dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน - Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 395 พลังการฝึกปรือที่แท้จริงของหงอวี้เอ๋อร์
- Home
- dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน
- Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 395 พลังการฝึกปรือที่แท้จริงของหงอวี้เอ๋อร์
Dual Cultivation บทที่ 395: พลังการฝึกปรือที่แท้จริงของหงอวี้เอ๋อร์
“นี่เป็นเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง…”
ผู้ชมต่างพากันมึนงงกับสถานการณ์ สิ่งที่ไม่มีใครในนั้นได้คาดไว้ล่วงหน้า
“ข-ข้าเกลียดเจ้า พี่หง” ซูหยินจนคำพูด
“นี่เป็นความผิดเจ้าที่พยายามจะแยกพวกเราจากกัน ซูหยิน” หงอวี้เอ๋อร์ยักไหล่ไม่แยแส “ต่อให้เจ้าเป็นน้องสาวของเขา ข้าก็จักมิยอมปล่อยให้เจ้าลอยนวลโดยมิรับผลกระทบอะไรเลย”
“ว่ายังไง เจ้าได้ข้อสรุปหรือยัง ถ้าเจ้ามิยอมแพ้ภายในสิบวินาทีต่อไป ข้าจักนำเอาชุดคลุมส่วนล่างของเจ้าออก”
เมื่อผู้ชมผู้ชายได้ยินคำพูดของหงอวี้เอ๋อร์ ใจของพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงภาพ ใจหนึ่งพวกเขาไม่สนับสนุนวิธีการของหงอวี้เอ๋อร์ในการบีบให้ซูหยินยอมแพ้ แต่อีกใจหนึ่งนั้นพวกเขาไม่รังเกียจที่จะได้เห็นสิ่งเหล่านี้ดำเนินต่อไปจนถึงที่สุด
“บ้า สิ่งเหล่านี้มิควรจะเกิดขึ้น ควรจักเป็นข้าที่เอาชนะเธออย่างใสสะอาดยุติธรรมและได้รับคำชมจากพี่ชายข้าหลังจากนี้” ซูหยินอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ
“สิบ… เก้า… แปด…” หงอวี้เอ๋อร์เริ่มนับถอยหลัง จนทำให้ร่างของซูหยินสั่นสะท้าน
“ข้าจักมิให้อภัยเจ้าสำหรับเรื่องนี้…” ซูหยินยกมือของเธอขึ้นช้าๆ ดูเหมือนว่าเตรียมตัวที่จะยอมแพ้
อย่างไรก็ตามขณะที่เธอกำลังจะเปิดปากพูดยอมแพ้ เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นในหัวของซูหยิน
“กระบี่เลือนเร้นร่ายรำ เป็นวิชาที่เน้นในการลวงการรับรู้ เจ้ามิอาจเห็นมันด้วยเพียงแค่ดวงตา เจ้าจำเป็นต้องรับรู้ถึงสายลมในอากาศและทำนายทิศทางกระบี่”
“พี่ชาย” ซูหยินประหลาดใจและยินดีที่ได้ยินเสียงของซูหยางในหัว
“ห้า… สี่… สาม…” หงอวี้เอ๋อร์ยังคงนับถอยหลัง
“หลับตาเจ้าซะ”
“ห-หลับตาข้าลงรึ” ซูหยินไร้คำพูด
การหลับตาลงต่อหน้าจอมกระบี่ระหว่างการต่อสู้ก็คล้ายกับการยอมรับความตาย
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่ามันจะไร้สาระอย่างไรก็ตาม ซูหยินก็ไม่เคยหวั่นไหวในความศรัทธาต่อซูหยาง ดังนั้นเธอจึงหลับตาลงพร้อมกับลดมือลง
“สอง.. หนึ่ง… ศูนย์” หงอวี้เอ๋อร์ยกกระบี่ในมือขึ้นเล็กน้อย “เจ้าได้แต่โทษตัวเองที่ดื้อดึง น้องเล็ก”
“ใช่แล้ว” ซูหยินพลันลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว
“รูปแบบสวรรค์ที่สอง หมัดเกลียวสวรรค์”
ติง
เสียงแหลมของโลหะปะทะกันดังขึ้นในบริเวณนั้น
“โอ” หงอวี้เอ๋อร์เบิกตาขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะประหลาดใจที่ซูหยินสามารถป้องกันการโจมตีของเธอได้ทันท่วงที
“ข-ข้าทำได้ ข้าป้องกันมันได้” ซูหยินตะโกนด้วยน้ำเสียงยินดีขณะที่มองไปที่ซูหยางซึ่งนั่งอยู่ในตำแหน่งผู้ชม
เมื่อเห็นซูหยินมองไปที่ซูหยาง หงอวี้เอ๋อร์พลันตระหนักว่าทำไมซูหยินจึงเข้าใจกลเม็ดในกระบี่เลือนเร้นร่ายรำได้อย่างรวดเร็ว
“นี่เป็นวิธีการบอกข้าให้สู้กับเธออย่างยุติธรรมใช่ไหมซูหยาง” รอยยิ้มเล็กน้อยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหงอวี้เอ๋อร์ “ถ้านั่นเป็นสิ่งที่เจ้าต้องการ ข้าจักเอาจริงอีกสักเล็กน้อยเพื่อเจ้า สุดที่รัก”
