dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน - Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - ตอนที่ 190 พบจางซิวยิงอีกครั้ง
- Home
- dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน
- Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - ตอนที่ 190 พบจางซิวยิงอีกครั้ง
“ซ-ซูหยาง ซูหยาง” จากซิวยิงเรียกเขาขณะที่ไล่ตามหลังร่างเขาที่ลับตาไป
“หืม” ซูหยางหยุดเดินหลังจากที่ได้ยินเสียงหวานคุ้นหูเรียกชื่อเขา
เมื่อหันกลับมา เขาก็เห็นหญิงสาวสวยสวมชุดแดงตรงมาหาเขาด้วยท่าทางตื่นเต้นบนใบหน้า
“โอ เจ้าคือ…” ซูหยางพลันจำหน้าตาน่ารักเธอได้ทันที โดยเฉพาะร่างแบบบางและยั่วยวนของเธอ เธอคือจางซิวยิง ศิษย์ของนิกายดอกบัวเพลิง เธอมอบแก่นหยินบริสุทธิ์ให้กับเขาที่โรงประมูลดอกบัวเพลิง
“ท-ท่านจำข้าได้หรือไม่ ซูหยาง ข้าคือ–”
“จางซิวยิง ใช่ไหม” ซูหยางกล่าวพร้อมรอยยิ้มนุ่มนวลบนใบหน้า
“ช-ใช่…” จางซิวยิงตอนแรกกล้วว่าเขาจะลืมเธอ แต่ไม่เพียงแต่เขาจดจำเธอได้ เธอยังคงค่อนข้างแปลกใจกับบรรยากาศอันอบอุ่นรอบกายซูหยาง เขาดูยิ่งเป็นกันเองและหล่อเหลากว่าเดิม และดูเป็นมิตรยิ่งขึ้น
“ท-ท่านมาทำอะไรที่นี่ที่เมืองดอกบัว” เธอถามเขา “ถ้าท่านมองหาสถานที่ ข้าสามารถพาท่านไปที่นั่นได้”
ซูหยางพยักหน้าและกล่าวว่า “ข้ามีธุระบางอย่างกับนิกายดอกบัวเพลิงอยู่จริง ดังนั้นถ้าเจ้าไม่รังเกียจที่จะพาข้าไปที่นั่น”
“ข้ายินดี” จางซิวยิงลืมเรื่องเกี่ยวกับเพื่อนศิษย์ไปจนหมดสิ้นในตอนนี้ เธอตกลงที่จะพาเขาไปที่นิกายดอกบัวเพลิง
“ศิษย์น้องหญิงจาง เจ้ากำลังจะไปไหน”
อย่างไรก็ตามก่อนที่เธอจะได้จากไป เพื่อนศิษย์ได้ตามเธอมาทัน
“เขาเป็นคนรู้จักของเจ้ารึ” ศิษย์คนหนึ่งถาม
“ใช่แล้ว ข้าต้องขออภัยที่ต้องไปกระทันหัน แต่ข้ามีธุระบางอย่างที่ต้องทำตอนนี้…”
เมื่อจางซิวยิงกล่าวถ้อยคำเหล่านั้น บรรดาศิษย์ที่นั่นล้วนหันไปมองดูซูหยางด้วยสายตาพิเคราะห์
เหล่าศิษย์หญิงต่างพากันตื่นตะลึงกับรูปโฉมอันหล่อเหลาและสง่างามของซหยาง และบางคนถึงกับหน้าแดงโดยไม่อาจควบคุม แต่สำหรับศิษย์ชายภายในกลุ่มพวกเขาล้วนมองดูซูหยางด้วยสายตาไม่เป็นมิตรและอิจฉา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่คลั่งใคล้จางซิวยิงสายตาล้วนเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“เจ้ามาจากนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยรึ” หนึ่งในศิษย์ชายจำชุดคลุมซูหยางได้
“อะไรกัน สถานที่น่าสะอิดสะเอียนที่เต็มไปด้วยโสเภณีและแมงดาสารเลวนั่นรึ”
“เฮ้ ระวังปากของพวกเจ้า” จางซิวยิงมีท่าทางโกรธเมื่อศิษย์ชายดูถูกซูหยาง
อย่างไรก็ตามการที่จางซิวยิงปกป้องซูหยางยิ่งทำให้บรรดาศิษย์เหล่านั้นโกรธยิ่งขึ้นไปอีกและรุ่มร้อนไปด้วยเพลิงริษยา
“ศิษย์น้องหญิงจาง ทำไมเจ้าไปเกี่ยวข้องกับคนจากนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย หรือเจ้าไม่รู้ว่าพวกเขามีภาพพจน์เลวร้ายเพียงใดในสายตาของสาธารณะชน คนจากสถานที่แห่งนั้นล้วนเป็นกลุ่มคนที่ต้องการแต่มีเพศสัมพันธ์โดยไร้ยางอายไม่ต่างจากพวกสัตว์ที่ติดสัด”
“กล้าดียังไง—”
ขณะที่จางซิวยิงกำลังจะระเบิดโทสะ ซูหยางพลันกอดคอเธอไว้หลวมๆด้วยท่าทางสนิทสนม จนทำให้จางซิวยิงร่างกายแข็งทื่อด้วยความตระหนก
“ซ-ซูหยาง” เธอมองดูเขาด้วยท่าทางตื่นตะลึง
“จ-เจ้าคิดว่าเจ้ากำลังทำอะไรกับหนึ่งในศิษย์ของพวกเรา”
“เอามือสกปรกของเจ้าออกไปให้พ้นจากเธอ”
