถามที่น่าสนใจอีกหนึ่งคำถามก็คือเหตุใดยอดฝีมือลึกลับผู้นี้จึงต้องมาช่วยตระกูลเกา และช่วยเกาเฉินเฉินออกไปด้วย
“มันยังช่วยหลิงเย่ว– คุณชายสองแห่งตระกูลหลิงอีกด้วย!”
เฉินเจี้ยนกุ่ยรู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกสายฟ้าฟาดลงกลางใจความคิดมากมายพรั่งพรูออกมา แต่ก็ยังไม่สามารถคิดออกว่าชายลึกลับผู้นั้นเป็นผู้ใดกันแน่ และมันอยู่ฝ่ายใด?
“พวกเจ้าทั้งคู่ตามมันไป!”
แวมไพร์ขั้นมาร์ควิสอาศัยประโยชน์จากการได้รับบาดเจ็บสั่งให้แวมไพร์ขั้นเคานต์ทั้งสองตน และแวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์ทั้งหมดบินตามหลิงหยุนไป
แม้รู้ดีว่าไม่สามารถสังหารหรือเอาชนะหลิงหยุนได้ แต่มันก็ไม่อาจปล่อยให้หลิงหยุนหนีไปได้ง่ายๆเช่นกัน ไม่เช่นนั้นตัวมันเองก็คงจะไม่สามารถกลับไปอธิบายต่อท่านดยุคแดร๊กคิวล่าได้..
แวมไพร์ขั้นเคานต์ทั้งสองตนและขั้นไวส์เคานต์ทั้งสิบตน ต่างก็กลายเร่างเป็นค้างคาว และบินตามหลิงหยุนไปทางด้านทิศตะวันออก..
“ท่านมาร์ควิสที่เคารพ..ในความคิดของข้า พวกเราควรจะต้องเรียกกำลังมาเสริมมาช่วย ชายผู้นั้นแม้จะสังหารคนของเราไปมากมาย แต่ข้ามั่นใจว่ามันคงจะอ่อนล้าหมดแรงแล้ว ไม่เช่นนั้นคงจะไม่หนีไปเช่นนั้น..”
เฉินเจี้ยนกุ่ยทำแสร้งประจบสอพลอแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสพร้อมกับเสนอแผนการใหม่..
“งั้นรึ!”
แวมไพร์ขั้นมาร์ควิสทำเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจและเริ่มหงุดหงิดรำคานเฉินเจี้ยนกุ่ย
แวมไพร์ขั้นมาร์ควิสมีบริวารขั้นเคานต์อยู่เพียงแค่ยี่สิบสามตนแต่ก็ถูกหลิงหยุนสังหารตายจนเกือบหมดภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง มันต้องใช้เวลาสั่งสมบริวารแวมไพร์ขั้นเคานต์อยู่เป็นร้อยปีกว่าจะได้แวมไพร์ขั้นเคานต์มาเป็นบริวารมากมายเช่นนี้ แล้วจะไม่ให้มันรู้สึกโกรธแค้นได้อย่างไรกัน
เฉินเจี้ยนกุ่ยเองก็รู้ดีว่าแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสนั้นกำลังโกรธและเจ็บปวดใจอย่างมากมันจึงจงใจตอกย้ำให้แวมไพร์ขั้นมาร์ควิสเข้าไปอีก..
“ท่านมาร์ควิสที่เคารพ..ข้าเองก็เคยเตือนท่านแล้วว่า ชายสวมผ้าคลุมหน้าผู้นั้นเป็นตัวอันตรายของเหล่าแวมไพร์..”
เฉินเจี้ยนกุ่ยได้เตือนแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสก่อนหน้าก็จริงแต่มันก็จงใจไม่บอกความน่ากลัวที่แท้จริงของหลิงหยุนให้รู้ ทำให้แวมไพร์ขั้นมาร์ควิสต้องสูญเสีย และพ่ายแพ้อย่างไม่เป็นท่าเช่นนี้
แต่จู่ๆแววตาของเฉินเจี้ยนกุ่ยก็เป็นประกายขึ้นมาวูบหนึ่ง สีหน้าของมันเปลี่ยนเป็นดีใจ และรีบหันหน้าไปทางทิศใต้ทันที!
