Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - บทที่ 897-898
บทที่ 897 : ลงไปใต้หลุมยักษ์อีกครั้ง!
เขาหยกด้านใต้และเขามังกรนั้นลูกหนึ่งอยู่ทางทิศใต้ ส่วนอีกลูกอยู่ทางทิศเหนือ และหันหน้าเข้าหากัน เขาหยกด้านใต้นั้นสูงราวเจ็ดร้อยเมตร และสูงกว่าเขามังกรราวสองร้อยเมตร อีกทั้งยังลาดชันกว่ามาก หากมองจากมุมสูงบนท้องฟ้า จะเห็นเขาหยกด้านใต้มีรูปร่างคล้ายกับกระบี่..
เขาหยกด้านใต้นั้นเป็นสีเขียวทั้งลูกเพราะปกคลุมไปด้วยต้นไม้เขียวชอุ่มที่ขั้นอยู่หนาแน่น และด้วยเหตุนี้จึงได้ชื่อว่า ‘เขาหยก’ อีกทั้งยังเป็นจุดชมวิวที่สวยงามแห่งหนึ่งของทะเลสาปจิงฉูด้วย
แน่นอนว่าหลิงหยุนไม่ได้ใช้เส้นทางหลักขึ้นไปบนเขาด้วยวิชาตัวเบาที่ล้ำเลิศของหลิงหยุนในเวลานี้ เขาได้ใช้วิธีกระโดดไปตามหน้าผาต่างๆ และเพียงไม่กี่สิบครั้งก็ไปถึงยอดสูงสุดของเขาหยกด้านใต้แล้ว
หากไปยืนอยู่บนยอดสูงสุดของเขาหยกด้านใต้ก็จะสามารถมองเห็นทัศนียภาพที่งดงามมากได้ แต่เนื่องจากทางการยังไม่ได้พัฒนายอดสูงสุดแห่งนี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว จึงยังไม่มีนักท่องเที่ยวขึ้นมาถึงที่นี่..
หลิงหยุนยังคงยืนนิ่งอยู่บนยอดเขาและค่อยๆสูดลมหายใจเข้าไปช้าๆ ก่อนจะหันมองไปทางด้านทิศตะวันออก ซึ่งทำให้เห็นภาพในยามค่ำคืนของเมืองจิงฉูที่มีแสงไฟส่องประกายระยิบระยับออกมาจากอาคารสูง เป็นภาพที่งดงามน่ามองยิ่งนัก..
“พวกเจ้าต้องการบีบคั้นให้ข้าลงมือสังหารพวกเจ้าสินะถ้าเช่นนั้นก็ดาหน้าเข้ามาได้เลย!”
หลิงหยุนพึมพำกับตัวเองและริมฝีปากของเขาก็แสยะยิ้มออกมาอย่างน่ากลัว ดูเหมือนว่าครั้งนี้หลิงหยุนจะโกรธมากจริงๆ
เวลานี้หลิงหยุนอยู่ในระดับสูงสุดของขั้นปรับร่างกาย-9แล้ว และหลังจากที่เขาไปปักกิ่งกลับมาคราวนี้ ทำให้เขารู้ว่าความแข็งแกร่งในขั้นนี้ของตนเอง จะสามารถรับมือกับยอดฝีมือในขั้นใดได้บ้าง..
‘ต่ำกว่าขั้นเซียงเทียน-7 ก็เป็นแค่มด!’
เวลานี้..หากหลิงหยุนใช้กระบี่โลหิตแดนใต้ และกระบี่พายุ ควบคู่กับการใช้วิชาพลังมังกรแล้วล่ะก็ เขามั่นใจว่าจะสามารถสังหารยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-8 ได้อย่างแน่นอน..
เวลานี้..เฉิงเม่ยเฟิงและเสี่ยวเม่ยเม่ยเองก็ยังไม่รู้ว่าอยู่แห่งหนใดกันแน่ หลิงเสี่ยวพ่อของเขานั้นก็ยังไม่รู้ว่าจะมีชะตากรรมเช่นใด? ส่วนฉินตงเฉี่วยซึ่งเป็นแม่บุญธรรมก็ยังไม่กลับจากสำนักกระบี่เทวะ..
การไปปักกิ่งครั้งนี้เขาต้องผ่านการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายมา และในที่สุดก็สามารถช่วยเกาเฉินเฉินกลับมาได้ แต่คิดไม่ถึงว่าหลินเมิ่งหานกับเหยาลู่จะมาถูกจับตัวไปอีก!
แต่ครั้งนี้แตกต่างจากกรณีของเกาเฉินเฉินเพราะหญิงสาวทั้งคู่นั้นเรียกได้ว่าแทบจะอยู่ในสายตาของเขาตลอด เขาจึงไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นได้!
ระหว่างที่ครุ่นคิดอยู่นั้นร่างของหลิงหยุนก็หันขวับไปด้านหลัง พร้อมกับฟาดฟันกระบี่ในมือไปมาในอากาศ!
