Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - บทที่ 777-778
บทที่ 777: ดั่งมังกรผงาด!
ขนตายาวของหนิงหลิงยู่สั่นระริกก่อนที่จะลืมตาขึ้นทันทีดวงตาคู่งามเป็นประกายชวนฝันนั้นจับจ้องอยู่ที่กระแสน้ำวนทั้งสองที่หมุนขึ้นจากผืนน้ำคล้ายกับเสาขนาดใหญ่..
หนิงหลิงยู่เม้มริมฝีปากเล็กน้อยในขณะที่มือและแขนก็ร่ายรำในท่วงท่าสลับซับซ้อน แม้แต่ฉินตงเฉี่วยเองก็ถึงกับมองด้วยความงุนงง
ไม่เพียงแขนทั้งสองข้างของหนิงหลิงยู่ที่ร่ายรำไปมาแต่นิ้วที่เรียวงามราวกับหยกทั้งสิบนั้น ก็ขยับกรีดกรายด้วยความรวดเร็วเช่นกัน
เสาน้ำวนขนาดใหญ่ทั้งสองยังคงพุ่งขึ้นจากท้องทะเลและลอยตัวอยู่เช่นนั้น! เพราะหาไม่แล้ววิชาคลื่นคงคาคงจะดูไม่มีอะไรน่ากลัว!
มือและแขนที่ร่ายรำอย่างรวดเร็วของหนิงหลิงยู่นั้นทำให้เสาน้ำวนทั้งสองเริ่มบิดตัว และเปลี่ยนรูปทรงได้อย่างน่าอัศจรรย์ เวลานี้มันดูคล้ายกับมังกรสีขาวสองตัวกำลังพุ่งขึ้นจากท้องทะเล และม้วนตัวเข้ารัดรึงกันเป็นหนึ่งเดียว..
และนี่คือวิชาคลื่นคงคาที่ใช้ควบคุมกระแสธารา!
ระหว่างนั้นเหงื่อเม็ดใหญ่ก็ผุดขึ้นเต็มหน้าผากนวลเนียนของหนิงหลิงยู่แต่เธอยังคงกัดฟันแน่น..
เมื่อได้เห็นภาพของเสาน้ำวนขนาดใหญ่ที่พุ่งเข้าหากันดั่งมังกรขาวกำลังร่ายรำนั้นฉินตงเฉี่วยที่กำลังยิ้มอย่างพึงพอใจก็ถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง!
นี่คือการควบคุมพลังปราณให้พุ่งออกจากร่างกาย!
หนิงหลิงยู่ไม่เพียงควบคุมการไหลเวียนของลมปราณภายในร่างกายได้แต่ยังสามารถใช้ลมปราณนี้ควบคุมกระแสน้ำให้เกิดเป็นเสาน้ำวนขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางถึงครึ่งเมตรได้ อีกทั้งยังสามารถควบคุมเสาน้ำวนนี้ให้เคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ต้องการได้อีกด้วย และยังสามารถเปลี่ยนรูปร่างของกระแสน้ำเพื่อใช้ในการโจมตีศัตรูได้อีกด้วย!
เวลานี้..เสาน้ำทั้งสองที่หนิงหลิงยู่ควบคุมอยู่นั้น ก็ไม่ต่างจากผ้าแพรไหมดำที่ธิดาพรรคมารใช้เป็นอาวุธเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่เปลี่ยนจากผ้าเป็นกระแสน้ำเท่านั้นเอง
แต่ถึงแม้ว่าจะมีลักษณะการใช้งานที่คล้ายกันแต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่หนิงหลิงยู่ได้ทดลองควบคุมกระแสน้ำ ความคล่องแคล่วจึงต่างจากธิดาพรรคมารมาก..
เพราะถึงแม้ว่าเสาน้ำวนทั้งสองจะสามารถเคลื่อนที่ไปมาได้แต่ก็ดูไม่เป็นธรรมชาติ และน่าขบขันอย่างมาก..
แต่เพียงแค่นั้นก็นับว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ยากยิ่งแล้วเพราะเวลานี้หนิงหลิงยู่เองก็อยู่ห่างจากเสาน้ำวนเป็นระยะทางค่อนข้างไกลมาก!
และนี่คืออานุภาพของวิชาคลื่นคงคา!
“ว้าย!”
จู่ๆหนิงหลิงยู่ก็กรีดร้องออกมา พร้อมกับมือทั้งสองข้างก็ถูกกระชากไปทางด้านซ้ายราวกับควบคุมไม่ได้!
ตูม!
