dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน - Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - ตอนที่ 288
- Home
- dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน
- Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - ตอนที่ 288
DC บทที่ 288: ลิ้มลองซุนจิงจิง
ซูหยางและโหลวหลานจีปล่อยให้ฟางซีหลานและเซียวไปอยู่ตามลำพังหลังจากนั้นไม่นาน
“ซูหยาง รอสักครู่”
โหลวหลานจีหยุดเขาไว้ก่อนที่เขาจะทันได้จากไป
“มีเรื่องอะไรรึ ผู้นำนิกาย หรือว่าเจ้าเปลี่ยนใจและตัดสินใจที่จะด่าข้าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสองสามวันก่อน”
ซูหยางถามพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า
“ฮึ่ม แม้ว่าข้ามิลงโทษเจ้าเรื่องนั้น ข้ายังคงมิลืมสิ่งที่เจ้าได้ทำไว้กับหน้าข้า และข้าหวังว่าเจ้ายังคงมิลืมเรื่องนั้นเช่นกัน”
ซูหยางเลิกคิ้วคิดสงสัยว่าเธอพูดถึงเรื่องอะไร
หลังจากคิดอย่างรวดเร็วชั่วขณะ สุดท้ายเขาก็นึกได้ถึงเหตุการณ์ที่เขาได้ตบหน้าเธอเพื่อปลุกให้ตื่นขึ้นจากการหลับไหลอย่างยาวนานของเธอ
“โอ เรื่องนั้นรึ มีอะไรรึ” เขาตอบสนองแบบผ่านๆ
“ข้าจักให้บทลงโทษเจ้าในตอนนี้”
ซูหยางไม่ได้พูดอะไรและรอให้เธอพูดต่อ
“สำหรับการลงโทษที่ตบหน้าข้า ข้าจักให้เจ้าอบรมศิษย์รุ่นเยาว์สักหลายวัน”
ซูหยางเลิกคิ้วอีกครั้ง เขาจักฝึกอบรมศิษย์รุ่นเยาว์รึ
“ปกติแล้วมิใช่ว่าจะต้องเป็นผู้อาวุโสนิกายทำหน้าที่นี้รึ เจ้ามั่นใจว่าเจ้าต้องการให้ข้าที่เป็นศิษย์ไร้ประสบการณ์และการศึกษาให้ไปอบรมผู้ที่เป็นอนาคตของนิกายนี้”
ซูหยางถาม
เมื่อซูหยางพูดออกมาเช่นนี้ ทำให้โหลวหลานจีทบทวนการตัดสินใจของเธออีกครั้ง
อย่างไรก็ตามหลังจากที่นึกถึงชายกลอกกลิ้งซูหยาง เธอก็พูดขึ้น “แม้ว่าข้าจะเรียกมันว่าเป็นการอบรม เจ้ามิจำเป็นต้องเขียนหรืออ่านในเรื่องนี้ ดังนั้นจึงไม่มีปัญหา ตามจริงหัวข้อของการอบรมจักตัดสินใจโดยตัวเจ้าเอง ผู้ให้การอบรม”
“เช่นนั้นหมายความว่าข้าสามารถทำการอบรมอะไรก็ได้ที่ข้าต้องการให้มันเป็น”
“ใช่แล้ว”
โหลวหลานจีพยักหน้า
“อย่างไรก็ตามให้กล่าวไปแล้ว หัวข้อต้องอยู่ในขอบเขตความเชี่ยวชาญของพวกเรา นั่นก็คือการฝึกวิชาคู่”
“นั่นมิมีปัญหา ใช่ว่าข้าจักมิรู้อะไรเลย”
ซูหยางยักไหล่พร้อมรอยยิ้ม
“เช่นนั้นเมื่อไหร่ข้าจักเริ่ม และต้องอบรมมากน้อยกี่ครั้งที่ข้าต้องจัดให้”
