dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 554 ฟางซีหลานกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
- Home
- dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน
- บทที่ 554 ฟางซีหลานกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
บทที่ 554 ฟางซีหลานกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ตั้งแต่ซูหยางเข้ามาในห้อง ฟางเซี่ยวหรูก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองดูเขา
ราวกับว่าเธอถูกสะกดจิตโดยมนตร์เสน่ห์บางอย่าง
แม้ว่าเธอจะเคยได้ยินคำร่ำลือเกี่ยวกับหน้าตาของเขา เธอก็ไม่เคยคิด
ว่าเขาจะเป็นคนที่หล่อเหลาถึงปานนี้
ตัวฟางเซี่ยวหรูเองนั้นเป็นคนประเภทที่ปกติแล้วมองคนอื่นต่ำกว่า
และยากที่เธอจะยอมรับใครแม้กระทั่งคนที่มีอายุมากกว่าเธอก็ตาม
อย่าว่าแต่คนที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ
อย่างไรก็ตามเพียงแค่เธอเหลือบมองไปยังราศีและกริยาท่าทางของ
ซูหยางก็ทำให้เธอรู้ถึงความสามารถและคุณภาพของเขา
และในเวลายี่สิบปีของการอาศัยอยู่ในโลกนี้ เธอก็ไม่เคยเห็นคนใด
เหมือนเขามาก่อน ทั้งที่เธอได้เคยพบกับอัจฉริยะมากมายจากตระกูล
ชั้นสูงหรือสำนักต่าง ๆ ในโลกนี้ แต่ก็ไม่มีใครที่จะสามารถเปรียบ
เทียบได้กับตัวตนที่เหนือล้ำของซูหยางได้
หากว่าเธอสามารถติดตามคนแบบเขาไปชั่วชีวิต เธอก็จะไม่พูดบ่น
อะไรออกมาแม้สักคำไปชั่วชีวิตของเธอ
“ท่านแม่ ข้าได้ตัดสินใจแล้ว” ฟางเซี่ยวหรูพลันกล่าวขึ้นด้วยสีหน้า
หลงใหล “ข้าต้องการที่จะเข้าร่วมกับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย”
“เจ้าว่าอะไรนะ” ฟางเซียนเจว้ร้องลั่น ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วย
ความสับสนตื่นตระหนก
“ไม่มีทางเด็ดขาด เจ้าเสียสติไปแล้วรึ ทำไมเจ้าต้องการอยู่ในที่เล็ก ๆ
เช่นนี้”
“ท่านย่อมจักมิเข้าใจแม้ว่าข้าได้อธิบายมันให้กับท่าน ท่านแม่” ฟาง
เซี่ยวหรูส่ายหน้า
“เจ้า…” ทั่วทั้งใบหน้าของฟางเซียนเจว้พลุ่งพล่านไปด้วยความโกรธ
จนแดงฉาน
“ฟางเซี่ยวหรูต้องการที่จะเข้าร่วมกับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยรึ…”
ฟางซีหลานมองดูอีกฝ่ายด้วยหน้าตาสับสน ราวกับว่าเธอไม่อยาก
เชื่อหูตัวเอง
กระทั่งโหลวหลานจีเองก็อดที่จะยืนอยู่ด้วยสีหน้าสับสนไม่ได้ ฟาง
เซี่ยวหรูเป็นหนึ่งในผู้ที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในทวีปโดยไม่ต้อง
สงสัย และถ้าเธอมาเข้าร่วมกับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย ชื่อเสียงของ
