dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน - Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 332
- Home
- dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน
- Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 332
บทที่ 332 ข้าต้องการเข้าร่วมนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย
“เจ้ามิควรล้อเล่นเช่นนี้ น้องหญิง มิใช่ว่าเจ้าเป็นศิษย์ของสำนักหงส์
สวรรค์ที่ทรงเกียรติแล้วรึ นั่นย่อมเป็นการดูหมิ่นพวกเขาอย่างแรง”
หนึ่งในเหล่าศิษย์กล่าว
“เจ้าเพิ่งเป็นศิษย์ส่วนตัวของเจ้าสำนักไม่นานมานี้ด้วยเช่นกัน”
“เอ๋ พวกท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าเป็นศิษย์ของเจ้าสำนักด้วย” ซูหยิน
ถาม
“พี่น้องคนนั้นบอกเราเกี่ยวกับเจ้าเล็กน้อยเมื่อเราถามก่อนหน้านี้”
“ข้าเข้าใจละ…อย่างไรก็ตามอะไรทำให้พวกท่านคิดว่าข้าพูดเล่น ข้า
จริงจังที่สุดในตอนนี้ ถ้าข้าสามารถส่งความรักของข้าต่อพี่ชายได้
อย่างอิสระ ข้าจักมิลังเลที่จะจากสำนักหงส์สวรรค์มาเข้าร่วมกับ
นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยเลย” ซูหยินพูดด้วยสีหน้าท่าทางจริงจัง
เมื่อเห็นการตัดสินใจเข้าร่วมนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยของซูหยิน
บรรดาศิษย์ต่างสบสายตากันอย่างงงงวย
“สำหรับเรื่องนี้นั้นเกินความสามารถของพวกเรา ข้าคิดว่าเจ้าควรจะ
พูดกับท่านผู้นำนิกายของเราเกี่ยวกับเรื่องนี้แทน” หนึ่งในหมู่ศิษย์
กล่าว
“ได้ ข้าจักพูดกับเธอตอนนี้เลย”
ซูหยินพลันมุ่งตรงไปยังประตูทิ้งให้เหล่าศิษย์อยู่อย่างงงงัน
“เธอวางแผนที่จะออกจากสำนักหงส์สวรรค์มาเข้าร่วมกับนิกาย
กุสุมาลย์พ้นพิสัยจริงหรือ แม้ว่าเธอจะเป็นน้องสาวของศิษย์พี่ชาย
ข้าก็มิคิดว่านั่นจักเป็นความคิดที่ดีนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนิกาย
ของเราอยู่ในสภาพเช่นนี้”
“ใช่ นั่นจักดูเหมือนว่าเรากำลังขโมยศิษย์ของพวกเขา และเราก็มิ
อาจจะพยายามล่วงเกินสำนักระดับสูงอื่นได้อีก…”
เหล่าศิษย์ของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยต่างพากันส่ายหน้า
หลังจากที่ออกจากห้อง ซูหยินก็ตรงไปหาโหลวหลานจี ซึ่งพูดอยู่
กับเหยาหนิงในอีกห้องในเวลานั้น
“ว่าไง เจ้าได้รู้อะไรบ้าง” เหยาหนิงถามเธอด้วยรอยยิ้มที่มีเลศนัย
“ฮึ่ม” ซูหยินแค่นเสียงเย็นชา
“ข้าจักถือว่านี่เป็นคำตอบว่าใช่” เหยาหนิงพูดขณะหัวเราะคิกคัก
“ขออภัย ท่านคงเป็นผู้นำนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย ใช่หรือไม่” ซูหยิน
ตรงเข้าไปหาโหลวหลานจี
“นั่นถูกต้องแล้ว”
