Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - บทที่ 845-846
บทที่ 845 : ปล่อยผู้หญิงคนนั้น!
“ยินดีต้อนระ..”
“ห๊ะ!”
หญิงสาวทั้งหกคนที่ทำหน้าที่ต้อนรับแขกในวันนี้นับว่าถูกอบรมมาเป็นอย่างดี ทุกครั้งที่ประตูลิฟท์เปิดออก พวกเธอจะรีบเอ่ยทักทายทุกคนที่เดินออกมาทันที และเมื่อหลิงหยุนเดินออกมาจากลิฟท์ หญิงสาวทั้งหกคนก็รีบโค้งตัวลง และเอ่ยต้อนรับเป็นอัตโนมัติ..
แต่ยังไม่ทันที่จะพูดจบประโยคดีหญิงสาวทั้งหกคนก็ถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกตะลึงพร้อมกันเป็นเสียงเดียว!
เวลานี้หลิงหยุนอยู่ในระดับสูงสุดขั้นปรับร่างกาย-9และสามารถที่จะเข้าสู่ขั้นพลังชี่ได้ทุกเมื่อ รูปร่างและผิวพรรณของเขาจึงสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ อีกทั้งยังมีเสน่ห์ดึงดูดอย่างเห็นได้ชัด
และเพียงแค่กลิ่นหอมจางๆที่กระจายออกมาจากร่างกายของหลิงหยุนก็เพียงพอที่จะทำให้หญิงสาวทั้งหกคนงุนงงเคลิบเคลิ้มได้อย่างรวดเร็ว
หลิงหยุนเดินยิ้มอย่างมีเสน่ห์ออกมาจากลิฟท์ลักยิ้มแก้มซ้ายบุ๋มลงไปอย่างน่ามอง รอยยิ้มของหลิงหยุนดูลึกลับ ท่วงท่าการเดินมั่นอกมั่นใจ และดูสงบเยือกเย็น
ด้วยรูปลักษณ์และเสน่ห์ของหลิงหยุนนั้นไม่แปลกที่บรรดาหญิงสาวจะมีลักษณะอาการเช่นนั้น!
“คนอะไรหล่อขนาดนี้..!”
หลังจากที่ร้องอุทานออกมาด้วยความตกตะลึงหนึ่งในหญิงสาวก็ร้องบอกสิ่งที่ตนเองคิดออกมา..
สิ่งที่น่าขันก็คือว่าหญิงสาวคนอื่นๆที่ยังคงอยู่ในอาการตาค้างนั้น ก็เอาแต่พยักหน้าหงึกๆอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของหญิงสาวผู้นั้น
“ขอบคุณครับ..คุณเองก็สวยมากเช่นกัน!”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับกวาดสายตามองไปยังหญิงสาวที่เอ่ยชมตนทั้งสายตาและคำพูดของหลิงหยุนทำให้หญิงสาวผู้นั้นถึงกับสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง ใบหน้าแดงก่ำ และไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีก..
ภาพของหลิงหยุนที่เดินเข้ามาในงานนั้นสร้างความตกตะลึงให้กับหญิงสาวทั้งหกคนได้มากยิ่งกว่าการปรากฏตัวของสาวงามทั้งหกก่อนหน้านี้เสียอีก
เสี่ยวเม่ยหนิงและหนิงหลิงยู่ที่อยู่ในชุดราตรีงดงามกำลังก้าวเดินตามหลิงหยุนออกมาจากลิฟท์เช่นกัน
เสี่ยวเม่ยหนิงเดินตามหลิงหยุนออกมาก่อนและรีบตรงเข้าไปกอดแขนข้างซ้ายของหลิงหยุนไว้แน่น ดวงตากลมโตคู่สวยของเธอกวาดมองไปรอบๆบริเวณ พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล..
“เขาเป็นแฟนของฉันเอง!”
“พี่หลิงหยุน..เข้าไปข้างในกันดีกว่า!”
หลังจากที่เด็กสาวตัวแสบแสดงตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของหลิงหยุนเรียบร้อยแล้วเธอก็เอ่ยปากชวนหลิงหยุนให้เดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงทันที
“เอ่อ..ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีมาร่วมงานเลี้ยงในคืนนี้เหรอคะ”
หญิงสาวที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้านั้นในที่สุดก็ได้สติใบหน้าของเธอแดงก่ำ และไม่กล้ามองหน้าหลิงหยุนตรงๆ จึงได้แต่เอ่ยถามออกมาอย่างเขินอาย
“ครับ..”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมตอบกลับไปเพียงแค่สั้นๆ
และในเวลานั้นเอง..หนิงหลิงยู่ก็เดินออกมาจากลิฟท์พอดี เธอก้าวเท้าเดินออกมาอย่างนุ่มนวล และตรงเข้าไปกอดแขนข้างขวาของหลิงหยุนไว้ พร้อมกับส่งยิ้มที่งดงามชวนฝันราวกับเทพธิดาให้กับทุกคน
“เอ่อ..กรุณาตามดิฉันมาทางนี้ค่ะ..”
