Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - บทที่ 901-902
จักรพรรดิเทพมังกร – บทที่ 901 : กล้าบุกเข้ามาก็ต้องตาย!
“จากข่าวคราวที่ข้ารู้มา..สำนักต่างๆ ที่ต้องการจะเล่นงานท่านนั้น มีทั้งเส้าหลิน บู๊ตึ๊ง คุนหลุน เหมาซัน ดาบสวรรค์ หมัดเทวะ แดนใต้…”
“แล้วก็ยังมีตระกูลเก่าแก่อีกหลายตระกูล..ไม่ว่าจะเป็นตระกูลซีเหมิน ตระกูลหนานกง ตระกูลชางกวน ตระกูลเล่ย แล้วก็ตระกูลซันจากปักกิ่ง..”
เมื่อหลิงหยุนได้ฟังรายชื่อสำนักต่างๆและตระกูลเก่าแก่มากมายจากปากของไป่หยวนเจีย เขาก็ได้แต่นั่งยิ้มก่อนจะพึมพำออกมา
“มากมายถึงเพียงนี้เชียวรึ!”
หลิงหยุนถึงกับอึ้งไป..เพราะหากทุกสำนักทุกตระกูลทั้งหมดที่ไป่หยวนเจียพูดมานั้น บุกเข้ามาเล่นงานเขาพร้อมๆ กันในคราวเดียว คงจะต้องกลายเป็นสงครามที่ใหญ่มากเลยทีเดียว!
หลังจากที่ไป่หยวนเจียพูดไปจนจบแล้ว..เขาก็แอบมองหลิงหยุนซึ่งยังคงมีสีหน้าองอาจห้าวหาญเช่นเดิม มีเพียงคิ้วทั้งสองข้างที่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเท่านั้น แต่ไม่มีวี่แววของอาการตกใจ หรือหวาดกลัวออกมาให้เห็นเลยแม้แต่น้อย ไป่หยวนเจียจึงนึกชื่นชมหลิงหยุนอยู่ในใจเงียบๆ..
หากเป็นยอดฝีมือคนอื่น..เพียงแค่ได้ยินว่าสำนักต่างๆ และตระกูลเก่าแก่มากมายหลายตระกูล จ้องที่จะมารุมเล่นงานตนเองเช่นนี้ ก็คงต้องแสดงอาการหวาดผวาออกมาตั้งนานแล้ว แต่หลิงหยุนนั้นกลับไม่มีอาการเหล่านั้นให้เห็นเลยแม้แต่นิดเดียว!
จิตใจที่ห้าวหาญของหลิงหยุนนั้นได้ลบเลือนความขลาดกลัวที่ซ่อนอยู่ในใจของไป่หยวนเจียไปด้วย อีกทั้งยังช่วยให้จิตใจของเขาสงบนิ่ง และมั่นคงมากขึ้นด้วย..
“คุณชายหลิง..ทั้งหมดนี้เป็นเพียงข่าวที่ข้าได้ยินได้ฟังมาเท่านั้น แต่จะมีใครมาจริงๆ บ้างนั้น ข้าเองก็ไม่อาจรู้ได้!”
หลิงหยุนพยักหน้าเล็กน้อยแต่แล้วก็ทำหน้าคล้ายกับนึกอะไรขึ้นมาได้พร้อมกับร้องถามออกมา “แล้วสำนักจิ้งซินล่ะ.. ไม่ส่งใครมาบ้างรึ”
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หลิงหยุนสนอกสนใจมากที่สุดหากสำนักจิ้งซินส่งแม่ชีมาจัดการกับเขา ไม่แน่ว่าเฉิงเม่ยเฟิงอาจจะติดตามมาด้วยก็เป็นได้ แต่ถึงแม้นางจะไม่ได้มาด้วย อย่างน้อยเขาก็สามารถจับแม่ชีสองสามคนไว้ใช้แลกเปลี่ยนกับเฉิงเม่ยเฟิงกลับมา!
แต่คิดไม่ถึงว่าไป่หยวนเจียจะส่ายหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ดูเหมือนตระกูลซันกับสำนักจิ้งซินจะมีเรื่องหมางใจกัน ข้าจึงไม่ได้ยินว่าจะมีคนของสำนักจิ้งซินมาร่วมในครั้งนี้ด้วย..”
คำตอบของไป่หยวนเจียทำให้หลิงหยุนรู้สึกผิดหวังอย่างมากและได้แต่คิดในใจว่า ‘ช่างน่าเสียดายนัก.. เรื่องใหญ่โตเพียงนี้ แต่สำนักจิ้งซินกลับไม่มาร่วมสนุกด้วย!’
ไป่หยวนเจียนั่งครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่นานแต่แล้วจู่ๆ ก็ถามขึ้นว่า “คุณชายหลิง.. มีเรื่องหนึ่งไม่ทราบว่าจะเป็นการเหมาะสมหรือไม่หากข้าจะเอ่ยถามท่าน”
ไป่หยวนเจียเอ่ยถามความเห็นของหลิงหยุนก่อนหลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยแล้วจึงตอบไปว่า “ท่านพี่ไป่.. เชิญท่านถามข้ามาได้เลย!”