เสียงของกระบี่ที่สะบัดผ่านอากาศนั้นดังขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเกิดเป็นม่านสีดำไปทั่วบริเวณ และในรัศมียี่สิบเมตรนั้น ต้นไม้ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ต่างก็ถูกกระบี่ของหลิงหยุนตัดจนเหลือเพียงแค่ลำต้นขนาดสูงเท่าเอว นกน้อยต่างพากันบินหนีไปพร้อมกับส่งเสียงร้องดังระงมไปทั่วทั้งป่า!
“พวกเจ้ากล้าจับผู้หญิงของข้าไป..พวกเจ้าจะต้องมีสภาพเช่นเดียวกับต้นไม้เหล่านี้!”
เวลานี้หลิงหยุนไม่รู้ว่าหลินเมิ่งหานกับเหยาลู่ที่ถูกจับตัวไปนั้นจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร แต่หากหญิงสาววทั้งสองคนบาดเจ็บแม้แต่นิดเดียว คนพวกนั้นจะต้องมีโทษสถานเดียวคือ.. ตาย!
จากนั้น..หลิงหยุนก็หันมองไปทางหลุมยักษ์
ท่ามกลางแสงสลัวของยามเย็นใกล้ค่ำ..หลุมยักษ์ซึ่งดูคล้ายกับรูปทรงกลมที่บิดเบี้ยว และด้วยภูมิประเทศรอบปากหลุมนั้นเป็นหุบเขาขนาดใหญ่ จึงทำให้หลุมยักษ์ดูเหมือนเล็กไปทันตา ทางด้านเหนือกับด้านใต้ของปากหลุมนั้น เป็นพื้นดินที่ยกสูงขึ้น ทำให้หลุมแห่งนี้ดูราวกับปากขนาดใหญ่ของปีศาจที่พร้อมจะกลืนกินทุกอย่างลงไปอย่างไม่ปราณี..
หลังจากจ้องมองอยู่ครู่หนึ่ง..ร่างของหลิงหยุนก็ก้าวไปด้านหน้า แล้วกระโจนหมุนตัวขึ้นกลางอากาศราวสิบเมตร ก่อนจะหายตัวเข้าไปในป่าลึก
ในช่วงเวลานั้นยังมีนักท่องเที่ยวอยู่บนเขามังกรและเพื่อไม่ต้องการให้นักท่องเที่ยวพบเห็น หลิงหยุนจึงค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าไปใกล้หลุมยักษ์ที่เวลานี้เริ่มถูกความมืดปกคลุมอย่างช้าๆ
หลิงหยุนไปหยุดยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากหลุมยักษ์ไปราวสิบกว่าเมตร เขาเปิดจิตหยั่งรู้ออกสำรวจดูเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีนักท่องเที่ยวอยู่บริเวณปากหลุมแล้ว จากนั้นจึงใช้มังกรพรางร่างพุ่งตรงไปที่ปากหลุม และกระโดดลงไปที่ก้นหลุมยักษ์อย่างรวดเร็ว
ความสูงจากด้านบนไปถึงผิวน้ำที่ก้นหลุมยักษ์นั้นราวสองร้อยเมตรแต่หลิงหยุนใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาทีก็กระโดดลงไปถึงผิวน้ำที่อยู่ด้านล่างแล้ว ช่างเป็นเวลาที่รวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ
ระหว่างนั้นหลิงหยุนก็ได้เรียกยันต์จ้าวสมุทรออกมาใช้งานและด้วยความสูงระดับนั้น ทำให้ร่างของหลิงหยุนจมดิ่งลงไปใต้น้ำลึกหลายสิบเมตรในทันที
แต่ถึงกระนั้น..ด้วยอานุภาพของยันต์จ้าวสมุทร ร่างกายของหลิงหยุนจึงไม่เปียกน้ำเลยแม้กระทั่งเส้นผม!
หลิงหยุนรู้ดีว่าใต้น้ำนั้นมีอันตรายอย่างมากเขาจึงได้ถือกระบี่โลหิตแดนใต้กระโดดลงไปด้วย เขารู้ว่าแม่น้ำแห่งนี้ลึกอย่างที่ไม่อาจคาดเดาได้ แต่ก็ได้คำนวณดูเล่นๆ ว่าหากหลุมแห่งนี้ลึกถึงสี่ร้อยเมตร แม่น้ำสายนี้ก็น่าจะลึกถึงสองร้อยเมตรเลยทีเดียว!