หญิงสาวที่เป็นหัวหน้าตอบพร้อมกับเดินนำหลิงหยุนและคนอื่นเข้าไปยังห้องจัดเลี้ยงทันที
แต่หลิงหยุนกลับยิ้มพร้อมกับปฏิเสธ“ขอบคุณครับ.. พวกเราเดินเข้าไปเองได้!”
สำหรับโรงแรมระดับห้าดาวนั้นจะไม่สร้างลิฟท์ไว้ที่หน้าห้องจัดเลี้ยง ดังนั้นจากลิฟท์ไปถึงห้องจัดเลี้ยงก็ต้องเดินเลี้ยวไปอีกสองครั้ง
แต่ถึงแม้หลิงหยุนจะมาที่โรงแรมแห่งนี้เป็นครั้งแรกแต่เขาก็ได้ใช้จิตหยั่งรู้สำรวจดูทั่วทั้งชั้นก่อนหน้านี้แล้ว จึงได้รู้ได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน
“คนอะไรหล่อมากจริงๆฉันไม่เคยเห็นใครหล่อเหมือนเขามาก่อนเลย..”
“เฮ้อ..ถ้าได้อยู่ใกล้ๆสักครู่หนึ่ง ก็คงจะดีไม่น้อย..”
“นี่..พวกเธอสองคนอย่าเผลอมองเขานานนักล่ะ ไม่เห็นสาวสวยสองคนที่มากับเขาเหรอ โดยเฉพาะคนที่อยู่ทางขวามือน่ะ สวยอย่างกับนางฟ้าแน่ะ!”
“อืมม..”
หญิงสาวที่ทำหน้าที่ต้อนรับแขกทั้งหกคนได้แต่มองตามแผ่นหลังของหลิงหยุน และสาวงามข้างกายไปด้วยแววตาราวกับคนอกหัก..
ทางด้านหน้าห้องจัดเลี้ยงเวลานี้..หลี่เทียนกำลังนั่งเอามือซ้ายกุมแก้มของตนเอง ส่วนมือขวาก็กำลังพยายามลูบไล้แขนนวลเนียนของฉีเสี่ยวชิง
หลังจากที่ชีเต๋อเปียวเข้าไปรายงานเลขาหวังแล้วก็กลับมาดูเหตุการณ์ที่ด้านหน้าห้องจัดเลี้ยงต่อ และหลี่เทียนก็ต้องการที่จะพาฉีเสี่ยวชิงขึ้นไปบนห้องเพรสซิเดนท์สูทเดี๋ยวนี้ให้ได้!
หลี่เทียนปล่อยมือซ้ายที่กุมแก้มออกและพยายามยื่นออกไปลวนลามฉีเสี่ยวชิงหลายต่อหลายครั้ง แต่เธอก็พยายามหลีกเลี่ยง หลี่เทียนจึงร้องออกมาอย่างไม่พอใจ
“สาวงามเมื่อครู่ทำให้เลือดในกายของฉันพลุ่งพล่านขึ้นมาทันทีตอนนี้ฉันรู้สึกอึดอัดจนทนไม่ไหวแล้ว เธอต้องขึ้นไปบนห้องกับฉันเดี๋ยวนี้!”
หลี่เทียนร้องตะโกนออกมาพร้อมกับดันร่างของฉีเสี่ยวชิงเข้าไปติดกำแพงและพยายามที่จะลวนลามเธอ น้ำใสๆที่เกิดจากความอัปยศอดสูไหลออกมาอาบแก้มของฉีเสี่ยวชิงจนเปียกไปหมด
“กรุณาปล่อยฉันไปเถอะนะ..ได้โปรด.. ฉันไม่สามารถทำอะไรแบบนั้นได้จริงๆ!”
ฉีเสี่ยวชิงพยายามร้องขอความเมตตาจากหลี่เทียน..
หลี่เทียนหัวเราะออกมาอย่างสะใจและตอบกลับไปอย่างไร้ปราณี “ปล่อยเธอไปตอนนี้น่ะเหรอ มันสายไปแล้วล่ะ!”
แม้แต่ชีเต๋อเปียวที่เห็นเหตุการณ์ก็ยังหันไปพูดกับฉีเสี่ยวชิงว่า “ฉีเสี่ยวชิง.. ครูว่าเธอตามหลี่เทียนขึ้นไปบนห้องจะดีกว่า หาก”
ชีเต๋อเปียวที่เห็นเหตุการณ์แม้แต่เขายังถึงกับหน้าแดง และได้แต่พูดออกมาว่า “ฉีเสี่ยวชิง.. ครูว่าเธอตามหลี่เทียนขึ้นไปข้างบนจะดีกว่า การที่หลี่เทียนสนใจเธอแบบนี้ หากเธอทำให้หลี่เทียนพอใจก็จะดีกับอนาคตในวันข้างหน้าของตัวเอง..”