พวกเขาย่อมแน่นอนว่าต้องขึ้นไปสู่อีกระดับหนึ่ง
อย่างไรก็ตามทันใดนั้นเสียงของซูหยางก็ดังขึ้น “ข้าดีใจที่เจ้าสนใจ
ในนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย แต่การทดสอบศิษย์นั้นได้จบสิ้นลงไป
แล้ว ถ้าเจ้าต้องการที่จะเข้าร่วมกับพวกเราเจ้าต้องรอไปจนถึงกระทั่ง
ปีหน้าและผ่านการทดสอบเสียก่อน”
“…”
ทุกคนในห้องหันไปมองเขาด้วยดวงตาและปากที่อ้ากว้าง ในขณะที่
ฟางเซี่ยวหรูซึ่งต้องการที่จะเข้าร่วมกับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยก็น่า
ตกใจพอแล้ว แต่การที่ซูหยางปฏิเสธคนที่มีพรสวรรค์เช่นนั้นเข้าสู่
นิกายของตนเองนั้นเป็นเรื่องที่น่าตกใจยิ่งขึ้นไปอีก
“ท่านมิสามารถที่จะให้ข้าเป็นข้อยกเว้นได้รึ” ฟางเซี่ยวหรูอ้อนวอน
เขาด้วยเสียงออดอ้อนในขณะที่ทำใบหน้าระทดท้อ
“มิว่าเจ้าจะอยู่ในฐานะใด กฎก็คือกฎ ถ้าข้ายอมให้ใครสักคนเข้าได้
อย่างง่ายดาย เช่นนั้นเหล่าศิษย์ที่ได้เข้ารับการทดสอบก็จะรู้สึกว่ามิมี
ความยุติธรรม” ซูหยางส่ายหน้า ยังคงยืนยันการตัดสินใจของตนเอง
“เช่นนั้นจะเป็นไรหรือไม่ถ้าข้าก็ขอทดสอบเช่นกัน ข้ายังจักชดเชย
ให้ท่านสำหรับความยุ่งยากนี้” ฟางเซี่ยวหรูก็ยังคงยืนกรานในการ
ขอเข้าร่วมกับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย
จากนั้นเธอก็พูดต่อว่า “ด้วยร่างกายข้าเป็นยังไง ข้าจักมอบร่างกายนี้
ให้ท่านเป็นการตอบแทนสำหรับการยอมให้ข้าเข้ารับการทดสอบ ถ้า
ข้าพลาด ข้าก็ยังจักมอบร่างกายนี้ให้ท่าน และข้าก็จักยกเลิกความคิด
ในการเข้าร่วมนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย ร่างกายของข้ายังคงบริสุทธ์ิ
หากว่านั่นเป็นสิ่งที่ท่านคิดสงสัย”
“เซี่ยวหรู เจ้าบ้าไปแล้วรึ ถึงกับเสนอพรหมจรรย์เพื่อสิ่งที่โง่เง่าเช่นนี้
ยังมีสำนักอีกนับไม่ถ้วนข้างนอกนั่นที่จักอ้อนวอนขอให้เจ้าเข้า
ร่วมกับสำนักของพวกเขา และแม้กระทั่งสำนักระดับสูงก็ยังมิกล้าที่
จะไล่เจ้าไป ทำไมเจ้าต้องลดตัวมาสู่เส้นทางนี้” ฟางเซียนเจว้ แม่ของ
เธอ รีบขัด
อย่างไรก็ตาม ฟางเซี่ยวหรูยังคงเงียบเฉย สายตาของเธอจับจ้องมอง
ตรงเข้าไปยังดวงตาของซูหยาง
ซูหยางเผยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาหลังจากนั้นชั่วขณะ และเขาก็
พูดขึ้นว่า “ข้าต้องยอมรับว่าการตัดสินใจของเจ้านั้นช่างน่าประทับใจ
เอาอย่างนี้เป็นอย่างไร ข้าจักให้เธอเป็นคนตัดสินใจ”
จากนั้นเขาก็พลันชี้ไปยังฟางซีหลาน ซึ่งถึงกับสะดุ้งโหยง
“อาา ท่านต้องการข้าให้…” เธอถามพร้อมกับชี้ไปยังตัวเอง
ซูหยางพยักหน้า “มิว่าอย่างไรก็ตาม มิเพียงแต่เจ้าเป็นผู้อาวุโสนิกาย