จากนั้นเสาน้ำวนขนาดใหญ่ทั้งสองก็ทรุดตัวลงและกลายเป็นหยดน้ำจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งกระจายเข้าใส่ร่างของฉินตงเฉี่วย แม้จะเป็นสายน้ำที่อ่อนนุ่ม แต่ก็ดุดัน!
เมื่อเห็นว่าเสาน้ำวนทั้งสองทรุดตัวลงและหยดน้ำมากมายกระจายซัดสาดมาทางร่างของตนเอง เทพธิดาฉินก็เพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับซัดฝ่ามือทั้งสองข้างไปปะทะไว้ และดูเหมือนฉินตงเฉี่วยจะประเมินหนิงหลิงยู่ต่ำไป..
“เฮ้อ..เฮ้อ..”
หนิงหลิงยู่ถึงกับหมดเรียวหมดแรงและกำลังนั่งหายใจหอบ ส่วนฉินตงเฉี่วยก็กระโดดหลบกระแสน้ำไปยังโขดหินที่ใกล้ที่สุด นางได้แต่ยืนตะลึงเมื่อสังเกตุเห็นนิ้วเรียวงามทั้งสิบของหนิงหลิงยู่ยังคงเคลื่อนไหวไม่หยุด คล้ายกับไม่สามารถควบคุมได้..
คิ้วสองข้างของฉินตงเฉี่วยเลิกขึ้นสูงด้วยความสงสัยและได้แต่แอบถอนหายใจเบาๆ แต่ก็ไม่พูดอะไร.. นางกำลังยืนรอให้หนิงหลิงยู่ฟื้นคืนสู่สภาพเดิม
สามนาทีต่อมา..ลมหายใจของหนิงหลิงยู่ก็กลับเข้าสู่สภาพปกติ และร่างงดงามนั้นก็ไม่สั่นเทิ้มอีก มีเพียงฝ่ามือที่ยังคงสั่นไหวเล็กน้อยเท่านั้น
หลิงหยุนเคยพูดไว้ว่า..หลังจากที่รู้สึกหมดเรี่ยวแรงอย่างที่สุดนั้น นั่นคือช่วงเวลาที่เหมาะอย่างยิ่งที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดของตนเอง มากกว่าที่จะปล่อยให้หมดเรี่ยวหมดแรงไปอย่างไร้ประโยชน์
ดังนั้น..ทันทีที่หนิงหลิงยู่สามารถปรับตัวได้บ้างแล้ว เธอจึงรีบเดินลมปราณภายในร่างกายทันที และรู้ว่าเวลานี้ตัวเธอเองนั้นเข้าใกล้ระดับสูงสุดขั้นโฮ่วเทียน-8 เข้าไปทุกทีๆแล้ว
“น้าหญิง..”
หนิงหลิงยู่ร้องเรียกฉินตงเฉี่วยพร้อมกับร่างสวยงามนั้นก็ลุกขึ้นยืนบนโขดหินทันที..
ผมดกดำที่ยาวถึงเอวและผูกขึ้นเป็นหางม้านั้นปลิวสะบัดไปตามแรงลม ภายหนิงหลิงยู่ที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงยีนส์สีน้ำทะเล และรองเท้าผ้าใบยืนอยู่นั้น ช่างงดงามราวกับเทพธิดาก็ไมปาน..
ฉินตงเฉี่วยทำหน้านิ่งพร้อมกับตำหนิหนิงหลิงยู่“หลิงยู่.. เจ้ารีบร้อนฝึกฝนมากเกินไป!”
“เหตุใดเจ้าต้องรีบเร่งถึงเพียงนี้เพียงแค่นี้ก็นับว่าก้าวหน้าได้รวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์แล้ว เจ้าเพิ่งจะเริ่มฝึกกำลังภายใน แต่กลับสามารถเข้าใกล้ระดับสูงสุดขั้นโฮ่วเทียน-8 แล้ว..”
“อีกอย่าง..การที่เจ้ายังไม่เข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นโฮ่วเทียน-8 แต่กลับใช้พละกำลังเกินตัวเช่นนี้ เจ้าอยากตายมากหรือยังไง”
หนิงหลิงยู่ก้มหน้าที่แดงเป็นลูกตำลึงของตนเองลงและรีบเข้าไปกอดแขนของฉินตงเฉี่วยพร้อมกับทำสีหน้าออดอ้อน
“น้าหญิง..ข้าก็แค่อยากจะลองดูเท่านั้นเอง!”