“ข้ามิสนใจว่าเมื่อไหร่ที่เจ้าตัดสินใจที่จะให้การอบรมเหล่านี้ แต่นั่นต้องอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ส่วนสำหรับกี่ครั้งนั้น…”
หลังจากคิดไปชั่วขณะ เธอก็กล่าวต่อว่า “เจ็ด ข้าต้องการให้เจ้าอบรมให้เจ็ดครั้ง เจ้าสามารถทำทุกอย่างนี้ได้ภายในหนึ่งอาทิตย์ หรือเจ้าสามารถยืดเวลาออกเป็นเป็นเจ็ดอาทิตย์ก็ได้ ตราบเท่าที่เจ้าอบรมครบเจ็ดครั้ง ข้าจักยกโทษให้สำหรับการตบหน้าสวยของข้า”
ซูหยางไม่ได้ปฏิเสธแม้แต่น้อยและทำการพยักหน้า
“เช่นนั้นก็ดี ข้าจักให้การอบรมศิษย์รุ่นเยาว์เหล่านี้”
ที่โหลวหลานจีไม่รู้ก็คือซูหยางได้พิจารณาที่จะสอนเหล่าศิษย์รุ่นเยาว์เหล่านี้ไปสองสามอย่างก่อนที่เธอจะมาหาเขาเรียบร้อยแล้ว ตามจริงกระทั่งแม้ไม่มีการลงโทษนี้ เขาก็จะไปหาเธอและขออนุญาตสอนเหล่าศิษย์รุ่นเยาว์
เหตุผลที่เขาต้องการสอนเหล่าศิษย์รุ่นเยาว์เหล่านี้นั้นง่ายดาย เขารู้สึกว่าคุณภาพโดยรวมของการฝึกวิชาคู่ในสถานที่แห่งนี้ค่อนข้างแห้งแล้งน่าเบื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานที่ที่เชี่ยวชาญเฉพาะในด้านนี้ ดังนั้นเขาต้องการที่จะยกระดับมาตรฐานขึ้นหนึ่งถึงสองระดับ
“ในเมื่อเจ้าเข้าใจแล้ว ก็เพียงใช้ป้ายหยกนี้แจ้งพวกเขาถึงวันที่เจ้าจักให้การอบรม”
โหลวหลานจีทิ้งเขาไว้ตามลำพังหลังจากที่ให้ป้ายหยกแก่เขา
บนหนทางกลับบ้าน ซูหยางก็ครุ่นคิดว่าเขาควรจะอบรมศิษย์รุ่นเยาว์อย่างไร
“ประสบการณ์การใช้มือจักยังคงเป็นไปไม่ได้เมื่อพิจารณาถึงอายุของพวกเขา แต่นั่นยังมีวิธีอื่นๆอีกหลายวิธีในการสอนพวกเขา”
หลังจากที่กลับถึงบ้าน ซูหยางก็เริ่มเตรียมอุปกรณ์สำหรับการอบรม
–
–
–
วันถัดมาแขกที่ไม่คาดคิดก็มายังที่พักของซูหยาง
“ซูหยาง เจ้าว่างหรือเปล่าตอนนี้”
ซุนจิงจิงซึ่งยืนอยู่ด้านนอกประตูถามเขา
“ข้าว่าง”
“นั่นดีจริง”
ซุนจิงจิงพยักหน้า
หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ เธอก็กล่าวต่อว่า “เช่นนั้นเจ้าต้องการร่วมฝึกกับข้าไหม”
ซูหยางเลิกคิ้วรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับการตรงเข้ามาในทันทีของเธอ
“เจ้า… เจ้ามิต้องการข้าเป็นคู่ฝึกรึ”
ซุนจิงจิงถามหลังจากที่ไม่ได้รับคำตอบเป็นเวลาสองสามวินาที
ซูหยางหัวเราะเล็กน้อยและกล่าวว่า “ข้าเพียงแค่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเนื่องมาจากมันเกิดขึ้นกระทันหัน เข้ามาข้างในสิ ข้ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ร่วมฝึกกับเจ้า”
