dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 536 ความสนใจของปรมาจารย์
บทที่ 536 ความสนใจของปรมาจารย์
ในขณะที่ซูหยางกำลังอธิบายให้ศิษย์ฟังถึงเรื่องความสามารถของ
ค่ายกลชั้นเยี่ยมอยู่นั้น ทุกคนในนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยต่างก็ไม่รู้ว่า
ทั่วทั้งทวีปตะวันออกตกอยู่ในความโกลาหลในเวลานี้
เพราะว่าปราณไร้ลักษณ์ที่ปลดปล่อยออกมาจากหินวิญญาณกว่า
สามร้อยล้านก้อนและพลังวิญญาณที่ปลดปล่อยออกมาจากชิวเยว่
เมื่อตอนที่กระตุ้นค่ายกลชั้นเยี่ยมนั้น ทำให้ทุกคนที่อยู่ไกลออกไป
นับหมื่นกิโลเมตรรู้สึกถึงพลังวิญญาณจำนวนมหาศาลที่ไม่เป็น
ธรรมชาติ ทำให้พวกเขาเชื่อว่าสมบัติวิญญาณที่ทรงพลังมากกำลัง
เกิดขึ้นในบริเวณพื้นที่แห่งนั้น
ข่าวของ “สมบัติวิญญาณ” นี้แพร่กระจายไปทั่วทวีปตะวันออก
เหมือนกับไฟไหม้ป่ าอย่างรุนแรง และภายในเวลาหนึ่งชั่วโมง เกือบ
ทุกตระกูลและสำนักใหญ่ต่างรู้ถึงสถานการณ์
และภายในเวลาไม่กี่นาทีหลังจากที่ได้ยินข่าวนี้ ตระกูลที่มีชื่อเสียง
และสำนักที่เข้มแข็งต่างก็เริ่มส่งผู้เชี่ยวชาญของตนเองเพื่อไปตามหา
สมบัติวิญญาณ หวังว่าพวกเขาจะเป็นคนที่พบมันเป็นคนแรก
ในกรณีส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่พบสมบัติวิญญาณเป็นคน
แรก การต่อสู้ก็จะเกิดขึ้นระหว่างกองกำลัง เมื่อผู้คนมักจะวิ่งไปเจอ
กับศัตรูของตนเองระหว่างการค้นหา
“ท่านเจ้า ทีมค้นหาพร้อมที่จะส่งออกไปและกำลังรอคำสั่งของท่าน
อยู่”
แม้ว่าตระกูลซีจะปกครองตลอดทั่วทั้งทวีปตะวันออก พวกเขาก็ไม่
กล้าที่จะอ้างว่าสมบัติวิญญาณที่เกิดขึ้นตามธรรมชาตินั้นเป็นของ
ตนเองโดยไม่มีการทำอะไรเกี่ยวกับมันเช่นเดียวกับทุกคน ในเมื่อ
นั่นจะเป็นการทำลายภาพพจน์และกฎเกณฑ์ของพวกเขาในทันที
ดังนั้นพวกเขาต้องส่งทีมค้นหาของตนเองออกไปเช่นกัน
“ท่านเจ้า…”
ผู้นำกองกำลังค้นหาของตระกูลซีมองดูเจ้าซีด้วยสีหน้างุนงงเมื่ออีก
ฝ่ายไม่ตอบหลังจากที่ผ่านไปชั่วขณะ
“ยกเลิกทีมค้นหา พวกเราจักไม่เข้าร่วมในครั้งนี้” เขากล่าวด้วยเสียง
เคร่งเครียด
“อะไรนะ… แต่คำร่ำลือบอกว่ามันอาจจะเป็นสมบัติวิญญาณระดับ
เทพในตำนานจากที่มีตำนานกล่าวว่ามันเหนือล้ำกว่ากระทั่งระดับ
สวรรค์และสมบัติวิญญาณระดับนั้นไม่เคยเกิดขึ้นในโลกนี้มาก่อน
นี่อาจจะเป็นครั้งแรกในโลกนี้” ชายคนนั้นกล่าวกับเขาด้วยเสียง
สับสน
ถ้าพวกเขาไม่สนใจโอกาสอันยิ่งใหญ่นี้และพลาดในการได้รับ
สมบัติวิญญาณระดับเทพ แน่นอนว่าพวกเขาต้องเสียใจ
“ข้ารู้ว่ามันจักเป็นความสูญเสียอันยิ่งใหญ่สำหรับพวกเรา แต่เจ้าได้