“ข้ามีคำขอร้องต่อท่าน ท่านผู้นำนิกาย”
“หือ ข้าจักทำอะไรเพื่อน้องสาวของซูหยางได้บ้าง”
“ข้าต้องการเข้าร่วมนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย” ซูหยินประกาศก้อง
“เจ้าต้องการอะไรนะ”
เหยาหนิงอุทานออกมาด้วยความตกใจ
“เจ้ามิควรเล่นตลกแบบนี้ เจ้าเป็นศิษย์เอกของสำนักหงส์สวรรค์อยู่
แล้วนะ”
“ข้ามิได้เล่นตลก พี่หนิง ข้าจักออกจากสำนักหงส์สวรรค์เพื่อเข้า
ร่วมกับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย” ซูหยินยังยืนกรานอย่างมั่นคง
“เจ้า… หากว่าเจ้าสำนัก อาจารย์ของเจ้าได้ยินเรื่องนี้ เธอต้องบ้าแน่”
“เดี๋ยวก่อน” โหลวหลานจีพลันขัดขึ้น เธอยังคงรักษาความเยือกเย็น
กับสถานการณ์เช่นนี้
“อะไรเป็นเหตุผลที่เจ้าต้องการเข้าร่วมกับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย
ของข้ารึ และสำนักหงส์สวรรค์จะว่าไงกับการที่ได้ฟูมฟักเจ้ามาจน
เป็นอยู่อย่างเช่นทุกวันนี้ เจ้าจะละทิ้งพวกเขาได้จริง ๆ รึ”
ซูหยินยังคงมีสีหน้าจริงจังและกล่าวว่า “แม้ว่าข้าจักซาบซึ้งกับทุกสิ่ง
ที่สำนักหงส์สวรรค์ได้ทำไว้เพื่อข้า ข้าก็ยังจักทำทุกสิ่งเพื่อที่จะให้ได้
อยู่เคียงข้างพี่ชายของข้า”
“เช่นนั้นซูหยางก็เป็นเหตุผลสำหรับการตัดสินใจของเจ้า” โหลว
หลานจีมองดูซูหยินตรงเข้าไปในดวงตา
“ใช่” ซูหยินตอบโดยไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย
เหยาหนิงอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านหลังจากที่ได้เห็นสีหน้าเด็ดเดี่ยว
ของซูหยิน เธอไม่คาดคิดว่าความรักต่อซูหยางของอีกฝ่ายจะมากมาย
ถึงปานนี้ ถึงขั้นที่เธอต้องการจะละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเขา หรือว่า
การแยกจากเขาเป็นเวลานานนั้นทำให้ความคิดอ่านของเธอผิดไป
“พี่ชายของเจ้า ซูหยาง รู้เรื่องนี้หรือไม่” โหลวหลานจีถาม
ซูหยินส่ายหน้า “ไม่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าเพิ่งตัดสินใจ”
“เช่นนั้นเจ้ารู้หรือไม่ว่านิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยเป็นสถานที่เช่นไร”
“ข้ารู้ อย่างไรก็ตาม เจตนาของข้าเพียงอย่างเดียวก็คืออยู่ร่วมกับพี่ชาย
ของข้า ข้ามิปรารถนาอย่างอื่นอีก”
โหลวหลานจีเงียบและหลับตาลงในเวลาต่อมา
ชั่วขณะหลังจากนั้น เธอก็กล่าวขึ้นว่า “ข้ายินดีอย่างมากที่จะมีอัจฉริยะ
เช่นเจ้าเข้าร่วมกับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย แต่ทว่าข้ามิอาจตอบรับ
ข้อเสนอของเจ้าได้”
ได้ยินคำกล่าวปฏิเสธของโหลวหลานจี ซูหยินกัดริมฝีปากและกล่าว
ว่า “นั่นเป็นเพราะว่าข้าเป็นพี่น้องกับเขาหรือไม่”