ไป่หยวนเจียยังคงลังเล..จากนั้นจึงยกมือขึ้นชี้ไปทางทะเลสาบจิงฉูพร้อมกับถามเสียงเบา “คุณชายหลิง.. อภัยที่ข้าต้องถามว่าท่านลงไปที่หลุมยักษ์มาบ้างหรือไม่”
หลิงหยุนตอบไป่หยวนเจียไปตามความจริง“ขอตอบท่านพี่ไป่ตามตรง.. ข้าลงไปสำรวจหลุมยักษ์มาแล้ว! หลังจากขึ้นมาจากหลุมยักษ์ ข้าก็ได้สังหารซันเทียนเปียว.. เหตุใดท่านจึงถามข้าเรื่องนี้!”
ไป่หยวนเจียคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะบอกความจริงกับเขาโดยไม่ปิดบังเช่นนี้เขาจึงแอบยิ้มพร้อมกับเล่าให้หลิงหยุนฟังว่า
“คุณชายหลิง..ไม่ได้มีเพียงท่านที่ลงไปสำรวจก้นหลุมยักษ์ ยังมีคุณชายตงฟางถิงแห่งตระกูลตงฟาง คุณชายตู้กู่โม่แห่งตระกูลตู้กู่ คุณชายซีเหมินกังแห่งตระกูลซีเหมิน คุณชายหนานกงเจี้ยนแห่งตระกูลหนานกง คุณชายชางกวนเจี๋วยแห่งตระกูลชางกวน คุณชายเล่ยเหวินซิงแห่งตระกูลเล่ย และคุณชายเถี่ยเจิ้นผิงแห่งสำนักหมัดเทวะ แล้วก็…”
“แต่คุณชายทั้งหมดที่ข้าพูดมานั้น..มีเพียงคุณชายตงฟางถิงแห่งตระกูลตงฟาง และคุณชายตู่กู่โม่แห่งตระกูลตู้กู่เท่านั้น ที่การฝึกฝนก้าวหน้าอย่างรวดเร็วจนสามารถเข้าสู่ขั้นเซียงเทียนได้แล้ว!”
เรื่องที่ตงฟางถิงกับตู้กู่โม่สามารถฝึกฝนจนเข้าสู่ขั้นเซียงเทียนได้แล้วนั้นนับว่าเป็นข่าวดีสำหรับหลิงหยุน เขาจึงยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับตอบไปว่า
“พวกเขาทั้งคู่สามารถเข้าสู่ขั้นเซียงเทียนได้แล้วงั้นรึช่างเป็นข่าวที่น่ายินดีนัก!”
หลิงหยุนได้แต่แอบคิดในใจว่า..ทั้งคู่นั้นมีน้ำลายมังกรช่วยถึงขนาดนั้น หากจนป่านนี้ยังไม่สามารถเข้าสู่ขั้นเซียงเทียนได้แล้วล่ะก็ คำว่าเป็น ‘เป็นผู้มีพรสวรรค์’ คงจะไม่ได้มีความหมายอะไรอีกต่อไป..’
“แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่อาจเทียบคุณชายหลิงได้..!”
ไป่หยวนเจียเอ่ยชื่นชมหลิงหยุนจากใจก่อนที่จะวกกลับเข้าไปพูดเรื่องเดิม “ต่างก็ร่ำลือกันว่าการที่คุณชายทั้งสองสามารถฝึกฝนรุดหน้าได้อย่างรวดเร็วนั้น เป็นเพราะที่ก้นหลุมยักษ์นั้นต้องมีอะไรสักอย่าง..”
หลิงหยุนเลือกที่จะไม่ออกความเห็นในเรื่องนี้แต่กลับยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ไม่แน่ว่าที่ก้นหลุมยักษ์อาจมีสมบัติล้ำค่าที่ได้กำหนดผู้รับไว้แล้ว..”
“ก็อาจจะเป็นเช่นนั้น..มิน่า.. ” ไป่หยวนเจียขมวดคิ้วพร้อมกับพูดต่อว่า
“ผู้คนต่างก็พากันโจษจันว่าการที่คุณชายหลิงฝีมือรุดหน้าไปมากนั้นเป็นเพราะได้ครอบครองสิ่งล้ำค่าบางอย่างที่ก้นหลุมยักษ์!”
หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ“ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น.. ก็กระบี่โลหิตแดนใต้นี่ไงเล่า!”
ไป่หยวนเจียนั้นคาดเดาไว้อยู่แล้วว่าหลิงหยุนน่าจะค้นพบกระบี่โลหิตแดนใต้จากก้นหลุมยักษ์เขาจึงไม่สนใจถามเรื่องนี้ แต่กลับพูดขึ้นว่า
“แต่ตระกูลซีเหมินตระกูลหนานกง และตระกูลเก่าแก่อื่นๆ นอกจากจะไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมาแล้ว ยังต้องสูญเสียทายาทรุ่นใหม่ที่มีพรสวรรค์ไปอีกด้วย..”