ลืมไปแล้วหรือว่าใครอาศัยอยู่ในพื้นที่นั้น” เจ้าซีกล่าวกับเขาพร้อม
กับขมวดคิ้ว
“ถ้าข้าจำมิผิด นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยควรจักอยู่ที่พื้นที่นั้น แต่ถึงแม้ว่า
สมบัติวิญญาณนั่นจักเกิดภายในพื้นที่ของพวกเขา พวกเขาก็มิสามารถ
ที่จะอ้างได้ว่าเป็นของพวกเขาหรือพวกเขาจักสามารถไล่คนที่ต้องการ
ค้นหามันได้ เมื่อกฎพื้นฐานใด ๆ ก็จักมิสามารถใช้ได้อีกหลังจากที่มี
การถือกำเนิดขึ้นของสมบัติวิญญาณ” ชายคนนั้นกล่าว
“ความกังวลของพ่อข้ามิได้เกี่ยวกับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย แต่เกี่ยวกับ
คนผู้หนึ่งที่อยู่ภายในนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย” เสียงอีกเสียงหนึ่งพลัน
ก้องขึ้นภายในห้อง
“องค์หญิง”
“ซิงเอ๋อร์…”
ซีซิงฟางตรงเข้าไปหาพวกเขาหลังจากที่เข้ามาร่วมวงสนทนา
“ถ้าสมบัติวิญญาณนั้นปรากฏขึ้นภายในพื้นที่ของนิกายกุสุมาลย์พ้น
พิสัย ย่อมมิมีโอกาสแม้แต่น้อยที่ “เขา” จักมิสังเกตพบมัน” เธอกล่าว
หลังจากนั้น
“เขา… เขาคนนั้นเป็นใครกันที่องค์หญิงอ้างถึง” ชายคนนั้นยังคง
สงสัย
“ซูหยาง” เจ้าซีกล่าว
“อัจฉริยะอันดับหนึ่งผู้ที่ก้าวเข้าถึงเขตอัมพรวิญญาณก่อนที่เขาจะได้
มีอายุถึง 18 ปีรึ “ซูหยาง” คนนั้นนะรึ แม้ว่าเขาจะมีพรสวรรค์น่า
หวาดหวั่นอย่างแท้จริง แต่เขาก็ยังเป็นชนรุ่นหลัง”
เจ้าซีส่ายหน้าและกล่าวว่า “อย่าประมาทเขาเพียงเพราะว่าอายุของ
เขา มิเช่นนั้นเจ้าจักเสียใจในสักวันหนึ่ง แม้ว่าข้อมูลทั้งหมดที่เรามี
เกี่ยวกับเขาก็ยังกล่าวว่าชายคนนั้นมีประวัติความเป็นมาที่ลึกล้ำสุด
หยั่งและไม่ทราบชัด”
“ข้ามิประหลาดใจ หากพบว่าสมบัติวิญญาณนั้นได้ตกอยู่ในมือของ
เขาเรียบร้อยแล้วขณะที่พวกเรากำลังพูดกัน” เขาพูดต่อ
“เป็นไปไม่ได้…” ชายคนนั้นพึมพำด้วยใบหน้างงงัน
“ถึงแม้ว่าจะมีโอกาสอยู่บ้างที่เขายังคงมิได้รับสมบัติวิญญาณนั่น แต่
เขาก็จักยังคงนำหน้าเหนือกว่าทุกคนหลายก้าว และเขาก็จักเป็นคนที่
มีโอกาสหัวเราะในภายหลังสุด”
ชายคนนั้นตกใจอย่างลึกล้ำกับการที่เจ้าซีประเมินค่าซูหยางไว้สูง
มากราวกับว่าเขากำลังยกย่องเทพเจ้าบางองค์
“ดังนั้นจงสลายทีมค้นหา ข้าจักมิพูดซ้ำอีกครั้ง เราจักมิเข้าร่วมการ
ค้นหาในครั้งนี้” เจ้าซีกล่าวกับชายคนนั้นด้วยสีหน้าเข้มงวด
“ตามบัญชาท่านเจ้า”
ชายคนนั้นคำนับเขาก่อนที่จะออกจากห้องนั้นไป
“แล้ว ทำไมเจ้าจึงมาที่นี่” เจ้าซีหันไปดูลูกสาวของตัวเขาเองหลังจาก
นั้น
ซีซิงฟางยิ้มและกล่าวว่า “ท่านพ่อ ข้าต้องการที่จะไปเยี่ยมนิกาย
กุสุมาลย์พ้นพิสัย”