ในเรื่องของการฝึกฝนวิชานั้นฉินตงเฉี่วยนับว่าเป็นอาจารย์ที่ค่อนข้างเข้มงวดอย่างมาก และไม่อ่อนข้อให้แม้ว่าหนิงหลิงยู่จะเป็นหลานก็ตาม
ฉินตงเฉี่วยทำเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจ“นับว่าเจ้ายังโชคดีที่ไม่ได้ทำแบบนี้ในช่วงที่จะก้าวเข้าสู่ขั้นใหญ่ ไม่เช่นนั้นข้าบอกได้เลยว่าเจ้าจะต้องลมปราณแตกซ่านและกลายเป็นมารในที่สุด!”
“นี่คือการฝึกฝน..เจ้าจะต้องค่อยเป็นค่อยไปทีละระดับขั้น!”
หนิงหลิงยู่ไม่ตอบเธอกัดริมฝีปากคู่งามแน่นพร้อมกับเงยหน้าขึ้น แล้วหันมองไปทางทิศเหนือซึ่งก็คือปักกิ่งนั่นเอง
ถึงแม้หลิงหยุนจะไม่ยอมบอกว่าไปทำอะไรที่นั่นแต่หนิงหลิงยู่ก็เป็นคนเฉลียวฉลาด เธอจึงรู้ว่าการไปของพี่ชายนั้นย่อมไม่พ้นเรื่องของการต่อสู้!
หลิงหยุนออกเดินทางอย่างกะทันหันและไม่ยอมบอกเหตุผล อีกทั้งยังไม่ร่ำลาฉินตงเฉี่วยด้วย ตี้เสี่ยวอู๋จึงมีหน้าที่ต้องคอยรายงานเรื่องราวของหลิงหยุนให้นางทราบอยู่เนืองๆ
หลังจากสอบเอนทรานซ์เสร็จหนิงหลิงยู่ก็เอาแต่ฝึกฝนอย่างหนักตลอดทั้งวันทั้งคืน เธอทำเช่นนนี้ก็เพื่อให้ตนเองสามารถไปยืนเคียงข้างหลิงหยุนได้โดยเร็วที่สุด และสามารถที่จะต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเขาได้
“หลิงยู่..”
มีหรือที่ฉินตงเฉี่วยจะไม่รู้ว่าหนิงหลิงยู่กำลังคิดอะไรอยู่เมื่อได้เห็นหนิงหลิงยู่จ้องมองไปทางปักกิ่งเช่นนี้ นางก็ได้แต่ถอนหายใจยาว และเลิกตำหนิหนิงหลิงยู่ทันที
“เจ้าตามข้ามา..”
ฉินตงเฉี่วยพูดพร้อมกับบจูงมือหนิงหลิงยู่พาขึ้นไปบนหน้าผา..
ทั้งสองคนยืนอยู่บนหน้าผา..ฉินตงเฉี่วยปล่อยมือเล็กๆของหนิงหลิงยู่ และดวงตาของนางก็จ้องมองไปทางทิศเหนือเช่นเดียวกัน หลังจากนิ่งอยู่ครู่ใหญ่จึงพูดขึ้นว่า
“หลิงยู่..เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงหลิงหยุน เจ้าเด็กดื้อนั่นเก่งกว่าที่เจ้าคิดไว้มาก!”
เมื่อหนิงหลิงยู่พบว่าน้าหญิงล่วงรู้ความคิดและความรู้สึกภายในใจของเธอ เธอก็ถึงกับหน้าแดง..
ฉินตงเฉี่วยยิ้มให้หนิงหลิงยู่พร้อมกับพูดต่อว่า“หลิงยู่.. ความรู้สึกของเจ้าข้าเข้าใจดี! แต่สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเจ้าเวลานี้ ก็คือต้องสร้างรากฐานที่เข้มแข็งให้กับตนเอง ยิ่งรากฐานของเจ้ามั่นคงแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ในวันข้างหน้าการฝึกฝนของเจ้าก็จะก้าวหน้าได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น!”
“หากเจ้าเด็กดื้อนั่นกลับมาและพบว่ารากฐานของเจ้าไม่แข็งแกร่งเท่าที่ควรจะเป็น เขาก็จะตำหนิงข้าไปด้วย..”
“เจ้าเองก็รู้ว่าเคล็ดวิชาบ่มเพาะของเจ้าเด็กดื้อนั่นแปลกประหลาดนักไม่เหมือนกับที่เคยพบเห็นในยุทธภพ แม้แต่ข้าเองยังต้องค่อยๆฝึกฝน หากเจ้าเร่งรีบไปแล้วเกิดผิดพลาดขึ้นมา ข้าจะกล้าไปสู้หน้าแม่ของเจ้าได้ยังไงกัน แล้วข้าจะบอกกับเจ้าเด็กดื้อนั่นอย่างไร?”
