dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน - Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - ตอนที่ 275
- Home
- dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน
- Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - ตอนที่ 275
ตอนที่ 275: เขตอัมพรวิญญาณ
เวลาสองวันผ่านไปนับตั้งแต่นิกายดอกบัวเพลิงมาเยี่ยมนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย
ไม่มีสิ่งน่าสนใจใดเกิดขึ้นในสองวันนี้และนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยก็เงียบดังเช่นปกติ
ในวันที่สามก็มีคนคนหนึ่งตรงเข้าไปยังที่พักของซูหยางแต่เช้าตรู่
หลังจากที่ใช้เวลาผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ในการดูแลเซียวไป่และมั่นใจว่าเธอสบายดีแล้ว สุดท้ายฟางซีหลานก็สามารถปล่อยเซี่ยวไป่ไว้ตามลำพังในห้องได้
มีคำถามนับร้อยพันในใจเธอต่อซูหยาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวตนที่เธอรู้สึกได้ระหว่างการรุกรานของนิกายล้านอสรพิษ
ครั้นเมื่อเธอไปถึงหน้าประตูที่พักของซูหยาง ฟางซีหลานสูดลมหายใจลึกก่อนที่จะเคาะประตู
ไม่นานหลังจากนั้น ร่างหนึ่งก็เปิดประตูต้อนรับฟางซีหลาน
อย่างไรก็ตามนั่นไม่ใช่ซูหยางที่แสดงตนที่ประตู แต่กลับเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆในชุดเรียบๆสีขาว
ฟางซีหลานเลิกคิ้วเมื่อเห็นเด็กหญิงเล็กๆคนนี้ เธอจำไม่ได้ว่าเคยเห็นอีกฝ่ายมาก่อน
“เจ้าต้องการอะไร” เซียวลี่ถามเธอด้วยเสียงเรียบเฉย
“ซู…ซูหยางอยู่ข้างในหรือไม่”
เซียวลี่พยักหน้า
“ข้าขอพบเขาได้ไหม ข้ามาที่นี่เพื่อฝึกวิชา” เธอกล่าว
“ตอนนี้นายท่านปิดประตูฝึกฝน เจ้ามิอาจเจอเขาจนกว่าเขาจะฝึกเสร็จ”
“อย่างนั้นรึ…เจ้าพอจะบอกให้เขารู้ได้ไหมว่าฟางซีหลานมาที่นี่เพื่อพบกับเขา”
ฟางซีหลานหันกายและเริ่มเดินจากไป
ในเวลานั้นในใจของฟางซีหลานคิดสงสัยว่าเด็กหญิงตัวน้อยนี้เป็นใคร
ทันใดนั้นเธอพลันนึกถึงคำกล่าวของโหลวหลานจีเกี่ยวกับเด็กหญิงตัวน้อยผู้ที่ฆ่าล้างบางผู้คนจากนิกายล้านอสรพิษ
“เธอคงมิใช่เด็กหญิงตัวเล็กที่ผู้นำนิกายพูดถึงใช่ไหม”
ฟางซีหลานร่างสั่นสะท้านเมื่อเธอตระหนักว่าเป็นไปได้สูงมากที่เด็กหญิงตัวเล็กที่ฆ่าคนนิกายล้านอสรพิษอาจจะอยู่ในที่พักของซูหยางในเวลานี้
อย่างไรก็ตามเธอก็ยังคงรู้สึกโล่งใจที่มีจอมยุทธที่ทรงอำนาจมากอาศัยอยู่ในนิกายในตอนนี้ เพราะว่านั่นจะทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาเช่นนี้
“เธอยังเรียกเขาว่านายท่านด้วย…”
ฟางซีหลานไม่สามารถจินตนาการได้ว่าซูหยางไปพบจอมยุทธที่ทรงอำนาจเช่นนี้ได้อย่างไร อย่าว่าแต่กลายเป็นนายท่านของเธอด้วย
กล่าวไปแล้วบางทีเด็กหญิงตัวเล็กคนนี้อาจจะเป็นเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้ซูหยางเข้าถึงเขตปฐพีวิญญาณขณะที่อายุยังเยาว์วัย
ในเวลานั้นซูหยางอยู่ในขั้นตอนของการก้าวข้ามไปสู่เขตอัมพรวิญญาณ
หลังจากที่ดูดซับแก่นพลังหยินของหวังชูเหรินแล้ว บางอย่างที่เขาไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นในเร็วนี้นั่นคือพลังการฝึกปรือของเขาพุ่งทะยานอย่างรวดเร็วยอมให้เขาเข้าสู่เขตอัมพรวิญญาณโดยไม่มีความยากลำบาก
ซูหยางนั่งอยู่ภายในห้องของตนเองและฝึกฝนอย่างเงียบๆมาทั้งวัน
แม้ว่าจะมั่นใจว่าเขาไม่ต้องใช้เวลาทั้งวันในการก้าวผ่านเข้าสู่เขตอัมพรวิญญาณ แต่เขาก็ต้องการทำมันไปช้าๆอย่างสมบูรณ์แบบเพื่อที่จะได้ไม่มีจุดด่างพร้อยในรากฐานของเขา