พายุฝนเมื่อคืนนี้ทำให้เกิดน้ำท่วมหนักและทำให้น้ำในแม่น้ำขุ่นมาก แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับหลิงหยุน เพราะเขาไม่ได้มีเพียงจิตหยั่งรู้ แต่ยังมีเนตรหยิน-หยางอีกด้วย
หลิงหยุนใช้ทั้งจิตหยั่งรู้และเนตรหยินหยาง แต่ด้วยความลึกของน้ำในระดับนี้ ทำให้จิตหยั่งรู้ของเขานั้นมีอานุภาพลดลงครึ่งหนึ่ง และเนตรหยินหยางก็สามารถมองเห็นได้ในรัศมีเพียงยี่สิบเมตรเท่านั้น
ระหว่างที่ร่างของเขาดำดิ่งลงไปในน้ำนั้นหลิงหยุนก็ได้สำรวจรอบๆ ตัวอย่างละเอียด และเฝ้ารอให้เหยื่อของเขาปรากฏตัว..
แน่นอนว่าเหยื่อที่เขารอคอยนั้นปรากฏตัวออกมาจริงๆ!
“มาแล้วสินะ!”
ไม่นานนัก..เงาดำขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นในจิตหยั่งรู้ของหลิงหยุน และมันก็กำลังแหวกว่ายเข้ามาหาเขาด้วยความรวดเร็ว
นี่คือสัตว์ประหลาดน้ำชนิดเดียวกันกับที่หลิงหยุนฆ่าตายเมื่อครั้งที่ลงมาสำรวจก้นหลุมยักษ์ครั้งแรกในครั้งนั้นหลิงหยุนยังอยู่เพียงแค่ขั้นปรับร่างกาย-3 และหากไม่มีพู่กันจักรพรรดิ ร่างของเขาคงจะต้องถูกฝังอยู่ในท้องของมันไปแล้วอย่างแน่นอน..
แต่ครั้งนี้หลิงหยุนไม่ได้อยู่ในปากของเจ้าสัตว์ประหลาดน้ำเหมือนเมื่อครั้งก่อนเขาจึงสามารถมองเห็นรูปร่าง และความยาวของมันได้อย่างชัดเจน
“เป็นปลายักษ์จริงๆสินะ!”
ด้วยจิตหยั่งรู้..ทำให้หลิงหยุนสามารถมองเห็นสัตว์ประหลาดได้อย่างชัดเจน และเงาดาขนาดมหึมานั้น แท้จริงก็คือปลาสีดำขนาดใหญ่ รูปร่างของมันคล้ายกับปลาวาฬ ผิวสีดำเรียบเป็นมันวาว ส่วนใต้ท้องของมันเป็นสีขาว และมันวาวเช่นเดียวกัน หัวของมันนั้นมีขนาดใหญ่เท่ากับรถใหญ่ๆหนึ่งคัน ลำตัวมีขนาดยาวเกือบสิบเมตร เห็นแล้วช่างน่าหวาดผวานัก..
เจ้าปลายักษ์มองเห็นหลิงหยุน..หางของมันโบกสะบัดไปมาระหว่างที่กำลังแหวกว่ายตรงเข้ามาหาหลิงหยุน ความเร็วของมันน่ะหรือ.. เร็วอย่างน่าประหลาดใจทีเดียว!
ในเวลานั้น..ฤทธิ์ของยันต์จ้าวสมุทรก็หมดลงแล้ว ร่างทั้งร่างของหลิงหยุนจึงจมดิ่งลงไปในน้ำ เขาสัมผัสได้ถึงแรงดันน้ำที่รุนแรงมหาศาล..
เวลานี้ร่างของหลิงหยุนได้จมลึกลงไปกว่าหนึ่งร้อยเมตรแล้วและถึงแม้แรงดันใต้น้ำจะรุนแรงอย่างมาก แต่หลิงหยุนก็สามารถต้านทานได้อย่างสบาย และยังคงใช้เนตรหยิน-หยางจับจ้องอยู่ที่ร่างของเจ้าปลายักษ์ที่กำลังแหวกว่ายเข้ามาอย่างรวดเร็ว..
ในที่สุด..มันก็อ้าปากกว้างตรงเข้ามาหาหลิงหยุนหมายกัดกิน..
“เข้ามาเลย!”
แต่ยังไม่ทันที่ปากใหญ่ยักษ์นั้นจะได้เข้ามาใกล้ร่างของหลิงหยุนก็ถูกดูดเข้าไปในปากของมัน และด้วยแรงดันใต้น้ำที่ความลึกระดับสองร้อยเมตรนี้ เขาเองก็ยากที่จะต้านทานแรงดูดได้เช่นกัน
ระหว่างที่ร่างของหลิงหยุนถูกดูดเข้าไปจนเกือบจะถึงปากของเจ้าปลายักษ์แล้วเขาก็ออกแรงว่ายหนีไปด้านข้างจนหลบพ้นปากของมัน และพุ่งขึ้นไปยืนอยู่บนศรีษะแทน!
“ช่วยไม่ได้..ไปลงนรกซะ!”
จากนั้นหลิงหยุนก็เงื้อกระบี่โลหิตแดนใต้ในมือขึ้นและแทงลงไปในลูกตาของเจ้าปลายักษ์ทันที!