หลิงหยุนพูดอะไรไม่ออกและได้แต่คิดในใจว่า ‘ซีเหมินกัง กับหนานกงเจี้ยนน่ะหรือเป็นผู้มีพรสวรรค์! พวกมันคงไม่รู้ว่าฟ้าสูงคืออะไรสินะ จึงกล้าอวดอ้างตนเองเช่นนี้!’
หลิงหยุนยิ้มหยันก่อนจะถามต่อ“แล้วยังไง”
ไป่หยวนเจียจึงพูดต่อ“มียอดฝีมือลงไปที่ก้นหลุมยักษ์ตั้งมากมาย แต่กลับมีเพียงพวกท่านสามคนเท่านั้นที่ได้ประโยชน์ และท่านก็ได้ครอบครองกระบี่โลหิตแดนใต้.. ทุกคนในยุทธภพจึงต่างสงสัยว่าท่านคือโอรสพรรคมาร และ..”
หลิงหยุนรู้ดีว่าไป๋หยวนเจียต้องการจะพูดอะไรต่อเขาจึงยิ้มพร้อมกับเป็นฝ่ายพูดออกมาแทน
“ทุกคนต่างก็คิดว่าข้าเป็นผู้สังหารคุณาชายเหล่านั้นก็เลยคิดที่จะมาแก้แค้นข้า.. ใช่หรือไม่”
ไป่หยวนเจียพยักหน้า..และเงียบไป!
แต่แล้วจู่ๆหลิงหยุนก็ถามขึ้นว่า “แต่ที่ก้นหลุมยักษ์ก็มีทั้งตู้กู่โม่กับตงฟางถิงด้วย เหตุใดทุกคนจึงคิดว่าเป็นฝีมือของข้าเล่า”
ไป่หยวนเจียจ้องมองหลิงหยุนอย่างเห็นใจพร้อมกับพูดเสียงเบา“ก็เพราะทั้งคู่มาจากตระกูลชนชั้นสูง จึงไม่มีใครคิดสงสัยว่าคุณชายทั้งสองจะเป็นผู้ลงมือฆ่าคนบริสุทธิ์ได้..”
“ฮ่า..ฮ่า.. ฮ่า..” หลิงหยุนได้ฟังถึงกับเงยหน้าหัวเราะออกมาเสียงดัง จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “มาจากตระกูลชนชั้นสูงก็คือคนดีงั้นรึ”
คิ้วรูปดาบของหลิงหยุนขมวดเข้าหากันพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา“เยี่ยม.. เยี่ยมมาก! ที่แท้ตระกูลเก่าแก่เหล่านี้เห็นข้าเป็นศัตรูที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้นี่เอง!”
ไป่หยวนเจียรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายสังหารที่แผ่กระจายออกมาจากหลิงหยุนจึงรีบร้องบอกเขาทันที..
“คุณชายหลิง..หากท่านไม่ได้สังหารคนพวกนั้น ท่านก็สามารถอธิบายให้พวกเขาฟังได้ อีกทั้งยังมีคุณชายตงฟางถิงกับคุณชายตู้กู่โม่อยู่ในเหตุการณ์ที่สามารถเป็นพยานให้ท่านได้ ท่านจะได้ไม่ต้องเป็นศัตรูกับทุกคนเช่นนี้..”
แต่หลิงหยุนกลับพูดขึ้นอย่างไม่ยี่หระ..“อธิบายงั้นรึ เหตุใดข้าต้องอธิบายให้ทุกคนฟังด้วยเล่า?”
“ในเมื่อพวกมันกล้าบุกเข้ามาข้าก็จะสังหารพวกมันให้หมด..”
“เอ่อ..”ไป่หยวนเจียถึงกับอึ้งไป และได้แต่คิดว่าตรรกะของหลิงหยุนนั้นช่างเต็มไปด้วยความดุดันยิ่งนัก..
หลิงหยุนมองไป่หยวนเจียที่ได้แต่นั่งอึ้งแล้วจึงพูดขึ้นด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจ “ท่านพี่ไป่.. ขอบคุณสำหรับข่าวที่นำมาบอกกล่าว! มันเป็นประโยชน์กับข้ามากจริงๆ ข้าหลิงหยุนขอขอบคุณท่านอีกครั้ง!”
ไป่หยวนเจียลุกขึ้นยืนพร้อมกับประสานมือเข้าหากันและพูดออกไปว่า “คุณชายหลิง.. อย่าได้กล่าวเกรงใจเช่นนี้! ข้าไป่หยวนเจียได้ยินข่าวลือมาเช่นนี้ หากไม่นำมาบอก ก็คงจะรู้สึกผิดต่อท่านอย่างมาก แต่ตอนนี้ข้าได้บอกท่านไปหมดทุกอย่างแล้ว ข้าจึงไม่มีเรื่องกังวลใจใดๆอีก!”
จากนั้นใบหน้าของไป่หยวนเจียก็แดงขึ้นเล็กน้อยเขาก้มศรีษะลงพร้อมกับพูดเสียงเบา
“คุณชายหลิง..ความจริงข้าตั้งใจว่าจะมาอยู่ช่วยท่านรับมือกับศัตรู แต่ดูเหมือนว่า.. ด้วยความแข็งแกร่งของท่านเวลานี้ ข้าคงจะ..”
