dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน - Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - ตอนที่ 298
- Home
- dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน
- Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - ตอนที่ 298
Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน – ตอนที่ 298
DC บทที่ 298: เตรียมการแข่งขันระดับภูมิภาค
หลังจากที่เขาให้ศิษย์รุ่นเยาว์เลิกเรียน ซูหยางก็กลับไปยังที่พักของเขา ซึ่งเขาก็ได้ใช้เวลาเวลาอีกสองสามสัปดาห์ต่อจากนั้นในการฝึกวิชาจนกระทั่งเหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งเดือนก่อนจะถึงพิธีเปิดการแข่งขันระดับภูมิภาค
วันหนึ่งโหลวหลานจีก็เรียกซูหยางและศิษย์ทุกคนที่จะเข้าร่วมในการแข่งขันระดับภูมิภาค
ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ศิษย์สิบคนรวมถึงซูหยางก็มารวมตัวกันที่หน้าศาลาหยินหยาง ซึ่งโหลหลานจีและผู้อาวุโสนิกายอีกสองสามคนได้รอพวกเขาอยู่แล้ว
“เหตุผลที่ข้าเรียกพวกเจ้าทุกคนมารวมตัวกันที่นี่ไม่มีอะไรมาก การแข่งขันระดับภูมิภาคอยู่ห่างไปเพียงหนึ่งเดือน และพวกเราต้องลงทะเบียนนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยของเราในฐานะผู้เข้าร่วมแข่งขัน” โหลวหลานจีพูดหลังจากที่พวกเขาทั้งหมดมาถึงแล้ว
“อย่างไรก็ตามก่อนที่เราจะสามารถลงทะเบียนชื่อของพวกเราได้ เราต้องมั่นใจว่าพวกเรามีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมจริงๆ มิเช่นนั้นเราก็จะเหมือนคนโง่เมื่อเราไปถึงที่นั่น ดังนั้นข้าต้องการดูว่าพวกเจ้ามีคุณสมบัติพอหรือไม่”
โหลวหลานจีจึงหันไปมองดูซูหยางและพูดว่า “แม้ว่าข้ามิได้ตรวจสอบพวกเธอก่อนนี้ก็เพราะว่าข้าเชื่อมั่นในตัวเจ้า เจ้ามีอะไรที่จะพูดไหมก่อนที่เราจะเริ่ม”
ซูหยางส่ายหน้าอย่างเยือกเย็น
“เช่นนั้นก็ดี… แสดงให้ข้าเห็นถึงพลังการฝึกปรือของพวกเจ้า”
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ศิษย์นอกเจ็ดคนที่อยู่ในการดูแลของซูหยางก็ปลดปล่อยพลังการฝึกปรือของตนเองออกมา จนเกิดกลิ่นอายอันล้ำลึกรายล้อมพวกเธอ
“ส-ส-สัมมาวิญญาณ”
ไม่เพียงแต่โหลวหลานจีแต่กระทั่งผู้อาวุโสเจ้าและผู้อาวุโสซุนก็ยังคงตกตะลึงไร้คำกล่าวกับการเติบโตอย่างรวดเร็วของพวกเธอ
“ในเวลามิถึงครึ่งปี พวกเธอทั้งเจ็ดสามารถเข้าถึงเขตสัมมาวิญญาณได้จากเขตปฐมวิญญาณ นี่ไปไกลเกินกว่าความคาดคิดของข้านัก”
