Dragon tamer - ตอนที่ 1
ในทวีปนี้ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดมีโอกาสที่จะพัฒนาเป็นมังกร
ว่ากันว่าทุกชีวิตมี ประตูมังกร เป็นของตัวเอง หลังจากข้ามมันไปแล้วพวกเขาจะกลายเป็นเหมือนดวงอาทิตย์และดวงจันทร์บนท้องฟ้สพร่างพราวระยิบระยับ
ประตูมังกร ของมนุษย์ กำลังกลายเป็น เวลาของมังกร
เพื่อค้นหาผู้ที่มีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งที่ใกล้เคียงกับมังกรและฝึกฝนพวกเขาให้เป็นราชามังกนที่ไม่มีใครเทียบได้!
บทที่1 อุบัติเหตุ
ความมืดไร้สิ้นสุดปกคลุมดินแดนแห่งนี้ ความสดใสของดวงดาวและแสงไฟท่ามกลางป่าเป็นหนึ่งในความสว่างไม่กี่แห่งในโลกนี้
ค่ำคืนเต็มไปด้วยหมอก เหมือนม่านบาง ๆ ที่ปกคลุมเมืองสีเทาขาว
ในใจกลางเมืองมีรูปปั้นที่สง่างามตั้งตระหง่านอยู่ คุณจะเห็นได้ทันทีที่ก้าวเข้ามาในเมืองและแหงนมอง
มันเปล่งประกายท่ามกลางแสงจันทร์ยามค่ำคืน ใบหน้าสวยและศักดิ์สิทธิ์ พอจะทำให้ทุกคนที่เข้ามาในเมืองนี้เป็นครั้งแรกกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว
รูปปั้นมีลักษณะเหมือนจริงเช่นเดียวกับเทพธิดาซีเย่ที่สวมชุดที่ทำจากดวงจันทร์และหมอก รูปร่างที่เย้ายวนนั้นน่าหลงใหลยิ่งนักเมื่อมันถูกซ่อนอยู่ในหมอกควันนี้
แต่ทว่าแม้มันจะสวยแค่ไหน แต่ผู้คนในเมืองก็ไม่กล้าที่จะดูหมิ่น
ต้นแบบของรูปปั้นก็คือผู้ปกครองของเมืองนี้
ไม่ใช่สัญลักษณ์ของความงามศรัทธาหรือเสรีภาพ แต่มันแสดงถึงการฆ่าและสงครามมากกว่า
ผู้คนเรียกขานนางว่าวาลคิรี นางสามารถควบคุมดินแดนที่ป่าเถื่อนและวุ่นวายนี้ได้ในเวลาเพียงปีเดียว
ให้เมืองนี้และดินแดนโดยรอบอยู่ภายใต้กฏระเบียบ
……
ทหารรักษาการณ์เมืองทำงานชุ่ย พวกเขาเมินทุกคนที่เข้ามาในเมืองรวมถึงขอทานมอมแมมบางคนที่แห่กันเป็นกลุ่ม
จูหมิงหลาง เดินอยู่ที่ประตูเมืองเป็นเวลานาน หลังจากเห็นฝูงขอทานกลุ่มนี้เขาก็แทรกตัวเข้าไปในนั้นอย่างง่ายดายและเข้าไปในเมืองได้สำเร็จ
กลุ่มขอทานเหล่านี้ไม่รู้ว่าพวกเขาหนีมาจากเมืองใด และพวกเขาไม่เข้าใจคำพูดของ จูหมิงหลาง เมื่อพวกเขาเห็นรูปปั้นของวาลคิรี พวกเขาต่างก็ตกตะลึงอยู่กับที่เป็นเวลาหลายวินาทีก่อนจะจากไปอย่างหดหู่
พวกเขามีพื้นเพมาจากเผ่า ป่าใหญ่และเป็นเจ้าของเมืองทั้งห้า แม้ว่าแผ่นดินจะไม่ได้กว้างใหญ่ แต่ก็ถือว่าพวกเขาเป็นผู้มีอำนาจใหญ่ในดินแดนแห่งนี้
ปีที่แล้ว เมืองทั้งห้าของพวกเขาถูกทำลาย ศพของผู้ปกครองถูกจัดวางอย่างเรียบร้อยบนถนน ผู้อยู่อาศัยใน เมืองทั้งห้าครึ่งหนึ่งที่โชคไม่ดีกลายเป็นทาส ครึ่งหนึ่งกลายเป็นผู้ลี้ภัยไร้ที่อยู่อาศัย ส่งผลให้มีการเร่ร่อนไปทั่ว
ยังเป็นเรื่องน่าขันอีกด้วย ในเวลาเพียงหนึ่งปีความคิดเรื่องความเกลียดชังและการฟื้นฟูได้รับความเสียหายจากการขาดอาหารมาเป็นเวลานาน
ทั้งหมดเพียงแต่ต้องการกำแพงล้อมรอบ ไม่ถูกไล่ล่าโดยสัตว์ป่าและซากศพในถิ่นทุรกันดาร เพียงแค่ต้องการถนนสกปรกให้ขดตัวอยู่แม้ว่ากำแพงเมืองที่สูงและถนนสายยาวนี้จะเป็นของวาลคีรี ผู้ทำลายเมืองทั้งห้าของพวกเขาก็ตาม!
