Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - บทที่ 851-852
บทที่ 851 : สิ้นท่าและถูกจับกุม!
ชายลึกลับทั้งสามคนที่ตระกูลซันส่งมานั้นหลี่จิ่วเจียงนับถือและศรัทธาอย่างมาก และนี่คือเหตุผลหลักที่ทำให้มันไม่เห็นหลิงหยุนอยู่ในสายตา!
แต่สิ่งที่หลี่จิ่วเจียงคิดไม่ถึงก็คือว่าหลังจากที่ปะทะกับหลิงหยุนได้เพียงไม่กี่นาที ยอดฝีมือทั้งสามคนก็ร่วงลงมากองกับพื้นอย่างหมดท่า พูดง่ายๆก็คือว่าชายลึกลับทั้งสามคนนั้นดูไม่ต่างจากตัวตลกเลยแม้แต่นิดเดียว!
หลี่จิ่วเจียงเองก็เคยเป็นเหมือนหลี่เทียนในปัจจุบันนี้เขาก็เคยถูกเลี้ยงดูประคบประหงมเอาอกเอาใจ จนไม่เคยรู้ว่าคำว่า ‘ความกลัว’ นั้นเป็นเช่นไร
แต่ในเวลานี้สีหน้าของมันกลับมีแต่ความหวาดผวาและตื่นตระหนกขาทั้งสองข้างสั่นจนแทบทรงตัวไม่ไหวอีกต่อไป และในใจก็ได้แต่แอบคิดว่า หากหลิงหยุนชกเขาอย่างที่ชกยอดฝีมือตระกูลซัน ก็ไม่รู้ว่าเขาจะยังสามารถมีชีวิตได้อีกต่อไปหรือไม่!
มาถึงตอนนี้หลี่จิ่วเจียงจึงนึกถึงคำพูดของเสียเจิ้นติงขึ้นมาได้‘หลิงหยุนเป็นคนลึกลับ เอาแต่ใจ แล้วก็น่าหวาดกลัวอย่างที่สุด!’
เพื่อจัดการกับตนเองหลิงหยุนถึงกับไม่ลังเลที่จะใช้เงินจำนวนมหาศาลซื้อกิจการของโรงแรมไคเฉวียนจากเฉียนหงยี่ การกระทำเช่นนี้จะไม่เรียกว่าจองหองและเอาแต่ใจได้อย่างไรกัน
ต่อหน้าต่อตาแขกในงานมากกว่าสามร้อยคนซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคนมีหน้ามีตาในเมืองจิงฉูแต่หลิงหยุนกลับสามารถซัดยอดฝีมือตระกูลซันทั้งสามคนจนลอยละลิ่วลงไปกองกับพื้นได้เช่นนี้ อย่างนี้หากไม่เรียกว่าน่าหวาดกลัว จะให้เรียกอะไรได้เล่า
คำพูดที่ว่าหลิงหยุนนั้นมีสามเศียรหกกรหรืออย่างไรเป็นคำพูดที่หลี่จิ่วเจียงใช้ล้อเลียนหลิงหยุนระหว่างที่คุยกับแขกในห้องวีไอพีก่อนหน้านี้ แล้วเหตุใดหลิงหยุนจึงสามารถได้ยินเล่า! นับว่าหลิงหยุนมีบางสิ่งบางอย่างที่ลึกลับอย่างที่เสียเจิ้นติงพูดจริงๆ
หลี่จิ่วเจียงจ้องมองหลิงหยุนพร้อมกับครุ่นคิดในใจว่าในเมื่อชายลึกลับทั้งสามคนยังสามารถได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้นภายในชั้นห้าของโรงแรมได้ เช่นนั้นแล้วย่อมหมายความว่าการได้ยินของหลิงหยุนก็ย่อมมีความพิเศษเช่นเดียวกัน จึงสามารถได้ยินบทสนทนาภายในห้องวีไอพีได้
ยิ่งได้รู้ได้เห็นความแข็งแกร่งของหลิงหยุนมากเท่าไหร่หลี่จิ่วเจียงก็ยิ่งรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังมากขึ้นเท่านั้น!
เวลานี้แขกในห้องวีไอพีที่พากันเดินตามหลี่จิ่วเจียงออกมานั้นก็ได้เห็นภาพที่น่าหวาดผวาทั้งหมดด้วยเช่นกัน และเวลานี้หลี่จิ่วเจียงก็กำลังยืนขาสั่นจนต้องให้เลขาหวังช่วยพยุงตัวไว้ มันกำลังอยู่ในสภาพที่กลืนไม่เข้าคลายไม่ออก..