โหลวหลานจีสั่นสะท้านไปด้วยความตื่นเต้นเมื่อเธอเห็นการเติบโตของศิษย์ของตนเอง โดยไม่มีวี่แววนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยได้รับเจ็ดคนที่มีคุณสมบัติมากพอที่จะเป็นศิษย์หลัก
“ก-เกิดอะไรขึ้นบนโลกใบนี้กันที่เจ้าทำให้พวกเธอก้าวหน้ารวดเร็วปานนี้ ซูหยาง” ผู้อาวุโสซุนถามเขาด้วยสายตาตกตะลึง
“อะไรกัน ข้าก็แค่ฝึกฝนร่วมกับพวกเธอตามปกติ” ซูหยางยักไหล่
“ร-ไร้สาระ ต่อให้เจ้าป้อนพวกเธอด้วยสมบัติล้ำค่าอย่างต่อเนื่องทุกวันเป็นเวลาสองสามเดือน พวกเธอก็มิควรเติบโตรวดเร็วปานนี้” ผู้อาวุโสเจ้าสับสน กระทั่งเขาเองก็ไม่อาจจะเชื่อ
“ไม่ว่าท่านจะเชื่อหรือไม่นั่นมิได้มีปัญหาใด ในเมื่อสิ่งที่สำคัญทั้งหมดก็คือผลลัพธ์ และผลลัพธ์เป็นยังไงล่ะ พวกเธอตอนนี้มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมในการแข่งขันระดับภูมิภาคแล้ว”
“ซูหยางพูดถูก…”
แม้ว่าเธอไม่ต้องการที่จะยอมรับ โหลวหลานจีก็ได้เห็นด้วยกับซูหยางในกรณีนี้ ไม่ว่าเขาจะจัดการให้เกิดปาฏิหาริย์เช่นนั้นได้อย่างไร สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือผลลัพธ์
ทันใดนั้น ขณะที่โหลวหลานจีและผู้อาวุโสนิกายยังคงงุนงงกับการเติบโตของศิษย์ทั้งเจ็ด ซุนจิงจิงก็ปลดปล่อยพลังการฝึกปรือของเธอออกมา แสดงตัวตนอันทรงอำนาจให้ปรากฏ
“ข-ข-เขตปฐพีวิญญาณ”
ผู้อาวุโสซุนกรามตกร่วงลงสู่พื้นเมื่อซุนจิงจิงเผยพลังการฝึกปรือของเธอเอง
“เกิดสิ่งเช่นนี้ได้อย่างไร เธอเพียงอยู่ในเขตสัมมาวิญญาณระดับสองเมื่อเพียงสองสามอาทิตย์ก่อน”
ผู้อาวุโสซุนคิดในใจ
เมื่อคิดว่าหลานสาวได้ก้าวล้ำนำหน้าเขาเรื่องพลังการฝึกปรือไปแล้วอย่างง่ายดาย… อนาคตของเธอนั้นไร้ขีดจำกัด
เมื่อซุนจิงจิงเห็นสายตาตกตะลึงจ้องมองมายังตัวเธอ เธอก็แสดงรอยยิ้มภูมิใจออกมาเห็นได้ชัดว่าเธอภูมิใจในความสำเร็จของตัวเอง
ความจริงแล้วหลังจากที่ซุนจิงจิงมอบความบริสุทธิ์ให้กับซูหยาง ซุนจิงจิงได้ฝึกวิชาร่วมกับซูหยางเกือบทุกวันและด้วยความช่วยเหลือจากน้ำมันรัญจวนและทรัพยากรการฝึกฝนอื่นๆที่จัดหาให้จากซูหยาง ซุนจิงจิงจึงผ่านเข้าสู่เขตปฐพีวิญญาณได้อย่างฉิวเฉียดเมื่อไม่กี่วันก่อน
โหลวหลานจียืนอยู่ที่นั่นด้วยสีหน้าว่างเปล่าในเวลานั้น ในเมื่อเธอไม่มั่นใจว่าเธอควรมีปฏิกิริยาเช่นไรในสถานการณ์นี้
ศิษย์ทั้งหกคนก่อนหน้านี้เติบโตก้าวหน้ามากพอที่จะทำให้เธอตกตะลึงพูดไม่ออกเรียบร้อยแล้ว แต่ซุนจิงจิงยังสามารถเข้าถึงเขตปฐพีวิญญาณได้ในขณะที่อายุยังน้อยเพียงนี้ หากเป็นเช่นนี้ซุนจิงจิงจะต้องก้าวล้ำนำหน้าเธอไปภายในไม่กี่เดือนอย่างแน่นอน