โหลวหลานจีส่ายหน้าและพูดต่อว่า “การตัดสินใจของข้ามิได้มีส่วน
เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของเจ้ากับซูหยาง ลองคิดในฐานะของข้า
ถ้าข้ารับเจ้าไว้สำนักหงส์สวรรค์จักมีท่าทีอย่างไร พวกเขาจักต้องคิด
ว่าข้าได้ขโมยศิษย์ที่มีพรสวรรค์ที่สุดของเขาไป แม้ว่าข้าเกลียดที่จะ
พูดแต่ทว่านิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยก็อยู่ในฐานะที่ยากลำบากในตอนนี้
เรามิอาจที่จะพยายามล่วงเกินพวกเขา ถ้ามิใช่เพราะซูหยางพวกเราก็
คงมิได้อยู่ยังที่นี้เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันระดับภูมิภาค”
ซูหยินพลันเงียบลงไปหลังจากที่ได้ยินเหตุผลตอบกลับมาจากโหลว
หลานจี
ชั่วขณะหนึ่งหลังจากนั้น ซูหยินก็พูดขึ้นว่า “เช่นนั้นท่านก็หมายความ
ว่าตราบเท่าที่สำนักหงส์สวรรค์มิได้สร้างปัญหาให้กันนิกายกุสุมาลย์
พ้นพิสัยจากการตัดสินใจของข้า ท่านก็จักยอมให้ข้าเข้าร่วมใช่ไหม”
“ถูกต้องแล้ว” โหลวหลานจีพยักหน้าหลังจากครุ่นคิดชั่วขณะ
“ตกลง เช่นนั้นข้าจักไปโน้มน้าวอาจารย์ของข้ายอมให้ข้าจากมาโดย
มิมีปัญหาใด” ซูหยินกล่าว
“นั่นเป็นไปมิได้” เหยาหนิงพลันกล่าวขึ้น
“น้องซู เจ้าเป็นหนึ่งในผู้ที่มีพรสวรรค์ที่สุดในบรรดาศิษย์ทั้งหมดใน
สำนักหงส์สวรรค์ของเราในรุ่นนี้ เจ้าสำนักจักมิยอมให้ท่านจากมา
อย่างแน่นอนต่อให้ต้องฆ่าเธอ แล้วพ่อของท่านเจ้าซูล่ะ เขาจักต้องมิ
ยอมให้ลูกสาวของเขาเข้าร่วมกับสถานที่ดังเช่นนิกายกุสุมาลย์พ้น
พิสัยแน่นอน”
“พ่อข้ารึ” สีหน้าของซูหยินพลันมืดหม่นลง “เพราะว่าสิ่งที่เขาทำ ข้า
จึงมีเรื่องที่จักต้องพูดคุยกับเขาให้รู้เรื่อง ถ้าเขาปฏิเสธ เช่นนั้นข้าจัก
เพียงแค่ออกจากตระกูลซู เช่นเดียวกับพี่ชายของข้า”
“เจ้า…”
เหยาหนิงจนคำพูด นี่เป็นความลึกซึ้งแค่ไหนกันกับความรู้สึกที่ซูหยิน
มีต่อพี่ชายของเธอ กับการที่เธอไปไกลถึงเพียงนี้นี่เหมือนกับว่าเธอ
กำลังไล่ตามหาคนรัก
กระทั่งโหลวหลานจีก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมกับความเด็ดเดี่ยวและ
ความปรารถนาที่จะอยู่ร่วมกับซูหยางของซูหยิน
“อย่าลำบากพยายามคิดโน้มน้าวข้าเลยพี่สาวหนิง ข้าได้ตัดสินใจแล้ว
หลังจากที่ข้าได้อยู่ร่วมกับพี่ชายที่นี่เพียงพอแล้ว ข้าจักพูดกับอาจารย์
เกี่ยวกับการออกจากสำนัก”
“สวรรค์…” เหยาหนิงคุ้นเคยเป็นอย่างมากกับความดื้อรั้นของซูหยิน
ดังนั้นจึงทำให้เธอไม่รู้สึกอะไรไปมากกว่าความกลัวในเวลานี้สำหรับ
กับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ต่อจากนี้ “เจ้าสำนักจักต้อง
พลิกสำนักกลับด้านแน่ถ้าเธอได้ยินเรื่องนี้”