dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 582 การรุกรานของสํานักสุวรรณสิงห์ 2
- Home
- dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน
- บทที่ 582 การรุกรานของสํานักสุวรรณสิงห์ 2
บทที่ 582 การรุกรานของสํานักสุวรรณสิงห์ 2
“รอสักครู่… ทําไมท่านต้องไปพบกับเจ้าลามกนั่น” ชิวเยวถามเขาพร้อมกับขมวดคิ้ว
“เพราะว่าข้ากําลังจะไปฆ่าเจ้านั่น” เขาตอบอย่างเยือกเย็นง่ายดาย
“อ-อะไรนะ…” เสียงประหลาดใจดังขึ้นมาจากภายในห้องนั้น และหลังจากนั้นชั่วขณะเธอก็ถามเขา
“ทําไมท่านจึงทําเช่นนั้น”
“เพราะว่า…” ซูหยางทําการอธิบายสถานการณ์ให้กับเธอจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับเซี่ยวหรงไปจนถึงกระทั่งสถานการณ์ของซีซิงฟาง
“ข้าเข้าใจ..” ชิวเยว่พึมพัม
เวลาหลังจากนั้น เธอก็กล่าวด้วยเสียงเบาว่า “ท่าน…. ต้องการให้ข้าไปกับท่านด้วยหรือไม่”
“นั่นย่อมจักทําให้สิ่งต่างๆง่ายขึ้นหากมีเจ้าที่นั่น แต่ก็มิจําเป็นนักในเมื่อข้าได้ให้เชี่ยวหรงไปกับข้าเรียบร้อยแล้ว” ซูหยางกล่าวกับเธอ
ภายในห้องนั้นชิวเยว่ได้ขมวดคิ้วบนใบหน้าสวยนั้น ด้วยเหตุผลบางอย่าง ประโยคสุดท้ายของซูหยางได้ทําให้เกิดความสึกไม่สบายใจในใจของเธอ ในเมื่อมันทําให้เธอรู้สึกเหมือนกับว่าเธอนั้น ถูกแทนที่ด้วยเซี่ยวหรง
สองสามอึดใจให้หลัง ประตูก็เปิดออก และชิวเยว่ก็มองไปที่ซูหยางด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าจักไปกับท่านด้วย” เธอกล่าวด้วยเสียงบูดบึ้ง
เมื่อเห็นเช่นนั้นซูหยางก็เพียงแค่พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม และกล่าวว่า “พวกเราจักไปในวันพรุ่งนี้”
ชิวเยว่พยักหน้าก่อนที่จะปิดประตูอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
“สวรรค์ ถ้าข้าต้องมองดูหน้าเขาต่อไปอีกวินาที ความรู้สึกของข้าจักต้องสูญเสียการควบคุม นั่นเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างที่สุด” ชิวเยว่ร่ําร้องในใจหลังจากนั้น รู้สึกถึงเสียงหัวใจเต้นที่เร่งร้อนเหมือนกับเสียงกลองรบ
ถ้าหากว่ามันต้องใช้ความพยายามทั้งหมดของเธอในการพูดกับซูหยางโดยไม่หน้าแดงเมื่อกี้นี้ เธอก็ไม่สามารถจินตนาการได้ว่าจะเป็นการทรมานมากแค่ไหนสําหรับเธอในวันพรุ่งนี้
วันถัดมา ซูหยางก็ออกจากศาลาหยินหยางพร้อมกับเชียวหรงอยู่ข้างกายโดยมีชิวเยว่เดินอยู่ห่างด้านหลังจากเขาไปหลายเมตร
หลังจากที่เดินไปหลายนาที พวกเขาก็ได้เห็นซีหวังและซีซิงฟางรอคอยพวกเขาในที่ไกลออกไป
“เป็นเทพธิดาจริงๆ” แรงดันเลือดของซีหวังพลันพุ่งกระฉูดหลังจากที่เห็นรูปลักษณ์พ้นโลกและรัศมีกดดันของชิวเยว่
อย่างไรก็ตามก็ยังมีคนอีกคนที่อยู่ที่นั่นที่ก็ดึงดูดความสนใจของเขาเช่นกัน เด็กหญิงที่เดินอยู่ข้างกายของซูหยาง ซึ่งดูสวยงามเช่นเดียวกับชิวเยว่ กระทั่งมีหน้าตาที่คล้ายคลึงกันบ้างเล็กน้อย
“เด็กหญิงคนนั้นเป็นใครกัน” เขาคิดสงสัยในใจ
ในสายตาของซีหวัง เชี่ยวหรงดูก็คือลูกสาวของชิวเยว่กับซูหยางเพียงแค่มองผ่านๆ แต่หลังจากที่นึกถึงอายุอันอ่อนเยาว์ของซูหยาง ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นไปไม่ได้สําหรับเขาที่จะมีเด็กในวัยของเซี่ยวหรง
“ผู้เยาว์คนนี้คารวะผู้อาวุโส” ซีหวังคํานับชิวเยว่อย่างนอบน้อมเมื่อเธอเข้ามาใกล้มากพอ
ชิวเยว่เพียงแค่เหลือบมองเขาและพยักหน้าเล็กน้อยในทํานองว่ารับรู้แล้วก่อนที่จะเลิกสนใจเขาอีกครั้ง
แม้ว่ามันดูเหมือนจะไม่เป็นการเคารพ แต่ซีหวังก็พึงพอใจแล้วเพียงจากรับรู้ของเธอ