หลี่จิ่วเจียงแทบไม่สามารถยืนหยัดต่อไปได้อีกหากไม่ใช่เพราะต้องรักษาภาพลักษณ์ของตำแหน่งผู้อำนวยการกองการศึกษาประจำมณฑลเจียงหนานแล้วล่ะก็ มันคงจะฉี่ราดกางเกงไปเรียบร้อยแล้ว!
แต่จู่ๆหลี่จิ่วเจียงก็คิดได้ว่าตนเองนั้นเป็นถึงข้าราชการระดับสูงของประเทศนี้ คนอย่างหลิงหยุนจะกล้าทำร้ายร่างกายของเขาจริงๆน่ะหรือ! และหากหลิงหยุนคิดจะทำร้ายตนเองจริงๆ เหตุใดจึงต้องรอมาจนถึงตอนนี้?
เมื่อคิดได้เช่นนี้หลี่จิ่วเจียงก็แสดงความกราดเกรี้ยวออกมา มันกัดฟันกรอดพร้อมกับหายใจแรง และรู้สึกว่าริมฝีปากและลำคอของตนเองแห้งผาก แต่ก็ฝืนร้องตะโกนออกไปว่า..
“นี่แก..แกเป็นแค่เด็กนักเรียนที่เพิ่งจะจบมัธยมปลาย.. มีคุณสมบัติอะไรมาพูดจากับผู้อำนวยการกองการศึกษาอย่างฉัน”
แม้ภายในจะรู้สึกหวาดกลัวแต่ภายนอกกลับแสร้งทำเป็นไม่หวาดหวั่น ในขณะเดียวกันก็ชูนิ้วโป้งส่งสัญญาณให้กับเลขาสาวทีกำลังกรีดร้องอยู่ด้านหลังตนเองนั้นโทรขอความช่วยเหลือ!
แต่ทุกการกระทำล้วนอยู่ในขอบข่ายจิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนเขาเกือบจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเมื่อคิดว่าหลี่จิ่วเจียงคิดจะโทรเรียกคนมาช่วยในตอนนี้ มันไม่สายไปหน่อยงั้นหรือ
แทบไม่ต้องพูดถึงว่าจะไม่มีใครมาช่วยและถึงแม้ว่าจะมีคนมาช่วยจริงๆ คนเหล่านั้นก็คงจะไม่สามารถผ่านประตูโรงแรมไคเฉวียนมาภายในสองชั่วโมงนี้ได้แน่!
เพราะเวลานี้ถังเทียนห่าวได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายมาพร้อมกับกังหลิวหย่งและได้ทำการล้อมโรงแรมไคเฉวียนไว้หมดแล้ว!
ส่วนที่ถนนนอกโรงแรมนั้นแก๊งมังกรเขียวก็ได้จัดการปิดทางเข้าไว้ไม่ให้รถสามารถวิ่งผ่านถนนเส้นนี้ได้
หากครั้งนี้คือการปิดประตูตีแมวแล้วล่ะก็นับได้ว่าเป็นประตูที่แข็งแรงแน่นหนาอย่างที่สุด!
“งั้นรึถ้างั้นก็บอกผมมาว่าต้องมีคุณสมบัติแบบใหนถึงจะคุยกับคนอย่างคุณได้?”
หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างเหยียดหยันก่อนจะพูดต่อว่า “ถ้างั้นก็รอดูว่าผมจะจัดการกับคุณและพรรคพวกยังไง”
หลิงหยุนตัดบทและคร้านที่จะพูดจาไร้สาระกับหลี่จิ่วเจียงอีก..
ทันทีที่ได้ยินคำพูดโอหังของหลิงหยุนหลี่จิ่วเจียงก็ถึงกับโกรธจนควันออกหู มันยกมือขึ้นชี้หน้าหลิงหยุนพร้อมกับร้องตะโกนออกไปว่า
“ฉัน..ฉันเป็นถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูง แกคิดจะจัดการกับฉันงั้นเหรอ ฝันไปเถอะ!”
“เฮ้อ..”หลิงหยุนส่ายหัวพร้อมกับถอนหายใจ และเดินลงมาจากเวทีทันที
“ถังเมิ่ง..นายมัวทำอะไรอยู่ข้างนอก พาทุกคนเข้ามาในนี้ได้แล้ว!”
“ได้เลยพี่หยุน..”
ถังเมิ่งที่ยืนรอหลิงหยุนอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้าและคอยแอบมองหลิงหยุนที่อยู่บนเวทีอยู่ตลอดเวลานั้น ทันทีที่ได้ยินเสียงร้องเรียก ก็รีบตอบกลับในทันที..
