dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน - Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 315
- Home
- dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน
- Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 315
บทที่ 315 จงคุกเข่าต่อหน้าท่านเจ้า
“ผู้นำนิกาย ข้าจักออกไปชั่วขณะ” ซูหยางกล่าวกับโหลวหลานจีซึ่ง
รอพวกเขาอยู่ข้างนอก
“เอ๋ เจ้าจักไปไหนรึ” เธอถามเขาเมื่อเห็นว่านี่ช่างกะทันหันเกินไป
ซูหยางแค่ชี้ไปยังผู้อาวุโสจงเป็นการตอบคำถามเธอ
“ข้าคงต้องขอยืมตัวเขาชั่วขณะ” ผู้อาวุโสจงกล่าว
ในเมื่อปราชญ์กระบี่ศักด์ิสิทธ์ิจะอยู่ข้างกายเขา ดังนั้นโหลวหลานจี
จึงไม่กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของซูหยางและยอมรับการเดินทาง
ไปของเขาอย่างง่าย ๆ
“เจ้าจักกลับมาทันพรุ่งนี้หรือไม่ยามเมื่อเราลงทะเบียนการแข่งขัน”
โหลวหลานจีถาม
ผู้อาวุโสจงเงียบไปชั่วขณะในเมื่อเขาไม่มั่นใจว่าเจ้าซีต้องการทำ
อะไรกับซูหยาง ต่อให้เขาไม่ได้ฆ่าผู้อาวุโสนิกายจากนิกายแท่นบูชา
ทองแต่ก็เหมือนกับว่าเจ้าซีมีเจตนาอื่นกับเขา
“แน่นอน” ซูหยางกล่าวด้วยรอยยิ้มมั่นใจ
ไม่นานหลังจากนั้นซูหยางและผู้อาวุโสจงก็ออกจากโรงเตี๊ยมเกล็ด
หิมะ
“ถ้าเจ้ามิทำหรือพูดอะไรงี่เง่า เจ้าอาจจะสามารถกลับมาภายในพรุ่งนี้”
ผู้อาวุโสจงกล่าวหลังจากที่พวกเขาออกไป
“ถ้าข้าต้องการไปใครกล้าหยุดข้ารึ” ซูหยางกล่าวอย่างเยือกเย็น
“ข้าหวังว่าเจ้ากล้าที่จะทำท่าหยิ่งยโสต่อหน้าเจ้าซี” ผู้อาวุโสซีแค่น
เสียงเย็นชา
หลังจากการสนทนาสั้น ๆ พวกเขาก็เดินทางไปยังบ้านตระกูลซี
อย่างเงียบกริบ
เวลาต่อมาหลังจากนั้นซูหยางก็ยืนอยู่ตรงหน้าแผ่นดินตระกูลซีที่
กว้างใหญ่เท่ากับสำนักหนึ่ง
สังเกตเห็นซูหยางจ้องไปยังภาพอันยิ่งใหญ่ข้างหน้าผู้อาวุโสจงก็พูด
ขึ้นว่า “เรายังคงอยู่ที่ทางเข้าและเจ้าก็หวาดหวั่นเสียแล้วรึ ปฏิกิริยา
เช่นนั้นมิเข้ากับบุคลิกของเจ้าเลย”
ซูหยางเพียงแค่ยักไหล่ เขาไม่อยากเสียลมปากกับผู้อาวุโสจง
“เปิดประตูและแจ้งเจ้าซีว่าข้าได้กลับมาแล้วพร้อมกับ “เซียวหยาง””
ผู้อาวุโสจงกล่าวกับทหารรักษาการณ์คนหนึ่ง
หลังจากที่ทหารรักษาการณ์เปิดประตู ผู้อาวุโสจงก็ได้นำซูหยางไป
ยังหนึ่งในร้อยห้องรับแขกภายในอาคารขนาดใหญ่
“เราจักรออยู่ที่นี่จนกว่าเจ้าซีจะเรียกหาเรา” ผู้อาวุโสจงกล่าว
“และข้าจักเตือนเจ้าตอนนี้ว่า เจ้าซีเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดในทวีป
ตะวันออกนี้รองลงมาจากท่านบรรพบุรุษ อีกนัยหนึ่งก็คือเขาเป็น
จักรพรรดิของสถานที่นี้ เจ้าสามารถไม่เคารพข้าได้ตามที่เจ้าต้องการ
แต่เขามิใช่คนที่เจ้าสามารถล่วงเกินได้ ถ้าเจ้าเห็นค่าชีวิตตัวเอง จะ
เป็นประโยชน์สูงสุดต่อเจ้าหากจะละทิ้งความเย่อหยิ่งต่อหน้าเขา”
“เจ้าพูดว่าจักรพรรดิรึ ฮ่าฮ่าฮ่า” ซูหยางพลันระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“ขำอะไรกัน” ผู้อาวุโสจงขมวดคิ้ว
“ข้าควรจะพาเจ้าไปทวีปศักด์ิสิทธ์ิกลางสักวันหนึ่งจริง ๆ เพื่อเปิดหู
เปิดตาเจ้า”
“อะไรกัน เจ้าเคยไปทวีปศักด์ิสิทธ์ิกลางมาก่อนรึ ไม่… ที่สำคัญไป
กว่านั้น… เจ้ารู้วิธีไปที่นั่น” ผู้อาวุโสจงตกใจเป็นอย่างมากราวกับว่า
เขามองเห็นผี
อย่างไรก็ตามก่อนที่ซูหยางจะทันได้ตอบคำถาม คนรับใช้ของ
ตระกูลซีก็ได้เคาะประตูห้อง
“ผู้อาวุโสจง ท่านเจ้าได้รับรู้ว่าท่านได้กลับมาแล้วและตอนนี้ได้รอ
ท่านไปแสดงตัวในท้องพระโรง”
