dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน - Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 334
- Home
- dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน
- Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 334
บทที่ 334 วันประมูล
สามชั่วโมงหลังจากที่ซูหยางออกไปจากห้องพร้อมกับซุนจิงจิงและ
ฟางซีหลาน สุดท้ายซูหยางก็กลับมาที่ห้องซึ่งซูหยินได้ตื่นรอเขาอยู่
ตลอดเวลา
“นอนมิหลับรึ” เขาถามเธอ
“ข้าต้องการหลับด้วยกัน” เธอตอบด้วยรอยยิ้ม
ซูหยางไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่พยักหน้าก่อนที่จะตรงไปยังที่นอนผืน
หนึ่ง
ซูหยินติดตามไปนอนข้างเขาด้วยสีหน้าพึงพอใจ
“ว่าไปแล้วหญิงสาวสองคนนั้นไปไหนแล้ว นี่ก็เป็นห้องของพวก
เธอด้วยเช่นกันมิใช่หรือ” เธอคิดสงสัยว่าทำไมเขาจึงกลับมาคนเดียว
“พวกเธอหลับที่อีกห้องไปเรียบร้อยแล้ว”
“อย่างนั้นรึ…”
ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นลมหายใจของซูหยินก็สงบลง นับตั้งแต่ซูหยาง
“สูญหาย” ไปนี่เป็นครั้งแรกของเธอที่ได้หลับอย่างเป็นสุข
ยามเช้าตรู่ เหยาหนิงก็ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ และเห็นซูหยินหลับอยู่
ข้างซูหยางด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุขบนใบหน้า
“เด็กคนนี้…” เธอก็ยิ้มตามไปด้วยเมื่อเห็นใบหน้าสงบสุขนั้น
หลังจากนั้นชั่วขณะซูหยางก็ตื่นขึ้นตามด้วยซูหยิน
“ท่านจะทำอะไรวันนี้พี่ชาย” เธอถามเขา
“นอกจากฝึกวิชาแล้วก็มิมีอะไรทำอีกก่อนที่การประมูลจะมาถึง”
เขากล่าว
“เช่นนั้นปกติท่านทำอะไร”
“ข้าก็ฝึกวิชา”
“เจ้าหมายถึงมีเพศสัมพันธ์” เหยาหนิงพูดขำ
“ถ้านั่นเป็นสิ่งที่เจ้าต้องการจะเรียก” ซูหยางยิ้ม
“พวกเจ้าเหล่าหญิงจะทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการจนถึงตอนนั้น ข้า
จะไปทำการฝึกฝนแล้ว”
หลังจากที่ซูหยางจากห้องไป เหยาหนิงก็ถอนหายใจเสียงดัง “ช่าง
เป็นพี่ชายที่ไร้หัวใจ น้องสาวสุดที่รักของตนเองอยู่ที่นี่ แต่เขายังกล้า
ที่จะทำสิ่งที่ไร้ยางอายกับหญิงคนอื่น พวกเราควรจะกลับไปสำนัก
กันเถอะ”
“นั่นช่วยไม่ได้” ซูหยินส่ายหน้า “นี่เป็นวิถีชีวิตของพวกเขา ต่อให้
พวกเรามิได้อยู่ที่นี่ พวกเราก็ยังคงต้องฝึกฝนอย่างโดดเดี่ยวจนกว่า
จะถึงการแข่งขัน”
ขณะที่ซูหยินดูเยือกเย็นภายนอกเธอกลับอิจฉาเหล่าศิษย์เหล่านั้นอยู่
ภายในเมื่อพวกเธอเหล่านั้นสามารถที่จะกอดซูหยางได้อย่างง่ายดาย