แขกทั้งหมดที่อยู่ในห้องจัดเลี้ยงต่างก็พากันหันหลังไปมองถังเมิ่งที่กำลังยืนโบกมือ..
“พาพวกมันทั้งหมดเข้าไปด้านในได้แล้ว!”
สิ้นคำสั่งของถังเมิ่งคนของแก๊งมังกรเขียวสิบกว่าคนก็ค่อยๆเคลื่อนขบวนเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงทันที
“โอ้ว!แย่แล้ว.. นั่นหลี่เทียนนี่! ทำไมเขาถึงได้มีสภาพแบบนั้น!”
“ผมได้ยินเหมือนมีเสียงคนถูกทำร้ายร่างกายกันอยู่ด้านนอกที่แท้ก็เป็นหลี่เทียนนี่เอง!”
“ดูนั่นสิ!นั่นมันชีเต๋อเปียวไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงได้มีสภาพแบบนั้นล่ะ?”
“แล้วนั่นก็เจ้าหน้าที่ทั้งแปดคนที่รับผิดชอบเรื่องซองแดงในวันนี้นี่พวกเขาถูกนำตัวเข้ามาข้างในด้วยทำไมกัน!”
“นี่ดูนั่น..นั่นก็ผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาประจำเมืองจิงฉูที่ชื่อหลู่กวนหวังนี่นา! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเขางั้นเหรอ?”
“ดูท่าคืนนี้ต้องเกิดเรื่องใหญ่โตแน่..”
ภายใต้สายตาที่ตกตะลึงและงุนงงของแขกทั้งหมดที่อยู่ในห้องจัดเลี้ยงหลี่เทียน ชีเต๋อเปียว และเจ้าหน้าที่การเงินทั้งแปดคนรวมทั้งหลู่กวนหวัง ก็ถูกคนของแก๊งมังกรเขียวนำตัวเข้ามาในห้องจัดเลี้ยง!
แน่นอนว่าคนที่ตกใจและช็อคมากที่สุดก็คือหลี่จิ่วเจียงนั่นเอง!
ทุกคนที่ถูกนำตัวเข้ามานั้นล้วนเป็นคนที่หลี่จิ่วเจียงคุ้นเคยด้วยทั้งสิ้นและแต่ละคนก็อยู่ในสภาพใบหน้าบวมเปล่ง แต่เมื่อเห็นว่าคนสุดท้ายที่ถูกนำตัวเขามาคือหลู่กวนหวัง หลี่จิ่วเจียงก็ถึงกับชะงัก และได้แต่คิดอยู่ในใจว่า.. ทุกอย่างจบสิ้นแล้ว!
“จบสิ้นทุกอย่างแล้ว!”
หลี่จิ่วเจียงถึงกับทรุดลงไปกองกับพื้นอย่างสิ้นหวัง..
เลขาหวังเองก็ถึงกับอ้าปากค้างและรู้ตัวว่าไม่สามารถช่วยเหลืออะไรหลี่จิ่วเจียงได้อีกแล้ว!
เมื่อเห็นทุกคนถูกนำตัวขึ้นไปบนเวทีในสภาพที่ก้มหน้าก้มตาอย่างหมดหวังเช่นนั้นหลี่จิ่วเจียงก็สามารถเดาได้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้!
แต่หลิงหยุนกลับนั่งลงบนเก้าอี้ที่วางอยู่ด้วยความรู้สึกผ่อนคลายสบายใจและกำลังเงียหูฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ดังสนั่นด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม และเมื่อถังเมิ่ง ตี้เสี่ยวอู๋ และอาปิงเดินตามเข้ามาข้างในแล้ว หลิงหยุนจึงพูดขึ้นว่า
“ที่เหลือเป็นหน้าที่ของพวกนาย!”
ถังเมิ่งพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจังเขาขึ้นไปยืนอยู่หลังไมโครโฟน พร้อมกับจ้องมองลงไปทางแขกเหรื่อที่นั่งอยู่ด้านล่าง ถังเมิ่งกระแอมสองสามครั้งก่อนจะเริ่มพูดขึ้นว่า
“สวัสดีครับ..ผมชื่อถังเมิ่ง! วันนี้ผมต้องขอรบกวนเวลาอันมีค่าของทุกท่านที่อยู่ในห้องจัดเลี้ยงแห่งนี้ จากนี้ไปผมจะทำการเปิดโปงความชั่วของคนเหล่านี้ให้ทุกท่านได้ทราบ ขอให้แขกผู้มีเกียรติทุกท่านอดใจรอสักครู่นะครับ!”
“บ๋อยมานี่!”