“ดูเหมือนว่าเป็นเวลาที่จะต้องพบกับ “จักรพรรดิ” คนนี้แล้ว” ซูหยาง
กล่าวขณะที่เขาเดินไปทางประตู
“เดี๋ยวก่อน เจ้ายังมิได้ตอบคำถามข้า เจ้ารู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับทวีป
ศักด์ิสิทธ์ิกลางบ้าง”
แต่อนิจจาซูหยางไม่สนใจเขาอย่างสิ้นเชิงและพูดกับคนรับใช้ที่รอ
อยู่ด้านข้างว่า “พาข้าไปยังท้องพระโรง”
“ซูหยาง… เจ้าเลว…” ผู้อาวุโสจงกัดฟันด้วยความโกรธเมื่อซูหยาง
ไม่สนใจเขา
อย่างไรก็ตามต่อให้เขาต้องการที่จะมัดซูหยางติดเก้าอี้และตั้งคำถาม
อีกฝ่ายในตอนนี้แค่ไหนก็ตาม เขาก็ไม่อาจที่จะปล่อยให้เจ้าซีรอพวก
เขานานเกินไป
“เจ้าอาจจะไม่สนใจข้าในตอนนี้แต่ข้าจักมั่นใจว่าจะต้องได้คำตอบ
จากเจ้าก่อนที่เจ้าจะจากที่นี่ไป”
ผู้อาวุโสจงสาบานในใจก่อนที่จะติดตามคนรับใช้และซูหยางไปพบ
เจ้าซี
ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นซูหยางก็ไปถึงท้องพระโรงพร้อมกับผู้อาวุโส
จงด้านข้าง
“ท่านเจ้า ผู้อาวุโสจงและเซียวหยางมาถึงแล้ว”
คนรับใช้เคาะประตู
“ให้พวกเขาเข้ามาข้างใน”
สุ้มเสียงอันแข็งแกร่งดังขึ้นมาจากด้านหลังประตูใหญ่
ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น ประตูก็เปิดออกและซูหยางก็เดินเข้าไปใน
ห้องอย่างสบาย ๆ ที่ซึ่งคนหลายสิบคนได้รออยู่แล้ว
ด้านในสุดของห้องนี้เป็นชายวัยกลางคนที่มีรูปลักษณ์อันเข้มแข็ง
และกลิ่นอายน่าหวาดหวั่น
ส่วนสำหรับคนอื่น ๆ พวกเขาล้วนสวมชุดเกราะอันทรงอานุภาพ
และยืนอยู่สองฟากข้างของห้องด้วยสมบัติวิญญาณระดับสวรรค์ใน
มือและท่าทางดุร้ายมองดูเหมือนกับว่าพวกเขากำลังเตรียมตัวทำ
สงคราม
“ท่านเจ้า” ผู้อาวุโสจงพลันคุกเข่าลงต่อหน้าชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่
ด้านในสุดของห้องทันทีที่เขาเข้ามาในห้อง
ส่วนสำหรับซูหยางนั้น เขาเพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางเยือกเย็น
“จงคุกเข่าต่อหน้าท่านเจ้า”
ทหารองครักษ์ที่ยืนอยู่ของข้างพากันตะโกนออกมาอย่างพร้อมเพรียง
กัน นำมาซึ่งกลิ่นอายอันข่มขู่กดดันลงบนร่างซูหยาง
ทหารองครักษ์เหล่านี้ล้วนอยู่จุดสูงสุดของเขตปฐพีวิญญาณและบาง
คนก็อยู่ในเขตอัมพรวิญญาณ
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะถูกกดดันจากกลิ่นอายของจอมยุทธนับสิบที่
ถือว่าอยู่ในระดับสูงสุดของโลกนี้ ซูหยางก็ยังคงยืนอยู่ที่นั่นด้วย
ท่าทางเฉยเมยเหมือนกับว่าเขาไม่รู้สึกถึงแรงกดดันเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นเช่นนี้ผู้อาวุโสจงได้แต่แอบถอนหายใจ
“น่าสนใจ…” เจ้าซียิ้มภายในใจเมื่อเขาเห็นแรงต้านทานของซูหยาง
“เจ้ามิได้ยินพวกเรารึเจ้าคนต่ำช้า จงคุกเข่าลงต่อหน้าท่านเจ้า”
ทหารองครักษ์พลันไม่พึงพอใจกับปฏิกิริยาของเขาและตระเตรียม
อาวุธของตนเองในทันทีชี้ไปยังซูหยาง
ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นสุดท้ายซูหยางก็เปิดปากพูด
“ถ้าท่านพาข้ามาที่นี่เพียงเพื่อที่จะให้สุนัขเหล่านี้เห่าเข้ามาในหูข้า ข้า
จักหันกายกลับไปเดี๋ยวนี้”
“เจ้า…เจ้าลูกสำส่อน”
บรรดาทหารองครักษ์ต่างพากันคำรามด้วยความโกรธหลังจากที่ถูก
ซูหยางเรียกเป็นสุนัขและสองสามคนในนั้นก็ได้พุ่งเข้าหาซูหยาง
พร้อมจิตสังหาร
“อนิจจา… เจ้าทำอะไรลงไป หรือว่าเจ้าพยายามหาที่ตายในวันนี้จริง ๆ”
ผู้อาวุโสจงซึ่งยังคงอยู่ในท่านั่งคุกเข่าทอดถอนใจเมื่อเขาไม่ได้มี
ความคิดที่จะช่วยซูหยางซึ่งเขาได้เตือนไว้แล้วก่อนที่จะมาที่นี่