หลิงหยุนรีบโบกมือห้ามไม่ให้ไป่หยวนเจียพูดต่อเขายกมือขึ้นจับไหล่ของไป่หยวนเจียไว้ และพูดขึ้นว่า
“ท่านพี่ไป่..อย่าได้กล่าวเช่นนั้น! การที่ท่านนำข่าวมาบอกข้าโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตนเองเช่นนี้ ข้าหลิงหยุนซาบซึ้งใจยิ่งนัก..”
“ข้ารู้ดีว่าอันตรายครั้งนี้ใหญ่หลวงเพียงใดท่านพี่ไป่อย่าได้นำตัวเองเข้ามาข้องเกี่ยวกับเรื่องของข้าเลย!”
หลิงหยุนพูดจบก็กดร่างของไป่หยวนเจียให้นั่งลงบนโซฟาแล้วจึงพูดขึ้นว่า “พี่ไป่.. ท่านรอข้าอยู่ที่นี่ประเดี๋ยว!”
หลิงหยุนเปิดจิตหยั่งรู้ออกสำรวจภายในบ้านทันทีและไม่สนใจไป่หยวนเจียอีกเลย เขารีบวิ่งตรงไปยังห้องทำงาน..
เมื่อไปถึง..หลิงหยุนก็เรียกกระดาษและปากกาออกมาจากแหวนพื้นที่ จากนั้นจึงลงมือเขียนตัวอักษรนับร้อยลงบนกระดาษ และเรียกขวดหยกออกมา แล้วจัดการรินน้ำลายมังกรลงไป เสร็จแล้วจึงรีบกลับไปยังห้องนั่งเล่น..
“พี่ไป่..ข้าขอมอบสิ่งนี้ตอบแทนท่าน!”
จากนั้นหลิงหยุนก็ยื่นขวดหยกและกระดาษหนึ่งแผ่นให้กับไป่หยวนเจีย “นี่เป็นเคล็ดวิชาตัวเบาซึ่งมีชื่อว่าเมฆาล่องลอย ส่วนในขวดหยกนี้คือของเหลวที่ช่วยเพิ่มพลังขีวิต มันจะมีประโยชน์กับการฝึกวิชาของท่านพี่ไป่ในวันข้างหน้าอย่างมาก ขอท่านพี่ไป่รับไว้ด้วย..”
ไป่หยวนเจียถึงกับอึ้งไปและรีบระล่ำระลักตอบไปว่า “คุณชายหลิง.. ข้ารับไว้ไม่ได้หรอก! นี่มัน..”
หลิงหยุนหัวเราะเสียงดังและพูดขึ้นว่า “หากท่านมาที่นี่เพราะต้องการสิ่งเหล่านี้ ท่านก็จะไม่มีทางได้มันกลับไปอย่างแน่นอน! แต่หากท่านมาที่นี่เพราะเห็นว่าข้าเป็นสหาย ก็โปรดรับไว้ด้วย!”
หลิงหยุนเป็นใครน่ะหรือ
หากคิดที่จะเอารัดเอาเปรียบหลิงหยุนแน่นอนว่าคนผู้นั้นจะไม่ได้อะไรกลับไปอย่างแน่นอน แต่หากใครที่ดีกับเขาแม้เพียงแค่เท่าน้ำหยดเดียว เขาก็จะตอบแทนกลับคืนเท่าผืนสมุทร!
ไป่หยวนเจียยังคงต้องการที่จะปฏิเสธ..แต่เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นเคล็ดวิชาเมฆาล่องลอยในกระดาษ เขาก็เหมือนจะถูกแรงดึงดูดไว้จนไม่อาจถอนสายตากลับมาได้..
“นี่มัน..เคล็ดวิชาตัวเบาที่หาวิชาใดเทียบได้ยากนัก!” ไป่หยวนเจียพึมพำออกมา และถึงกับสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง..
“ท่านพี่ไป่..หากข้าสามารถผ่านพ้นอันตรายครั้งนี้ไปได้ วันหน้าหากท่านพบเจอปัญหา ขอให้มาหาข้าทันที!”
ในที่สุดไป่หยวนเจียก็ถอนสายตากลับมาจากกระดาษแผ่นนั้นได้อย่างยากลำบากเขากำกระดาษแผ่นนั้นไว้แน่น และรีบเอ่ยขอบคุณหลิงหยุนอย่างซาบซึ้งใจ
“นี่..นี่.. นี่มันคือความจริง..”
“ท่านพี่ไป่..ท่านต้องเก็บของสองสิ่งนี้ไว้ให้มิดชิด ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่าข้าทำให้ท่านต้องตกอยู่ในอันตราย!”
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยและลุกขึ้นตบไหล่ของไป่หยวนเจียพร้อมกับพูดขึ้นว่า “พี่ไป่.. ช่วงเวลากลางวันเช่นนี้ไม่มีใครจับตามองข้าเท่าไหร่ ท่านรีบออกจากจิงฉูให้เร็วที่สุด และสองสามวันนี้ก็ติดตามข่าวของข้าจากสถานีโทรทัศน์เจียงหนาน หรือไม่ก็ตามเวปไซต์ต่างๆได้..”