ถังเมิ่งเกริ่นจบก็ยกมือขึ้นกวักเรียกพนักงานเสริฟที่อยู่ด้านหน้าให้เข้ามาหาทันที..
หลังจากที่พนักงานเสริฟมาถึงถังเมิ่งก็ชี้ไปที่กำแพงด้านหลังพร้อมกับสั่งว่า “จัดการเปิดโปรเจ็กเตอร์ให้ด้วย ผมต้องการใช้!”
พนักงานเสริฟมีหน้าที่ดูแลห้องจัดเลี้ยงอยู่แล้วจึงรีบพยักหน้า และทำตามคำสั่งของถังเมิ่งทันที จากนั้นถังเมิ่งก็พยักหน้าให้คนของแก๊งมังกรเขียวนำโน๊ตบุ๊คขึ้นมาด้านบน
หลังจากที่จัดการต่อโน๊ตบุ๊คกับโปรเจ็กเตอร์เรียบร้อยแล้วถังเมิ่งก็ได้ทำการคัดลอกไฟล์ที่เกี่ยวข้องมาไว้หน้าเดสก์ทอปพร้อมกับสั่งพนักงานเสริฟว่า
“รบกวนคุณช่วยเปิดคลิปวีดีโอและรูปภาพที่อยู่ในไฟล์นี้ขึ้นหน้าจอโปรเจกเตอร์ให้ผมด้วย!”
“ได้ครับ..”
เจ้าหน้าที่โรงแรมจัดการทำตามที่ถังเมิ่งสั่งทันทีจากนั้นกระดาษสอบคำ และกระดาษคำตอบในการสอบเอนทรานซ์ของหลิงหยุนก็ปรากฏขึ้นที่หน้าจอโปรเจ็กเตอร์ขนาดใหญ่!
วันนี้แขกในงานเลี้ยงอย่างน้อยครึ่งหนึ่งคือคนที่ทำงานในสำนักงานการศึกษาทั้งสิ้นและเพียงแค่เห็นภาพทั้งหมด พวกเขาก็สามารถเข้าใจเรื่องราวทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่งทันที!
“บ้าไปแล้ว!กระดาษคำตอบของหลิงหยุนถูกเปลี่ยนเป็นชื่อของหลี่เทียน!”
“โอ้โห..เกิดเรื่องใหญ่แบบนี้ขึ้นได้ยังไง! กล้าทำเรื่องเลวร้ายขนาดนี้ได้ยังไง?!”
“นั่นสิ..นี่มันคือการสอบเอนทรานซ์นะ!”
“ใครกันที่ทำเรื่องชั่วช้าแบบนี้!น่าอับอายสิ้นดี!”
“มิน่าล่ะหลิงหยุนถึงได้อัดจนน่วมไปแบบนั้น!นี่ถ้ามาเปลี่ยนข้องสอบของฉัน ฉันก็คงทำเหมือนกับเขานั่นล่ะ!”
ภายในห้องจัดเลี้ยงแขกจำนวนมากมายต่างก็ร้องอุทานออกมา และพากันวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความไม่พอใจ..
แต่มันยังไม่จบเพียงแค่นั้น!
เพราะหลังจากนั้นก็มีการเปิดคลิปวีดีโอคำสารภาพของหลู่กวนหวัง ซึ่งเป็นผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาประจำเมืองจิงฉูให้ทุกคนได้ฟัง และแขกเหรื่อในงานต่างก็พากันเดือดดาล..
ทุกคนในงานต่างก็โกรธมากพวกเขาพากันชี้หน้าหลู่กวนหวังกับหลี่จิ่วเจียง และต่างก็พากันรุมประนามคนชั่วช้าทั้งสองคนทันที!
เวลานี้แขกมากมายในงานต่างก็พากันโกรธแค้นเพราะทุกคนต่างก็คิดว่าหากเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นกับลูกหลานของตนเอง พวกเขาจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร
ความผิดของหลี่จิ่วเจียงในครั้งนี้นับว่าเป็นความผิดทางอาญาเลยทีเดียว!
ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์แสดงความไม่พอใจนั้นหลิงหยุนเพียงแค่ยิ้มพร้อมกับลุกขึ้นยืน ก่อนจะใช้มังกรคำรามพูดออกไป
“ทุกท่าน..กรุณานั่งลงอยู่ในความสงบก่อน ผมยังมีเรื่องที่จะพูดต่อ!
หลังจากนั้นหลิงหยุนก็ชูกระดาษข้อสอบ และกระดาษคำตอบที่มีคะแนนสูงสุดที่ได้เตรียมไว้แล้วนั้นให้ทุกคนในงานได้เห็น พร้อมกับเรียกหลิวจิ้งปิงที่นั่งอยู่ด้านหน้าให้ขึ้นมาไปบนเวที จากนั้นหลิงหยุนก็ประกาศด้วยเสียงที่ดังฟังชัดว่า
“และนี่ก็คือพยานบุคคล..”