และดวงตาก็คือจุดที่เปราะบางที่สุดของปลาหลังจากที่กระบี่วิเศษในมือของหลิงหยุนฝังลงไปในดวงตาของเจ้าปลายักษ์แล้ว หลิงหยุนก็บิดข้อมือควักเอาลูกตาขนาดใหญ่ของมันออกมา!
เมื่อเจ้าปลายักษ์ถูกควักลูกตาไปหนึ่งข้างเช่นนั้นมันจึงกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดอย่างที่สุด และเริ่มโจมตีหลิงหยุนอีกครั้ง..
เวลานี้กระบี่โลหิตแดนใต้ในมือของหลิงหยุนปักอยู่ที่ดวงตาขนาดใหญ่ของเจ้าปลายักษ์เขาจึงใช้มือซ้ายที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียวเรียกดาบพายุออกมา และบิดร่างพร้อมกับจ้วงแทงดาบพายุเข้าไปที่ดวงตาอีกข้างของเจ้าปลายักษ์ทันที!
ท่ามกลางความเจ็บปวดอย่างที่สุดนั้นร่างของเจ้าปลายักษ์ก็ทะยานพุ่งขึ้นสู่ผิวน้ำทันที..
“นั่นล่ะ..พุ่งขึ้นไปเลย!”
หลิงหยุนสัมผัสได้ว่าแรงดันน้ำรอบตัวเขานั้นลดระดับลงอย่างรวดเร็วและเพียงครู่เดียวร่างใหญ่ยักษ์ของเจ้าสัตว์ประหลาดก็โผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำ ก่อนจะพุ่งขึ้นไปกลางอากาศสูงถึงสองเมตร!
ภาพปลายักษ์สีดำขนาดใหญ่พุ่งขึ้นเหนือผิวน้ำสีขาวใต้ก้นหลุมยักษ์นั้นช่างเป็นภาพที่อัศจรรย์นัก!
จากนั้น..หัวของเจ้าปลายักษ์ก็พุ่งปักลงไปในน้ำอีกครั้ง หลิงหยุนจึงอยู่ในสภาพที่มือขวาจับกระบี่โลหิตแดนใต้ ส่วนมือซ้ายจับดาบพายุ และกำลังหัวทิ่มลงไปในน้ำพร้อมกับเจ้าปลายักษ์อีกครั้ง..
เมื่อเจ้าปลายักษ์พบว่าไม่สามารถทำให้หลิงหยุนลื่นหลุดจากร่างของมันได้มันก็ยิ่งคลุ้มคลั่ง และต้องการจะดำลงไปใต้น้ำอีกครั้ง
“ไม่ลงไปใต้น้ำแล้ว!”
หลิงหยุนยิ้มบาง..จากนั้นจึงดึงกระบี่โลหิตแดนใต้ออกมา แล้วฟันลงไปที่กลางหัวของมันอย่างรุนแรงและรวดเร็ว!
เคล้ง..เคล้ง.. เคล้ง..
ผิวหนังของเจ้าปลายักษ์แข็งแกร่งมากจริงๆแม้กระทั่งกระบี่ที่ล้ำเลิศ และความแม่นยำในการฟันของหลิงหยุนที่ฟันลงในตำแหน่งเดียวกันถึงสามครั้ง ก็ยังทำให้เจ้าปลายักษ์เกิดบาดแผลเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น..
“ผิวของเจ้าช่างแข็งแกร่งอะไรเช่นนี้!”
แต่ถึงกระนั้น..หลิงหยุนก็ยังคงฟันลงตำแหน่งเดิมซ้ำๆกันอยู่หลายครั้ง จนกระทั่งถึงขากรรไกรของมัน และหัวขนาดใหญ่ของมันก็เกือบจะขาดออกจากตัว มันดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดใกล้ตาย และว่ายไปชนฝั่งบ้าง หินบ้างอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ยังไม่ตาย!
และก่อนที่ปลายักษ์ตัวอื่นจะมากินร่างของมันหลิงหยุนจึงรีบว่ายน้ำไปที่หางของเจ้าปลายักษ์ และจัดการตัดหนังส่วนที่แข็งที่สุดของมันออกไปสามสี่ชิ้น แต่ละชิ้นมีขนาดยาวหนึ่งเมตร และกว้างครึ่งเมตร..
จากนั้นหลิงหยุนจึงเรียกหนังปลาที่แล่ได้เข้าไปเก็บไว้ในแหวนพื้นที่ทันทีพร้อมกับร้องตะโกนออกมา
“น้าหญิง..ข้าได้ฝักกระบี่ให้ท่านแล้ว!”
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อย..จากนั้นจึงกระโจนออกจากหางของเจ้าปลายักษ์ไปยืนบนหิน และกระโดดอีกสองสามครั้งก็ไปยืนอยู่บนฝั่งเรียบร้อยแล้ว
ทันทีที่หลิงหยุนขึ้นไปบนฝั่งได้ร่างของเจ้าปลายักษ์ก็ถูกสัตว์ประหลาดน้ำขนาดใหญ่ที่โผล่ขึ้นมากัดกินภายในเวลาอันรวดเร็ว
“ฮู่ว!!ช่างน่าตื่นเต้นจริงๆ..”
