Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - บทที่ 825 -826
บทที่ 825 : ผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาประจำเมืองจิงฉู!
“ดูเหมือนว่าวิชาดาราคุ้มกายที่ฉันสอนให้นายไปคงจะไม่ทำให้ฉันต้องเสียแรงเปล่าสินะ.. นับว่าก้าวหน้าไปมากเลยทีเดียว!’
หลิงหยุนดูเหมือนจะพอใจกับความก้าวหน้าของตี้เสี่ยวอู๋เป็นอย่างมาก..
ตี้เสี่ยวอู๋เองไม่ตอบอะไรแต่แววตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แล้วขาที่ทั้งใหญ่และยาวนั้นก็ก้าวเข้าไปหาหลิงหยุนทันที
มือซ้ายของหลิงหยุนดึงผ้าปิดหน้าออกเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลา และลักยิ้มแก้มซ้ายที่สั่นระริกอย่างน่ามอง..
ภายใต้แสงสลัวจากไฟถนนร่างสองร่างก็กระโดดเข้าหากัน..
“พี่หยุน..นี่จะฆ่าฉันหรือไงเนี่ย!”
“เข้าไปคุยกันในบ้านดีกว่า..”
แล้วทั้งคู่ต่างก็เดินกลับเข้าไปในบ้านเลขที่-1ทันที..
“ว่าไงคนบ้า..กลับบ้านได้แล้วเหรอ เป็นไงบ้างล่ะ.. วันนี้ก้าวหน้าไปถึงขั้นใหนแล้ว? หลายวันมานี้ฉันไม่ได้มาส่งข้าวส่งปลาให้นายเลย นึกว่าอดตายไปแล้ว..”
ถังเมิ่งหยอกเย้าอย่างดีอกดีใจหลังจากที่สามพี่น้องได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง..
“เจ้าบ้านี่!นายคิดว่าฉันไม่กล้าจับนายโยนลงไปในสระน้ำรึไง!” ตี้เสี่ยวทำเสียงแข็งใส่ถังเมิ่ง
“พี่หยุน..ดูสิ! เสี่ยวอู๋มันกล้าข่มขู่ฉันด้วย!”
ดูแหมือนถังเมิ่งจะไม่กลัวคำข่มขู่ของตี้เสี่ยวอู๋จริงๆแต่ก็รีบฟ้องหลิงหยุนทันที..
“นั่นเป็นเรื่องของพวกนายสองคนที่ต้องไปแคลียร์กันเองฉันไม่เกี่ยว!” หลิงหยุนพูดยิ้มๆ และทำเป็นไม่สนใจ
ถังเมิ่งได้ฟังก็นิ่งไปครู่หนึ่งคล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรสักอย่างแต่แล้วก็ถามขึ้นลอยๆว่า
“พี่หยุน..พี่มีวิชาอะไรที่เจ๋งๆสักวิชามั๊ย สอนให้ฉันบ้างสิ!”
หลิงหยุนเดินเข้าไปในบ้านพร้อมตอบกลับไปยิ้มๆ“ก็พอจะมีนะ.. วิชาเจ๋งๆที่นายอยากเรียน!”
แววตาของถังเมิ่งเป็นประกายและรีบร้องถามออกมาอย่างตื่นเต้น “วิชาอะไรเหรอพี่หยุน”
หลิงหยุนทำเสียงลากยาว“วิชานิทรา!”
ถังเมิ่งตอบกลับมาด้วยสีหน้าจริงจัง“วิชานิทรางั้นเหรอ! ชื่อฟังดูแปลกจัง ว่าแต่มันฝึกด้วยการนอนหรือเปล่า?!”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมตอบกลับไปว่า“ถูกต้อง! วิชานี้นะฝึกช่วงกลางวันดีที่สุดเลย ไปนอนแล้วก็ฝันเอาว่าเป็นยอดฝีมืออยู่ยงคงกะพัน!”
ถังเมิ่งได้ฟังจึงรู้ว่าหลิงหยุนแกล้งล้อเขาเล่น“พี่หยุน..นี่พี่ล้อฉันเล่นเหรอเนี่ย!”
หลิงหยุนกับตี้เสี่ยวอู๋ต่างก็หัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมกันตามมาด้วยเสียงหัวเราะของถังเมิ่ง
หลังจากที่พี่ชายน้องชายทั้งสามคนหัวเราะกันครู่ใหญ่แล้วหลิงหยุนก็ถามตี้เสี่ยวอู๋ว่า “เสี่ยวอู๋.. นายรู้ได้ยังไงว่าเป็นฉัน!”
ตี้เสี่ยวอู๋เกาศรีษะพร้อมตอบกลับมาซื่อๆ“ฉันเห็นแววตาของพี่ ฉันก็จำได้ทันที..”
หลิงหยุนถึงกับอึ้งไปและได้แต่พึมพำออกมา “โอ้โห.. ขนาดนั้นเลยเหรอ!”
ตี้เสี่ยวอู๋พยักหน้าจริงจัง“จริงนะพี่หยุน! แววตาของพี่ไม่เหมือนใคร!”