หลี่เทียนก้าวเท้าเข้าไปอีกพร้อมกับแสยะยิ้มและพูดขึ้นมาว่า “เดินไปเดี๋ยวนี้! หรือจะรอให้บอดี้การ์ดของฉันมาถึงก่อน แล้วค่อยให้พวกมันอุ้มเธอขึ้นไปบนห้อง!”
“ฉีเสี่ยวชิง..ฉันจะบอกอะไรให้นะ เรื่องอย่างว่าเป็นงานอดิเรกของฉันเลยล่ะ! ถ้าเธอยังไม่ยอมเดินขึ้นไปดีๆ รอจนบอดี้การ์ดของฉันมาถึงแล้วล่ะก็ ฉันจะให้พวกมันนั่งล้อมเตียงดูเราสองคนมีอะไรกัน! แบบนั้นก็ตื่นเต้นเร้าใจดีเหมือนกันนะ!”
หลี่เทียนพูดไปก็หัวเราะไปราวกับคนคลุ้มคลั่งมันช่างไร้ยางอายสิ้นดี!
“ไม่นะ..ได้โปรดอย่าทำอะไรแบบนั้น!”
ฉีเสี่ยวชิงพูดออกมาด้วยความรู้สึกท้อแท้และสิ้นหวัง เธอหลับตาลงพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพรากออกมา เพราะรู้ตัวดีว่าคืนนี้ตนเองคงไม่สามารถหนีพ้นชะตากรรมในครั้งนี้ได้..
แต่แล้วจู่ๆก็มีเสียงเย็นชาดังขึ้นมาเสียงนั้นดังราวกับมังกรคำราม ทำให้ผู้คนที่ได้ยินต่างก็ถึงกับตกใจ..
“ปล่อยผู้หญิงเดี๋ยวนี้!”
ยังไม่ทันที่ร่างของหลิงหยุนจะปรากฏแต่เสียงของเขาก็ดังขึ้นก่อนแล้ว และน้ำเสียงของหลิงหยุนก็บ่งบอกว่ากำลังโกรธมากอีกด้วย
หลี่เทียนที่กำลังเตรียมตัวจะลากฉีเสี่ยวชิงขึ้นไปบนห้องก็ถึงกับอึ้งไปทันทีเมื่อเสียงดังขึ้น เขารีบหันหลังกลับไปดูพร้อมกับตะโกนออกไปว่า
“ใครใครกล้าทำลายอารมณ์สุนทรีย์ของฉัน?”
หลี่เทียนหันกลับมาแต่ก็ไม่พบเจอใครสีหน้าของมันบ่งบอกว่ากำลังงุนงงอย่างมาก และได้แต่แอบคิดอยู่ในใจว่าเมื่อครู่เขาก็เพิ่งถูกทำร้ายร่างกาย หรือนี่จะเป็นภาพลวงตา
แต่แน่นอนว่ามันไม่ใช่ภาพลวงตา!
เพราะภายในเวลาเพียงแค่สิบวินาทีคนสามคนก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าหลี่เทียน เมื่อมันได้เห็นก็ถึงกับตกใจจนแทบช็อค!
“กะ..แกเองเหรอ!”
ใบหน้าของหลี่เทียนเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำขึ้นมาทันทีและเมื่อเห็นหลิงหยุนปรากฏตัว มันก็ตกใจจนลืมความเจ็บปวดที่แก้มซ้าย และปากก็สั่นจนฟันกระทบกัน จากนั้นก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีกแม้แต่คำเดียว!
“ใช่..ฉันเอง! พบกันอีกครั้งแล้วสินะ..”
หลิงหยุนสะบัดแขนเบาๆด้วยความนุ่มนวลเพื่อให้หลุดพ้นจากการเกาะกุมของหนิงหลิงยู่และเสี่ยวเม่ยหนิงแล้วจึงเดินตรงเข้าไปที่หน้าห้องจัดเลี้ยงพร้อมกับแสยะยิ้ม และจ้องมองหลี่เทียนด้วยสายตาคมกริบ!
“กะ..แกมาที่นี่ทำไม”
เมื่อหลี่เทียนเห็นหลิงหยุนเขาก็ลืมฉีเสี่ยวชิงที่ยืนอยู่ด้านหลังไปทันที แล้วรีบหันไปมองชีเต๋อเปียวด้วยสีหน้าหวาดกลัว และตื่นตระหนก
ก่อนหน้านี้หลี่เทียนถูกหลิงหยุนกับพวกทำร้ายร่างกายจนน่วมจนถึงตอนนี้ยังรู้สึกหวาดกลัวไม่หาย เมื่อได้พบหลิงหยุนอีกครั้ง จึงมีสภาพไม่ต่างจากหนูที่อยู่ต่อหน้าแมว..