จากนั้นหลิงหยุนจึงกระโดดกลับขึ้นไปบนปากหลุมยักษ์อย่างรวดเร็วเขาใช้พลังหยางบริสุทธิ์ในร่างกายทำให้เสื้อผ้าแห้ง แล้วจึงเดินลงจากเขามังกรไป..
สิบนาทีต่อมา..หลิงหยุนก็มาถึงบ้านเลขที่-1
ในเวลานั้นหญิงสาวทั้งหมดที่อยู่ในบ้านเลขที่-1ต่างก็เริ่มตื่นเตระหนกตกใจเมื่อไม่สามารถติดต่อหลิงหยุนได้..
“ทุกคนไม่ต้องตกใจไป..ผมกลับมาแล้ว!”
บทที่ 898 : หลิงหยุนจะทำอะไรกันแน่?!
เวลานี้หลิงหยุนเปรียบเสมือนหัวใจของหญิงสาวทุกคนเมื่อไม่สามารถติดต่อเขาได้ ทุกคนจึงรู้สึกเป็นห่วง และกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก
และเมื่อเห็นหลิงหยุนกลับมาอย่างปลอดภัยทุกคนต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก..
“พี่ใหญ่!”
หนิงหลิงยู่ไม่สามารถแสร้งทำเป็นเข้มแข็งต่อไปได้อีกเธอรีบวิ่งตรงเข้าไปหาหลิงหยุนพร้อมกับกอดแขนของเขาไว้แน่น ราวกับกลัวว่าเขาจะหายตัวไปอีก..
ฉินตงเฉี่วยที่หน้านิ่วคิ้วขมวดจึงร้องตะโกนดุหลิงหยุนเสียงดัง“เจ้าเด็กดื้อ.. วันๆ เอาแต่ปิดโทรศัพท์มือถือ รู้บ้างหรือไม่ว่าคนที่บ้านเป็นห่วงเจ้ามากเพียงใด”
เมื่อเห็นแววตาตื่นตระหนกของไป๋เซียนเอ๋อเกาเฉินเฉิน เสี่ยวเม่ยหนิง เหมี่ยวเสี่ยวเหมา ตี้เสี่ยวอู๋ และถังเมิ่ง หลิงหยุนก็ได้แต่นึกขบขันอยู่ในใจ หลิงหยุนจึงพูดติดตลกเพื่อทำลายบรรยากาศที่กำลังตึงเครียดภายในห้องรับแขก ให้ค่อยๆคลี่คลาย..
“เฮ้อ..ผมเก่งขนาดนี้ยังทำให้ใครเชื่อมั่นไม่ได้เลยหรือนี่!”
ถังเมิ่งก้าวออกมาด้านหน้า พร้อมยกมือขึ้นชี้ไปทางหน้าประตู แล้วพูดขึ้นว่า “พี่หยุน.. นั่นคือประตูหลังของรถพี่หลิน”
หลิงหยุนมองตามนิ้วของถังเมิ่งไปและเมื่อเห็นประตูรถสีฟ้าวางพิงกำแพงอยู่จึงร้องถามขึ้นว่า
“นายตรวจสอบดูแล้วใช่มั๊ยว่าเป็นประตูรถของเมิ่งหานจริง”
“ใช่แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์..ฉันเคยเห็นรถพี่หลินหลายครั้ง ไม่มีทางผิดแน่!”
“มีคนเห็นเหตุการณ์บ้างมั๊ย”
“ไม่มีใครเห็นเลย..ประตูรถถูกพบอยู่หน้าร้านแห่งหนึ่งบนถนนที่มุ่งหน้ากลับไปทางบ้านพี่หลิน แต่สอบถามดูจากคนแถวนั้น ก็ไม่มีใครเห็นเหตุการณ์อะไร..”
แม้ว่าถังเมิ่งจะพยายามสืบหาข้อมูลและร่องรอยต่างๆอย่างละเอียด แต่ก็ไม่พบอะไรผิดปกติเลยแม้แต่น้อย นอกจากประตูรถบานนี้เท่านั้น!
หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับร้องบอกเสียงเบา“เอาล่ะ.. พวกนายทำดีมาก! นายกับตี้เสี่ยวอู๋โทรบอกทุกคนให้เลิกค้นหาได้แล้ว!”