พูดจบ..หลิงหยุนก็หันไปมองหลี่จิ่วเจียงที่ทรุดลงไปกองอยู่กับพื้น พร้อมกับพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม
“ผู้อำนวยการหลี่..คุณยังมีอะไรจะพูดอีกมั๊ย”
บทที่ 852 : กระชากลงขุมนรก และกระทืบซ้ำ!
ในเมื่อจะเอาผิดตามข้อกฎหมายพยานบุคคลจึงเป็นหลักฐานสำคัญอีกชิ้นหนึ่ง และเวลานี้ทั้งพยานสิ่งของ และพยานบุคคลก็มีพร้อม หลักฐานมัดตัวแน่นหนาเช่นนี้ หลี่จิ่วเจียงก็ยากที่จะโต้แย้งได้!
ยิ่งไปกว่านั้นไม่เพียงหลี่จิ่วเจียงจะไม่สามารถโต้แย้งอะไรได้ แต่กลับถูกหลิงหยุนจับถลกหนังต่อหน้าผู้คนมากมายอีกด้วย!
หลี่จิ่วเจียงยังคงทรุดนั่งอยู่กับพื้นและรู้สึกอับอายขายหน้าอย่างมาก เวลานี้สายตาทุกคู่ นิ้วทุกนิ้วต่างก็ชี้มาทางตนเอง และพากันก่นด่าสาปแช่งไปจนถึงต้นตระกูลของเขาเลยทีเดียว
ภายในห้องวีไอพีก่อนหน้านี้หลี่จิ่วเจียงเพิ่งจะหัวเราะเยาะ และล้อเลียนเสียเจิ้นติงที่ดูหวาดกลัวหลิงหยุนราวกับคนบ้า แต่ตอนนี้ตัวมันเองกลับกลายเป็นผู้ที่หมดสภาพไป และกำลังเผชิญโศกนาฏกรรมอยู่เพียงผู้เดียว
ในเวลาเพียงแค่สิบนาทีหลี่จิ่วเจียงกลับถูกหลิงหยุนกระชากตกจากสวรรค์ลงไปสู่ขุมนรก และยังรุมกระทืบซ้ำอีกด้วย!
และเวลานี้..พญาเหยี่ยวก็มีสภาพไม่ต่างจากลูกเจี๊ยบดีๆนี่เอง!
แต่ถึงกระนั้นหลี่จิ่วเจียงก็ยังคงเป็นหลี่จิ่วเจียง! จู่ๆเขาก็คิดได้ว่าพี่ชายของตนเอง – หลี่ซันเจียงนั้นจะต้องช่วยได้! เขายังไม่หมดท่าเลยเสียทีเดียว และตราบใดที่พี่ชายของเขายังอยู่ เขาก็จะไม่มีทางพ่ายแพ้จนหมดทางสู้!
เมื่อคิดได้เช่นนี้หลี่จิ่วเจียงก็ไม่รู้ว่าไปเอาเรี่ยวเอาแรงมาจากใหน มันรีบตาลีตาเหลือกลุกขึ้นจากพื้นทันที!
“นี่..คนแซ่หลิง! แกอย่าคิดว่าจะใช้แผนชั่วช้านี้ทำลายชื่อเสียงของฉันได้เลย ใครจะไปรู้.. แกอาจจะบังคับให้หลู่กวนหวังสร้างเรื่องใส่ร้ายป้ายสีฉันก็ได้ แล้วก็จัดทำคลิปวีดีโอนี่ขึ้นมาเพื่อหวังทำลายชื่อเสียงผู้อำนวยการของฉัน!”
“ฉันเป็นถึงผู้อำนวยการกองการศึกษาประจำมณฑลเจียงหนานฉันมีความผิดจริงหรือไม่ ก็ต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบโดยคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยเสียก่อน และต่อให้ฉันกระทำความผิดจริง ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฏหมาย ไม่ใช่ให้แกมาเป็นผู้ตัดสินเองแบบนี้!”
การที่หลี่จิ่วเจียงกล้าพูดออกมาอย่างไร้ยางอายเช่นนี้เห็นได้ชัดว่ามันได้กลายเป็นหมูไม่กลัวน้ำร้อนไปแล้ว!