เมื่อพูดถึงหลิงหยุน.. หนิงหลิงยู่ก็รู้สึกราวกับถูกทุบเข้าที่หัวใจอย่างแรง เธอหันหน้ามองไปทางทิศเหนืออีกครั้ง แล้วจึงก้มหน้ามองไปที่ท้องทะเลลึกพร้อมกับรำพึงรำพันขึ้นว่า
“แต่ตอนนี้พี่ใหญ่อยู่ปักกิ่งไม่มีข่าวคราวเลยใหนจะเรื่องผลการสอบเอนทรานซ์นั่นอีก..”
ฉินตงเฉี่วยแสยะยิ้มพร้อมกับตอบอย่างไม่แยแส“เด็กโง่.. เจ้าไม่ต้องกังวลใจเรื่องนี้ไป เรื่องนี้ไม่ได้สลักสำคัญอะไรเลย..”
“ที่ข้าให้พวกเจ้าสองคนไปสอบเอนทรานซ์ก็เพราะว่าเป็นความต้องการของแม่เจ้าและข้าเองก็ไม่ได้สนใจว่าผลสอบจะออกมาเป็นอย่างไรด้วยซ้ำไป!”
“หลิงยู่..ต่อให้คะแนนสอบของเจ้าเป็นศูนย์ หรือไม่ได้สอบ เพียงแค่ข้าก็บอกกับปู่ของเจ้า ข้าก็สามารถทำให้เจ้าเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่ต้องการได้!”
อย่าลืมว่าตระกูลฉินนั้นก็เป็นตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่งในประเทศจีนการจะให้หลิงหยุนกับหนิงหลิงยู่เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยหยานจิงนั้น เพียงแค่ยกหูโทรศัพท์เรื่องทุกอย่างก็เรียบร้อย!
หนิงหลิงยู่ได้ฟังก็ถึงกับยิ้มออกมาจนเห็นฟันขาว..
“เอาล่ะ..เลิกกังวลกับเรื่องเล็กๆน้อยๆนี้ได้แล้ว หลิงหยุนก็คงไม่อยากให้พวกเรากังวลเรื่องของเขาเช่นกัน!”
“แต่ข้ารับรองได้ว่า..ครั้งนี้คงต้องมีคนโชคร้ายอีกหลายคนแน่!”
จากการประเมินของฉินตงเฉี่วย..เธอมั่นใจว่าตราบใดที่หลิงหยุนกลับเข้าสู่ตระกูล และฐานะของเขาถูกเปิดเผยต่อชาวโลก รับรองได้ว่าหลิงหยุนจะไม่ต่างจากมังกรที่ผงาดขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างแน่นอน!
“กลับบ้านกันได้แล้วป้าเม่ยคงเตรียมอาหารไว้รอแล้ว..”
หลังจากนั้น..ทั้งคู่ก็ใช้มังกรพรางร่างลงจากหน้าผากลับไปที่บ้านทันที
………
ณหอไข่มุกและหยกในตลาดค้าของเก่า..
“เฮ้อ..หลิงหยุนก็ไม่เปิดโทรศัพท์เสียด้วยสิ!”
ซ่งเจิ้งหยางโยนโทรศัพท์ในมือทิ้งพร้อมกับขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น..
แน่นอนว่าต้องเกี่ยวกับเรื่องเดิมพันระหว่างเสียเจิ้นเหยินกู่หยุนฟะ และหลิงหยุน ซึ่งซ่งเจิ้งหยางเป็นพยานในการเดิมพันครั้งนี้
แต่เมื่อผลการสอบเอนทรานซ์ออกมาก็ทำให้ซ่งเจิ้งหยางที่มั่นอกมั่นใจในตัวหลิงหยุนนักหนาถึงกับงุนงง และพูดอะไรไม่ออก
แต่เพียงไม่ถึงครึ่งนาที..ซ่งเจิ้งหยางก็คิดออกว่าเกิดอะไรขึ้นพร้อมกับคิดว่าจากนี้ไปคงต้องมีเรื่องสนุกเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
“เฮ้อ..พวกเจ้าคิดจะใช้วิธีนี้จัดการกับหลิงหยุน ช่างรนหาที่ตายแท้ๆ!”
และสองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามซ่งเจิ้งหยางก็คือมู่หลงเวิ่นฉีและมู่หลงเฟยจื่อ..
“หนูกังวลใจแทบตายที่หลิงหยุนสอบเอนทรานซ์ได้ศูนย์คะแนนแต่เรื่องใหญ่โตขนาดนี้เขากลับดูไม่สนอกสนใจด้วยซ้ำไป..”