“น้องเล็ก ข้าเข้าไปละนะ” หงอวี้เอ๋อร์พลันโยนกระบี่ในมือทิ้งและพุ่งตรงเข้าไปหาซูหยิน
“เจ้าต้องการจะทำอะไรตอนนี้”
ด้วยความประหลาดใจกับการกระทำที่สร้างความสับสนของหงอวี้เอ๋อร์ ซูหยินจึงเตรียมตัวที่จะวิ่งหนี
“เจ้าต้องการสู้กับข้าอย่างยุติธรรมใช่ไหม ให้ข้าได้เติมเต็มความปรารถนาของเจ้า”
หงอวี้เอ๋อร์เลียนแบบการเคลื่อนไหวของซูหยินก่อนหน้านั้นและต่อยหมัดของเธอออก
“รูปแบบสวรรค์ที่สอง หมัดเกลียวสวรรค์”
“อะไรกัน”
ซูหยินประหลาดใจเกินไปที่เห็นหงอวี้เอ๋อร์ใช้วิชาของเธอเองจนทำให้ป้องกันตัวได้ไม่เหมาะสม ทำให้การโจมตีเข้าถึงตัว
“อา”
ซูหยินตะโกนด้วยความเจ็บปวดขณะที่ร่างของเธอถูกเหวี่ยงขึ้นไปบนอากาศก่อนจะลอยไปไกลหลายเมตรหลังจากที่ถูกโจมตี รู้สึกเหมือนกับว่าเธอเพิ่งถูกชนด้วยช้าง
“อะไรกัน นั่นเป็นไปมิได้ ทำไมหงอวี้เอ๋อร์จึงรู้จักวิชานี้” ไป่ลี่ฮัวและศิษย์คนอื่นต่างพากันตกใจเช่นเดียวกับซูหยิน
นอกจากว่าซูหยางได้เปิดเผยวิชานี้ให้กับหงอวี้เอ๋อร์ด้วยเช่นกัน ไม่เช่นนั้นไม่มีทางที่เธอจะสามารถเรียนวิชานี้ได้
แต่ทว่าซูหยางไม่เคยเผยวิชานี้ให้กับเธอแน่นอน สิ่งเดียวที่อธิบายได้ว่าทำไมหงอวี้เอ๋อร์เรียนรู้วิชานี้ก็คือดูซูหยินใช้
แน่นอนว่านอกจากซูหยางที่มีประสบการณ์มากมายในฐานะเซียน คนที่มีพรสวรรค์ดั่งอสูรเช่นนี้ไม่ควรมีอยู่ นอกจากว่าหงอวี้เอ๋อร์ก็เป็นเหมือนกับซูหยาง คนที่มีประสบการณ์เกินกว่าตรรกะของโลกนี้
“นี่เป็นวิชาที่ดีเยี่ยมสำหรับวิชาระดับสวรรค์” หงอวี้เอ๋อรพูดอย่างสบายๆ
“จ-เจ้ารู้วิชานี้ได้อย่างไร” ซูหยินพูดขณะที่เธอพยายามดิ้นรนลุกขึ้น
“ถ้าเจ้าเอาแต่ใช้วิชาเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ข้าก็ได้แต่เรียนรู้ถึงแม้ว่าข้ามิต้องการ”
“ช่างเป็นเรื่องไร้สาระอะไรเช่นนี้” ซูหยินไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีกับคำพูดไร้สาระเช่นนั้น
“เจ้าพร้อมที่จะยอมแพ้หรือยังน้องเล็ก เจ้าควรตระหนักว่าตอนนี้เจ้ามิอาจเอาชนะข้าได้” หงอวี้เอ๋อร์กล่าวกับเธอ
“มิมีทาง” ซูหยินตะโกน
หงอวี้เอ๋อร์ถอนหายใจ “ช่างน่าสมเพช”
ในเวลาถัดไปแรงกดดันที่มองไม่เห็นก็เกิดขึ้นบนเวที สร้างความงงงันให้กับซูหยินและผู้ชม
“ก-เกิดอะไรขึ้น” ซูหยินมองดูหงอวี้เอ๋อร์ด้วยดวงตาเบิกกว้างเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
“ถ้าข้ามิแสดงให้เจ้าเห็นความแตกต่างระหว่าเราอย่างชัดเจน เจ้าคงจักมิยอมเข้าใจ”
ปราณไร้ลักษณ์มหาศาลพลันทะลักออกจากร่างของหงอวี้เอ๋อร์ จนทำให้ระดับพลังการฝึกปรือของเธอเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ระดับหนึ่งเขตปฐพีวิญญาณ… ระดับสอง… ระดับสาม… ระดับสี่…
ภายในไม่กี่วินาที พลังการฝึกปรือของหงอวี้เอ๋อร์พลันพุ่งทะยานจากระดับสูงสุขเขตสัมมาวิญญาณไปสู่ระดับสูงสุดเขตปฐพีวิญญาณ
“ป-เป็นไปไม่ได้..” ซูหยินสีหน้ว่างเปล่า ดูเหมือนกับว่าเธอกำลังฝันไป
“ข้ายังมิจบดี…”
ด้วยการผลักดันอีกครั้ง พลังการฝึกปรือของหงอวี้เอ๋อร์ก็ก้าวไปอีกระดับหนึ่ง เข้าสู่เขตอัมพรวิญญาณ
“สวรรค์…” ไป่ลี่ฮัวและเจ้าซีอุทานออกมาเป็นเสียงเดียวกัน
ซีซิงฟางยังคงเงียบ แต่ที่ซ่อนอยู่ภายในผ้าคลุมหน้านั้นเป็นสีหน้าเคร่งเครียด
ส่วนสำหรับผู้ชมนั้น พวกเขาต่างพากันตระหนกจนเงียบงัน
มันเงียบมากภายในโคลีเซียมจนกระทั่งสามารถได้ยินเสียงเข็มตกในระยะห่างไปนับกิโลเมตร