หลิงหยุนมองหลี่เทียนที่อยู่ในอาการหวาดผวาด้วยแววตาเย้ยหยันภาพที่เห็นจึงไม่ต่างจากแมวที่กำลังจ้องมองลูกหนูตัวเล็ก เขาแสยะยิ้มพร้อมกับพูดออกมาอย่างเหยียดหยัน
“ฉันมาที่นี่ทำไมน่ะเหรอ!ฉันคิดว่าแกน่าจะรู้ดีกว่าใคร?”
หลังจากที่หลิงหยุนพูดจบรอยยิ้มก็มลายหายไปจากใบหน้าของเขาทันที..
ชีเต๋อเปียวเห็นหลิงหยุนก็กลัวว่าหลี่เทียนจะได้รับอันตราย จึงรีบออกมาขวางไว้ทันที! แล้วร้องถามหลิงหยุนว่า
“คุณเป็นใคร..”
แต่หลิงหยุนตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาและเต็มไปด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์
“เจ้าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะรู้!”
เหตุการณ์ทั้งหมดบนชั้นห้าของโรงแรมไคเฉวียนแห่งนี้หลิงหยุนล่วงรู้ทุกอย่าง และเขาก็รู้ว่าชีเต๋อเปียวไม่เพียงไม่ใช่คนดี แต่ยังเป็นยิ่งกว่าขยะติดเชื้อที่น่ารังเกียจเสียอีก..
เพียงเพื่อต้องการได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งและมีอนาคตในวงราชการที่ดี เขาถึงกับยอมช่วยบีบบังคับให้นักเรียนหญิงไปปรนเปรอหลี่เทียน การกระทำเช่นนี้จะดีไปกว่าขยะติดชื้อได้อย่างไรกัน
แต่หลิงหยุนคงจะยังไม่รู้ว่าบนโลกใบนี้มีครูที่ทำตัวน่ารังเกียจยิ่งกว่าขยะติดเชื้ออีกมากมาย บางรายถึงกับบังคับเด็กนักเรียนให้นอนกับตนเองด้วยซ้ำไป!
“นี่..อย่ามาตะโกนโหวกเหวกแถวนี้! ที่นี่ไม่ใช่สถานที่สาธารณะ ใครอนุญาตให้แกขึ้นมา”
ชีเต๋อเปียวถูกหลิงหยุนหักหน้าเช่นนั้นก็โมโหจึงร้องตะโกนถามหลิงหยุนกลับไปทันที
หลิงหยุนไม่ตอบโต้และยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ จากนั้นจึงถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วฝ่ามือขึ้นโบก
เพียะ!
ลมปราณพุ่งออกจากฝ่ามือของหลิงหยุนกระทบเข้ากับใบหน้าของชีเต๋อเปียวอย่างแรงและตบนี้ก็รุนแรงเสียยิ่งกว่าตบของไป๋เซียนเอ๋อ
เหตุใดหลิงหยุนจึงใช้ลมปราณตบหน้าชีเต๋อเปียวน่ะหรือก็เพราะเขาเกรงว่าฝ่ามือของตนเองจะสกปรกน่ะสิ!
“นี่แก..!”
ชีเต๋อเปียวกรีดร้องออกมาเสียงดังด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับยกมือขึ้นกุมใบหน้าของตนเองไว้
จากนั้นหลิงหยุนจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังนัก“ข้าไม่เพียงจะตะโกนใส่หน้าเจ้า แต่ยังจะตบเจ้าด้วย! หลบไปให้พ้น.. ตอนนี้ข้ายังไม่มีเวลาที่จะสนใจคนอย่างเจ้า!”
และลมปราณจากฝ่ามือของหลิงหยุนก็ทำให้ฟันเกือบครึ่งปากของชีเต๋อเปียวหลุดร่วงลงมาทันที และไม่กล้ายืนขวางหน้าอีก!
“หลี่เทียน..ดูแกช่างมีความสุขกับการรังแกผู้อื่นมากจริงๆ! ถึงเวลาที่แกต้องได้รับผลกรรมนั้นแล้ว..”
หลังจากที่จัดการกับชีเต๋อเปียวแล้วหลิงหยุนก็จัดการใช้ลมปราณตบหน้าหลี่เทียนอีกหลายครั้ง
“โอ๊ย…”
หลี่เทียนกรีดร้องออกมาและพบว่าตนเองไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ เท่านั้นยังไม่พอ.. หลิงหยุนกระโดดเตะเข้าไปสีข้างของหลี่เทียน และร่างมันก็ลอยละลิ่วออกไปไกลก่อนจะร่วงกระแทกกับพื้นอย่างแรง แทบไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย..
และเวลานี้ระหว่างหลิงหยุนกับฉีเสี่ยวชิงก็ไม่มีสิ่งใดขวางกั้นอยู่อีก..
หลิงหยุนจ้องมองฉีเสี่ยวชิงด้วยความสงสารก่อนจะถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
“ฉีเสี่ยวชิง..ผมสั่งให้ถังเมิ่งทิ้งเบอร์ติดต่อไว้ให้คุณแล้วนี่ ในเมื่อคุณถูกรังแกแบบนี้ ทำไมถึงไม่โทรหาเขาล่ะ!”