แต่เธอเองก็ยังคงเป็นน้องสาวของเจ้า มีหลายครั้งที่ผู้นำนิกายเองก็
ต้องอาศัยผู้อาวุโสนิกาย”
หลังจากที่ซูหยางยื่นสิทธ์ิในการตัดสินใจอนาคตของฟางเซี่ยวหรูไป
ยังฟางซีหลาน ทุกคนในห้องก็หันไปมองเธอ
“อย่าบอกนะว่าเจ้ากล้าที่จะยอมให้เธอเข้าสู่นิกาย ฟางซีหลาน” แม่
ของเธอพลันตะโกนออกมาใส่เธอ “ข้าสาบานว่าข้าจักทำทุกสิ่งด้วย
อำนาจของข้าในการย่ำยีที่แห่งนี้ถ้าเจ้ายอมให้เธอเข้าสู่นิกายและ
ทำลายอนาคตของเธอ”
ในเวลานั้นฟางเซี่ยวหรูก็ตรงเข้าไปหาเธอและย่อกายของเธอลงจน
กลายเป็นการคำนับฟางซีหลาน
“ได้โปรด พี่สาว ถ้าท่านยอมให้ข้าเข้าสู่นิกาย ข้าจักทำทุกสิ่งที่ท่าน
ต้องการให้ข้าทำ” เธออ้อนวอนจนทำให้ฟางซีหลานตระหนก
ฟางซีหลานถอนหายใจลึกแล้วหลับตาลงครุ่นคิด
“ในขณะที่ทั้งตระกูลฟางได้เยาะเย้ยถากถางข้าที่ไร้ประโยชน์ เธอ
เป็นเพียงผู้เดียวที่มิได้รังแกข้า บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าข้านั้นไร้
ความสำคัญโดยสิ้นเชิงในสายตาของเธอที่จะมายุ่งเกี่ยวด้วย แต่จริง
แล้วข้าก็ต้องขอบคุณที่น้องสาวของข้ามิได้เยาะเย้ยข้า ซึ่งนั่นจะทำ
ให้ชีวิตของข้าในตระกูลจักยิ่งยากลำบากไปกว่าเดิม”
“และในฐานะของพี่สาวคนโตของเธอ ถึงแม้ว่าข้าจักมิได้อยู่ในตระกูล
อีกต่อไปแล้ว แต่อย่างน้อยข้าก็ควรจักฟังคำของเธอ และถ้าการเข้า
ร่วมกับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยจักทำให้เธอพึงพอใจ ข้าก็มิควรจัก
แย่งชิงไปจากเธอ”
ฟางซีหลานลืมตาขึ้นจากนั้นก็มองไปยังมารดาของตนเอง ซึ่งโกรธ
เสียจนกระทั่งเธอสั่นสะท้านไม่หยุดยั้ง
“ในเมื่อเธอถึงกับสิ้นหวังและมิยินยอมที่จะยอมให้ฟางเซี่ยวหรูเข้าสู่
นิกาย แน่นอนว่าเธอจักต้องโกรธเป็นอย่างมากถ้าข้ายอมให้ฟางเซี่ยว
หรูได้รับโอกาสนี้ ทำให้ข้าได้รับการแก้แค้นสำหรับการถูกทำร้าย
ในอดีต แต่ถ้าเธอมีเจตนาที่จะทำร้ายนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยจริง ๆ
หลังจากนั้น…”
ฟางสีหลานรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกถึงที่สุด ด้านหนึ่งนั้นเธอ
ต้องการที่จะเป็นพี่สาวใจดีสำหรับฟางเซี่ยวหรู ยอมให้เธอเข้าร่วมกับ
นิกายและแก้แค้นฟางเซียนเจว้ในเวลาเดียวกัน แต่อีกด้านหนึ่งนั้น
เธอก็ไม่ต้องการที่จะสร้างปัญหาให้กับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยจาก
การถูกตระกูลฟางเพ่งเล็งนิกายจากการตัดสินใจของเธอ ในเมื่อเธอ
ได้สร้างปัญหามากมายให้กับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยไปแล้วครั้งหนึ่ง
จากเซี่ยวไป่ ซึ่งเกือบทำให้นิกายล่มสลาย