ตั้งแต่รู้ผลสอบเอนทรานซ์ของหลิงหยุนมู่หลงเฟฟยจื่อก็ถึงกับกังวลใจจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ
ซ่งเจิ้งหยางเลิกคิ้วหนาขึ้นสูงพร้อมกับจ้องมองมู่หลงเฟยจื่อ“หลานเฟยจื่อ.. หลานไม่ต้องกังวลใจไป เราติดต่อหลิงหยุนไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าติดต่อถังเมิ่งไม่ได้นี่!”
“เวลานี้ถังเมิ่งเองก็อยู่ปักกิ่ง..ถ้าให้ลุงเดาตอนนี้เขาอาจจะกำลังอยู่กับหลิงหยุนก็ได้!”
บทที่ 778: พบหน้าเพื่อน!
ระหว่างที่ซ่งเจิ้ยหยางซึ่งอยู่ในเมืองจิงฉูกำลังพูดถึงหลิงหยุนนั้นหลิงหยุนเองก็กำลังขับรถเข้าไปในโรงแรมที่ถังเมิ่งพักพอดี..
โรงแรมแห่งนี้เป็นโรงแรมระดับห้าดาวตกแต่งประดับประดาด้วยหินอ่อน และสีทองอย่างสวยงาม แม้จะเป็นช่วงเวลาค่ำคืน แต่ก็เป็นประกายระยิบระยับสวยงาม ทางเข้าโรงแรมมีรถหรูจอดเรียงรายอยู่มากมาย และล้วนแล้วแต่เป็นป้ายทะเบียนจากเมืองอื่น..
“โรงแรมเซ็นจูรี่โกลเด้นรีสอร์ท..ที่แท้ก็อยู่ที่นี่เองรึ!”
หลิงหยุนใช้จิตหยั่งรู้สำรวจรอบบริเวณและเมื่อเห็นชื่อโรงแรมก็ขับเข้าไปทันที แต่ยังไม่รีบร้อนลงจากรถนัก และกำลังก้มสำรวจเสื้อผ้าที่ตัวเองสวมใส่อยู่
หลังจากที่ผ่านค่ำคืนแห่งการสังหารมาก็ได้เวลาที่หลิงหยุนจะต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่เสียที เพราะเวลานี้เขายังคงสวมชุดผ้าแพรไหมดำอยู่เลย
“ผมขอเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ..”
หลิงหยุนยังพูดไม่ทันจบ..เกาเฉินเฉินก็รีบยกมือขึ้นกดปุ่มปิดกระจกหน้าต่างทั้งสองฝั่ง
วันนี้เป็นวันที่อากาศร้อนจัดแม้ว่าพายุฝนเพิ่งจะหยุดไป แต่หลิงหยุนก็ขับรถเปิดกระจกมาตลอดทาง เขาต้องการให้เกาเฉินเฉินได้รับอากาศบริสุทธิ์ระหว่างเดินทาง
หลิงหยุนปล่อยมือจากพวงมาลัยรถและรีบเรียกเสื้อผ้าชุดใหม่ออกมาจากแหวนพื้นที่ทันที
ชุดที่หลิงหยุนจะสวมใส่นั้นคือเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงขายาวสีฟ้า และรองเท้าหนังอย่างดี..
ระหว่างที่หลิงหยุนจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าในรถนั้นเกาเฉินเฉินที่นั่งอยู่ข้างคนขับก็ได้แต่หน้าร้อนผ่าว..
แต่หลิงหยุนแกล้งทำเป็นไม่ใส่ใจเขาเพียงแค่หันไปยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับเกาเฉินเฉิน จากนั้นจึงจัดการถอดชุดผ้าแพรไหมดำทั้งท่อนบน และท่อนล่างออกจนเหลือแต่กางเกงชั้นในเพียงตัวเดียว
แม้ว่าเกาเฉินเฉินจะเขินอายแต่ก็ไม่อาจละสายตาจากรูปร่างที่งดงามของหลิงหยุนได้ หัวใจของเธอเต้นแรงและรัวดังราวกับเสียงกลอง
ช่างเป็นรูปร่างที่สมส่วนและหาที่ติไม่ได้เลย!