บทที่ 846 : กลัวจนพูดไม่ออก!
เมื่อเห็นว่าหลิงหยุนดูราวกับเทพที่มาจุติบนโลกมนุษย์เช่นนี้ที่เมื่อจู่ๆก็ปรากฏตัวต่อหน้าตนเอง และประเคนทั้งเท้าทั้งหมัดใส่ร่างของหลี่เทียนจนลอยละลิ่วไปกองกับพื้น จากนั้นจึงหันไปจัดการกับคนชั่วชีเต๋อเปียวต่อ ฉีเสี่ยวชิงจึงได้แต่ยืนตกตะลึง..!
หลิงหยุนมาถึงก็ไม่พูดพล่ามทำเพลงและไม่ไต่ถามใดๆให้มากความ ก็ตรงเข้าจัดการคนสารเลวทั้งสองคนทันที..
กลายเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไรกัน!
ช่างเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อและอัศจรรย์ใจยิ่งนักทุกครั้งที่เธอถูกหลี่เทียนข่มเหงรังแกจนตกอยู่ในความทุกข์ใจแสนสาหัส ก็มักจะเกิดปาฏิหาริย์ขึ้นทุกครั้งเช่นกัน และปาฏิหาริย์ที่ว่านี้ ก็คือการที่หลิงหยุนสามารถมาช่วยเธอได้ทันเวลาทุกครั้งไป!
แต่ทุกครั้งก็จะเกิดปาฏิหารย์ขึ้นทุกครั้ง นั่นก็คือหลิงหยุนจะมาช่วยเธอได้ทันเวลาทุกครั้ง
แม้ฉี่เสี่ยวชิงจะเก่งวิชาคณิตศาสตร์มากและสามารถทำคะแนนสอบได้เต็ม แต่เธอก็ไม่สามารถคำนวณความน่าจะเป็นในเรื่องนี้ออกมาได้!
หากจะเปรียบเทียบกับการซื้อล็อตเตอรี่ฉีเสี่ยวชิงก็ไม่ต่างจากการถูกรางวัลที่หนึ่ง..
หรือว่านี่จะเป็นสิ่งเทพที่ฟ้าประทานลงมาให้เพื่อปกป้องคุ้มครองเธอ!
ฉีเสี่ยวชิงรู้สึกสับสนอย่างบอกไม่ถูกหัวใจของเธอเต้นแรงด้วยความดีใจ ดวงตาที่รื้นไปด้วยน้ำตานั้นจ้องมองหลิงหยุนด้วยความงุนงง!
แต่เนื่องจากฉีเสี่ยวชิงเติบโตมาจากครอบครัวที่ยากจนและเป็นพี่สาวคนโต เธอจึงค่อนข้างแข็งแกร่ง และสามารถพึ่งพาตนเองได้ในระดับหนึ่ง หลังจากนิ่งไปครู่ใหญ่ก็สามารถเรียกสติของตนเองกลับมาได้
เธอยกแขนที่เรียวงามนั้นขึ้นปาดน้ำตาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหลิงหยุนและในที่สุดก็สามารถเห็นภาพตรงหน้าได้อย่างชัดเจน
แววตาของฉีเสี่ยวชิงดูมีความหวังขึ้นมากแต่แล้วก็จางหายไปในเวลาอันรวดเร็วพร้อมกับเปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อยแทน เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเทิ้มและแหบแห้ง..
“หลิงหยุน..ขอบคุณที่ช่วยฉันไว้อีกครั้ง แต่..”
ฉีเสี่ยวชิงนิ่งไปครู่หนึ่งจึงตัดใจพูดออกไปอย่างกล้าหาญ “แต่ต่อให้คุณช่วยฉันได้หนึ่งครั้ง.. หรือสองครั้ง ก็คงจะไม่มีครั้งที่สาม ครั้งที่สี่ และครั้งต่อๆไป..”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ฉีเสี่ยวชิงก็หันไปมองหลี่เทียนด้วยแววตารังเกียจเหยียดหยัน แต่ยังคงไม่ขยับตัวออกจากกำแพง..
สายตาของฉีเสี่ยวชิงที่มองหลี่เทียนนั้นบ่งบอกว่าเธอรู้สึกรังเกียจและขยะแขยงหลี่เทียนมากเพียงใด แต่ถึงกระนั้น.. ก็ยังแอบมีแววตาของความหวาดกลัวซ่อนอยู่ด้วย
สิ่งที่ฉีเสี่ยวชิงพูดนั้นไม่ผิดเลยแม้แต่น้อยตราบใดที่หลิงหยุนไม่ฆ่าหลี่เทียน และตราบใดที่หลี่เทียนยังมีชีวิตอยู่ ฉีเสี่ยวชิงก็ยากที่จะหนีพ้นเงื้อมือของมันได้..