ทุกคนต่างก็ร้องถามขึ้นด้วยความกระวนกระวายใจ“แล้วสองคนนั้นจะเป็นยังไงบ้าง”
หลิงหยุนตอบกลับไปทันที“ผมเองก็ไม่รู้ว่าทั้งคู่จะเป็นตายร้ายดียังไง พวกเธอน่าจะถูกจับตัวไป ถ้าฝ่ายนั้นต้องการที่จะทำร้ายพวกเธอทั้งคู่จริง พวกเราก็คงจะพบแต่ศพของพวกเธอเท่านั้น แต่หากพวกมันต้องการใช้เพื่อล่อผมออกไปแล้วล่ะก็ ไม่นานพวกมันก็ต้องติดต่อกลับมา!”
แม้ทุกคนจะไม่อยากให้เป็นเช่นนั้นแต่ก็รู้ว่าสิ่งที่หลิงหยุนพูดนั้นล้วนเป็นความจริง หลินเมิ่งหานกับเหยาลู่หายตัวไปเกือบยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้ว ในระยะเวลาที่ยาวนานเช่นนี้ หากศัตรูต้องการทำอะไรกับหญิงสาวทั้งสองคน อย่าว่าแต่หลิงหยุนเลย ต่อให้เป็นเทพเจ้าก็คงช่วยอะไรไม่ได้!
“แต่ถ้าหลินเมิ่งหานกับเหยาลู่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่ปลายเล็บรับรองได้เลยว่าผมจะต้องเอาชีวิตของพวกมันคืนอย่างแน่นอน และผมจะทำให้พวกมันต้องเสียใจที่ได้เกิดมาบนโลกใบนี้เลยทีเดียว!”
หลิงหยุนพูดออกมาด้วยสีหน้านิ่งเรียบและน้ำเสียงที่สงบนิ่ง แต่ทุกคนในห้องต่างก็รับรู้ได้ว่าคำพูดของหลิงหยุนนั้นแฝงไว้ด้วยความเคียดแค้น!
พูดจบ..หลิงหยุนก็เดินไปนั่งที่โซฟา แล้วจึงร้องสั่งถังเมิ่ง “ถังเมิ่ง.. พรุ่งนี้ตอนเช้านายไปจัดการกว้านซื้อบ้านที่อยู่รอบๆ บ้านหลังนี้ให้หมด!”
ถังเมิ่งร้องอุทานออกมาเสียงดัง“ห๊ะ! ซื้อบ้านรอบๆ นี้ทุกหลังเลยงั้นเหรอ?! พี่หยุน.. พี่จะซื้อไปทำไม?”
บ้านเลขที่-1ของหลิงหยุนนั้นหันหน้าไปทางทิศใต้ ทิศตะวันตกของบ้านติดทะเลสาบจิงฉู ทิศเหนือคือหลังบ้านติดกับภูเขาสูงอย่างน้อยสองร้อยเมตร ทางทิศตะวันออกของบ้านเป็นบ้านเลขที่-2 และยังมีบ้านซึ่งเล็กกว่าบ้านของหลิงหยุนอีกสองหลังที่อยู่บนถนนฝั่งตรงข้าม
เวลานี้มีเพียงบ้านเลขที่-2เท่านั้นที่มีคนอยู่อาศัย ส่วนบ้านตรงข้ามอีกสองหลังนั้นจนป่านนี้ก็ยังไม่มีคนซื้อ
หลิงหยุนตอบถังเมิ่งด้วยน้ำเสียงที่เบา“เพื่อไม่ให้พวกเขาได้รับอันตราย!”
เมื่อใดก็ตามที่ศัตรูของหลิงหยุนบุกเข้ามาจะต้องเกิดการต่อสู้อย่างดุเดือดเอาเป็นเอาตายอย่างแน่นอน หลิงหยุนไม่ต้องการให้เพื่อนบ้านที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงซึ่งเป็นคนธรรมดาต้องหวาดผวา และได้รับอันตราย จึงแก้ปัญหาด้วยการซื้อบ้านเหล่านั้นไว้เอง..
และเมื่อรอบบ้านของหลิงหยุนไม่มีผู้คนอยู่อาศัยคนธรรมดาที่ไร้วรยุทธก็จะได้ไม่แตกตื่น และหวาดผวา..
ถังเมิ่งฟังแล้วก็เข้าใจได้ในทันทีแต่ก็หันไปมองทางทิศตะวันออกของบ้านพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“พี่หยุน..แต่บ้านเลขที่-2 มีคนอาศัยอยู่แล้วนะ!”
หลิงหยุนมองถังเมิ่งพร้อมกับถามขึ้นว่า“นายยังต้องให้ฉันสอนอีกเหรอว่าต้องทำยังไง”
ถังเมิ่งถึงกับพูดไม่ออกและได้แต่พยักเท่านั้น!
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยและจู่ๆก็คล้ายกับนึกอะไรออกจึงพูดขึ้นว่า “ใช่แล้ว.. พูดถึงเรื่องซื้อบ้าน ฉันก็นึกขึ้นมาได้ว่ายังมีเรื่องอื่นจะต้องให้นายไปจัดการ! นายยังจำที่ดินร้อยกว่าไร่ที่ลุงหลี่ยกให้ฉันได้มั๊ย ที่ดินที่จะใช้สร้างศูนย์วิจัยยา..”