การกระทำของซูหยางสร้างความโกรธแค้นให้กับเหล่าศิษย์ชายในทันที ดังที่เขาคาดการณ์ไว้
“นี่ก็ผ่านมาสักพักแล้วที่เราได้พูดคุยกัน ดังนั้นทำไมเราไม่หาที่ไหนสักแห่งที่เงียบสงบและเป็นส่วนตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้องของเจ้า” ซูหยางกล่าวด้วยเสียงปลอบโยนจนกระทั่งศิษย์หญิงที่ยืนห่างออกไปจากเขายังรู้สึกอยากพาเขาไปที่ห้องตนเอง
จางซิวยิงนึกถึงเวลาที่เธอใช้ร่วมกับเขาที่โรงประมูลดอกบัวเพลิงและพยักหน้าเบาๆด้วยท่าทางเอียงอาย ใบหน้าแดงก่ำ
“ส-สารเลว ช่างไร้ยางอาย”
“อย่าฟังเขา ศิษย์น้องหญิงจาง เขาเพียงหลอกใช้เจ้า”
การโต้เถียงของเขาได้กระตุ้นความสนใจของทุกคนที่นั่นมานานแล้ว แต่พวกเขาดูเหมือนไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก
“ไปกันเถอะ” ซูหยางกล่าวขณะที่เขาดึงจางซิวยิงไป ไม่สนใจศิษย์นิกายดอกบัวเพลิงเหล่านั้นตั้งแต่ต้น
“หยุดอยู่ตรงนั้น”
พลันนั้นเอง แรงกดดันทรงพลังที่ระดับสูงสุดของผู้ฝึกวิชาเขตสัมมาวิญญาณก็ถาโถมใส่ซูหยาง
อย่างไรก็ตามเพราะว่าซูหยางอยู่ในระดับสูงสุดของเขตปฐพีวิญญาณ ยากที่แรงกดดันนี้จะสะกิดเขาได้
“ศิษย์พี่ชายเชา”
เหล่าศิษย์ของนิกายดอกบัวเพลิงพลันสังเกตเห็นคนที่เพิ่งเข้ามา ซึ่งสวมชุดแดงและมีดอกบัวสีดำอยู่บนอก สิ่งที่บ่งบอกว่าเป็นศิษย์หลักของนิกายดอกบัวเพลิง
เมื่อศิษย์พี่ชายคนนี้เชามาถึง เขาก็ยืนต่อหน้าซูหยางและกล่าวด้วยใบหน้าท่าทางหยิ่งยะโส “ข้ามิสนใจว่าเจ้ามาจากไหน แต่เมื่อเจ้าอยู่ในพื้นที่ของเรา ข้าจักมิทนต่อการขาดความนับถือต่อเหล่าศิษย์ของนิกายดอกบัวเพลิงของข้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมื่อพวกเขาล้วนเป็นศิษย์ใน”
ซูหยางหยุดเพียงเสี้ยววินาทีเพื่อที่จะมองไปยังศิษย์นอกคนนี้ด้วยท่าทางไม่ใส่ใจก่อนที่จะเดินอ้อมเขาไป เพิกเฉยต่อตัวตนของอีกฝ่ายอย่างสิ้นเชิง
ศิษย์หลักนี้พลันสั่นสะท้านด้วยความโกรธเมื่อซูหยางไม่สนใจเขา
“เจ้ากล้าดียังไง–”
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ศิษย์หลักจะทันได้หันหน้า มือใหญ่ข้างหนึ่งก็ปรากฏต่อหน้าเขา
เพี๊ยะ
ซูหยางส่งศิษย์หลักนี้บินข้ามถนนด้วยการตบเพียงครั้งเดียว สร้างความตระหนกให้กับทุกคนที่นั่น
“ศ-ศิษย์พี่ชายเชา”
เหล่าศิษย์คนอื่นต่างพากันมีท่าทางหวาดกลัวหลังจากที่เห็นซูหยางจัดการศิษย์หลักของพวกเขาโดยแทบไม่ได้ใช้ความพยายามใดเลย
หลังจากจัดการกับศิษย์หลักแล้ว ซูหยางก็เหลือบมองไปยังเหล่าศิษย์เหล่านั้นอีกครั้งด้วยหางตา ทำให้พวกเขาสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
เขาชี้มือไปยังพวกพวกเขาและทำท่ากวักมือเรียกเหล่าศิษย์ที่พ่นถ้อยคำขยะก่อนหน้านั้น
“ถ้าพวกเจ้ามิเข้ามา ข้าจักเข้าไปหาเอง และนั่นจักเจ็บเป็นสองเท่า” ซูหยางกล่าวกับพวกเขาด้วยท่าทางเฉยเมยหลังจากที่พวกเขายังคงยืนอยู่ตรงนั้น เห็นชัดว่าชะงักค้างด้วยความหวาดกลัว
“น-ในเมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว พวกเราคงต้องช่วยกันสู้กับเขา” หนึ่งในบรรดาศิษย์เหล่านั้นแนะนำ
ดังนั้นด้วยพลังการฝึกปรือเขตคัมภีร์วิญญาณ เหล่าศิษย์ต่างพากันพุ่งเข้าหาซูหยางผู้ที่อยู่จุดสูงสุดของเขาปฐพีวิญญาณ
สองสามวินาทีต่อมา ก็มีเสียงตบดังๆสามทีภายในเมืองดอกบัว และร่างอีกสามร่างก็เห็นปลิวข้ามถนนไป
“พวกตัวตลก” ซูหยางส่ายหน้า
เขาพลันกล่าวกับจางซิวยิงที่ยังตกตะลึง “ตอนนี้ขณะที่มิมีตัวกวนแล้ว เรารีบไปที่นิกายดอกบัวเพลิงกัน”
“ต-ตกลง…” เธอตอบพร้อมพยักหน้าช้าๆ