รูปร่างของหลิงหยุนแม้จะผอมบางแต่ก็สมส่วนอย่างไร้ที่ติ! ตั้งแต่ที่เริ่มฝึกบ่มเพาะนั้น เอวของเขาก็เล็กลง และไร้ไขมันส่วนเกิน เวลานี้จากไขมันส่วนเกินก็กลับกลายเป็นกล้ามเนื้อเข้ามาแทนที่ ทำให้รูปร่างของเขานั้นดึงดูดสายตาของเพศตรงข้ามอย่างมาก รูปร่างของหลิงหยุนเวลานี้ไม่ต่างจากรูปร่างของเสื้อชีตาห์ที่ปราดเปรียวคล่องแคล่วว่องไว เรียกได้ว่าตั้งแต่หัวจรดเท้านั้นไม่มีที่ติดเลยแม้แต่น้อย!
และนี่คือร่างกายของผู้ที่ฝึกถึงขั้นปรับร่างกาย-9!
ร่างกายของหลิงหยุนผ่านการปรับเปลี่ยนมาครู่ใหญ่แล้วอีกทั้งวิชาพลังลับหยิน-หยาง วิชาดาราคุ้มกาย รวมถึงพลังชีวิตทั้งห้าธาตุที่หมุนเวียนอยู่ภายในร่างกายของหลิงหยุนนั้น ก็ทำให้ร่างกายของเขาไม่สะทกสะท้านกับความร้อน ความเย็น หรือมแม้แต่พิษชนิดต่างๆ
“หลิงหยุน.. นี่นายผอมลงไปมากเลย!”
เกาเฉินเฉินยังจำได้ว่าเมื่อสามเดือนก่อนน้ำหนักของหลิงหยุนยังอยู่ที่เก้าสิบกว่ากิโลกรัม และยังมีไขมันส่วนเกินอยู่ในร่างกายบ้าง..
“ดูดีมั๊ยล่ะ”
หลิงหยุนจงใจเปลี่ยนเสื้อผ้าช้าๆและยิ้มให้กับเกาเฉินเฉินอย่างเจ้าเล่ห์
“อืมม..”
เกาเฉินเฉินไม่กล้าจ้องมองเรือนร่างของหลิงหยุนเต็มตานักแต่ก็ไม่สามารถดึงสายตากลับมาได้เช่นกัน
หลิงหยุนยังคงถามต่ออย่างสนุกสนาน“แล้วคุณชอบมั๊ยล่ะ”
“ไร้สาระ..ใครจะไปสนใจนาย!”
เกาเฉินเฉินตอบกลับหน้าแดงแต่ในใจกลับคิดว่ารูปร่างของหลิงหยุนนั้นน่ามอง และน่าดึงดูดยิ่งกว่าอะไร! แต่ก็ไม่กล้าที่จะพูดออกมาเพราะเกรงถูกหลิงหยุนล้อเลียน
เกาเฉินเฉินเร่งเร้าให้หลิงหยุนรีบๆใส่เสื้อผ้าเพราะพื้นที่ภายในรถค่อนข้างเล็ก อีกทั้งเธอเองก็นั่งอยู่ด้านข้างคนขับ จึงสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน เกาเฉินเฉินรีบคว้าชุดผ้าแพรไหมดำที่วางอยู่ด้านข้างขึ้นมาปิดบริเวณต้นขาของหลิงหยุนไว้ทันที..
“ดูท่ารถคันนี้คงจะเล็กไป!ผมคงต้องบอกถังเมิ่งให้เปลี่ยนเป็นรถที่คันใหญ่กว่านี้ เอ.. หรือว่าจะเปลี่ยนเป็นรถบัสแทนดี..”
ภายในพื้นที่ด้านคนขับที่แสนคับแคบนั้นแม้ว่าร่างกายของหลิงหยุนจะสามารถยืดหยุ่นได้ดี แต่ก็ทำให้ใส่กางเกงได้ค่อนข้างลำบากลำบน
เกาเฉินเฉินตอบยิ้มๆ“รถบัสเหรอ.. ฉันว่าพรุ่งนี้นายซื้อรถบ้านไปเลยจะดีกว่า!”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมตอบกลับไปอย่างนุ่มนวล“เรื่องซื้อรถไม่สำคัญเท่าไหร่.. เรื่องพาคุณไปซื้อเสื้อผ้าสำคัญกว่า!”
ยิ่งการฝึกฝนของหลิงหยุนก้าวหน้ามากขึ้นเท่าไหร่นับวันเขาก็ยิ่งพูดน้อยลงไปเรื่อยๆ แต่ยิ่งหลิงหยุนพูดน้อย เขากลับยิ่งมองเห็นทุกอย่างได้ละเอียดมากขึ้น และสามารถสังเกตุเห็นสิ่งเล็กๆน้อยๆได้อย่างง่ายดาย คำพูดเพียงประโยคเดียวของหลิงหยุนนับว่าดีกว่าคำพูดหวานๆเป็นพันคำเสียอีก..
หลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าและสำรวจความเรียบร้อยแล้วหลิงหยุนก็เรียกชุดผ้าแพรไหมดำกลับไปไว้ในแหวนพื้นที่
พนักงานโรงแรมเดินเข้ามาถามที่รถ..
“คุณผู้ชายต้องการพักที่นี่หรือไม่ครับ”
หลิงหยุนเปิดกระจกรถลงจ้องมองพนักงานโรงแรมที่พูดจาสุภาพอย่างมากแล้วจึงตอบไปว่า..
“ผมมาพบแขกที่พักอยู่ที่นี่!”
หลิงหยุนตอบกลับเสียงเรียบพร้อมกับบอกเบอร์ห้องของถังเมิ่งให้พนักงานโรงแรมทราบ
“คุณผู้ชายจอดรถตรงนี้ได้เลย!”
หลังจากที่ดับเครื่องแล้วทั้งหลิงหยุนและเกาเฉินเฉินก็เดินลงจากรถ.. เสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงเรียบกริบ รองเท้าหนังที่มันเป็นวาว ผมหวีจนเรียบเป้ และรูปร่างสูงใหญ่ของหลิงหยุนนั้น ทำให้พนักงานชายดูแย่ไปในทันที!
‘สูงรวย หล่อ.. ครบสูตร!’ พนักงานโรงแรมได้แต่รำพึงรำพันอยู่ในใจอย่างนึกอิจฉา
เกาเฉินเฉินเดินกอดแขนหลิงหยุนเข้าไปในโรงแรมด้วยท่วงท่าสง่าผ่าเผยเช่นกัน
‘สดใสร่ำรวย และสวยงาม โอ้โห.. ทั้งหน้าตา รูปร่าง หาที่ติไม่ได้เลยจริงๆ’ พนักงานโรงแรมได้แต่ตะลึงเมื่อเห็นเกาเฉินเฉิน
“เข้าไปข้างในกันดีกว่าถังเมิ่งน่าจะกำลังรอพวกเราอยู่!”
หลิงหยุนก้าวเท้าเข้าไปในล็อบบี้โรงแรมที่ตกแต่งไว้อย่างหรูหราด้วยท่วงท่าสงบเยือกเย็นพร้อมกับเกาเฉินเฉิน
“พี่หยุน!”
มีหรือที่ถังเมิ่งจะทนรอหลิงหยุนอยู่ในห้องพักได้เขามานั่งรอหลิงหยุนที่ล็อบบี้โรงแรมตั้งแต่หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้าแล้ว
และแน่นอนว่าตลอดหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมานั้นถังเมิ่งก็รับโทรศัพท์จากจิงฉูอยู่ไม่หยุด ทุกสายล้วนแล้วแต่ถามเรื่องของหลิงหยุน จนตอนนี้แบตโทรศัพท์ของเขาหมดแล้ว
ทันทีที่เห็นหลิงหยุนก้าวเท้าเข้ามาในล็อบบี้ถังเมิ่งก็กระโดดลุกขึ้นจากโซฟาราวกับมีไฟรนก้น พร้อมกับร้องตะโกนเรียกหลิงหยุนออกมาอย่างดีอกดีใจ!
“ห๊ะ..เกาเฉินเฉิน!”
ถังเมิ่งถึงกับนิ่งอึ้งไป..
เกาเฉินเฉินกลับมาปักกิ่งตั้งแต่หลังวันเทศกาลเชงเม้งจากนั้นก็เงียบหายไม่ได้ข่าวคราว และไม่มีใครสามารถติดต่อเธอได้อีกเลย ถังเมิ่งจึงคิดไม่ถึงว่าคืนนี้เกาเฉินเฉินจะมากับหลิงหยุนด้วย!
“ถังเมิ่ง..นายสบายดีนะ!”
เวลานี้เกาเฉินเฉินรู้ว่าถังเมิ่งได้กลายมาเป็นพี่น้องร่วมเป็นร่วมตายกับหลิงหยุนไปแล้วอีกทั้งยังเป็นมือขวาให้กับหลิงหยุนอีกด้วย ดังนั้นเมื่อได้เห็นถังเมิ่งเกาเฉินเฉินจึงรู้สึกยินดีอย่างมาก และยกมือขึ้นชกแขนถังเมิ่งเบาๆเป็นการทักทาย
“โอ้โห..ในที่สุดก็ปรากกฎตัวซะที! พี่หยุนคิดถึงเธอจนแทบคลั่ง!”