ไม่เหมือนเธอที่ผู้คนมากมายจะต้องเลิกคิ้วถ้ากระทำอย่างเปิดเผย
“อย่างไรก็ตามความอิจฉานี้ก็จักคงอยู่แค่ก่อนข้าเข้าร่วมกับนิกาย
กุสุมาลย์พ้นพิสัย ครั้นเมื่อข้าก็เป็นศิษย์ของนิกายของพวกเขาเช่นกัน
ข้าก็จักสามารถที่จะกอดเขาตามที่ข้าต้องการ” ซูหยินคิดกับตนเอง
ในเมื่อการคิดแบบนี้เป็นสิ่งเดียวที่สามารถควบคุมความอิจฉาของ
เธอให้อยู่ภายใต้การควบคุมได้
และสำหรับสองวันถัดไปซูหยางก็ได้ฝึกวิชาร่วมกับเหล่าศิษย์ขณะที่
ซูหยินและเหยาหนิงก็ได้ฝึกวิชากันตามลำพังในห้องจนกระทั่งถึง
เวลาหลับ
“เจ้าทำเช่นนี้ได้ทั้งวันทุกวันได้อย่างไร เจ้ามิหมดแรงบ้างรึ ต่อให้
จิตใจเจ้าสามารถทนได้แต่ว่าร่างกายของเจ้าทำงานต่อเนื่องอย่างนี้
ได้อย่างไร” เหยาหนิงอดที่จะถามเขาไม่ได้
ต่อให้ชายคนนั้นจะไม่ล้มป่ วยลงเพราะว่าสนุกกับหญิงสาวมากมาย
ทุกวัน ร่างกายของเขาก็ไม่ควรจะสามารถรับแรงกดดันไหวโดย
เฉพาะอย่างยิ่งถ้าปราณหยางของเขาถูกดูดออกไปจากร่างอย่าง
ต่อเนื่อง
“หรือว่านิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยมีวิชาที่ทำให้ชายมีกำลังวังชามิสิ้นสุด”
“โฮ่ เจ้าสนใจในร่างกายของข้ารึ ต้องการให้ข้าแสดงให้ดูหรือไม่” ซู
หยางถามด้วยรอยยิ้มยั่วเย้า
“มิมีทาง” เหยาหนิงแค่นเสียงเย็นชา
“พี่ชายข้าพร้อมไปแล้ว” ซูหยินกล่าวขณะที่เธอตรงไปที่ประตู
ซูหยางพยักหน้า “คนอื่นรออยู่ที่ชั้นล่างแล้ว เราไปกันเถอะ”
หลังจากนั้นซูหยาง ซูหยินและเหยาหนิงก็เดินลงไปยังชั้นล่างที่กลุ่ม
ของศิษย์รุ่นเยาว์รวมตัวกัน
“พวกเขาก็ล้วนเป็นศิษย์จากนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยรึ” นี่เป็นครั้งแรก
ที่ซูหยินเห็นพวกเขานับตั้งแต่เธอมา “ทำไมข้าจึงมิเห็นพวกเขามา
ก่อน”
“เพราะว่ามีบางอย่างที่ผู้นำนิกายได้พูดกับพวกเขา ทำให้พวกเขามิ
กล้าที่จะออกจากห้องนอกจากจะเป็นเวลาเร่งด่วน…” ซูหยางส่าย
หน้า
“แต่แน่นอนว่าพวกเขาก็เป็นศิษย์ของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยเช่นกัน”
“พวกเขาเห็นชัดว่าอายุยังไม่ถึงเกณฑ์ อย่าบอกข้าว่าพวกเขาก็…”
เหยาหนิงปิดปากตนเองด้วยความตระหนกและรังเกียจ
“ใจเย็น แม้ว่าพวกเขาจะเป็นศิษย์แต่พวกเขาก็ถูกห้ามมิให้ฝึกวิชา
จนกว่าพวกเขาจะเป็นผู้ใหญ่มีอายุถึงสิบหกปี ถ้าซูหยินเข้าร่วมนิกาย
กุสุมาลย์พ้นพิสัยในตอนนี้เธอก็จักเป็นหนึ่งในหมู่พวกเขาจนกว่า
เธอจะกลายเป็นผู้ใหญ่”