แววตาของหลิงหยุนนั้นหยิ่งผยองและไม่หวาดกลัวต่อสิ่งใดในโลก แววตาของหลิงหยุนมีความปรารถนาแต่ก็ดูสงบนิ่ง และในความสงบนิ่งนั้น ก็ให้ความรู้สึกอ้างว้างโดดเดี่ยว!
ตี้เสี่ยวอู๋เองก็อยู่กับหลิงหยุนมานานจึงสามารถจดจำได้ทันทีที่เห็น!
หลิงหยุนกางนิ้วชี้กับนิ้วโป้งออกวางไว้ใต้คางจากนั้นจึงหันไปทางเถังเมิ่งกับตี้เสี่ยวอู๋พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ที่สำคัญ..หล่อไม่เหมือนใครด้วยใช่มั๊ยล่ะ”
ถังเมิ่งกับตี้เสี่ยวอู๋พยักหน้าหงึกๆเป็นไก่จิกข้าว ก่อนจะพูดออกมาพร้อมกันว่า “อืมม.. หล่อไม่มีใครเหมือนจริงๆ!”
หลังจากได้ฟังคำตอบของน้องชายทั้งคู่หลิงหยุนก็ถึงกับหัวเราะจนตัวงอ และคราวนี้ถึงกับน้ำหูน้ำตาเล็ดเลยทีเดียว
สิบนาทีต่อมา..
ตี้เสี่ยวอู๋ก็พูดกับหลิงหยุนว่า“พี่หยุน.. กลับมาแล้วทำไมถึงไม่โทรบอกฉันล่ะ!”
ถังเมิ่งทำหน้าเย้ยหยันเต็มที่พร้อมกับพูดแขวะตี้เสี่ยวอู๋“เชอะ.. นายเคยดูโทรศัพท์มือถือของตัวบ้างรึเปล่า แบตหมดหรือยังก็ไม่รู้?”
ตี้สี่ยวอู๋ถึงกับอึ้งไปแต่แล้วก็ร้องอุทานออกมาราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้ “จริงด้วย! โทรศัพท์มือถือของฉันอยู่ที่ใหน ฉันเอาไปทิ้งไว้ที่ใหนแล้ว?”
ถังเมิ่งหันไปพูดกับหลิงหยุนยิ้มๆ“พี่หยุน.. ดูสิเสี่ยวอู๋ฝึกวิชาจนเป็นบ้าไปแล้ว!”
หลิงหยุนเพียงแค่พยักหน้าแต่ในใจนั้นแอบคิดว่าตี้เสี่ยวอู๋หลงใหลในการฝึกวรยุทธยิ่งนัก ทุกวินาทีของเขาทุ่มเทให้กับความก้าวหน้าในการฝึกวรยุทธเท่านั้นจริงๆ
หลิงหยุนหันไปพูดกับตี้เสี่ยวอู๋ด้วยน้ำเสียงจริงจัง“เสี่ยวอู๋.. นายต้องค่อยเป็นค่อยไป อย่ารีบร้อนที่จะก้าวหน้ามากนัก ยิ่งพื้นฐานของนายมั่นคงมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเป็นผลดีต่อการฝึกฝนในวันข้างหน้ามากท่านั้น..”
ตี้เสี่ยวอู๋พยักหน้ารับคำอย่างเชื่อฟัง“พี่หยุน.. ฉันเข้าใจ!”
หลิงหยุนตอบกลับไปยิ้มๆ“ดูท่าอีกไม่กี่วันนายคงจะสามารถเข้าสู่ขั้นโฮ่วเทียน-7 ได้แล้วสินะ! นี่จะเป็นด่านสุดท้ายของขั้นโฮ่วเทียน และค่อนข้างสำคัญ ฉันจะช่วยนายเอง!”
ตี้เสี่ยวอู๋ได้ฟังถึงกับตื่นเต้นและดีอกดีใจจนอย่างมากจนลืมที่จะเอ่ยขอบคุณหลิงหยุน!
ถังเมิ่งฟังแล้วก็ได้แต่นึกอิจฉาอยู่ในใจ..
แต่แล้วตี้เสี่ยวอู๋ก็ร้องถามออกมาอย่างแปลกใจ“พี่หยุน.. พี่เพิ่งสั่งให้ถังมิ่งนำสมุนไพรจำนวนมากไปส่งให้ที่ปักกิ่ง แล้วทำไมพี่ถึงกลับมาจิงฉูล่ะ เสร็จธุระทางนั้นแล้วเหรอ? หรือว่าเกิดอะไรขึ้นที่จิงฉู?”
ถังเมิ่งรีบเหน็บขึ้นมาทันที“นายมัวแต่บ้าฝึกวิชาทั้งวี่ทั้งวันจะไปรู้อะไร! ก็คะแนนสอบเอนทรานซ์ของพี่หยุนน่ะสิ.. ได้ศูนย์ทุกวิชา! แต่หลังจากที่สืบดูแล้ว ผลสอบของพี่หยุนจริงๆ ควรจะเป็นคะแนนสูงสุดของเจียงหนานาด้วยซ้ำไป!”