ที่ดินตั้งร้อยกว่าไร่..เรื่องใหญ่ขนาดนี้มีหรือที่ถังเมิ่งจะลืม เขาพยักหน้าทันที และถามสวนออกไปทันที
“จำได้สิ..มีอะไรเหรอพี่หยุน”
หลิงหยุนตอบกลับมาด้วยท่าทางสบายๆ“นายไปจัดการกว้านซื้อที่ดินรอบๆบริเวณที่ดินหนึ่งร้อยกว่าไร่นั้นด้วย ยิ่งกว้านซื้อได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี อย่างน้อยนายต้องกว้านซื้อให้ได้หนึ่งพันไร่!”
ถังเมิ่งถึงกับตกใจจนแทบช็อคเขาอึ้งไปทันที และได้แต่พึมพำออกมาว่า “หนึ่งพันไร่.. ต่อให้ราคาที่ดินถูกๆ อย่างน้อยก็ต้องมีไร่ละสองล้าน พระเจ้า! สองพันล้านเชียวนะพี่หยุน!”
หลิงหยุนยิ้มอย่างมั่นอกมั่นใจ“ฉันสั่งให้นายซื้อ.. นายก็ซื้อไปเถอะน่า! รับรองได้ว่า.. หลังจากศูนย์วิจัยยาสร้างเสร็จแล้ว ราคาที่ดินแถวนนั้นจะต้องขึ้นอีกหลายสิบเท่า!”
หลิงหยุนมั่นใจอย่างที่สุดว่าหลังจากที่ศูนย์วิจัยยาสร้างเสร็จแล้ว คนมีชื่อเสียงทั่วโลกต่างก็จะมารวมตัวกันที่นี่ ถึงเวลานั้นที่ดินบริเวณนี้ก็จะมีราคาสูงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ..
“ได้เลย..ฉันจะรีบทำตามที่พี่หยุนสั่ง!” ถังเมิ่งเข้าใจความคิดของหลิงหยุนได้ทันที เขาจึงร้องออกมาอย่างดีอกดีใจ..
จากนั้น..หลิงหยุนก็หันไปพูดกับฉินตงเฉี่วย “น้าหญิง.. ข้าต้องการหาเครื่องมือสื่อสารแบบที่ท่านใช้ให้กับทุกๆคน ท่านพอจะช่วยข้าได้หรือไม่”
หลินเมิ่งหานกับเหยาลู่ถูกจับตัวไปเช่นนี้หลิงหยุนจึงไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิมอีก..
ความจริงแล้วหลิงหยุนตั้งใจไว้ว่าจะรอให้ไปเยี่ยมเยียนตระกูลฉินก่อนจึงค่อยขอเครื่องมือสื่อสารชนิดนี้จากฉินตงเฉี่วย แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถคอยได้อีกแล้ว
เพราะหากคนรอบตัวเขาถูกจับไปอีกวันๆ เขาคงไม่เป็นอันทำอะไร นอกจากคอยตามหาคนเท่านั้น..
ฉินตงเฉี่วยยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวลใจไป พรุ่งนี้ข้าจะให้ป้าเม่ยนำมาให้ และจะสอนวิธีการใช้ให้กับทุกคนเอง..”
หลังจากนั้น..ฉินตงเฉี่วยก็ถามหลิงหยุนต่อว่า “เจ้าเด็กดื้อ.. ข้าว่าศัตรูของเจ้าครั้งนี้คงจะไม่ธรรมดา เจ้าต้องการให้ข้าหาผู้ช่วยให้กับเจ้าหรือไม่”
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับส่ายหน้า“น้าหญิง.. หายนะครั้งนี้ล้วนแล้วแต่เป็นความผิดของข้า และข้าเองที่เป็นผู้นำพาอันตรายเหล่านี้กลับมา หากข้าไม่สามารถแก้ไขปัญหาเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ด้วยตัวเองได้ ยังจะมีคุณสมบัติพอที่จะทำการใหญ่อีกงั้นรึ”
คำพูดของหลิงหยุนนั้นบ่งบอกถึงความจองหองและไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด! จนสาวงามทั้งหมดที่อยู่ในห้องนั่งเล่นถึงกับตกตะลึง..
หากหลิงหยุนต้องการผู้ช่วย..เขาก็คงขอให้หลิงลี่ เหล่ากุ่ย และมาร์ควิสเอ็ดเวิร์ด มาช่วยตั้งแต่แรกแล้ว เหตุใดยังต้องรอมาจนถึงตอนนี้ด้วยเล่า
“ยังมีอีกเรื่อง!ถังเมิ่ง.. พรุ่งนี้นายช่วยติดต่อสถานีโทรทัศน์ให้ฉันด้วย ฉันอยากจะไปออกทีวี!”
“ห๊ะ!”