ไป่หยวนเจียร้องถามขึ้นทัที“รายการทีวีงั้นรึ คุณชายหลิง.. นี่ท่านกำลังจะทำ..”
หลิงหยุนยิ้มอย่างมีเลศนัยพร้อมตอบกลับทันที“เอาน่า.. เดี๋ยวท่านก็จะรู้เอง..”
ไป่หยวนเจียกลับออกไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้มถังเมิ่งเองก็เพิ่งกลับมาจากบ้านหลังที่อยู่ทางฝั่งตะวันตก..
“พี่หยุน..ผู้ชายคนนั้นมาทำอะไรเหรอ”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า“เขาก็มาบอกกับฉันว่า ครั้งนี้จะมีใครมารนหาที่ตายบ้างน่ะสิ!”
“เอาล่ะ..อย่าสนใจเรื่องนี้เลย! นายจัดการติดต่อเรื่องสถานีโทรทัศน์เรียบร้อยแล้วใช่มั๊ย”
ถังเมิ่งตอบกลับมาทันที“ซูหลิงเฟยเพิ่งจะโทรมาบอกว่า ให้พวกเราไปกันได้เลย!”
จักรพรรดิเทพมังกร – บทที่ 902 : ล่อศัตรูให้ออกมา!
‘เมื่อใดก็ตามที่จักรพรรดิแห่งมนุษย์และจักรพรรดิแห่งพิภพถือกำเนิดขึ้นที่จิงฉู เมื่อนั้นใต้หล้าจะมีเพียงผู้เดียวที่ได้ครอบครอง’
‘การที่หลายคนจ้องจะเอาชีวิตของข้าเช่นนี้..ใครกันที่เป็นผู้บงการเรื่องนี้ทั้งหมด!’
ระหว่างทางที่นั่งอยู่ในรถซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปยังสถานีโทรทัศน์เจียงหนานนั้นหลิงหยุนก็นั่งเงียบ และครุ่นคิดถึงเรื่องนี้มาตอลดทาง แต่สีหน้าของเขายังคงสงบนิ่งเช่นเคย
หลิงหยุนเชื่อว่าผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จะต้องเป็นคนที่ฉลาดล้ำลึก และน่ากลัวอย่างที่สุด เพราะสามารถเชื่อมโยนคำเล่าขานโบร่ำโบราณของชาวจีน เข้ากับฝีมือที่รุดหน้าอย่างเหลือเชื่อของหลิงหยุนในช่วงสามเดือนนี้ได้อย่างแยบคาย..
การกระทำที่แยบยลเช่นนี้ไม่น่าจะเป็นฝีมือของใครคนใดคนหนึ่ง แต่น่าจะมีการร่วมมือกันเป็นกลุ่ม และต้องเป็นกลุ่มคนที่มีพลังอำนาจมากด้วย
หลิงเจิ้นกับหลิงห่าวงั้นรึ
การที่หลิงหยุนกลับเข้าตระกูลหลิงในครั้งนี้เขาไม่เพียงสามารถช่วยลุงสองไว้ได้เท่านั้น แต่ยังสามารถช่วยตระกูลหลิงให้รอดพ้นจากหายนะได้อีกด้วย อีกทั้งยังช่วยให้ผู้นำหลิงลี่ซึ่งเป็นตระกูลหลิงคนก่อน สามารถเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-8 ได้อีกด้วย
และด้วยศักยภาพของหลิงหยุนในครั้งนั้นทำให้เขาถูกหมายตาให้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลคนต่อไป อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากคนตระกูลหลิง และความจงรักภักดีจากเหล่านักรับตระกูลหลิงด้วย!
แต่ในขณะเดียวกันก็ได้ทำให้สถานะการเป็นผู้นำตระกูลคนปัจจุบันของหลิงเจิ้นต้องสั่นคลอนและทำให้หลิงห่าวต้องถูกไล่ให้ไปทำงานในหน่วยเทพอินทรีย์ นั่นย่อมเท่ากับว่าสถานะของว่าที่ผู้นำตระกูลหลิงคนต่อไปของเขาต้องหลุดลอยไปด้วยเช่นกัน!
ทุกครั้งที่หลิงหยุนนึกถึงความโหดร้ายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังรอยยิ้มของหลิงเจิ้นเขาก็อดที่จะนึกถึงหลิงห่าวซึ่งไม่เคยลังเลที่จะฆ่าเขาให้ตายไม่ได้..
หรือจะเป็นหลงเทียนเจียว
หลิงหยุนเคยตบหน้าหลงเทียนเจียวและแย่งคู่หมั้นของเขามา อีกทั้งหลงเทียนเจียวก็เคยใช้เวลาช่วงหนึ่งอยู่ในเมืองจิงฉู หลิงหยุนเคยได้พบกับเขาข้างนอกโดยบังเอิญบ้าง จึงไม่รู้ว่าการที่หลงเทียนเจียวทำตัวผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ในจิงฉูช่วงนั้น เพราะกำลังสืบข่าวคราวเรื่องอะไรให้กับตระกูลหลงก็เป็นได้..