“ มีคนแจกข้าวต้มฟรีอยู่ที่ถนนด้านหลัง”ชายร่างท้วมในชุดทหารเดินเข้ามาพูดกับกลุ่มขอทานเร่ร่อนที่เป็นเหมือนแมลงสาบและหนูอย่างเย็นชา
จูหมิงหลางเดินไปหาทหารและพูดอย่างสุภาพ “ ท่าน ข้ามาจากเมืองหม่อน ข้าเจอพวกโจรระหว่างทางเพื่อส่งผ้าไหมไปยังคฤหาสน์ของเจ้าเมือง เงินและผ้าไหมที่ข้าวางแผนจะจ่ายให้เจ้านายถูกปล้น มันจบลงแบบนี้ ท่านช่วยแจ้งให้ลุงหวังในเมืองหม่อนให้มารับข้าได้หรือไม่?” จูหมิงหลาง กล่าวอย่างสุภาพ
“ ว่าไงนะ?ไสหัวไปจากพ่อคนนี้ซะ!หากพวกเจ้าไม่ไปกินข้าวต้มและอดตาย ก็ขอให้อยู่ห่างจากถนนสายนี้ ถ้าเจ้าเมืองเห็นความยุ่งเหยิงนี้ข้าต้องเสียหัวเป็นแน่” ทหารตัวโตไม่สนใจจูหมิงหลางและก่นด่า
จูหมิงหลางทำได้แค่เดินหนี ในเวลานี้กลุ่มผู้ลี้ภัยได้ยินคำว่าข้ามต้มฟรี พวกเขาจึงรีบวิ่งไปที่ถนนด้านหลัง จูหมิงหลางโดนเบียดให้เดิน
ถนนด้านหลังทรุดโทรมมากห่างจากถนนสายยาว บ้านไม้และโคลนไม่กี่หลังที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ พวกเขายุ่งในตอนแรก การเดินเข้าไปในสถานที่แบบนี้ดูเหมือนว่ากลิ่นดอกไม้ในโลกจะหายไปอย่างกะทันหัน มีแต่ความเหี่ยวเฉาและทรุดโทรมเท่านั้น
การแจกข้าวต้มไม่ใช่เรื่องโกหก ที่ลานไม้ด้านในสุดของถนนด้านหลังมีสาวใช้ของเจ้าเมืองคนหนึ่งในชุดสีฟ้าน้ำทะเลกำลังทำข้าวต้ม
นางยิ้มอย่างอ่อนโยน ไม่ได้รู้สึกไม่ชอบเลยแม้แต่น้อยสำหรับคนเร่ร่อนที่ถูกเหาปกคลุม แม้ว่ามือที่ขาวและอ่อนโยนของนางจะสกปรก แต่นางก็ยังคงหยิบชามตักข้ามต้ม
จูหมิงหลาง ก็หิวเช่นกัน เมื่อเจอเรื่องแบบนี้ก็ทำได้แค่ไปเข้าแถวและรับการกุศลจากคนอื่น
“ ……”
ใช้เวลาไม่นานนักที่ขอทานผู้ลี้ภัยจะล้มลงทีละคนไม่ว่าจะโยนหัวลงพื้นหรือล้มลงไปข้างหน้า
คนพเนจรบางคนที่ยังตื่นอยู่เห็นฉากนี้และตกใจกลัวที่จะวิ่ง แต่ก่อนที่พวกเขาจะวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวพวกเขาก็ชักกระตุกและมีฟองที่ปากของพวกเขา
ซูหมิงหลางกลัวมาก
ไม่มีทาง!
ข้าได้ยินมาว่าเพื่อทำให้เมืองพวกเขาดูสะอาดและรุ่งเรือง ทำ พวกเขามักจะให้ทานแก่คนจรจัด ผู้ลี้ภัย ขอทาน และอื่นๆ วางยาพิษให้ตาย และโยนพวกเขาทั้งหมดออกจากเมืองเพื่อฝัง
มันเหมือนกับการจัดการกับหนูในรางน้ำ …
จูหมิงหลางไม่คิดว่าเขาจะต้องมาลงเอยเช่นนี้
ยิ่งไปกว่านั้น หลังเขาตาย ใครจะให้อาหารเพื่อนตัวน้อย?มันต้องกินใบมัลเบอรี่มากมายทุกวี่วัน!