“ทำไมรึ” เขาขมวดคิ้วในทันที “เจ้าเพิ่งไปที่นั่นมามินานนักระหว่าง
การคัดเลือกศิษย์ของพวกเขา”
“ข้ารู้ แต่ว่าข้ามีความรู้สึกว่ามีบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้เกิดขึ้นที่นิกาย
กุสุมาลย์พ้นพิสัย และถ้าคำร่ำลือเป็นจริง ที่ว่าสมบัติวิญญาณระดับ
เทพที่ได้ปรากฏขึ้นนั้น ข้าต้องการที่จะเห็นมันด้วยตัวข้าเอง” เธอ
ตอบอย่างเยือกเย็น
“ข้าเพียงเห็นด้วยในการยอมให้เจ้าออกไปด้านนอกครั้งที่แล้วเพราะว่า
ผู้อาวุโสจงได้อยู่ข้างกายเจ้า ก่อนนี้ข้าได้รับข่าวว่า ดาบเสี้ยวจันทร์ มี
ความเคลื่อนไหวเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังมีปัญหากับพิษในร่างของเจ้า
ข้ามิเห็นด้วยที่จะให้เจ้าออกไปในครั้งนี้ ข้าหวังว่าเจ้าจักเข้าใจ” เขา
กล่าวกับเธอ
แต่อย่างไรก็ตามซีซิงฟางยังคงดื้อดึง กล่าวว่า “ถ้าดาบเสี้ยวจันทร์
เพิ่มความเคลื่อนไหวมากขึ้นจริง เช่นนั้นยิ่งสมเหตุผลสำหรับข้าใน
การที่จะเดินทางไปยังนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยและขอลี้ภัยอยู่ที่นั่น ใน
เมื่อข้ารู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้กับซูหยางมากกว่ากับทหารองครักษ์
ของตระกูลเรา”
“เจ้ากำลังพูดว่านิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยสามารถปกป้องเจ้าได้ดีกว่า
ตระกูลของเจ้าเองรึ” เจ้าซีขมวดคิ้วทันที
“ใช่นั่นแน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ข้ากำลังพูดถึง ท่านพ่อ แม้ว่าข้ามิได้
กล่าวหาท่านที่มิได้เข้าใจความแข็งแกร่งของเขาเพราะว่าท่านมิได้อยู่
ที่นั่นเป็นพยานในการเอาชนะฟูกวางและอสรพิษโลหิตปีศาจของ
เขา ซูหยางก็แข็งแกร่งยิ่งกว่าท่านปู่แล้ว อย่าว่าแต่ท่าน ท่านพ่อ” ซีซิ
งฟางกล่าวกับเขาด้วยสีหน้าจริงจัง
“เจ้า…” เจ้าซีพลันใบหน้าแดงขึ้นมาด้วยความโกรธ
อย่างไรก็ตามเสียงอีกเสียงก็พลันดังก้องขึ้นมาภายในห้อง และเต็ม
ไปด้วยความขบขัน “ในเมื่อหลานสาวสุดที่รักของข้ากล่าวเช่นนั้น
ข้าก็จักเชื่อเช่นนั้นเช่นกัน”
“ท-ท่านพ่อ” เจ้าซีประหลาดใจกับการปรากฏตัวของบรรพชน
“ความสนใจในตัวซูหยางของข้าได้พุ่งทะลุเพดานไปเรียบร้อยแล้ว
ก่อนหน้านี้ และข้าก็จักต้องการที่จะไปรู้จักกับเขาให้ดีขึ้น ดังนั้นข้า
จักไปเป็นเพื่อนกับซิงเอ๋อร์ที่นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย ดังนั้นก็มิควร
จะมีปัญหาอะไรถ้าข้าไปกับเธอ ใช่ไหม นอกจากว่าเจ้ากังวลว่าข้ามิ
สามารถปกป้องเธอ” ชายชรากล่าวขณะที่เขาก้าวเข้ามาภายในห้อง
สร้างความงงงันให้กับทั้งเจ้าซีและซีซิงฟาง