ในจุดนี้..ฉีเสี่ยวชิงเข้าใจดีกว่าใครๆ
หลังจากที่หลิงหยุนได้ยินคำตอบของฉีเสี่ยวชิงเขาก็ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนพร้อมกับให้ความมั่นใจว่า
“ฉีเสี่ยวชิง..นับจากวันนี้ไป เรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับชีวิตคุณจะผ่านพ้นไป ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ จะไม่มีครั้งที่สาม และครั้งที่สี่อีก..”
หลิงหยุนมองออกว่าฉีเสี่ยวชิงยังคงมีเรื่องกังวลใจแต่เขาแค่ไม่เข้าใจว่า เพราะเหตุใดฉีเสี่ยวชิงจึงไม่โทรหาถังเมิ่งหรือตี้เสี่ยวอู๋เมื่อถูกข่มเหงรังแก หรือขอให้คนของแก๊งมังกรเขียวช่วย! เพราะดูแล้วฉีเสี่ยวชิงไม่น่าจะเป็นคนโง่จนถึงขั้นคิดไม่ได้!
“เอ่อ..เรื่องนั้น” ฉีเสี่ยวชิงพูดเพียงแค่นั้นก็หยุดนิ่ง
หลิงหยุนรู้ว่าฉีเสี่ยวชิงต้องการจะพูดอะไรบางอย่างแต่ยังคงหวาดกลัว เขาจึงยิ้มพร้อมกับส่ายหน้าช้าๆ แล้วพูดขึ้นว่า
“พูดออกมาเถอะ..เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคุณบ้าง เล่าออกมาให้หมด!”
ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มของหลิงหยุนนั้นช่างมีเสน่ห์ชวนมองและท่วงท่าการยืนที่มั่นคงของเขาก็เปี่ยมไปด้วยพลัง ทำให้ผู้ที่อยู่ใกล้หายหวาดกลัวได้..
ฉีเสี่ยวชิงมองหลิงหยุนประหนึ่งว่าเขาคือเทพที่ลงมาโปรดเธอจริงๆ!เมื่อเป็นเช่นนี้จึงไม่มีเหตุผลที่เธอจะต้องหวาดกลัวอะไรอีก
แววตาของฉีเสี่ยวชิงเป็นประกายขึ้นมาวูบหนึ่งก่อนจะตัดสินใจบอกไปว่า“พวกมันไม่ให้ฉันมีโอกาสได้โทรหาใครเลย จู่ๆหลี่เทียนก็พาคนมาที่บ้านของฉัน แล้วก็.. แล้วก็เอาโทรศัพท์มือถือของฉันโยนลงพื้นจนแตกกระจายหมด..”
เพียงแค่ประโยคแรก..ก็ดูเหมือนว่าหลิงหยุนจะเข้าใจทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่ง ฉีเสี่ยวชิงเป็นเพียงเด็กสาวตัวเล็กๆ มีหรือที่จะสามารถต่อกรกับบอดี้การ์ดของหลี่เทียนได้!
จากนั้นหลิงหยุนจึงถามต่อ“แล้วมันหาบ้านของคุณพบได้ยังไง”
ฉีเสี่ยวชิงมองไปทางชีเต๋อเปียวที่กำลังร้องคร่ำครวญอย่างเจ็บปวดพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความขมขื่น
“ในทะเบียนของโรงเรียนจะมีรายละเอียดของนักเรียนรวมทั้งที่อยู่ของนักเรียนแต่ละคนด้วย!”
หลิงหยุนยกมือขึ้นห้ามไม่ให้ฉีเสี่ยวชิงพูดต่อพร้อมกับคิดในใจว่า ดูเหมือนชีเต๋อเปียวจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือหลี่เทียนในเรื่องนี้ นี่จะต่างจากการประเคนฉีเสี่ยวชิงให้กับหลี่เทียนตรงใหน!..
สายตาที่คมกริบและแววตาที่เย็นชาของหลิงหยุนนั้น กวาดไปที่ร่างของหลี่เทียนกับชีเต๋อเปียว ก่อนจะหันมาถามฉีเสี่ยวชิงด้วยน้ำเสียงที่ขุ่นเคืองใจ..
“แล้ว..มันทำอะไรคุณหรือยัง”
ใบหน้างดงามของฉีเสี่ยวชิงแดงก่ำขึ้นมาทันทีเธอก้มหน้าลงไม่กล้าสบตาหลิงหยุนพร้อมกับตอบไปด้วยท่าทางเขินอาย..
“ยัง..”ฉีเสี่ยวชิงส่ายหน้า
“หึ..ก็ถ้ามันทำ.. รับรองว่าผมเตะผ่าหมากมันให้เป็นขันทีแน่!”
หลิงหยุนได้ฟังก็รู้สึกดีใจและร้องตะโกนบอกโดยที่ลืมคิดไปว่ารอบกายของเขานั้นมีสาวงามล้อมรอบอยู่ถึงสามคน
ทั้งหนิงหลิงยู่และเสี่ยวเม่ยหนิงต่างก็ยืนฟังหน้าแดงฉีเสี่ยวชิงเองก็เอาแต่ก้มหน้าแดงก่ำของตนเองไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองพร้อมกับเล่าต่อว่า..