ถังเมิ่งเองก็เอ่ยทักทายเกาเฉินเฉินอย่างมีความสุขและเป็นกันเองและไม่ลืมที่จะหยอดว่าหลิงหยุนคิดถึงเธอมากเช่นกัน..
“เอาล่ะ..มีเรื่องอะไรก็ขึ้นไปคุยกันบนห้องจะดีกว่า” หลิงหยุนหัวเราะหึหึ พร้อมกับเดินนำไปที่ลิฟท์ทันที
ทันทีที่เข้าไปในลิฟท์หลิงหยุนก็ถามถังเมิ่ง “แล้วห้าคนที่นายพามาด้วยล่ะ”
หลิงหยุนถามถึงคนของแก๊งมังกรเขียวที่ถังเมิ่งพามาปักกิ่งด้วย
“ทุกคนก็อยู่ที่โรงแรมนี่ล่ะแต่ฉันสั่งไม่ให้ลงมา..” ถังเมิ่งหัวเราะ..
หลิงหยุนตอบยิ้มๆ“ดูนายสิ.. เป็นแค่เด็ก แต่ทำตัวหรูหราฟุ่มเฟือย ถึงกับมาพักโรงแรมห้าดาวเลยทีเดียว..”
ถังเมิ่งได้ยินคำพูดของหลิงหยุนก็เข้าใจความหมายได้ทันทีจึงโบกมือปฏิเสธและระร่ำระลักบอกอย่างหวาดกลัว
“พี่หยุน..ไม่ใช่อย่างที่พี่คิดนะ! ฉันไม่ได้จ่ายค่าโรงแรมเอง มีคนจ่ายให้!”
“งั้นรึ”
ถังเมิ่งตอบยิ้มๆ“ฉันยังไม่ได้เล่าเรื่องบริษัทขนส่งให้พี่ฟัง วันนี้ฉันเข้าไปทำสัญญาซื้อบริษัทขนส่งมาเรียบร้อยแล้วในราคาแปดสิบล้าน เรื่องที่พักอะไรนี่ก็ต้องเป็นหน้าที่ของพวกเขาอยู่แล้ว..”
“แล้วชื่อบริษัทอะไร”
“จี๋ซู่โลจิสติก”
ถังเมิ่งบอกชื่อบริษัทขนส่งพร้อมกับอธิบายเพิ่มเติมว่า“บริษัทขนส่งนี้เป็นบริษัทที่ไม่ใหญ่มาก แต่ถึงแม้จะเล็กก็มีบริการครบวงจร อีกทั้งธุรกิจก็กำลังเติบโตไปได้ดี ฉันว่าบริษัทนี้จะเป็นประโยชน์กับพวกเราในอนาคตอย่างมาก ต่อไปอยากจะจัดส่งอะไรก็แค่บอกให้พวกเขาจัดการ!”
หลิงหยุนรู้ว่าถังเมิ่งนั้นไม่มีทางที่จะยอมเสียเปรียบในการธุรกิจแน่เขายิ้มพร้อมกับพยักหน้าและตอบกลับไปว่า
“อืม..ถ้างั้นก็ดี!”
ถังเมิ่งสามารถคิดอะไรได้ลึกซึ้งอีกหนึ่งขั้นแบบนี้หลิงหยุนได้ฟังแล้วก็รู้สึกสบายใจและพอใจอย่างมาก
ทั้งสองคนคุยกันได้เพียงไม่กี่ประโยคประตูลิฟท์ก็เปิดออกเมื่อขึ้นมาถึงชั้นแปด และทั้งสามคนก็เดินออกมา
“ห้อง1858 เพรซสิเดนท์สูท”
ถังเมิ่งเดินนำหลิงหยุนไปส่วนเกาเฉินเฉินก็ยังคงเกาะติดหลิงหยุนแน่น
ถังเมิ่งเห็นหลิงหยุนกับเกาเฉินเฉินต่างก็อารมณ์ดีด้วยกันทั้งคู่จึงส่งสายตาเป็นการบอกหลิงหยุนว่า หากคืนนี้หลิงหยุนต้องการใช้ห้องเพรซสิเดนท์สูทนี้อยู่กับเกาเฉินเฉิน เขาก็ยินดียกให้อย่างเต็มใจ!
แต่หลิงหยุนกลับส่ายหน้าและส่งกระแสจิตบอกกับถังเมิ่งว่า..
–คืนนี้ฉันมีเรื่องต้องไปจัดการอีกมากมายยังไม่มีเวลามาคิดเรื่องนี้!-
ถังเมิ่งได้แต่แลบลิ้นและไม่พูดถึงอีก..