ตี้เสี่ยวอู๋ได้ฟังถึงกับกระโจนลุกขึ้นจากโซฟาด้วยสีหน้าขมึงทึงพร้อมกับร้องตะโกนออกมาอย่างโมโห
“แล้วมันกลายเป็นศูนย์ไปได้ยังไง”
หลิงหยุนรีบโบกมือให้ตี้เสี่ยวอู๋นั่งลงตามเดิมก่อนจะหัวเราะและพูดออกมาว่า “เรื่องแค่นี้เอง.. ธุระที่ปักกิ่งของฉันก็เพิ่งจะเริ่มขึ้นเท่านั้น! ที่ฉันกลับมาจิงฉูคราวนี้ก็เพื่อสะสางเรื่องนี้ล่ะ หลังจากเสร็จสิ้นแล้ว ฉันก็จะพานายไปปักกิ่งพร้อมกันกับฉันด้วย!”
ตี้เสี่ยวอู๋ที่ก้นยังไม่ทันถึงโซฟาดีเมื่อได้ยินว่าหลิงหยุนจะพาเขาไปปักกิ่งด้วย ก็ถึงกับลุกพรวดขึ้นมาอย่างตื่นเต้นอีกครั้ง
เมื่อถังเมิ่งรู้ว่าตนเองจะถูกทิ้งไว้ที่จิงฉูคนเดียวก็ร้องออกมาด้วยความอิจฉา “ทำไมนายจะต้องตื่นเต้นอะไรขนาดนั้นด้วย! ไม่เคยไปปักกิ่งหรือยังไง? ทำเป็นตื่นเต้นไปได้ ปักกิ่งก็งั้นๆล่ะ!”
ตี้เสี่ยวอู๋ขยิบตาให้ถังเมิ่งพร้อมกับตอบไปว่า“ทำตัวเป็นองุ่นเปรี้ยวไปได้!”
ถังเมิ่งตอบกลับอย่างโมโห“ไอ้บ้า.. นี่นายกำลังพูดอยู่กับใครรู้มั๊ย”
ตี้เสี่ยวอู๋กรอกตาไปมาพร้อมกับตอบไปว่า“ฉันจะบอกอะไรให้.. นายเองก็ไม่ต่างจากฉันหรอก วันๆก็คอยดูแต่เงินทั้งวันว่าได้มากเท่าไหร่แล้ว..”
สองพี่น้องเถียงกันไปก็เถียงกันมา..
หลิงหยุนมองทั้งคู่ทะเลาะกันยิ้มๆแล้วจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ.. เลิกทะเลาะกันได้แล้ว! ฉันว่าพวกนายสองคนรีบไปพักผ่อนจะดีกว่า อย่าลืมว่าพรุ่งนี้ไม่ใช่วันหยุด!”
ถังมิ่งฟังแล้วไม่เข้าใจจึงถามขึ้นมาทันที“พรุ่งนี้ไม่ใช่วันหยุด.. แล้วยังไงเหรอพี่หยุน!”
หลิงหยุนแสยะยิ้มก่อนจะตอบกลับไปว่า“ในเมื่อไม่ใช่วันหยุด.. พรุ่งนี้พวกเราสามคนก็ต้องตื่นไปทำงานตั้งแต่เก้าโมงเช้าไงล่ะ โดยเริ่มจากสำนักงานการศึกษาประจำเมืองจิงฉูก่อน!”
พูดจบหลิงหยุนก็สั่งถังเมิ่งให้กลับเข้าไปพักผ่อนส่วนเขากับตี้สี่ยวอู๋เดินไปที่สวนหน้าบ้าน และหลิงหยุนก็ให้คำแนะนำตี้เสี่ยวอู๋ในเรื่องของการเดินลมปราณ และสอนวรยุทธให้บ้าง..
…………
เวลาเก้าโมงเช้าของวันถัดมา..
หลังจากที่หลิงหยุนถังเมิ่ง และตี้เสี่ยวอู๋อาบน้ำอาบท่า และรับประทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดก็ขับรถมุ่งหน้าไปยังสำนักงานการศึกษาประจำเมืองจิงฉูทันที
สำนักงานการศึกษาประจำเมืองจิงฉูนั้นตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของใจกลางเมือง และอยู่ห่างจากบ้านของหลิงหยุนไปเพียงแค่สี่กิโลเมตรเท่านั้น ทั้งหมดจึงใช้เวลาเดินทางเพียงแค่สิบนาทีก็ถึงที่หมายแล้ว
“จอดๆพวกคุณมาทำอะไรที่นี่ไม่ทราบครับ”
ร่างใหญ่โตของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคนเดินเข้ามาห้ามรถของหลิงหยุนไว้..
เมื่อวานตอนเช้าแก๊งมังกรเขียวได้พาคนจำนวนมากมาปิดทางเข้าสำนักงานการศึกษาแห่งนี้ไว้ ทำให้เจ้าหน้าที่ และคนที่อยู่ภายในสำนักงานถึงกับอกสั่นขวัญแขวน วันนี้จึงต้องมีการรักษาความปลอดภัยที่เข้มข้นมากขึ้น
ตี้เสี่ยวอู๋โผล่หน้าออกมาจากหน้าต่างรถพร้อมกับตอบยิ้มๆ“พวกเรามาพบหลู่กวนหวัง หลีกทางให้พวกเราเข้าไปข้างในด้วย!”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคนถึงกับมองหน้ากัน..หลู่กวนหวังเป็นถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักงานการศึกษาแห่งนี้ แต่เด็กหนุ่มเหล่านี้กลับกล้าเรียกชื่อของผู้อำนวยการอย่างสนิทสนมเช่นนี้ พวกเขาเป็นใครกันนะ
หนึ่งในเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหันไปมองตี้เสี่ยวอู๋สองสามครั้งแล้วจึงถามขึ้นว่า “ไม่ทราบว่าคุณได้ทำการนัดหมายกับท่านผู้อำนวยการไว้หรือเปล่าครับ ผมขออนุญาตโทรแจ้งท่านก่อน..”
หลิงหยุนกดกระจกลงพูดกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทันที“พวกเราไม่ได้นัดหมายมาก่อน แล้วพวกเราก็มาที่นี่เพื่อเคลียร์ปัญหากับส่วนตัวกับเขา ไม่จำเป็นต้องนัดหมายอะไร!”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมองหลิงหยุนด้วยสีหน้าเฉยชาแต่ดูเหมือนจะออกไปในทางไม่พอใจเสียมากกว่า แล้วจึงตอบกลับไปว่า
“ไม่ได้นัดหมายไว้งั้นเหรอนี่คุณ.. ผู้อำนวยการไม่ใช่คนที่ใครคิดอยากจะพบก็สามารถพบได้ง่ายๆนะ!”
หลิงหยุนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ“ผมบอกว่าจะเข้าไปพบเขา ก็ต้องได้พบสิ! หลีกทางให้พวกเราเข้าไปได้แล้ว..”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเห็นหลิงหยุนพูดจายะโสโอหังเช่นนี้ก็ยิ่งหงุดหงิดและหมดความอดทน เขาโบกมือห้ามพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ผู้อำนวยการกำลังประชุมอยู่ไม่สะดวกให้เข้าพบตอนนี้ ถ้าอยากจะพบกับท่านผู้อำนวยการ พวกคุณค่อยมาวันอื่นก็แล้วกัน”
หลิงหยุนถามเสียงเย็นชา“จะให้พวกเราเข้าไปดีๆมั๊ย”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทำสีหน้าเหยียดหยันและคร้านที่จะพูดกับหลิงหยุนต่อ..
“งั้นก็ดี..”
หลิงหยุนพูดจบก็หันไปสั่งตี้เสี่ยวอู๋“เสี่ยวอู๋.. ขับฝ่าเข้าไปเลย!”
ตี้เสี่ยวอู๋ไม่ตอบอะไรแต่เหยียบคันเร่ง และรถก็พุ่งเข้าไปด้านในทันที..
“นี่..นี่..”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคนเห็นก็ได้แต่ยืนนิ่งด้วยความตกตะลึง..
หลังจากจับเข้าไปแล้วรถของหลิงหยุนก็ไปจอดอยู่หน้าตึกสำนักงานการศึกษา..
หลิงหยุนถังเมิ่ง ตี้เสี่ยวอู๋.. ทั้งสามคนเปิดประตูและเดินเรียงแถวลงมา จากนั้นทั้งหมดก็เดินเรียงแถวกันขึ้นไปที่ชั้นหนึ่งของอาคารทันที โดยไม่สนใจแม้แต่จะล็อคประตูรถ
ระหว่างนั้น..หลิงหยุนก็ได้เปิดจิตหยั่งรู้สำรวจดูรอบๆ จากแผนผังของสำนักงานการศึกษานั้น ห้องของผู้อำนวยการจะอยู่ชั้นเจ็ด และหลิงหยุนก็สั่งให้กดลิฟท์ขึ้นไปที่ชั้นเจ็ดทันที
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคนต่างก็วิ่งตามหลิงหยุนกับเพื่อนๆมาแต่ก็ไม่ทันแล้ว และเห็นเพียงภาพที่ทั้งสามคนยืนอยู่ในลิฟท์โบกไม้โบกมือให้กับพวกเขาเท่านั้น
เจ้าหน้าที่รักษาความปลดภัยทั้งสองคนมีสีหน้าตกใจอย่างมากและรีบคว้าวอล์กี้-ทอล์คกี้ขึ้นมาพร้อมกับร้องตะโกนใส่เครื่องสื่อสารด้วยความตกใจ
“แย่แล้ว..มีเด็กอันธพาลสามคนขึ้นไปที่ชั้นเจ็ดแล้ว!”
หลิงหยุนได้ยินถึงกับยิ้มเย็นพร้อมกับพึมพำออกมา“เฮ้อ.. คนพวกนี้ไม่มีเซอร์วิสมายด์เลยจริงๆ! ฉันก็แค่อยากจะไปพบผู้อำนวยการ แทนที่พาเข้าไปพบดีๆ แต่กลับห้ามซะนี่! แบบนี้ใช้ได้ที่ใหนกัน!”
ถังเมิ่งและตี้เสี่ยวอู๋มองหน้ากันยิ้มๆและในไม่ช้าลิฟท์ก็ขึ้นมาจอดที่ชั้นเจ็ดพอดี..
เด็กหนุ่มทั้งสามคนเดินออกมาจากลิฟท์หลิงหยุนใช้จิตหยั่งรู้สำรวจดูอีกครั้งพร้อมกับพูดเสียงเบา..
“ห้องผู้อำนวยการอยู่ทางด้านตะวันออก!”
จากนั้นทั้งสามคนก็เดินออกจากลิฟท์และตรงไปที่ห้องทำงานของผู้อำนวยการทันที..
ในเวลานั้นเองชายวัยกลางคนก็เดินหน้าบึ้งตึงสวนออกมาพอดี พร้อมกับร้องตะโกนออกมาด้วยความโมโห
“ใครกันนะที่ช่างใจกล้า..บุกเข้ามาก่อกวนสำนักงานการศึกษาแห่งนี้..”
เลขานุการของหลู่กวนหวังได้ยินข่าวก็รีบวิ่งออกมาดูทันทีพร้อมกับบ่นพึมพำไปด้วย
หลิงหยุนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบหลังจากที่เลขานุการผู้นั้นเดินผ่านพวกเขาทั้งสามคนไป
“ผมเองล่ะ!”
“ห๊ะ!”
เลขานุการผู้นั้นถึงกังอึ้งไปเขาหยุดนิ่งทันที แล้วหันกลับไปมองเด็กหนุ่มทั้งสามที่เพิ่งเดินผ่านเขาไป แต่แล้วก็ต้องพบว่าหลิงหยุนกำลังผลักประตูเข้าไปในห้องทำงานของผู้อำนวยการแล้ว
หลิงหยุนยิ้มมุมปากเล็กน้อยให้กับผู้อำนวยการที่เพิ่งลุกขึ้นจากโซฟาพร้อมกับถามขึ้นว่า
“คุณชื่อหลู่กวนหวังใช่มั๊ยครับ”
“ถ้าใช่..ผมมาเพื่อขอให้คุณลาออกจากตำแหน่ง!”
บทที่ 826 : หลักฐานพร้อม!
“อะ..อะไรนะ! ขอให้ฉันลาออกงั้นเหรอ?!”
จู่ๆใครก็ไม่รู้เปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของเขาโดยไม่ขออนุญาตเพื่อมาขอให้เขาลาออก มีหรือที่หลู่กวนหวังจะไม่งุนงง.. เขายืนนิ่งอาปากหวอด้วยความตกตะลึง สีหน้านั้นบ่งบอกว่าประหลาดใจเป็นอย่างมาก!
สองสามวันมานี้หลู่กวนหวังเองก็รู้สึกว่าตนเองมีอาการลอยๆ และหลายคืนก่อนก็ฝันประหลาดมาก เขาฝันเห็นเทพธิดางดงามสององค์มาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้า..
ในฝันก็แสนจะประหลาดเหลือเกินและดูเหมือนว่าระหว่างที่ฝันนั้นตนเองจะพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไปมากมาย..
แต่ปัญหาสำคัญมากกว่านั้นก็คือยิ่งหลู่กวนหวังใคร่ครวญถึงความฝันในคืนนั้นมากเท่าไหร่ เขากลับยิ่งรู้สึกราวกับว่ามันไม่ใช่ความฝัน และเทพธิดาสององค์ที่ปรากฏในคืนนั้น ก็ดูราวกับมีตัวตนอยู่จริงๆ
หลู่กวนหวังตรวจสอบอยู่หลายครั้งแต่ก็พบว่าทุกอย่างภายในบ้านยังคงอยู่เป็นปกติดี ไม่มีร่องรอยของขโมย หรือคนแปลกหน้าที่เข้ามาในบ้านเลย
เมื่อมาทำงานในวันรุ่งขึ้นหลู่กวนหวังก็ไม่มีเวลาครุ่นคิดเรื่องนี้ต่ออีก เมื่อเลขานุการของเขาโทรเข้ามาแจ้งว่า มีคนมากมายมาปิดล้อมสำนักงานการศึกษาอยู่ที่หน้าประตู ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าออกได้..
หลู่กวนหวังจึงได้แต่วุ่นวายปวดหัวกับการวิ่งแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นแทน..
เมื่อคืนนี้..หลู่กวนหวังก็อยู่ที่ห้องทำงานจนดึกจนดื่น เขารู้สึกใจหวิวๆ และรู้สึกแปลกๆ ราวกับว่ากำลังจะมีบางอย่างไม่ดีเกิดขึ้นกับตนเอง..
แม้กระทั่งมาทำงานในวันนี้..หากใครได้เห็นหน้าของเขา ก็ต้องมองออกว่าสีหน้าของหลู่กวนหวังนั้นเศร้าสร้อย และเคร่งเครียดผิดปกติ!
นับว่าประสาทสัมผัสที่หกของมนุษย์เรานั้นยอดเยี่ยมอย่างมากเพราะดูเหมือนจะทำงานได้อย่างแม่นยำ และมีประสิทธิภาพอย่างมาก..
หลิงหยุนหัวเราะเสียงใสพร้อมกับถามขึ้นว่า“ผู้อำนวยการหลู่.. คุณคงได้ยินไม่ชัดสินะ! เอาล่ะ.. ผมจะพูดให้ฟังใหม่อีกครั้ง ผมบอกว่าผมมาที่นี่เพื่อขอให้คุณลาออกจากกตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาแห่งนี้! คราวนี้คงได้ยินชัดเจนแล้วสินะ”
พูดจบ..หลิงหยุนก็ร้องสั่งตี้เสี่ยวอู๋โดยที่สายตายังจับจ้องอยู่ที่ร่างของหลู่กวนหวัง “เสี่ยวอู๋.. ไปจัดการดูหน้าประตูไว้ อย่าให้ใครเข้ามาข้างในเด็ดขาด!”