แม้ว่าเขตอัมพรวิญญาณไม่ได้มีอะไรพิเศษและก็ไม่ใช่ครึ่งทางสู่จุดสูงสุด แต่มันก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของผู้ฝึกยุทธที่มาถึงระดับนี้ ในเมื่อระดับนี้ผู้ฝึกยุทธจะถือว่าเป็นการเข้าสู่ยุทธภพอย่างแท้จริง กลายเป็นผู้ฝึกยุทธอย่างแท้จริง
ในสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ ถ้าเจ้าอยู่ต่ำกว่าเขตอัมพรวิญญาณ ก็จะไม่มีใครนับเจ้าเป็นผู้ฝึกยุทธแต่เป็นเพียงแค่คนธรรมดาที่มีความแข็งแกร่งและความเร็วที่ค่อนข้างพิเศษเล็กน้อย ซึ่งหากอยู่ในเขตอัมพรวิญญาณคนคนนั้นก็จะตระหนักได้ว่าปราณไร้ลักษณ์ของตนได้ใช้ประโยชน์เต็มที่แล้ว
สิ้นสุดวันและการฝึกวิชา ซูหยางลืมตาขึ้นเผยให้เห็นถึงอัญมณีอันสุกสว่างลึกล้ำที่เป็นประกายไม่รู้จบราวกับบรรจุไว้ด้วยดวงดารานับไม่ถ้วน
ซูหยางถอนหายใจลึกและครุ่นคิดในใจ “สุดท้ายข้าก็เข้าสู่เขตอัมพรวิญญาณ แต่ถ้าข้ากลับไปสู่สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ในตอนนี้ ข้าต้องตายโดยมิทันได้รู้ตัวแน่นอน”
แม้ว่าเขาจะมีทางเลือกที่จะกลับไปสู่สวรรค์ศักดิ์ตอนนี้ และถึงแม้ว่าเขาอยากกลับไปมากเพียงใดก็ตาม ซูหยางก็ได้แต่ยับยั้งความคิดเช่นนั้นจนกว่าเขาจะมีความมั่นใจในความสามารถของตัวเองในการปกป้องตัวเอง
เพราะว่าถ้าเขากลับสู่สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ในสภาพปัจจุบัน มีโอกาสสูงที่เขาอาจตายจากเพียงแค่การเข้าไปใกล้การต่อสู้ระหว่างผู้ฝึกยุทธเขตศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังไม่ได้กล่าวถึงสิ่งมีชีวิตอันตรายนับไม่ถ้วนและธรรมชาติที่ไม่อาจคาดเดาได้ที่พบเห็นเป็นปกติในที่นั้น
“เขตราชันย์วิญญาณ…ไม่ ข้าควรจะรับไหวหากไปได้ถึงระดับสูงสุดของเขตอัมพรวิญญาณ”
ในขณะนี้ซูหยางตัดสินใจที่จะใช้ระดับสูงสุดของเขตอัมพรวิญญาณเป็นเป้าหมายก่อนที่จะกลับคืนสู่สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ ถ้าเขาพบวิธีกลับไปก่อนนั้น เขาก็จะยังคงอยู่ในโลกแห่งนี้และฝึกฝนจนกว่าเขาจะพร้อม
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ตามอุดมคติแบบนั้นเป็นบางอย่างที่อาจจะใช้ได้เพียงถ้าพวกเขามีเวลามากมายพอที่จะนั่งลงรอคอย ถ้าวิธีกลับบ้านไม่อาจรอพวกเขาได้ เขาก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากไปจากสถานที่แห่งนี้แม้ว่าเขายังเตรียมตัวไม่พร้อม
“จุดสูงสุดของเขตอัมพรวิญญาณ เฮ้อ…ถ้าข้ายังคงฝึกฝนต่ออยู่ในที่แห่งนี้ ข้าคงก้าวไปถึงระดับสองของเขตอัมพรวิญญาณในช่วงการแข่งขันระดับภูมิภาค หากงานนั้นเสร็จสิ้นแล้วข้าคงต้องจากที่แห่งนี้…”
ถ้าซูหยางต้องการจะไปให้ถึงระดับสูงสุดของเขตอัมพรวิญญาณก่อนชิวเยวี่ยพบวิธีกลับบ้าน เช่นนั้นการอยู่ที่นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยก็จะเป็นเพียงการขัดขวางความก้าวหน้าของเขา เพราะว่าด้วยอัตราก้าวหน้าเช่นนี้ ย่อมต้องใช้เวลาของเขาหลายปีกว่าจะถึงระดับสูงสุดของเขตอัมพรวิญญาณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้ฝึกยุทธในที่แห่งนี้ก็เพียงแค่อยู่ในเขตปฐพีวิญญาณ
“ครึ่งปี… นี่คงจะเป็นช่วงเวลาสุดท้ายที่ข้าใช้ในที่แห่งนี้ที่ยาวนานที่สุด…”
สองสามนาทีหลังจากนั้นซูหยางก็ออกจากห้อง
“นายท่าน”
เซียวลี่อยู่ด้านนอกรอคอยเขาอยู่
“มนุษย์ที่ชื่อฟางซีหลานมาเยี่ยมนายท่านระหว่างที่นายท่านกำลังฝึกยุทธ” เธอพลันเตือนเขาถึงการมาของอีกฝ่าย
“ขอบคุณ” ซูหยางพยักหน้า
“ข้าจักกลับมาไม่นานนัก”
หลังจากนั้นซูหยางก็ออกจากที่พักของเขาตรงไปยังที่พักของฟางซีหลาน