“พวกท่านเตรียมตัวเดินทางแล้วรี” ซูหยางถามพวกเขาทั้งสองคน
“ใช่.. แต่…” ซีซิงฟางมองดูเชี่ยวหรงด้วยสายตาสงสัย และเธอได้ถามเขาด้วยเสียงเป็นกังวล “เด็กหญิงคนนี้เป็นใครกัน ท่านคิดที่จะพาเธอไปกับพวกเราด้วยรี”
ซูหยางพยักหน้าและกล่าวว่า “อย่าประเมินเธอต่ําไปเพราะว่าเห็นหน้าตาอ่อนเยาว์ของเธอ ในเมื่อเธอนั้นเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้”
“อ-อะไรนะ” ซีหวังกับซีซิงฟางมองดูเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง
เด็กหญิงตัวเล็กๆที่ดูไร้เดียงสานี้เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขานั้นจริงๆ
“เธอถึงกับแข็งแกร่งยิ่งกว่าเทพธิดานั่นเป็นไปไม่ได้ ข้ามิสามารถแม้กระทั่งรู้สึกได้ว่ามี พลังวิญญาณอะไรที่ออกมาจากตัวเธอ” ซีหวังพลันสงสัยถึงการกล่าวอ้างนั้นในทันที ในเมื่อนั่นปกติแล้วเป็นเรื่องยากเกินไปที่จะเชื่อ
เมื่อซูหยางเห็นความสงสัยบนใบหน้าของซีหวัง รอยยิ้มลึกลับก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา และเขาก็พูดกับอีกฝ่ายหลังจากนั้นไม่นานนัก “ถ้าท่านมิมั่นใจ ท่านอยากจะลิ้มลองความสามารถของเธอหรือไม่”
“อะไรนะ” ดวงตาของซีหวังเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจเมื่อได้ยินคําพูดของเขา
แม้ว่าเขาสามารถรู้สึกได้ถึงลางร้ายมาจากรอยยิ้มของซูหยาง แต่เขาก็มีความสงสัยในความแข็งแกร่งของเซียวหรงเช่นเดียวกัน
“ถ้าท่านกังวล ข้าสามารถจํากัดการเคลื่อนไหวของเธอเพื่อที่ว่าเธอจะไม่เคลื่อนไหวแม้กระทั่งแขนขาต่อเจ้า ยิ่งไปกว่านั้นเธอก็จักมิใช้วิชาใดๆ สิ่งที่ยอมให้เธอใช้ก็คือปากของเธอ ลมหายใจเดียวในการเอาชนะท่าน”
“ลมหายใจเดียวในการเอาชนะข้างั้นรี นั่นเจ้ามิดูถูกข้าเกินไป ซูหยาง เผื่อว่าเจ้าได้ลืมไป ข้ายังคงอยู่ในเขตราชันวิญญาณนะ” ซีหวังกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว รู้สึกเหมือนกับว่าเขาถูกซูหยางถากถางด้วยคําพูด
“ข้ามิได้หมายความว่าจะดูถูกท่าน แต่ข้าก็มต้องการให้เธอพลาดพลั้งฆ่าท่านไปต่อหน้าชิงเอ่อร์เช่นกัน” ซูหยางยักไหล่
คิ้วของซีหวังกระตุกในทันที และเขาตะโกนออกมาด้วยความโกรธในทันที “เจ้าทําไปแล้วซูหยาง ถ้าเธอมิสามารถที่จะเอาชนะข้าได้ด้วยลมหายใจเดียว ข้าจักทําให้เจ้าเสียใจที่ดูถูกข้า”
“ปู่” ซีซิงฟางถอนใจ
ซูหยางยิ้ม และเขาก็มองไปยังเชียวหรงแล้วกล่าวกับเธอ “เจ้าคงได้ยินทุกอย่างแล้ว เอาชนะ เขาด้วยลมหายใจเดียว แต่อย่าฆ่าเขาล่ะ”
เชี่ยวหรงพยักหน้าอย่างเยือกเย็น
“เอาละ เมื่อไหร่ก็ตามที่ท่านพร้อม” ซูหยางกล่าวกับซีหวัง ซึ่งเริ่มรวบรวมพลังวิญญาณของตนเองในทันที
“ฮาวา”
ภายในไม่กี่วินาที ซีหวังก็ใช้พลังปราณไร้ลักษณ์เกือบทั้งหมดของเขาเพื่อสร้างเกราะพลังวิญญาณระหว่าเขากับเซียวหรง
“เอาเลย” เขากล่าวหลังจากที่เตรียมตัวพร้อมแล้ว
“เจ้าได้ยินเขาแล้ว” ซูหยางกล่าวกับเธอ
เมื่อได้ยินคําพูดของเขา เซี่ยวหรงก็สูดหายใจลึกกว่าปกติเล็กน้อยก่อนที่จะเปาออกไปอย่างอ่อนโยนไปยังทิศทางของซีหวัง
“หะ”
ลมพายุทรงอํานาจมหาศาลปรากฏขึ้นและม่านพลังที่สร้างขึ้นจากซีหวังก็ไม่สามารถทนอยู่ได้ แม้จะเพียงครึ่งวินาทีก่อนที่จะแตกกระจายไปนับล้านชิ้น
อย่างไรก็ตามนั่นยังไม่ใช่ที่สุด เมื่อลมหายใจของเซี่ยวหรงได้ไปต่อยังทิศทางของซีหวัง
ซีหวังพลันรู้สึกเหมือนกับว่าเขานั้นปะทะเข้ากับผนังเหล็ก และเขาก็ถูกส่งปลิวไปไกลกว่าพันเมตรก่อนที่จะลับหายไปจากสายตาของพวกเขาเหมือนกับยุงที่ถูกหวด
“ป-ปู” ซีซิงฟางปิดปากเธอด้วยความตกใจหลังจากที่เห็นฉากอันยิ่งใหญ่นี้