และยิ่งนึกถึงท่าทีสุภาพบุรุษจอมปลอมของหลงเทียนเจียวแล้วหลิงหยุนก็ยิ่งมั่นใจว่าหลงเทียนเจียวนั้นคงไม่คิดที่จะเป็นมิตรกับตนเองอย่างแน่นนอน แต่น่าจะอดใจรอคอยที่จะเอาชีวิตของเขาแทนไม่ได้มากกว่า!
หลิงหยุนไม่ได้หวาดกลัวหลงเทียนเจียวเลยแม้แต่น้อยแต่เขากังวลเกี่ยวกับตระกูลหลงที่ทั้งลึกลับ และแอบควบคุมประเทศนี้อย่างลับๆ มานานนับพันปีเสียมากกว่า!
ตระกูลหลงนั้นแข็งแกร่งจนสามารถควบคุมประเทศนี้ได้หากจะพูดว่าตระกูลหลงไม่รู้เรื่องคำเล่าขานโบร่ำโบราณนี้ก็คงจะเป็นการหลอกตัวเองอย่างมากทีเดียว..
แทบไม่ต้องพูดถึงตระกูลเฉินกับตระกูลซันว่ากำลังคิดอะไรอยู่ตระกูลเฉินวางแผนส่งเฉินเจี้ยนกุ่ยไปถึงประเทศสหรัฐอเมริกา และยอมจ่ายเงินจำนวนมหาศาลเพื่อให้เขาได้กลายเป็นแวมไพร์ อีกทั้งเฉินเจี้ยนเหยินยังพาคนญี่ปุ่นไปค้นหาหม้อเสินหนงในอุทยานแห่งชาติเสินหนงเจี๋ยอีกด้วย..
ในขณะเดียวกันตระกูลซันก็ใช้เรื่องหนิวเฟิ่งเหยียวกับซันจิ้งเป็นข้ออ้างส่งซันเทียนเปียวและยอดฝีมืออีกนักร้อยบุกมาสร้างความปั่นป่วนในเมืองจิงฉู
ด้วยความแข็งแกร่งของหลิงหยุนเวลานั้นหากเทียบกับตระกูลที่ทรงอิทธิพล และแข็งแกร่งอย่างตระกูลซัน การจัดการกับเขานั้นก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่งนัก ตระกูลซันเพียงแค่โทรหาใครสักคนสองคนให้มาจัดการกับหลิงหยุนก็ได้ เหตุใดจึงต้องบุกมาถึงจิงฉูด้วยตัวเองเช่นนั้น..
เมื่อใคร่ครวญเรื่องราวทั้งหมดในตอนนี้หลิงหยุนจึงเข้าใจแล้วว่า เพราะเหตุใดตระกูลซันจึงต้องการควบคุมเมืองจิงฉูทั้งหมดให้อยู่ในกำมือของตนเอง และเหตุใดซันเทียนเปียวจึงต้องมาถึงจิงฉูด้วยตัวเอง จุดประสงค์ของตระกูลซันในครั้งนั้นล้วนอยู่ที่หลุมยักษ์ และสมุดจักรพรรดิที่เล่าขานกันต่อๆมานั่นเอง!
แต่เพราะความเลือดร้อนของซันเทียนเปียวที่ต้องการจะกำจัดหลิงหยุนให้พ้นทาง จนในที่สุดก็ทำให้แผนการทั้งหมดต้องล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า..
ตระกูลเฉินส่งคนไปหาหม้อเสินหนงที่ป่าเสินหนงเจี๋ยในขณะที่ตระกูลซันส่งคนมาจิงฉูก็เพื่อค้นหาสมุดจักรพรรดิ..
เหตุการณ์ที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกันนี้กลับเกิดขึ้นในเวลาใกล้เคียงกันกับการเกิดหลุมยักษ์ แต่ครั้งนั้นหลิงหยุนไม่ได้รู้สึกสงสัยอะไร แต่เมื่อได้ยินตำนานเล่าขานนี้ หลิงหยุนก็สามารถเชื่อมโยงเข้ากันได้ทันที!
เมื่อมาคิดใคร่ครวญดูอีกครั้ง..หรือตระกูลเฉินและตระกูลซันจะล่วงรู้ว่าตระกูลหลงกับตระกูลเย่ที่ลึกลับนั้น กำลังคิดการอะไรอยู่ลับๆ
ยังมีองค์กรนักฆ่าและพรรคมาร
ในช่วงเดือนเมษายนและเดือนพฤษภาคม จู่ๆ พรรคมารก็ปรากฏตัวขึ้นจนร่ำลือกันไปทั่ว พวกมันจัดการกวาดล้างสำนักต่างๆ และตระกูลเก่าแก่ไปมากมาย จากนั้นก็หายเข้ากลีบเมฆไป
จนกระทั่งมีข่าวลือเรื่องกระบี่โลหิตแดนใต้พวกมันจึงปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในจิงฉู และเริ่มลงมือด้วยการวางระเบิด..