ครั้นเมื่อพวกเขาเข้าไปข้างใน ซุนจิงจิงก็นั่งลงไปบนเตียงของเขาด้วยท่าทางแข็งกระด้าง ดูเหมือนจะกังวลกับสถานการณ์
ความจริงแล้วนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเธอที่รู้สึกกังวลมากเช่นนี้
“อืม… บอกเจ้าตามตรง ข้ายังคงบริสุทธิ์อยู่… ดังนั้นนี่จึงเป็นครั้งแรกของข้า…”
ซุนจิงจิงตัดสินใจที่จะบอกเขาตามความเป็นจริง สิ่งที่เขารู้อยู่แล้วตั้งแต่วันแรกที่เขาพบกับเธอ
“และเจ้าตัดสินใจที่จะเลือกข้าเป็นคู่ฝึกคนแรกของเจ้า ข้ารู้สึกเป็นเกียรติ”
“…”
ซุนจิงจิงหน้าแดงกับคำพูดของเขา
เวลาต่อจากนั้นครั้นเมื่อซุนจิงจิงได้เตรียมใจพร้อมแล้ว เธอก็เริ่มถอดชุด
หลังจากนั้นไม่นาน ครั้นเมื่อทั้งคู่เปลือยเปล่าแล้ว ซุนจิงจิงก็ตรงเข้าไปหาซูหยาง
“แม้ว่าข้าจะมีประสบการณ์เป็นศูนย์ในเรื่องนี้ ก็ใช่ว่าข้าจะมิรู้อะไรเลย…”
ซุนจิงจิงตรงเข้าไปจับน้องชายของซูหยางที่แข็งตัวเรียบร้อยแล้ว และเริ่มขยับมือเรียบเนียนของเธออย่างนุ่มนวล
ต่อจากนั้นเธอก็ขยับปากเข้าไปใกล้ปลายยอดและเริ่มเลีย
ครั้นเมื่อเธอคุ้นเคยกับความรู้สึกยั่วเย้านี้ ซุนจิงจิงก็อ้าปากกว้างและรับแก่นแกร่งของซูหยางเข้าไปในปาก
และไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ซุนจิงจิงก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่นอีกนอกจากแท่งแกร่งที่อยู่ในปากเธอ ราวกับว่าเธอได้เกิดความติดใจสิ่งนั้นเข้าแล้ว
“อืม..”
“อืมมมมม”
“อืมมมมมมมม”…”
ขณะที่ซุนจิงจิงลิ้มรสทุกซอกหลืบของน้องชายของเขา ซูหยางก็คิดในใจว่า “มิเลวสำหรับครั้งแรกของเธอ…”
แม้ว่าเธอจะแข็งกระด้างและใช้แรงไปบ้างในตอนแรก ซุนจิงจิงก็เรียนรู้การใช้ปากของเธอสร้างความเพลิดเพลินได้อย่างรวดเร็ว และภายในไม่กี่นาทีเธอก็ดูดด่ำกับแท่งของซูหยางราวกับว่าเธอเป็นผู้เชี่ยวชาญ
หลังจากไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ซูหยางก็กล่าวกับเธอว่า “ให้ข้าสร้างความสุขให้กับเจ้าบ้างตอนนี้”
ซุนจิงจิงพยักหน้าและนอนลงบนเตียง ไม่สนใจแม้จะปิดบังร่างกายงดงามแม้แต่น้อย
เธอมีอกขนาดกลาง ร่างกายที่เพรียวไร้ริ้วรอย และกลีบดอกไม้ที่ดูน่าลิ้มลองที่พร้อมที่จะถูกเชยชมได้ทุกขณะตอนนี้
อย่างไรก็ตามซูหยางไม่ได้ทิ่มแทงเธอในทันทีและตัดสินใจที่จะลิ้มลองถ้ำเล็กแฉะชื้นของเธอด้วยปากของเขาก่อน
“อาาาา”
ซุนจิงจิงอ้าปากค้างจากความตื่นเต้นขณะที่ลิ้นของซูหยางกดประทับลงไปบนถ้ำของเธออย่างอ่อนโยน และในชั่วขณะนั้นเธอก็รู้สึกราวกับว่าเธอได้เข้าสู่สรวงสวรรค์ ร่ำร้องครวญครางอย่างพึงพอใจ