หลังจากนั้นหลิงหยุนก็เดินเข้าไปนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้โซฟาภายในห้อง โดยที่นิ้วโป้งเท้าชี้ไปทางหลู่กวนหวัง หลิงหยุนไม่จำเป็นต้องรอให้หลู่กวนหวังเชื้อเชิญ เขาเดินตรงไปนั่งด้วยตัวเองทันที
“ลาออก..ให้ฉันลาออกงั้นเหรอ!”
หลู่กวนหวังถึงกับอึ้งไป..เขาทำงานมานานกว่ายี่สิบปี แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบเจอแปลกประหลาดแบบนี้!
จู่ๆมีใครก็ไม่รู้บุกเข้ามาในห้องทำงานของเขา เพื่อมาขอให้เขาลาออก!
“พ่อหนุ่ม..นี่เธอพูดอะไรออกมารู้ตัวบ้างมั๊ย!”
หลังจากหายตกใจและตั้งสติได้แล้วหลู่กวนหวังที่เป็นถึงผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานการศึกษาแห่งนี้ จึงยกมือขึ้นชี้หน้าหลิงหยุนพร้อมกับตะโกนถาม
“เธอเป็นใครกล้าดียังไงถึงได้บุกเข้ามาในห้องทำงานของฉันแบบนี้! เธอกล้ามากนะที่ทำให้ฉันโมโหแบบนี้!”
หลู่กวนหวังรู้ดีว่า..มีเพียงต้องแสร้งทำเป็นโกรธเช่นนี้ จึงจะสามารถปิดบังความหวาดกลัวในใจของตนเองได้
หลิงหยุนนั่งเอนหลังพิงโซฟาด้วยท่าทางสบายๆเขายิ้มหยันให้กับหลู่กวนหวังก่อนจะพูดขึ้นว่า
“ผู้อำนวยการ..นี่คุณปกติดีใช่มั๊ย”
ในเวลานั้นเองเลขานุการของหลู่กวนหวังที่เพิ่งหายจากอาการงุนงงตกใจ ก็วิ่งมาถึงหน้าประตูห้องทำงานของผู้อำนวยการพอดี แต่ก็พบตี้เสี่ยวอู๋กับถังเมิ่งยืนขวางประตูไว้ จึงไม่สามารถเข้าไปข้างในได้
ความจริงแค่ตี้เสี่ยวอู๋ยืนเฝ้าหน้าประตูคนเดียวก็เพียงพอแล้วแต่ถังเมิ่งคร้านที่อยู่ในห้องทำงานของหลู่กวนหวัง เขารู้สึกว่าการมายืนขวางหน้าประตูแบบนี้ น่าจะมีอะไรที่สนุกกว่า..
ถังเมิ่งยืนยิ้มกอดอกเอนกายพิงกรอบประตูพร้อมกับจ้องมองใบหน้าที่เศร้าสร้อยของเลขานุการที่เดินวนไปวนมาอย่างกระวนกระวายใจ
“ผมจะบอกอะไรให้..ผมชื่อว่าหลิงหยุน!”
เมื่อหลู่กวนหวังได้ยินก็ถึงกับหน้าเปลี่ยนสีทันที..
“อะไรนะ!หลิง.. หลิงหยุนงั้นเหรอ?”
หลู่กวนหวังร้องอุทานออกมาพร้อมกับนิ่งอึ้งไปทันทีเขาได้แต่คิดในใจว่าเมื่อมีลูกหนี้ก็ย่อมมีเจ้าหนี้ ในที่สุดสิ่งที่หลู่กวนหวังกังวลก็เกิดขึ้นจนได้!
เวลานี้..ข้าราชการในเมืองจิงฉู ไม่มีใครไม่รู้จักหลิงหยุนที่สร้างเรื่องปั่นป่วนวุ่นวายให้กับหลัวจ้งผู้อำนวยการสำนักงานรักษาความมั่นคงคนก่อน..
หลิงหยุนพยักหน้าเป็นการยืนยันตัวตนกับหลู่กวนหวังอีกครั้งพร้อมกับตอบด้วยเสียงที่ดังฟังชัด
“ถูกต้อง..ผมคือหลิงหยุน! นักเรียนที่สอบเอนทรานซ์ได้คะแนนศูนย์ทุกวิชายังไงล่ะ! ตอนนี้คุณคงรู้จุดประสงค์ในการมาที่นี่ของผมแล้วสินะ คิดว่าผมคงไม่ต้องพูดอะไรไปมากกว่านี้!”
หลิงหยุนคร้านที่จะพล่ามไร้สาระอีกเขาไม่ได้มาที่นี่ไม่ได้มาเพื่อจะมีช่วงเวลาดีๆกับหลู่กวนหวัง..