ห่างจากเฉินเจี้ยนกุ่ยไปราวสองกิโลเมตรมีร่างสูงใหญ่กำลังใช้วิชาตัวเบาวิ่งอยู่เหนือยอดไม้ แม้แต่พายุฝนที่กระหน่ำลงมานี้ ก็ยังไม่อาจหยุดยั้งชายผู้นั้นไว้ได้ นิ้วโป้งของเขาสัมผัสเบาบางอยู่บนยอดไม้ และเพียงแค่ขยับเล็กน้อย ร่างสูงใหญ่นั้นก็เคลื่อนที่ไปได้ไกลถึงสองสามร้อยเมตรเลยทีเดียว..
“พี่สอง..ข้าอยู่นี่!”
แทบไม่ต้องสงสัยผู้ที่มาใหม่ก็คือพี่สองของเฉินเจี้ยนกุ่ยนั่นเอง มีชื่อว่าเฉินเจี้ยนจื่อ เป็นยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-8 แห่งตระกูลเฉิน
เฉินเจี้ยนจื่อใช้วิชาตัวเบาตั้งแต่ออกมาจากบ้านบรรพบุรุษตระกูลเฉินจนมาถึงที่นี่เป็นระยะทางมากกว่าหนึ่งร้อยกิโลเมตร และในเวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วโมง เขาก็สามารถเดินทางมาถึงที่นี่แล้ว นับว่าวิชาตัวเบาของเฉินเจี้ยนจื่อนั้นไม่ธรรมดาเลยทีเดียว!
และนี่คือความแข็งแกร่งของยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-8!
“พี่สอง..”
เฉินเจี้ยนกุ่ยร้องเรียกพี่ชายอย่างดีอกดีใจและรีบกระพือปีกของตนเองลงมาด้านล่างทันที เมื่อบินมาใกล้ในระยะสามสิบเมตร เฉินเจี้ยนกุ่ยก็เก็บปีก และกลายร่างเป็นคนธรรมดาๆพร้อมกับร้องเรียกเฉินเจี้ยนจื่อ
“แล้วแวมไพร์ตนอื่นล่ะ!”
เฉินเจี้ยนจื่อนั้นเป็นชายร่างสูงใหญ่เขาสูงถึงหนึ่งเมตรเก้าสิบเซนติเมตร กระดูกใหญ่ แขนขายาว และสวมชุดสีม่วงเข้ม แม้ว่าจะรู้สึกแปลกใจ แต่ก็ไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมา และยังคงรักษาท่าทีของตนเอง!
มือขวาของเฉินเจี้ยนจื่อนั้นถือทวนเหล็กที่แข็งแกร่งแหลมคม และดูน่าเกรงขาม!
แต่ดวงตาทั้งสองข้างของเขานั้นก็ไม่ต่างจากคนตระกูลเฉินทุกคน เป็นดวงตาที่มีรังสีอันตรายซ่อนอยู่ และนี่เป็นเอกลักษณ์ของคนตระกูลเฉินแทบทุกคน
ทั้งเฉินเจี้ยนห่าวและเฉินเจี้ยนจื่อต่างก็รังเกียจเหล่าแวมไพร์เข้ากระดูกในสายตาของพวกเขาทั้งคู่ แวมไพร์ก็เป็นเพียงแค่ปีศาจ หรือไม่ก็ค้างคาวตัวหนึ่งเท่านั้น!
และนี่คือเหตุผลว่าเพราะเหตุใดท่านดยุคแดร๊กคิวล่ามาถึงบ้านตระกูลเฉินทั้งทีแต่ทั้งคู่ยังคงอยู่ในห้องลับไม่ออกไปต้อนรับ..
ส่วนเฉินเจี้ยนกุ่ยนั้นเป็นน้องชายของพวกเขาทั้งคู่พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่น!
เฉินเจี้ยนกุ่ยรีบตอบพี่ชายของมันไปตามตรง“พี่สอง.. หมอนั่นเก่งมากเลย แต่ตอนนี้มันหนีไปแล้ว!”