“แต่..แต่แม่ของฉันอยู่ในมือของพวกมัน แล้วน้องสาวของฉันก็กำลังป่วยหนัก..”
หลี่เทียนใช้วิธีนี้ข่มขู่ฉีเสี่ยวชิงไม่เช่นนั้นแล้ว.. ด้วยนิสัยที่ดื้อรั้นของฉีเสี่ยวชิง เธอคงยอมกัดลิ้นตายมากกว่าที่จะยอมเป็นของหลี่เทียนอย่างแน่นอน
ฉีเสี่ยวชิงเป็นห่วงแม่และน้องสาวของเธอมากจึงจำใจยอมเสียสละตนเองเพื่อให้ทั้งสองคนปลอดภัย
เมื่อหลิงหยุนได้ฟังเขาก็ก้าวเท้าเข้าไปหาฉีเสี่ยวชิง แล้วยื่นมืออกไปตบบ่าเธอเบาๆ พร้อมกับพูดปลอบปะโลม..
“คุณไม่ต้องกังวลใจไปผมรับรองว่าแม่ของคุณจะต้องปลอดภัย ส่วนน้องสาวของคุณ ผมจะรักษาอาการป่วยให้กับเธอเอง!”
“ห๊ะ!นี่..”
ฉีเสี่ยวชิงถังกับตกใจจนแทบช็อคอีกครั้ง!และนี่เป็นอีกครั้งที่ดวงตาคู่งามนั้นรื้นไปด้วยน้ำตา แต่ครั้งนี้มันคือน้ำตาแห่งความตื่นเต้นดีใจ!
หลิงหยุนเปรียบเสมือนพระเอกที่ไม่เพียงขี่ม้าขาวมาช่วยเธอแต่ยังช่วยครอบครัวของเธอไว้ด้วย!
“เอาล่ะ..คุณไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น! นี่คือหนิงน้อย.. พวกคุณสองคนเคยพบกันมาก่อนแล้ว ส่วนนี่ก็คือหนิงหลิงยู่น้องสาวของผมเอง คุณเองก็น่าจะเคยพบกับเธอในวันสอบเอนทรานซ์ คืนนี้ผมจะให้พวกเธอทั้งสองคนอยู่เป็นเพื่อนคุณ”
“แล้วคุณคอยดูว่าผมจะจัดการกับพวกมันยังไง”
พูดจบ..หลิงหยุนก็กระโดดไปยืนอยู่ตรงหน้าชีเต๋อเปียว เขาก้มมองชีเต๋อเปียวที่กำลังร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับสั่งว่า..
“ถ้าไม่อยากถูกเตะ..ก็คลานไปอยู่ที่เดียวกับไอ้ลูกแหง่นั่น!”
เคยได้ยินแต่ว่า“โกรธจนพูดไม่ออก..” แต่ตอนนี้ชีเต๋อเปียวกำลังอยู่ในอาการ “กลัวจนพูดไม่ออก..”
โดยส่วนใหญ่แล้ว..ผู้ที่ชอบข่มเหงรังแกผู้อื่นนั้น มักจะมีสัมผัสที่ดีกว่าคนปกติว่า ใครคือคนที่น่าหวาดกลัวอย่างแท้จริง!
และชีเต๋อเปียวเองก็สัมผัสได้ว่าหลิงหยุนนั้นทั้งมีพลังอำนาจ และแข็งแกร่งกว่าผู้อำนวยการหลี่ที่อยู่ในห้องรับรองเสียอีก อีกทั้งยังรู้สึกว่าหลิงหยุนนั้นแข็งแกร่งกว่าชายลึกลับทั้งสามคนด้วย!
ชีเต๋อเปียวหวาดกลัวหลิงหยุนจนไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองและไม่กล้าแม้แต่จะร้องคร่ำครวญต่อ มันรีบคลานหลบไปตามคำสั่งของหลิงหยุนทันที
เวลานี้ชีเต๋อเปียวกำลังสั่นไปทั่วทั้งร่าง!
“แล้วก็อย่าได้คิดหนีล่ะ!เพราะถึงอย่างไร.. เจ้าก็ไม่มีทางออกไปจากชั้นห้าของโรงแรมนี้ได้ แล้วข้าจะมาจัดการกับเจ้าทีหลัง..”
หลิงหยุนพูดทิ้งท้ายอย่างไม่แยแสก่อนจะหันไปทางฉีเสี่ยวชิงที่เดินไปยืนอยู่ข้างหนิงหลิงยู่และเสี่ยวเม่ยหนิงเรียบร้อยแล้ว
หลิงหยุนยิ้มอย่างมั่นอกมั่นใจเมื่อเสียงร้องตะโกนดังขึ้น..
“รีบหนีเร็วเข้าทุกคน!”
“รีบโทรแจ้งตำรวจ..บอกว่าจะมีการฆ่ากันตายที่นี่!”