หลู่กวนหวังถึงกับตกใจจนแทบช็อคทั้งร่างกายและปากเริ่มสั่นไปหมด ใบหน้าแดงก่ำพร้อมกับเหงื่อที่ไหลออกมาเต็มหน้าผาก
หลิงหยุนยิ้นหยัน..ก่อนจะลุกขึ้นยืน และเดินก้าวเท้าเข้าไปหาหาหลู่กวนหวัง แล้วยกมือขึ้นตบบ่าหลู่กวนหวังเบาๆ พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“แล้วก็อย่าได้ทำอะไรโง่ๆล่ะ!ตอนนี้รถของผมจอดอยู่ด้านล่าง อะไรควรทำก็รีบๆทำ เสร็จธุระแล้วผมก็จะได้รีบไปเช่นกัน!”
หลู่กวนหวังหวาดกลัวอย่างมากเขาร้องถามออกมาอย่างไม่เข้า “ทำ.. ทำอะไร!”
หลิงหยุนตอบเสียงเบา“อ่อ.. งานง่ายๆ ไม่มีอะไรยาก! ไปเอากระดาษคำตอบของผมมาให้ผมได้เห็นกับตาหน่อย!”
หลู่กวนหวังได้ฟังถึงกับขาสั่นและตอบไปด้วยเสียงตะกุกตะกัก “ตะ.. แต่.. ตอนนี้ผลสอบเอนทรานซ์ได้ประกาศออกไปแล้ว ตอนนี้กระดาษคำตอบของนักเรียนทั้งหมด เจ้าหน้าที่ก็ได้จัดการปิดผนึกซองเรียบร้อยแล้วด้วย..”
“แล้วตั้งแต่มีการสอบเอนทรานซ์มาก็ยังไม่เคยมีกรณีว่านักเรียนที่สอบจะมาขอดูกระดาษคำตอบของตัวเองแบบนี้ นี่ไม่มีในกฎระเบียบของกระทรวงศึกษา…”
แม้หลู่กวนหวังจะหวาดกลัวหลิงหยุนอย่างมากแต่สิ่งที่เขาพูดมานั้นก็เป็นความจริง ที่ผ่านมาตลอดระยะที่มีการสอบเอนทรานซ์มาเนิ่นนานนั้น ก็ยังไม่เคยมีสักครั้งที่นักเรียนคนใหนจะมาขอดูกระดาษคำตอบของตัวเอง เพียงเพราะคิดว่าคะแนนที่ออกมานั้นไม่สอดคล้องกับที่ตนเองคิดไว้ คนที่คิดจะทำเช่นนี้ก็คงมีแต่คนที่ประสาทหลอนเท่านั้น!
เพราะไม่มีกฎระเบียบขอใหนที่จะอนุญาตให้ตัวนักเรียนหรือผู้ปกครองคนใหน สามารถขอดูกระดาษคำตอบเช่นนี้ได้!
และนี่คือเหตุผลว่าเพราะเหตุใดหลู่กวนหวังหลี่เทียน และหลี่จิ่วเจียง จึงกล้าเล่นงานหลิงหยุนผ่านการสอบเอนทรานซ์!
แต่ปัญหาก็คือว่า..พวกมันไม่รู้ว่าหลิงหยุนไม่ใช่นักเรียน หรือคนธรรมดาๆ! ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่สามารถสร้างความปั่นป่วนให้กับตระกูลเฉินได้มากมาย จนพวกมันแทบไม่มีเวลาหายใจเช่นนี้แน่!
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะไล่ต้อนหลู่กวนหวังต่อ..
“อ่อ..ปิดผนึกแล้วงั้น นั่นไม่ใช่ปัญหา.. แค่ไม่ถูกทำลายทิ้งก็พอแล้ว!”
“เอาล่ะ..ในเมื่อเป็นข้าราชการ แต่กลับไม่ทำงานเพื่อประชาชนอย่างเป็นธรรม ก็ควรจะต้องกลับไปบ้านขายเผือกขายมันแทน นี่จะเป็นหน้าที่ครั้งสุดท้ายของคุณในฐานะผู้อำนวยการศึกษา คุณควรจะต้องพยายามตั้งใจทำให้ดีที่สุด!”
พูดจบ..หลิงหยุนก็นำตัวหลู่กวนหวังไปที่หน้าประตูห้องทำงาน
เวลานี้..ทุกคนในสำนักงานการศึกษาต่างก็พากันวิ่งมาออกันที่ชั้นเจ็ด เพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่!
และเวลานี้..ที่ระเบียงหน้าห้องทำงานของหลู่กวนหวัง ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังเล็ดลอดเข้ามาไม่หยุด
“ตี้เสี่ยวอู๋..ถังเมิ่ง.. อย่าไปสนใจคนพวกนั้น จัดการเปิดทางให้ฉันพาตัวหมอนี่ไปเอากระดาษคำตอบ!”
หลิงหยุนนั้นแข็งแกร่งและอหังการเกินกว่าใครจะต้านทานได้ทุกสิ่งที่เขาคิดเขาตัดสินใจแล้วนั้น ใครก็หยุดเขาไม่ได้! ตี้เสี่ยวอู๋กับถังเมิ่งยกมือขึ้นชี้ไปยังฝูงชนให้หลีกทาง..
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่วิ่งเข้ามาก็ถูกตี้เสี่ยวอู๋กันไว้ และทำร้ายร่างกายเบาๆจนร่วงไปกองกับพื้นจนหมด..