โหลวหลานจีทำการหันไปมองดูฟางซีหลานซึ่งยืนอยู่ที่นั่นด้วยสีหน้าเรียบเฉย ดูเหมือนกับว่าเธอไม่แปลกใจแม้แต่น้อยกับความก้าวหน้าของพวกเธอ
“พลังการฝึกปรือของเธอไปถึงไหนแล้วตอนนี้ ในเมื่อเธอได้อยู่ที่ระดับสูงสุดของเขตสัมมาวิญญาณก่อนหน้านี้… บางทีเธอได้เหนือข้า ผู้นำนิกาย ไปแล้วในด้านการฝึกวิชา”
โหลวหลานจีครุ่นคิดในใจ
อย่างไรก็ตามเพราะว่าเธอไม่ต้องการที่จะยืนยันผลลัพธ์ ทั้งยังรู้สึกกลัวอยู่บ้างเล็กน้อยกับผลลัพธ์ โหลวหลานจีตัดสินใจที่จะหยุดการตรวจสอบไว้ก่อน จึงกล่าวว่า “อ-เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว… พวกเจ้าทุกคนมีคุณสมบัติพอสำหรับการแข่งขันระดับภูมิภาค…”
“ตอนนี้เรายังต้องไปลงทะเบียนการแข่งขัน ดังนั้นพวกเราจักตรงไปยังสถานที่ซึ่งการแข่งขันจักจัดขึ้น เมืองหิมะร่วง”
“เอ๋ เราจะไปที่นั่นตอนนี้เลยเหรอ”
เมื่อพบว่านี่ค่อนข้างจะกระทันหัน ซุนจิงจิงจึงถามขึ้น
“ไม่ เราจะจากไปในอีกสามวัน ดังนั้นจงใช้เวลานี้ในการเตรียมตัว” โหลวหลานจีตอบ
ผู้อาวุโสเจ้ากระตือรือล้นเข้ามาร่วมในวงสนทนาและอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติม
“การลงทะเบียนสำหรับการแข่งขันระดับภูมิภาคได้เริ่มต้นเรียบร้อยแล้ว และมันจักสิ้นสุดสองสัปดาห์ก่อนที่การแข่งขันจักเริ่มต้น ซึ่งนั่นจักต้องใช้เวลาพวกเราประมาณเจ็ดวันในการไปถึงเมืองหิมะร่วงทำให้เรามีเวลาเหลือไม่กี่วันในการลงทะเบียน”
“ยิ่งไปกว่านั้นยามเมื่อเราไปถึงเมืองหิมะร่วงแล้วเราจักต้องอยู่ที่นั่นจนกว่าทุกสิ่งจะจบสิ้น ดังนั้นจงเตรียมตัวให้พร้อม”
“พวกเจ้ามีคำถามอะไรกับพวกเราอีกไหม”
“ใครจักไปกับพวกเรายังเมืองหิมะร่วง” ฟางซีหลานถาม
“ทุกคนจักอยู่ที่นี่ยกเว้นผู้อาวุโสเจ้าที่จักไปเมืองหิมะร่วง นอกจากนั้นถ้ามีศิษย์คนไหนต้องการที่จะติดตามพวกเราไปเพื่อที่พวกเขาจักสามารถชมการแข่งขัน หากเป็นเช่นนั้นเราก็จักพาพวกเขาไปด้วย” โหลวหลานจีพูด
นอกจากโหลวหลานจีและผู้อาวุโสซุน ก็ยังมีผู้อาวุโสคนอื่นอีกสามคนยังอยู่ เพราะว่าเหตุผลด้านความปลอดภัยและเนื่องมาจากพวกเขาขาดคน โหลวหลานจีจึงมีทางเลือกน้อยในการที่จะพาใครไป ในเมื่อเธอไม่ต้องการที่จะปล่อยนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยให้อ่อนแอในระหว่างที่พวกเขากำลังเดินทาง
“เอาล่ะเราจักพบกันในที่แห่งนี้สามวันให้หลังจากนี้”
โหลวหลานจีปล่อยพวกเขาจากไปก่อนที่จะไปเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันระดับภูมิภาค