dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน - Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 335
- Home
- dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน
- Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 335
บทที่ 335 บัตรเชิญปลอม
“หวาวว ช่างเป็นอาคารที่สวยจัง”
เหล่าศิษย์รุ่นเยาว์ต่างแสดงท่าทางหวาดหวั่นอยู่ตรงหน้าโรงประมูล
ดอกบัวเพลิงที่ระบายลวดลายด้วยทองและสิ่งประดับราคาแพงอื่น ๆ
“เอาล่ะ หยุดยืนนิ่งอยู่ที่นี่และเข้าไปข้างในกันก่อนที่เก้าอี้จะหมดไป”
โหลวหลานจีปรบมือเพื่อเรียกความสนใจของพวกเขา
อย่างไรก็ตามขณะที่พวกเขาตรงเข้าไปยังทางเข้า หนึ่งในคนงานของ
ที่นั่นก็ได้หยุดพวกเขาไว้ไม่ให้เข้า
“ขออภัย แต่พวกท่านมาจากสำนักไหน” เขาถาม
“นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย” โหลวหลานจีกล่าว “มีปัญหาอะไรรึ”
“นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยรึ” คนงานชายคนนั้นมองทั่วรายการในมือ
แล้วส่ายหน้าหลังจากนั้น “ข้าขออภัยแต่ข้ามิพบเจอนิกายกุสุมาลย์
พ้นพิสัยในรายการแขกวันนี้ การประมูลปีนี้เพียงเปิดให้สำหรับผู้ที่
ได้รับคำเชิญเท่านั้น”
“อะไรนะ เรามิได้รับเชิญรึ เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร เราก็ได้รับ
จดหมายเชิญนะ”
“รายการนี้ได้ถูกดูทั่วแล้วมิต่ำกว่าสิบครั้งจากคนจำนวนมากที่นั่น
และย่อมมิมีปัญหากับมันแน่นอน” คนงานส่ายหน้า
“ยิ่งไปกว่านั้นจำนวนจำกัดของแขกแต่ละกลุ่มสามารถพามาได้อย่าง
มากก็เพียงห้าคน ขณะที่พวกท่านพามาไม่ต่ำกว่าสามสิบคน เช่นนั้น
นั่นเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน”
“ผู้นำนิกาย ทำไมท่านต้องเสียเวลาพูดกับเขาในเมื่อเพียงแค่ท่าน
สามารถแสดงจดหมายเชิญให้กับเขาเท่านั้น” ซูหยางดูเธออย่าง
ประหลาดใจ
“โอ จริงด้วย” โหลวหลานจีที่ไม่ได้คิดเช่นนั้นมาก่อน พยักหน้า
เธอนำบัตรเชิญที่ส่งตรงด้วยตัวหวังชูเหรินเองมาแสดงให้กับคนงาน
คนงานมองดูบัตรเชิญสีทองด้วยท่าทางประหลาด
“พวกเจ้าคิดว่าข้าโง่รึ” คนงานชายนั้นส่ายหน้าและโยนบัตรเชิญนั้น
ไปด้านข้างราวกับว่ามันเป็นขยะ
“เจ้าคิดว่าข้ามิสามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างบัตรเชิญจริง
กับปลอมอย่างนั้นรึ มิเพียงแต่บัตรนั้นขาดสัญลักษณ์นิกายดอกบัว
เพลิง แต่บัตรเชิญทั้งหมดที่ถูกส่งไปมิมีบัตรไหนที่ดูเป็นแบบนั้น”
“เป็นไปมิได้…หรือว่ามีใครสักคนเล่นตลกกับพวกเรา” โหลวหลาน
จีงุนงง แต่เธอจำได้อย่างชัดเจนว่าผู้อาวุโสอ้างว่าหวังชูเหรินได้จัดส่ง
บัตรเชิญด้วยตนเอง ทำไมเธอจึงต้องทำเช่นนี้กับพวกเขา
“เฮ้ เกิดอะไรขึ้นที่นี่รึ มีปัญหาอะไรรึ”
ทันใดนั้น ชายวัยกลางคนก็ตรงเข้ามาหาพวกเขา
“ผู้อาวุโส คนเหล่านี้พยายามที่จะแอบเข้าไปในงานประมูล พวกเขา
กล้ากระทั่งที่จะปลอมบัตร” คนงานชายกล่าวกับผู้อาวุโสที่เข้าไปหา
“บัตรเชิญปลอมรึ ข้าต้องการเห็นว่าใครกล้ามาวางท่า”
ชายวัยกลางคนนั้นที่ดูเหมือนจะเป็นผู้อาวุโสนิกายจากนิกายดอกบัว
เพลิงมองดูนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร
“แสดงสถานะพวกเจ้าออกมา” เขาพูดด้วยเสียงกดดัน
“พวกเราเป็น…”
ขณะที่โหลวหลานจีอ้าปากขึ้น ซูหยางพลันก้าวเท้ามาข้างหน้า
ขัดจังหวะเธอ
“บอกให้หวังชูเหรินออกมาที่นี่ ข้ารู้ว่าเธออยู่ข้างใน” เขากล่าวด้วย
เสียงเย็นชา
“พวกเจ้าคิดว่าพวกเจ้าเป็นใครกัน กล้าดียังไงจึงเรียกผู้อาวุโสหวัง
ด้วยน้ำเสียงแบบนั้น”
ชายวัยกลางคนพลันเปลี่ยนเป็นก้าวร้าว
“เกิดอะไรขึ้นที่นั่น”
“ถึงกับล่วงเกินนิกายดอกบัวเพลิงที่นี่ พวกเขามาจากสำนักไหนกัน
ช่างเป็นพวกโง่เง่า…”
คนอื่น ๆ ที่นั่นต่างพากันสังเกตเห็นสถานการณ์นี้ พวกเขาบางคน
กระทั่งตรงเข้ามาหาพวกเขาด้วยเจตนาที่จะสนับสนุนนิกายดอกบัว
เพลิงหวังที่จะได้มีบุญคุณในภายหลัง
“ข้ามิรู้ว่าพวกเจ้ามุดออกมาจากรูไหนแต่ไสหัวไปซะ ที่นี่มิใช่
สถานที่สำหรับเด็ก”
“ถ้าเจ้ามองหาสนามเด็กเล่น มีที่หนึ่งห่างจากที่นี่ไปสิบนาที”
“อย่าสนใจพวกขอทานพวกนี้ ท่านผู้อาวุโสจากนิกายดอกบัวเพลิง
ถ้าพวกเขากล้าสร้างปัญหามากกว่านี้ ข้าจักทุบตีพวกนี้ให้แก่ท่าน”
“พวกเจ้ากล้าหยามพี่ชายของข้าได้อย่างไร ข้าจักทุบตีเจ้าตอนนี้เลย”
ซูหยินพลันก้าวออกมาข้างหน้าอย่างควันขึ้นหน้า
“ศิษย์ของสำนักหงส์สวรรค์”
คนที่นั่นต่างพากันจดจำลวดลายบนชุดของเธอได้ในทันที
“นี่หมายความว่าเจ้ามิยอมให้พวกเราเข้าไปข้างในมิว่าเหตุใดก็ตาม
รึ” ซูหยางถามด้วยท่าทางเรียบเฉย
“ถูกต้อง” ชายวัยกลางคนยืนยัน
“อืมม.. นั่นมีปัญหาอยู่ ข้าได้สัญญากับเด็ก ๆ เหล่านี้ว่าข้าจักให้พวก
เขาได้มีประสบการณ์การประมูลในวันนี้ ดังนั้นข้าจักต้องเติมเต็มสิ่ง
นั้นมิทางใดก็ทางหนึ่ง..” ซูหยางพูดด้วยดวงตาที่หรี่ลง
“โฮ่ เจ้ากำลังข่มขู่ข้า นิกายดอกบัวเพลิงรึ” ชายวัยกลางคนพลันระเบิด
เสียงหัวเราะ “พวกท่านได้ยินนั่นหรือไม่เพื่อน เจ้าเด็กเหลือขอนี่เพิ่ง
ข่มขู่ข้า ฮ่าฮ่าฮ่า”
“ข้าได้เหยียบนิกายดอกบัวเพลิงไปแล้วครั้งหนึ่ง นั่นย่อมมิแตกต่าง
ถ้าข้าทำซ้ำอีกครั้ง…” ซูหยางส่ายหน้าและเตรียมตัวที่จะดึงกระบี่
ออกมา
อย่างไรก็ตามเสียงอีกเสียงหนึ่งพลันดังขึ้น
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่ ทำไมจึงมีความวุ่นวายเช่นนี้ พวกเจ้าต้องการให้ข้า
รายงานเรื่องนี้กับผู้อาวุโสหวังรึ”
นั่นเป็นเสียงของหญิงที่ค่อนข้างเยาว์
ไม่นานหลังจากนั้นหญิงสาวน่ารักเยาว์วัยสวมชุดศิษย์หลักของ
นิกายดอกบัวเพลิงก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขา
ดวงตาซูหยางมีแสงแวววาวอย่างลึกลับเมื่อเขาเห็นหญิงสาวคนนี้
“ศิษย์จาง เจ้ามาได้ถูกเวลา คนพวกนี้จากนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยได้
สร้างความวุ่นวายที่นี่ พวกเขาพยายามที่จะแอบเข้าไปด้านในด้วย
บัตรเชิญปลอม” ชายวัยกลางคนกล่าวกับศิษย์จางคนนี้ด้วยน้ำเสียง
นบนอบแม้ว่าจะอาวุโสกว่า
“นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยรึ”
ศิษย์จางคนนี้เลิกคิ้วเมื่อเธอได้ยินชื่อนี้
“อย่ากีดขวางทางข้า” เธอตะโกนใส่พวกเขา
ไม่นานนักหลังจากที่ศิษย์จางเห็นใบหน้าหล่อเหลาของซูหยาง
ดวงตาเธอก็เปิดกว้างขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“ซูหยาง”
เธอพลันโถมตัวเข้าไปหาเขาและกอดเขาไว้แน่นสร้างความตระหนก
ให้กับคนแถวนั้น
“จางซิวยิง ไม่ได้พบกันสักพักแล้วนะ” ซูหยางยิ้ม
“ท่านมาทำอะไรที่นี่ซูหยาง ถ้าข้ารู้ว่าท่านจะมาข้าจักต้องมาต้อนรับ
ท่านด้วยตัวเองแน่นอน” จางซิวยิงต้องการจูบเขาตรงนั้นแต่ว่ามีคน
โดยรอบมากมายเกินไปทำให้การกระทำเช่นนั้นเป็นได้ยาก
“ข้าควรถามเจ้าคำถามนั้น ทำไมเจ้ามาที่นี่ อย่าบอกว่าเจ้าถูกเลือกให้
เป็นผู้ช่วยอีกแล้ว” เขาหัวเราะหึ
“แม้ว่าข้าอยู่ที่นี่ในฐานะผู้ช่วย แต่ตำแหน่งของข้าตอนนี้เพียงต่ำกว่า
ผู้อาวุโสหวัง” เธอหัวเราะ
“โอ นี่ช่างน่าประหลาดใจ ในเมื่อเจ้ามีอำนาจมากมาย เจ้าควรสามารถ
จัดการปัญหานี้ได้อย่างง่ายดายใช่ไหม”
จางซิวยิงพยักหน้า “อย่ากังวล ในเมื่อข้าอยู่ที่นี่เรื่องนี้จะถูกจัดการ
โดยเร็ว”