เจ้าหน้าที่การเงินทั้งแปดคนที่ทำหน้าที่เก็บซองแดงนั้นคิดไม่ถึงว่าหลี่เทียนจะถูกเตะ และเกือบถูกฆ่าตายในพริบตาเช่นนี้ หลังจากที่หายตกใจ.. เจ้าหน้าที่การเงินสองคนก็รีบร้องบอกให้ทุกคนช่วยกันยกตู้เซฟ และสมุดบัญชีหนีเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง แล้วรีบร้องตะโกนให้แจ้งตำรวจ ก่อนจะวิ่งหนีออกไปทันที!
หากปล่อยให้หนีออกไปได้ก็คงไม่ใช่หลิงหยุน!
หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นจึงรีบใช้ลมปราณสกัดจุดเจ้าหน้าที่การเงินทั้งสองคนไว้ทันทีจากนั้นทั้งคู่ก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้อีก..
“ทุกคนกรุณาเชื่อฟังผม!พวกคุณไม่ต้องหนี อยู่ที่นี่เฝ้าสมุดบัญชี เงินสด แล้วก็เช็คยี่สิบล้านที่เป็นของขวัญของผู้อำนวยการหลี่ไว้ให้ดี!”
เจ้าหน้าที่การเงินสองคนไม่สามารถขยับร่างกายได้ส่วนที่เหลืออีกหกคนก็ได้แต่อึ้งและกำลังตกตะลึง ทุกคนหน้าซีดเผือดด้วยความกลัว พวกเขารู้สึกราวกับได้เห็นภูติผีในเวลากลางวันแสกๆ
ทุกคนต่างก็รู้สึกว่าแผ่นหลังของตนเองนั้นเย็นยะเยือกและชาไปทั่วทั้งตัว แล้วไม่กล้าที่จะขยับเขยื้อนอีกเลย!
หลิงหยุนควบคุมสถานการณ์ด้านหน้าทางเข้าห้องจัดเลี้ยงไว้ได้หมดแล้วแต่เวลานี้เสียงกรีดร้องของหลี่เทียนกับชีเต๋อเปียว และเสียงร้องตะโกนของเจ้าหน้าที่การเงินทั้งสองคนนั้นได้ทำให้แขกราวหกหรือเจ็ดโต๊ะที่อยู่ในห้องจัดเลี้ยงได้ยิน..
“เกิดอะไรขึ้นข้างนอกฉันได้ยินเสียงร้องตะโกน!”
“ใช่ๆฉันก็ได้ยินเหมือนเสียงคนร้องครวญคราง แล้วก็เสียงคนตะโกนให้โทรแจ้งตำรวจ..”
แขกบางคนละสายตาจากสาวงามทั้งหกคนและหันไปมองทางด้านหน้าห้องจัดเลี้ยงแทน บางคนก็ถึงกับลุกขึ้นยืนมองด้วยความประหลาดใจ
ในขณะเดียวกัน..พิธีการชายและหญิงซึ่งชีเต๋อเปียวได้จ้างมาด้วยค่าตัวที่สูงเป็นพิเศษ ก็ประกาศบอกแขกเหรื่อที่อยู่ในห้องว่า..
“แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน..กรุณาอยู่ในความสงบ”
“ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทุกท่านครับขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่งานเลี้ยงต้อนรับนักเรียนที่สอบเอนทรานซ์ได้คะแนนสูงสุดของมณฑลเจียงหนาน – หลี่เทียน!”
พิธีกรชายเริ่มประกาศเสียงดังเพื่อให้แขกเหรื่อในงานอยู่ในความสงบ และเมื่อพิธีกรชายและหญิงขึ้นไปบนเวทีแล้ว เสียงภายในห้องก็เริ่มเบาลงมาก ทุกคนต่างก็หันไปมองพิธีกรทั้งคู่แทน
พิธีกรทั้งคู่ยืนอยู่บนเวทีและมองไปยังแขกที่มากกว่าสามร้อยคนในห้องจัดเลี้ยง จากนั้นพิธีกรหญิงก็พูดขึ้นว่า
“ท่านผู้มีเกียรติคะ..ค่ำคืนนี้เป็นค่ำคืนที่น่ายินดี และควรค่าแก่การเฉลิมฉลองอย่างยิ่ง..”
“หยุดก่อน!”
จู่ๆก็มีเสียงดังมาจากด้านหน้าทางเข้าห้องจัดเลี้ยง เสียงนั้นดังราวกับมังกรคำราม ทำให้แขกทุกคนในงานต่างก็ตกใจ และได้ยินกันอย่างชัดเจน
แขกภายในห้องต่างก็หันมองไปทางต้นเสียงและทุกคนก็เห็นเด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่ ใบหน้าหล่อเหล่าจนน่าหลงใหล กำลังยืนยิ้มอย่างสงบเยือกเย็นอยู่ที่หน้าทางเข้า..
ท่าทางการยืนของเขาสง่างามราวกับมังกรและเยื้องย่างดั่งราชสีห์!