หากจะพูดว่าองค์กรนักฆ่าลงมือในครั้งนี้เพราะต้องการแก้แค้นให้กับมือสังระดับสวรรค์ ระดับปฐพี และระดับสายเหลืองที่ตายไปแล้วล่ะก็ แน่นนอนว่าหลิงหยุนไม่มีทางเชื่ออย่างแน่นอน!
“เพราะกระบี่โลหิตแดนใต้งั้นรึ”
หลิงหยุนครุ่นคิดอย่างหนักและเขาก็เชื่อว่าผู้ที่จับตัวหลินเมิ่งหานกับเหยาลู่ไปนั้น จะต้องเป็นองค์กรนักฆ่าอย่างแน่นอน พวกมันต้องการนำตัวหญิงสาวสองคนนั้นมาแลกกับกระบี่โลหิตแดนใต้จากเขา..
“หรือว่พวกมันต้องการจะนำหญิงสาวทั้งสองคนมาแลกกับความลับใต้หลุมยักษ์จากข้า!”
หลิงหยุนนั่งครุ่นคิดเรื่องเหล่านี้ไปตลอดทางแต่ไม่ว่าคิดไปกี่ร้อยกี่พันเรื่อง ทุกเรื่องก็ล้วนแล้วแต่เชื่อมโยงกับกับคำเล่าขานที่ว่า
‘เมื่อใดก็ตามที่จักรพรรดิแห่งมนุษย์และจักรพรรดิแห่งพิภพถือกำเนิดขึ้นที่จิงฉู เมื่อนั้นใต้หล้าจะมีเพียงผู้เดียวที่ได้ครอบครอง’
และในเมื่อเวลานี้..ทั้งพู่กันจักรพรรดิ และสมุดจักรพรรดิล้วนแล้วแต่อยู่ในร่างกายของเขา ย่อมหมายความว่าเขาควรเป็นผู้ได้ครอบครองอย่างไม่ต้องสงสัย..
แต่สิ่งที่หลิงหยุนคิดอย่างไรก็คิดไม่ออกนั้นก็คือ..จากนี้ไปเขาจะต้องเจอกับบททดสอบอะไรอีกบ้าง
ระหว่างที่หลิงหยุนครุ่นคิดเรื่องต่างๆอยู่นั้นจู่ๆ เขาก็นึกไปถึงบททดสอบจากสวรรค์เมื่อครั้งที่อยู่บนเกาะเตียวหยู ไม่ว่าจะเป็นสายฟ้าอสุนีบาต หรือเมฆาเก้าสี!
แต่เรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ของตนเองหลิงหยุนจึงไม่สามารถเล่าให้ไป่หยวนเจียฟังได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่อยากเล่า..
ทั้งหลิงเจิ้นหลิงห่าว ตระกูลเฉิน ตระกูลซัน นินจาญี่ปุ่น พรรคมาร องค์กรนักฆ่า แม้กระทั่งตระกูลหลงกับตระกูลเย่ หรือแม้กระทั่งต้นกำเนิดของเมฆาเก้าสีที่ลึกลับนั่น.. ก็ล้วนแล้วแต่เป็นศัตรูที่เก่งกาจของหลิงหยุนแทบทั้งสิ้น!
จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่หลิงหยุนจะคาดเดาได้ว่า..ใครคือผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้!
“ไม่ง่ายเลยที่จะคาดเดา..ต้องมีคนกำลังคิดทำการใหญ่อะไรสักอย่างแน่นอน!”
แม้ว่าหลิงหยุนจะสามารถเชื่อมโยงแต่ละเรื่องเข้ากันได้บ้างแต่เขาก็ยังไม่ามารถมองภาพรวมออกว่าคืออะไรกันแน่
“ไม่แน่ว่าท่านปู่และคนรุ่นนั้นอาจจะช่วยข้าไขปริศนาต่างๆได้..”
ในเมื่อยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้หลิงหยุนจึงต้องหยุดคิดเรื่องนี้ไปก่อน แต่ก็เชื่อมั่นว่าตนเองจะสามารถรับมือกับวิกฤติครั้งนี้ได้..
หลิงหยุนกำลังคิดว่าก่อนที่เขาจะเข้าสู่ขั้นพลังชี่นั้นคงต้องหาเวลาศึกษาตำนานวีรบุรุษต่างๆของประเทศนี้ และทำการศึกษาโลกใบนี้ให้เข้าใจลึกซึ้งมากขึ้น..
“ในเมื่อสถานการณ์บีบบังคับให้ต้องสู้ก็ต้องสู้ให้ถึงที่สุด!”
ระหว่างที่คิดนั้นดวงตาของหลิงหยุนก็หรี่ลงพร้อมกับรอยยิ้มที่บ่งบอกถึงความมั่นอกมั่นใจ..
“พี่หยุน..พี่กำลังคิดอะไรอยู่ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว!”
ถังเมิ่งเห็นหลิงหยุนนั่งเงียบมาตลอดทางจึงอดที่จะเอ่ยถามออกมาไม่ได้..
“ไม่มีอะไร..”