ตุบ!ตุบ!ตุบ!
ผู้ลี้ภัยล้มลงทีละคน ความไม่เต็มใจสามารถเห็นได้ในดวงตาเบิกกว้างของพวกเขา แต่ทว่า ในดินแดนที่โหดร้ายเช่นนี้ ถ้าเจ้าเมืองสามารถปล้นบ้านเกิดคนอื่นได้แค่เพราะคำพูดไม่กี่คำ ทำไมพวกเขาถึงจะไม่สามารถพรากชีวิตคนอื่นได้?
ผู้ลี้ภัยที่สูญเสียเมืองก็ไม่ต่างจากหนูบนถนนรุ่งเรือง พวกเขามีจุดจบไม่สวย ต่อให้พวกเขาละทิ้งศักดิ์ศรีแค่ไหนก็ตาม
จูหมิงหลางเริ่มรู้สึกวิงเวียน
เขาเป็นคนมีฐานะ ชาวนาสวนหม่อนที่ขยันขันแข็ง พ่อค้าไหมผู้ซื่อสัตย์จ่ายภาษีตรงเวลาและริเริ่มที่จะจ่ายส่วย
ถ้าคนเหล่านั้นเป็นหนูที่ตายจากการกินยาพิษหนู งั้นข้าก็ควรเป็นจิ้งจอกที่จงรักภักดี ผู้ต้องกินยาพิษจากความผิดพลาด!โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย!
จูหมิงหลางไม่มีเวลาพิสูจน์ตัวตน ในเวลานี้เจ้าหน้าที่และทหารสองสามคนพร้อมกระสอบเดินออกจากลานโดยมีดาบยาวอยู่ที่เอว
เขาพยายามตื่นตัวอยู่เสมอ
ในท้ายที่สุด จูหมิงหลางก็ยังไม่รอดพ้นจากพลังของ “พิษหนู” เหล่านี้และล้มลงอย่างน่าเวทนา
เขาเห็นเท้าหยกคู่หนึ่งก่อนที่เขาจะหมดสติ ก้าวไปบนบันไดดอกบัวเดินอย่างสง่างามจากส่วนลึกของลาน …
จูหมิงหลางพยายามอย่างมากที่จะมองเจ้าของเท้าเหล่านั้น แต่เขากลับหมดสติไปก่อนจะได้ทำแบบนั้น
ในความฝัน พลังแห่งยาและความสับสนวุ่นวาย เท้าหยกและรูปปั้นของวาลคิรีรวมกันเป็นหนึ่ง กลายเป็นความงามที่สดใสสมบูรณ์ เหมือนจริงอย่างมาก ใบหน้าทรงเสน่ห์ของนางค่อย ๆ เข้ามาใกล้
……
ความฝันอันแสนหวานเป็นเหมือนฤดูใบไม้ผลิ จูหมิงหลางรู้สึกว่าพระเจ้าไม่ได้ปฏิบัติต่อเขาอย่างเลวร้ายและมอบความฝันอันหอมหวนให้กับตัวเองก่อนที่เขาจะล้มลง
เขาฝันว่ารูปปั้นที่สวยงามและอ่อนโยนในเมืองมีชีวิตขึ้นมา ค่อยๆคืบคลานเข้ามาหาเขาภายใต้แสงสลัวของตะเกียงน้ำมัน ส่วนเว้าโค้งที่น่าทึ่งและใบหน้าที่แดงเล็กน้อยถือเป็นสิ่งที่รุนแรงที่สุดในโลก สำหรับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้น จูหมิงหลาง รู้สึกว่าการกลับไปตะวันตกไม่ใช่สิ่งที่ยอมรับไม่ได้
ภายใต้ตะเกียงน้ำมันสลัวมีกำแพงหินสีดำเย็นฉ่ำอยู่รอบ ๆ แต่ตัวเครื่องเคลือบสีขาวที่บิดงออยู่ในอ้อมแขนของเขานั้นร้อนมาก
“ อา ข้ากำลังจะตาย”
จูหมิงหลาง ตะโกนออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจโดยคิดว่าทุกอย่างเป็นภาพหลอนก่อนตาย แต่ในไม่ช้าเสียงสะท้อนของเขาก็มาจากพื้นที่ปิดล้อมนี้โดยไม่คาดคิด
“ ข้ากำลังจะตาย ข้ากำลังจะตาย…ข้าตาย…”
จูหมิงหลาง ได้ยินเสียงสะท้อนของตัวเอง และก็ค่อยๆตื่นขึ้น
เขาสังเกตสภาพแวดล้อม พบว่าเขาอยู่ในคุกใต้ดิน แสงของตะเกียงน้ำมันที่ไหวเล็กน้อยไม่ใช่ภาพลวงตา เขายังสัมผัสได้ถึงความร้อนเมื่อเขาเอื้อมมือไปสัมผัสมัน
ข้ายังไม่ตายเหรอ? เหรอ?