ตั้งแต่หลิงหยุนเข้ามาในบ้านเขาก็ได้สร้างความงุนงงให้กับถังเมิ่งมาโดยตลอด ตั้งแต่สั่งให้ซื้อบ้านที่อยู่รอบๆทั้งหมด กว้านซื้อที่ดิน ต้องการเครื่องมือสื่อสารชนิดพิเศษ และตอนนี้ก็ยังอยากจะไปออกรายการทีวีด้วย นี่มันอะไรกัน!
โดยเฉพาะเรื่องสุดท้าย..ที่ถึงกับทำให้ถังเมิ่งคิดหาเหตุผลอะไรไม่ออก ว่าเพราะเหตุใดหลิงหยุนจึงสั่งการเช่นนั้น!
ฉินตงเฉี่วยเองอดประหลาดใจไม่ได้จนต้องร้องถามขึ้นว่า“เจ้าเด็กดื้อ.. นี่หลินเมิ่งหานกับเหยาลู่หายไป ทำให้เจ้าถึงกับเป็นบ้าไปเลยงั้นรึ มันเรื่องอะไรกันที่จู่ๆ เจ้าจึงอยากจะไปออกรายการทีวี?”
เวลานี้หลิงหยุนนับว่าเป็นผู้ที่มีวรยุทธสูงส่งคนหนึ่งและยังเต็มไปด้วยความลึกลับ จนกลายเป็นที่รู้จักของผู้คนมากมายไปแล้ว แต่หากเขาไปออกทีวีจริง จะไม่ยิ่งสร้างความโกลาหลวุ่นวายขึ้นอีกอย่างนั้นหรือ และจะยิ่งกลายเป็นเป้าสายตาไม่ใช่หรือ?
หลิงหยุนยิ้มแต่ขณะที่กำลังจะตอบนั้น จู่ๆเขาก็หันไปมองที่หน้าประตูบ้านพร้อมกับพูดเสียงเบา
“มีคนมา..”
หลิงหยุนไม่รอให้ทุกคนในห้องได้แสดงปฏิกิริยาอะไรร่างของเขาพุ่งออกไปที่หน้าประตูบ้านทันที..
คนสองคนที่ดูคล้ายกับคนธรรมดาสามัญและเพิ่งมาถึงหน้าบ้านของหลิงหยุนนั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นหลี่ยี่กับเจียวเฟยนั่นเอง..
หลิงหยุนจ้องมองคนทั้งคู่อยู่นานจึงเริ่มจำชายหนุ่มทั้งสองคนได้ จึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“ที่แท้ก็เป็นพวกเจ้าเองรึ”
หลี่ยี่กับเจียวเฟยคุกเข่าลงไปกับพื้นพร้อมกันทันทีและต่างก็พูดออกไปว่า..
“ข้าหลี่ยี่..”
“ข้าเจียวเฟย..”
“คุณชายหลิง..ได้โปรดช่วยชีวิตของพวกข้าด้วย!”
และเมื่อหลิงหยุนจำได้ว่าทั้งคู่เป็นใครเขาก็เข้าใจได้ในทันทีว่าเหตุใดทั้งสองคนจึงได้มาหาเขาถึงที่นี่ หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า
“คิดไม่ถึงว่าพวกเจ้าสองคนจะยังมีชีวิตอยู่ตลอดระยะเวลาสามเดือนมานี้ ข้าคงทำให้พวกเจ้าลำบากมากสินะ”
หลี่ยี่กับเจียวเฟยไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองหลิงหยุนทั้งคู่รีบตอบทั้งที่ยังคงก้มหน้า
“ไม่ขอรับ..แค่คุณชายหลิงเมตตาไว้ชีวิต ไม่ฆ่าพวกเราในตอนนั้นก็นับว่าเมตตามากแล้ว..”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับปล่อยลมปราณผ่านนิ้วคลายจุดให้กับคนทั้งคู่แล้วจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ.. ตอนนี้พวกเจ้าไม่เป็นอะไรแล้ว ไปได้แล้ว!”
หลี่ยี่กับเจียวเฟยร่างสั่นไปพร้อมกันและรู้สึกว่าตัวเบาขึ้น พวกเขาจึงรู้ว่าหลิงหยุนได้จัดการคลายจุดให้แล้ว
ทั้งคู่ยังคงนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นและหันไปมองหน้ากันอย่างไม่อยากจะเชื่อ สีหน้าของทั้งสองคนเปลี่ยนเป็นมีความสุขขึ้นมาทันที จากนั้นไม่ถึงสองวินาที ทั้งเจียวเฟยกับหลี่ยี่ก็ลุกขึ้นยืน พร้อมกับร้องตะโกนออกมาเสียงดัง
“พวกเราไม่มีที่ไป..ขอให้คุณชายหลิงรับพวกเราไว้ทำงานด้วยเถิด! จะให้พวกเราบุกน้ำลุยไฟ พวกข้าก็จะไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย!”