แต่ถึงอย่างไรก็ตามสิ่งที่หลี่จิ่วเจียงพูดก็ไม่ผิดนัก ในการจัดการกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐ จำเป็นต้องมีขั้นตอนและกระบวนการสืบสวนหาความจริง ใช่ว่าใครอยากจะตัดสินก็ได้!
ทุกคนที่อยู่ภายในห้องจัดเลี้ยงเริ่มหยุดวิพากษ์วิจารณ์ทันที..
หลี่จิ่วเจียงเห็นว่าการโต้ตอบหลิงหยุนเช่นนี้ดูเหมือนจะได้ผลดีกว่าที่คิดหัวสมองของมันก็เริ่มทำงานต่อ และรีบพูดเอาประโยชน์เข้าตัวเองทันที!
“นี่หลิงหยุน!ดูคนของแกที่พามาด้วยในคืนนี้สิ!”
หลี่จิ่วเจียงมองคนของแก๊งมังกรเขียวที่อยู่รอบๆพร้อมกับพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน “ถ้าฉันเดาไม่ผิด.. น่าจะเป็นนักเลงที่ชอบทำผิดกฏหมายสินะ”
“ใครจะไปรู้..แกอาจจะไปหากระดาษคำตอบเปล่ามา แล้วเขียนคำตอบขึ้นมาใหม่ จากนั้นก็ใส่ชื่อหลานชายของฉันลงไปแทนชื่อแก แล้วก็ทำเหมือนว่ากระดาษคำตอบนั้นถูกเปลี่ยนชื่อเพื่อให้ร้ายหลานชายฉันก็ได้!”
“ส่วนหลู่กวนหวังนั้น.ในเมื่อแกเป็นคนจับตัวเขามา ก็เป็นไปได้ที่แกจะบังคับให้เขาอัดคลิปสารภาพพวกนั้นเพื่อใส่ร้ายฉัน แผนตื้นๆแบบนี้ใครจะเชื่อ!”
“ส่วนพยานบุคคล..ก็ยิ่งเข้าใจได้ไม่ยาก แกก็จ้างมันมาใส่ร้ายฉันเหมือนกัน แผนการตื้นๆแค่นี้ใครก็คิดได้!”
ทุกคนในงานถึงกับอึ้งไปในทันที!
ไม่มีใครคาดคิดว่าหลี่จิ่วเจียงจะสามารถตอบโต้และแก้ตัวได้เป็นฉากๆเช่นนี้ และแล้วมันก็พลิกสถานการณ์กลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบ!
ภายในห้องจัดเลี้ยงถึงกับเงียบสงัดขึ้นอีกครั้ง!
ในเวลานั้นเองหลิงหยุนก็ลุกขึ้นปรบมือ พร้อมกับยิ้มให้หลี่จิ่วเจียง..
“เยี่ยมมาก!สมกับเป็นผู้อำนวยการหลี่จริงๆ! ชื่นชม.. ชื่นชม..”
หลิงหยุนปรบมือพร้อมกับเอ่ยชมหลี่จิ่วเจียงที่สามารถตอบโต้ตนเองได้อย่างเฉลียวฉลาด
“นับว่าการตอบโต้กลับได้อย่างฉลาดหลักแหลมมากแต่ทุกอย่างเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น อย่าได้มั่นใจมากจนเกินไป!”
หลิงหยุนพูดเพียงไม่กี่ประโยคแต่แววตาของเขานั้นกลับปรากฏรังสีสังหารออกมาอย่างชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ
“ดูท่าคนอย่างเจ้าหากไม่เห็นโลงศพคงจะไม่หลั่งน้ำตาสินะ”
จากนั้นหลิงหยุนก็ลุกขึ้นเดินไปยืนข้างหลี่เทียนที่นอนหมดเรี่ยวแรงอยู่บนเวทีอีกครั้งและจัดการคลายจุดให้กับมันด้วยการเตะเข้าที่สีข้าง
“โอ๊ย..ฉันเจ็บนะ!”
หลี่เทียนกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดและหลังจากดิ้นรนจนลุกขึ้นยืนทรงตัวได้ มันก็ร้องตะโกนออกมาว่า
“ฉันจะสู้ตายกับแก!”
และแทบไม่ต้องรอให้หลิงหยุนลงมือตี้เสี่ยวอู๋ทำเสียงไม่พอใจอยู่ในลำคอ ก่อนจะก้าวเท้าออกมาข้างหน้าพร้อมกับยกมือขึ้นผลักร่างของหลี่เทียนจนล้มลงไปกองกับพื้นดังเดิม แล้วขู่ว่า
“ถ้าแกไม่อยากอับอายขายหน้ามากไปกว่านี้ก็อยู่นิ่งๆ เชื่อมั๊ยว่าฉันสามารถจับแกโยนลงไปจากชั้นห้านี้ได้!”