นั่นไม่ใช่ยาพิษฆ่าหนู!
อ๊ะถ้าข้ายังมีชีวิตอยู่มีความเป็นไปได้สูงที่คนเหล่านี้จะถูกขายไปเป็นทาสในภูเขาหินที่ห่างไกลและเหมือง! !
ถ้าข้าต้องกลายเป็นทาสในเหมืองนั่น…ข้าอาจจะวางยาพิษตัวเองก็ได้เช่นกัน!
“อืม?”
ทันใดนั้นมีเสียงใสข้างจูหมิงหลาง
จูหมิงหลางหันหน้าไปทางด้านข้างเพียงเพื่อจะรู้ว่ามีผู้หญิงเปลือยกายนอนอยู่ข้างๆเขา
ผมยาวของนางเหมือนผ้าไหมสีชาดำ แก้มของนางยังแดงอยู่เล็กน้อย นางสวยมากจนหัวใจของเขาแทบหยุดเต้น ขณะที่เขาเพ่งมองนางอย่างใกล้ชิดก่อนจะดีดตัวอย่างรุนแรง
เกิดอะไรขึ้น!
เมื่อกี้ข้าไม่ได้ฝันไปเหรอ?
ทำไมนางถึงอยู่ในคุกใต้ดิน ?
ทำไมพวกนั้นถึงขังผู้หญิงคนนี้ไว้กับข้า?
รูปลักษณ์ของนางเห็นได้ชัดว่าเป็นรูปปั้นที่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมือง เป็นวาลคิรีที่ดูเหมือนนางฟ้าผู้เงียบสงบ แต่มีความหมายคือจักรพรรดินีเลือดเหล็ก!
“ พวกเจ้าทั้งคู่ตื่นแล้ว?เจ้าดูดีมาก พี่สาว มันดูเหมือน เจ้าขอทานน้อยนี่จะรับใช้เจ้าเป็นอย่างดีสินะเมื่อคืนนี้”เสียงของผู้หญิงที่ฟังคล้ายจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ดังจากหน้าต่างเหล็กด้านบน
ผู้หญิงที่อยู่ถัดจากจูหมิงหลาง ยังคงงัวเงียเล็กน้อยราวกับว่านางเมา
“ข้าสงสัยว่าจะมีคนสักกี่คนที่ต้องใจสลายถ้าพวกเขาได้ยินว่าพี่สาวแสนสวยของข้าหลับนอนกับขอทาน แต่ไม่ต้องห่วง พี่สาว ข้าจะทำให้แน่ใจว่าข่าวนี้ไปถึงหูทุกคน และกลายเป็นหัวข้อบนมื้ออาหารค่ำของทุกบ้าน”
คำพูดเหล่านี้ทำให้ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ จูหมิงหลางตื่นตัวเต็มที่ในที่สุด แต่ก่อนที่นางจะตอบอย่างโกรธ ๆ เสียงฝีเท้าด้านนอกก็ค่อยๆหายไปและเสียงหัวเราะแหลมก็ดังก้องอยู่ในคุกใต้ดินที่หนาวเหน็บนี้เป็นเวลานาน
จูหมิงหลางรู้สึกสับสนเล็กน้อย เขาจ้องหญิงสาวที่โดนขังอยู่กับเขา
คนที่อยู่ตรงหน้าข้าเห็นได้ชัดว่าเป็นเจ้าเมืองแห่งนี้ คนที่ถูกเรียกขานว่าวาลคิรี ความงามของนางเป็นของจริง แม้จะไร้เสื้อผ้า…อืม
แล้วตัดสินจากคนที่พูดเมื่อกี้…
“ ท่านถูกโค่น?” จูหมิงหลางทำลายความเงียบในคุกใต้ดินและถาม
ดินแดนแห่งนี้มีความวุ่นวายอย่างมาก สงครามไม่เคยหยุดนิ่ง การเปลี่ยนแปลงของผู้ปกครองก็ไม่น้อยไปกว่าการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล
วาลคีรี่ไม่ได้พูด นางใช้ผมยาวคลุมตัว น่าเสียดาย บริเวณที่ควรจะหนากลับบาง มันปกปิดอะไรแทบไม่ได้เล