จากนั้น..หลู่กวนหวัง หลิงหยุน ตี้เสี่ยวอู๋ และถังเมิ่ง ทั้งหมดก็เดินออกาจากห้องทำงานของผู้อำนวยการสนักงานการศึกษาไป..
แต่เมื่อเดินออกมาจากห้องทำงานแล้วหลู่กวนหวังก็รีบพูดกับหลิงหยุนว่า “เอกสารสำคัญพวกนั้นไม่ได้เก็บที่ไว้ที่นี่ แต่เก็บที่ใหนฉันเองก็ไม่รู้ ต้องถามเลขานุการของฉัน..”
แววตาของหลิงหยุนปรากฏรอยเย้ยหยันพร้อมกับพูดขึ้นว่า..
“ฉันไม่รู้อะไรเลยงั้นเหรอ!”
“คุณเป็นถึงผู้อำนวยการแต่กลับไม่รู้อะไรเลยแบบนี้ ถ้างั้นก็ควรจะยกตำแหน่งผู้อำนวยการให้กับเลขาแล้วล่ะ!”
หลิงหยุนไม่รู้ว่านี่คือการทำงานของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในประเทศนี้ไม่ว่างานอะไรที่ได้รับมอบหมายมา ก็จะถูกส่งต่อให้กับเลขานุการเป็นผู้จัดการหมด จึงไม่มีอะไรที่เลขานุการจะไม่รู้..
“ถ้างั้นก็ให้เลขานุการของคุณไปพร้อมๆกับพวกเราทั้งหมด..”
ห้านาทีต่อมา..หลิงหยุน ถังเมิ่ง ตี้เสี่ยวอู๋ พร้อมด้วยหลู่กวนหวัง และเลขานุการของเขา ทั้งหมดเดินตามกันไปที่รถของหลิงหยุน และขับไปยังสถานที่ที่เก็บกระดาษคำตอบในการสอบเอนทรานซ์
มีผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาติดตามไปด้วยตัวเองเช่นนี้ทุกอย่างจึงเป็นไปอย่างราบรื่น และเพียงแค่สิบโมงครึ่ง ภารกิจในการติดตามกระดาษคำตอบของหลิงหยุนก็เป็นอันเสร็จสิ้น..
กระดาษคำตอบของทุกวิชาอยู่ในมือของหลิงหยุนเรียบร้อยแล้วทุกอย่างดูเหมือนจะไม่มีอะไรผิดปกติ เพียงแต่..
กระดาษคำตอบที่เป็นชื่อหลิงหยุนและหมายเลขประจำตัวของเขานั้น ได้ถูกแทนที่ด้วยชื่อของหลี่เทียน!
เมื่อเลขานุการของหลู่กวนหวังได้เห็นกระดาษคำตอบของหลิงหยุนถูกเปลี่ยนชื่อเช่นนี้ก็ถึงกับตกใจจนแทบช็อค! เขายืนนิ่งด้วยความตกตะลึง และในที่สุดก็รู้ว่าทุกอย่างเกิดขึ้นได้อย่างไร
“เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ!”
ทั้งหลิงหยุนถังเมิ่ง และตี้เสี่ยวอู๋ เมื่อทั้งสามคนได้เห็นกระดาษคำตอบ ก็ถึงกับยิ้มหยัน จากนั้นหลิงหยุนก็หันไปมองหลู่กวนหวังที่มีสีหน้าหวาดกลัวอย่างที่สุดด้วยแววตาเหยียดหยัน..
“ผู้อำนวยการหลู่..เรื่องนี้คุณจะอธิบายยังไง”
หลักฐานอยู่ในมือของหลิงหยุนทั้งหมดแล้วเขาไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรอีก และหันไปพูดกับหลู่กวนหวังยิ้มๆ
หลู่กวนหวังถึงกับเหงื่อเปี่ยกโชกและตกใจราวกับถูกช็อตด้วยไฟฟ้าแรงสูง จนไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้เป็นเวลานาน..
หากอย่างถูกเปิดโปงหลู่กวนหวังจะไม่เพียงแค่ต้องออกจากราชการเท่านั้น แต่เขาจะถูกสาปแช่ง และยังถูกลงโทษตามกฎหมายอย่างรุนแรงอีกด้วย!
แต่หลิงหยุนไม่ได้คิดอะไรตื้นๆเพียงแค่นั้น!
การที่เขากลับมาจิงฉูในครั้งนี้แน่นอนว่าเขาไม่ได้ต้องการจัดการกับผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่เขาจะจัดการกับทุกคนที่มีส่วนในการสมคบคิดกระทำการในครั้งนี้ทั้งหมดต่างหาก!
ถังเมิ่งหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วหันไปพูดกับหลิงหยุน “พี่หยุน.. บันทึกคำสารภาพไว้ดีกว่า!”
หลิงหยุนพยักหน้าและยิ้มๆแล้วตอบกลับไปว่า “เอาหลักฐานทั้งหมดกลับไปที่สำนักงานการศึกษาก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”
“คุณเลขา..คุณเป็นคนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ไม่ทราบว่าพอจะเป็นพยานให้กับผมได้มั๊ยครับ”