เฉินเจี้ยนจื่อได้ฟังถึงกับเหลือบมองแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสด้วยสายตาเหยียดหยันจากนั้นจึงร้องสั่งไปว่า..
“เจ้าโง่..ยังไม่รีบไปจับตัวพวกมันกลับมาอีก!”
เฉินเจี้ยนกุ่ยตอบกลับไปทันที“ขอรับพี่สอง..”
เฉินเจี้ยนจื่อกระแทกทวนเหล็กยาวสองเมตรลงบนหินแข็งพร้อมกับร้องตะโกนออกไปอย่างโมโห
“หากเจ้าเชื่อฟังข้าตั้งแต่แรกซ่อนเกาเฉินเฉินไว้ที่คุกใต้ดินของบ้านตระกูลเฉิน เหตุการณ์เช่นนี้คงไม่เกิดขึ้น!”
เฉินเจี้ยนกุ่ยถึงกับพูดไม่ออกและได้แต่ยืนก้มหน้าแดงก่ำ..
เฉินเจี้ยนจื่อยังพูดแทงใจดำแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสต่อว่า..
“นี่ขนาดพวกเจ้าบินได้แต่ก็ยังปล่อยให้พวกมันหลุดมือไปได้ ฮ่า.. ฮ่า..”
เฉินเจี้ยนจื่อกวาดตามองไปรอบๆและจู่ๆ สายตาของเขาก็ไปปะทะกับแสงประกายระยิบระยับ! เขาเห็นลูกธนูมากมายนับไม่ถ้วนตกอยู่..
“ลูกธนูงั้นรึ..ฝีมือไม่เบาเลยทีเดียว!”
เฉินเจี้ยนจื่อถึงกับตกใจและสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นตื่นเต้นขึ้นมาแทน..
เฉินเจี้ยนจื่อในวัยเพียงแค่สามสิบสามปีก็สามารถเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-8 ได้แล้ว แม้ว่าตระกูลเฉินจะเสียเงินทองไปกับโอสถมากมาย แต่ความก้าวหน้าของเฉินเจี้ยนจื่อนั้น ต้องบอกว่ามาจากพรสวรรค์ของเขาเองเสียส่วนใหญ่
เฉินเจี้ยนจื่อฝึกวรยุทธมานานมากกว่ายี่สิบปีเขาเพียงแค่เห็นลูกธนูของหลิงหยุนที่ยิงมาจากฝั่งตรงข้ามหน้าผา ก็พอจะรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นต้องเป็นยอดฝีมือขั้นสูงเช่นกัน!
“น้องสาม..เจ้าบอกว่าเด็กนั่นยังหนุ่มแน่นมาก ไม่ใช่ชายชราอย่างนั้นรึ”
“พี่สอง..ข้าได้ยินยอดฝีมืออาวุโสที่สวมหน้ากากเรียกมันว่านายน้อยสี่ ข้าจึงคิดว่ามันไม่น่าจะแก่มาก และข้าก็รู้สึกมาตลอดว่าหมอนั่นไม่ใช่คนแก่ ข้าว่ามันจงใจเปลี่ยนเสียงพูด..”
เฉินเจี้ยนกุ่ยอธิบายเนิบๆ และระหว่างนั้นบางสิ่งบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขา!
‘ไม่นะ..มันมาช่วยเกาเฉินเฉิน อย่าบอกนะว่าเป็น.. เป็น..’
เฉินเจี้ยนกุ่ยนั้นรู้ดีกว่าใครๆว่าจะเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจากหลิงหยุนเกาเฉินเฉินนั้นยอมตายมากกว่าที่จะยอมให้ชายใดแตะต้องร่างกายของนาง!
เฉินเจี้ยนกุ่ยถึงกับตกใจจนแทบช็อค!
เฉินเจี้ยนกุ่ยนับว่าเป็นชายหนุ่มที่เฉลียวฉลาดมากคนหนึ่งมันสังเกตุเห็นเกาเฉินเฉินดูมีความสุข และพึงพอใจเมื่ออยู่ในอ้อมแขนของชายที่สวมผ้าปิดบังใบหน้า
‘หรือว่าจะเป็นคนรักของเกาเฉินเฉินที่ชื่อว่าหลิงหยุน!’