ตี้เสี่ยวอู๋ค่อนข้างอารมณ์ร้อนเขารู้สึกไม่พอใจอยู่นานมากแล้ว และคิดไม่ออกว่าเหตุใดวันนี้หลิงหยุนจึงดู ‘ปราณี’ หลี่จิ่วเจียงมากขนาดนี้
“แกกล้าเหรอปล่อยหลานชายของฉันเดี๋ยวนี้!”
หลี่จิ่วเจียงเห็นตี้เสี่ยวอู๋ทำกับหลานชายหัวแก้วหัวแหวนของตนเองเช่นนั้นและยังขู่ว่าจะจับหลี่เทียนโยนลงไปจากชั้นห้า ก็อดรนทนไม่ได้ และรีบร้องตะโกนออกมาทันที
หลิงหยุนยิ้มให้หลี่จิ่วเจียงพร้อมกับพูดออกมาอย่างเยือกเย็น“ในเมื่อผู้อำนวยการหลี่บอกว่าผมใส่ร้ายคุณ ถ้าอย่างนั้นก็ให้นักเรียนที่ได้คะแนนสูงสุดคนนี้ ได้พิสูจน์ต่อหน้าแขกสามร้อยกว่าคนในห้องนี้ก็แล้วกัน!”
หลิงหยุนพูดกับหลี่จิ่วเจียงจบก็หันไปมองหลี่เทียน ใบหน้าของพวกมันทั้งสองคนต่างก็ซีดเผือด และอยู่ในอาการตกใจ!
ทั้งสองคนต่างก็รู้ดีว่า..มีหรือที่คนอย่างหลี่เทียนจะรู้ว่าในกระดาษคำตอบนั้นเขียนอะไรบ้าง ในเมื่อตัวมันเองไม่ได้เป็นผู้เข้าสอบ!
หลิงหยุนยิ้มเย็น“ถังเมิ่ง.. คงต้องขอให้แขกที่ทำงานอยู่ในสำนักงานการศึกษาสักสองสามคนช่วยอ่านคำถาม แล้วให้หลี่เทียนเป็นผู้ตอบ!”
ถังเมิ่งขมวดคิ้วพร้อมกับตอบไปว่า“พี่หยุน.. ทำไมจะต้องยุ่งยากขนาดนั้นด้วย!”
หลิงหยุนโบกมือพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ผู้อำนวยการหลี่พูดได้ถูกต้อง! เราจำเป็นต้องให้แขกทุกคนในงานเป็นพยานว่านี่ไม่ใช่เรื่องของการใส่ร้าย แต่มันคือเรื่องจริง!”
จากนั้นหลิงหยุนก็หันไปพูดกับแขกที่อยู่ในงานว่า“ไม่ทราบว่าท่านใดจะช่วยทำการทดสอบครั้งนี้ให้ผมได้บ้างครับ”
แขกหลายร้อยคนต่างก็ยกมือขึ้นพร้อมกันถังเมิ่งเห็นเช่นนั้นก็ได้แต่มองหลี่จิ่วเจียงด้วยแววตาเย้ยหยัน..
“กล่าวหาว่าพวกเราใส่ร้ายคุณตอนนี้คนที่ยกมือก็คือคนของคุณเองทั้งนั้น!”
“เอ่อ..”หลี่จิ่วเจียงถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
ที่ผ่านมาหลี่เทียนแทบไม่เคยเข้าเรียนมาตลอดหลายปีมันเอาแต่เดินตามผู้หญิงไปวันๆ และแทบไม่รู้จักทางเข้าห้องเรียนด้วยซ้ำไป แล้วจะต้องมาข้อสอบเอนทรานซ์นี่นะ!
ตี้เสี่ยวอู๋ลากร่างของหลี่เทียนไปที่หน้าเวทีพร้อมกับพูดขึ้นว่า“หน้าอย่างแกนี่นะได้คะแนนสอบเอนทรานซ์สูงสุดในเจียงหนาน!”
“เริ่มคำถามได้!”
หลี่จิ่วเจียงจะทำเช่นไรต่อไปดีใบหน้าของมันเริ่มซีดเผือด และเพิ่งจะรู้ตัวว่าคำพูดของตนเองเมื่อครู่ได้กลับกลายมาเป็นอาวุธที่กำลังทิ่มแทงตัวเองแล้ว
ผลปรากฏออกมาอย่างชัดเจนว่าหลี่เทียนตอบไม่ได้แม้แต่ข้อเดียว!