“แล้วเรื่องแหวนที่ฉันสั่งให้นายซื้อมาล่ะ”
หลิงหยุนถามถึงเรื่องแหวนแพลตตินัมแปดวงที่เขาสั่งให้ถังเมิ่งซื้อมาแหวนทั้งแปดวงนั้นมีลักษณะคล้ายคลึงกับแหวนพื้นที่ของเขา เพียงแต่แบบต่างกันเล็กน้อยเท่านั้น
ถังเมิ่งจับพวกมาลัยรถไว้ด้วยมือข้างเดียวส่วนอีกมือก็ความหาถุงใส่แหวน และเมื่อพบแล้วจึงรีบส่งให้หลิงหยุนทันที
ภายในถุงใส่แหวนนั้นมีกล่องเล็กๆ เหมือนกันอยู่ถึงแปดกล่อง ในนั้นมีแหวนที่ทำจากแพลตินัมสำหรับนิ้วผู้ชายอยู่ถึงแปดวง
“พี่หยุน..จู่ๆ สั่งให้ฉันซื้อแหวนมามากมายแบบนี้ทำไมกัน!”
หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ“ฉันให้นายซื้อแหวนมา ก็ต้องซื้อมาใส่อยู่แล้ว!”
ถังเมิ่งถึงกับพูดไม่ออกและได้แต่คิดในใจว่า แหวนแปดวงรวมอีกหนึ่งวงในนิ้วของหลิงหยุน ก็เป็นทั้งหมดเก้าวง หลิงหยุนใส่แหวนจนเกือบเต็มสิบนิ้วแบบนี้ ดูเหมือนกับพวกเศรษฐีใหม่ที่เพิ่งจะร่ำรวย..
“พี่หยุน..นี่พี่จะใส่ทั้งหมดเลยจริงๆน่ะเหรอ”
“ซื้อมาก็ต้องใส่สิ!”
ระหว่างที่พูดนั้นหลิงหยุนก็เปิดกล่องแวนและค่อยๆหยิบมาสวมใส่นิ้วตนเองทีละวง และตอนนี้ก็มีเพียงนิ้วก้อยขวานิ้วเดียวเท่านั้นที่ว่างเปล่า..
ถังเมิ่งเหลือบมองหลิงหยุนผ่านกระจกหลังพร้อมกับพูดยิ้มๆ“พี่หยุน.. ฉันว่าพี่คิดดูอีกทีไม่ดีกว่าเหรอ อย่าบอกนะว่าพี่จะใส่แหวนเต็มมือแบบนี้ไปเล่นมายากลออกทีวี?”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า“ยินดีด้วย.. นายทายได้ถูกต้อง! ถ้าฉันไม่เล่นมายากลออกทีวี ฉันจะเสียเงินห้าล้านให้นายไปซื้อเวลาช่วงไพรม์ไทม์จากสถานีทำไมกันเล่า”
ถังเมิ่งไม่เข้าใจว่าหลิงหยุนกำลังต้องการจะทำอะไรกันแน่จึงได้แต่ยกมือเกาศรีษะพร้อมกับถามขึ้นอย่างประหลาดใจ
“พี่หยุน..พี่เคยบอกฉันว่าศัตรูอยู่ในที่ลับ ไม่ควรทำตัวเด่นดัง แต่ตอนนี้พี่จะไปออกทีวีแบบนี้ ไม่เท่ากับไปประกาศตัวให้คนทั้งประเทศรู้จักหรือยังไง”
หลิงหยุนไม่ปล่อยให้ถังเมิ่งประหลาดใจต่อเขายิ้มอย่างมีแลศนัยพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ฉันกลัวว่าศัตรูจะเห็นฉันยังไม่ชัดเจนพอน่ะสิ..”
“ห๊ะ..อะไรนะ”
ถังเมิ่งแทบกระโจนลุกจากที่นั่งเขาร้องตะโกนออกมาอย่างตกใจ “พี่หยุน.. พวกมันรู้หมดแล้วว่าพี่มีธุรกิจอะไรอยู่ที่ใหนบ้าง แล้วยังรู้จักบ้านของพี่ทั้งสองหลังด้วย ขนาดนี้พี่ยังกลัวศัตรูเห็นไม่ชัดอีกเหรอ!”
ถังเมิ่งปล่อยให้ถังเมิ่งร้องตะโกนออกมาและหลังจากเขาพูดจบแล้ว หลิงหยุนก็ขมวดคิ้วพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“นี่นายจะตื่นเต้นไปทำไมกันฟังนะ..”
“ใช่..ฉันเคยพูดว่าต้องพยายามทำตัวไม่ให้เป็นที่โด่งดัง แต่ในเมื่อมีคนจ้องเล่นงานแบบนี้ นายยังจะทำตัวเงียบๆได้อยู่อีกเหรอ”
“ไม่ได้ใช่มั๊ยเล่าในเมื่อไม่ได้.. ก็ต้องลุกขึ้นประกาศศักดาของตัวเองออกมาให้มากที่สุด!”
“ครั้งนี้..ฉันต้องการให้ทุกคนรู้จักหลิงหยุน และหันมาสนใจฉัน – หลิงหยุน!”
“และนี่จะเป็นการล่องูที่หลบอยู่ในรูให้ออกมาจากนั้นฉันก็จะได้กวาดล้างศัตรูของฉันให้หมด!”