“โอ… ข้าต้องขอโทษสำหรับเรื่องเมื่อกี้นี้” เหยาหนิงขอโทษกับ
ความเข้าใจผิดของตัวเธอเอง
“ดูสิ ศิษย์พี่ชายอยู่ที่นี่”
เมื่อศิษย์รุ่นเยาว์สังเกตเห็นเขาพวกเขาก็พากันส่งเสียงเอะอะในทันที
“หญิงสองคนนี้เป็นใครกัน”
พวกเขาถามทันทีที่สังเกตเห็นซูหยิงและเหยาหนิงซึ่งไม่ได้อยู่ใน
นิกายของพวกเขา
“ข้าชื่อซูหยิน และนี่คือเหยาหนิง เราทั้งคู่เป็นศิษย์ของสำนักหงส์
สวรรค์” ซูหยินพูด
“ซูหยินรึ”
บรรดาศิษย์รุ่นเยาว์มองไปยังซูหยางซึ่งมีนามสกุลเดียวกัน
“เขาเป็นพี่ชายของข้า เราทั้งคู่มาจากตระกูลซู” ซูหยินยืนยันความ
สงสัยของพวกเขา
“มิมีทาง ศิษย์พี่ชายมีน้องสาวด้วยรึ”
“สมกับเป็นน้องสาวของศิษย์พี่ชาย เธอช่างสวยจริง”
“น่าอิจฉาเหลือเกิน ข้าก็ต้องการมีพี่ชายเหมือนศิษย์พี่ชายเช่นกัน”
บรรยากาศยิ่งอึกทึกยิ่งกว่าเดิมเมื่อศิษย์รุ่นเยาว์ต่างพากันรุมล้อมซูหยิน
ซึ่งหน้าแดงจากการที่เหล่าศิษย์พากันชมเชย
“พวกเราทั้งหมดเตรียมพร้อมที่จะไปยังโรงประมูลดอกบัวเพลิงหรือ
ยัง”
โหลวหลานจีปรากฏตัวขึ้นหลังจากนั้นเล็กน้อย
“ทุกคนอยู่ที่นี่ไหม” เธอถามซูหยาง
“ศิษย์คนอื่นวุ่นวายอยู่กับการฝึกฝน นั่นจะต้องใช้เวลาสองสามวัน
ก่อนที่พวกเธอจะซึมซับปราณหยางของข้าอย่างสมบูรณ์ และนี่มี
ศิษย์รุ่นเยาว์ทั้งหมดที่ต้องการไปโรงประมูล”
โหลวหลานจีพยักหน้า “ข้าทิ้งผู้อาวุโสนิกายไว้ข้างหลังในกรณี
จำเป็น พวกเราจะไปยังโรงประมูลและนิกายดอกบัวเพลิงก็อยู่ที่นั่น
ดังนั้นพวกเรามิต้องกังวลว่าจะมีปัญหาขณะที่พวกเราอยู่ที่นั่น”
“ก่อนที่พวกเราจะออกไปข้าต้องการที่จะตักเตือนพวกเจ้าทั้งหมด
สองสามอย่าง อันดับแรกสุดอย่าเตร็ดเตร่ไปทั่วและอยู่กับกลุ่มเมื่อ
พวกเราอยู่ด้านนอก เราอาจจะมิสามารถช่วยเหลือเจ้าได้หากว่าเจ้า
พลันสูญหายไป อันดับที่สองอย่าสร้างปัญหาอะไรเมื่อพวกเราอยู่
ด้านนอกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรงประมูล ที่นั่นมีคนมากมายที่มี
กำลังหนุนหลังเทียบได้กับนิกายล้านอสรพิษหรือไม่ก็ทรงพลังยิ่ง
กว่า และสุดท้ายทำตัวให้มีความสุขในวันนี้ นี่เป็นเหตุการณ์ที่พวก
เจ้าอาจจะมิได้รับประสบการณ์เช่นนี้อีก พวกเจ้าเข้าใจไหม”
“ขอรับ/เจ้าค่ะผู้นำนิกาย” ศิษย์รุ่นเยาว์ต่างพากันตะโกนออกมา
“ดีมาก” โหลวหลานจีพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม
ไม่นานนักนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยก็เริ่มเดินทางไปยังโรงประมูล
ดอกบัวเพลิง