ในเมื่อกระดาษคำตอบนั้นเป็นของหลิงหยุนและความทรงจำของเขานั้นก็เยี่ยมยอดมาก หลิงหยุนจึงตอบได้ไม่ผิดเพี้ยนแม้แต่คำถามเดียว!
หลังจากการทดสอบผ่านไปเพียงแค่สองสามคำถามทุกคนก็เห็นชัดเจนว่าใครกันแน่ที่เป็นเจ้าของกระดาษคำตอบที่มีคะแนนสูงสุดในปีนี้
เมื่อความจริงปรากฏชัดเช่นนี้หลี่เทียนเองก็อับอายขายหน้าราวกับถูกตบหน้า เขารู้สึกอัปยศอดสูอย่างบอกไม่ถูก!
แขกเหรื่อในงานต่างก็โกรธเกรี้ยวขึ้นมาอีกครั้งแต่สีหน้าของหลิงหยุนยังคงสงบเยือกเย็น เขายกมือขึ้นส่งสัญญาณให้ทุกคนอยู่ในความสงบก่อนจะหันไปถามหลี่จิ่วเจียง
“ผู้อำนวยการหลี่..ยังมีอะไรจะแก้ตัวอีกมั๊ย”
เหงื่อเย็บเฉียบไหลออกมาตามเนื้อตามตัวของหลี่จิ่วเจียงแต่มันก็ยังคงเถียงข้างๆคูๆ
“นี่..แกทำร้ายหลานชายของฉันบาดเจ็บขนาดนั้น เขาก็ต้องหวาดกลัวจนไม่สามารถตอบอะไรได้น่ะสิ.. ก็ไม่เห็นแปลกอะไรนี่!”
แต่ดูเหมือนแขกที่กำลังโกรธต่างก็ไม่เห็นด้วยกับคำพูดในครั้งนี้ของหลี่จิ่วเจียงและใครบางคนก็ร้องตะโกนออกมาว่า
“คนแซ่หลี่..คุณนี่ช่างไร้ยางอายสิ้นดี!”
“นี่คุณเห็นว่าพวกเราโง่มากหรือยังไง”
“คนชั่วช้าแบบนี้ทำไมถึงไม่ตายๆไปซะ!ยังจะกล้านั่งอยู่ในตำแหน่งผู้อำนวยการกองการศึกษาอีกงั้นเหรอ หน้าไม่อาย..”
หลี่เทียนกรีดร้องออกมาด้วยความทุกข์ระทมใจก่อนจะลงไปนอนเกลือกกลิ้งกับพื้น
หลี่จิ่วเจียงเห็นสภาพทุกข์ทรมานของหลานชายก็ได้แต่ทุกข์ระทมใจเช่นกัน และรีบวิ่งขึ้นไปกอดร่างของหลี่เทียนไว้พร้อมกับยกมือขึ้นชี้หน้าหลิงหยุน และร้องตะโกนออกมา
“หลิงหยุนแกช่างกล้านักนะ!แล้วแกจะต้องเสียใจ..”
หลิงหยุนหันไปมองหลี่จิ่วเจียงพร้อมกับตอบไปว่า“ในเมื่อผู้อำนวยการหลี่ไม่ยอมรับเรื่องข้อสอบ ก็ปล่อยเรื่องนั้นไว้ก่อน..”
“แต่ไม่ทราบว่าวันนี้ผู้อำนวยการหลี่ได้รับซองแดงไปจำนวนเท่าไหร่งั้นรึ”
“นี่ถึงกับจัดทีมเจ้าหน้าที่การเงินมาทำหน้าที่รับซองแดงถึงแปดคนแล้วได้เงินสดไปเต็มตู้เซฟทั้งสี่ตู้เลยทีเดียว! ใหนจะยังมีเช็คอีกยี่สิบล้านด้วย..”
“ไม่ทราบว่าผู้อำนวยการหลี่จะอธิบายเรื่องนี้ยังไง”
นี่คือการรับสินบนอย่างชัดเจนและเป็นการคอรัปชั่นรูปแบบหนึ่ง หลี่จิ่วเจียงถึงกับเหงื่อไหลเต็มตัว เขาจ้องมองหลิงหยุนแต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีก!
หลิงหยุนแสยะยิ้มเขายืดแผ่นหลังตรงก่อนจะยกมือขึ้นชี้ไปทางหลี่จิ่วเจียงพร้อมกับตะโกนเสียงดัง
“หลี่จิ่วเจียงทำความผิดฐานคอรัปชั่นและรับสินบน วันนี้ผม – หลิงหยุน จะจัดการให้มันได้รับผลกรรมนั้นเอง หากใครต้องการจะเป็นพยานให้ ขอให้ก้าวออกมาข้างหน้า!”