dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน - Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 407 ไม่ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น
- Home
- dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน
- Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 407 ไม่ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น
บทที่ 407 ไม่ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น
“ท่านเจ้า จอมกระบี่ศักด์ิสิทธ์ิจงเฉาหวง รออยู่ที่ห้องรับรอง ดูเหมือน
ว่าเขาจะกระวนกระวายอยู่บ้าง” คนรับใช้แจ้งต่อเจ้าซีว่าผู้อาวุโสจง
มาถึง
“ผู้อาวุโสจงรึ เขาลืมอะไรไว้รึ เขาเพิ่งอยู่ที่นี่มินานมานี้” เจ้าซีเลิกคิ้ว
“ให้เขามาพบกับข้า” เขากล่าวกับองครักษ์
“ขอรับ ท่านเจ้า”
สองสามนาทีหลังจากนั้นผู้อาวุโสจงก็เข้ามาในห้องด้วยท่าทางสิ้น
หวังและสับสน
“ท-ท่านเจ้า ต้องมีอะไรผิดพลาดอย่างแน่นอน ทำไม “เขา” จึงเป็น
หนึ่งในผู้เข้าร่วมการแข่งขัน” ผู้อาวุโสจงถามเขา
“ใจเย็น…” เจ้าซีรู้สึกถูกรุกเร้าจากพฤติกรรมผู้อาวุโสจงอยู่บ้าง
กล่าวว่า “ท่านพูดถึงอะไร”
“ค-คนนั้น ซูหยาง ทำไมเขาจึงเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมการแข่งขันได้”
ผู้อาวุโสจงถามอีกครั้ง ด้วยความชัดเจนในครั้งนี้ “มิมีทางที่คนที่อยู่
ในเขตอัมพรวิญญาณจักมีคุณสมบัติเป็นผู้เข้าร่วมการแข่งขัน”
“อา… เช่นนั้นหมายความว่าท่านได้ยินข่าวแล้ว” สุดท้ายเจ้าซีก็
เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายจึงมีท่าทางแปลกไปแบบนี้
“ข้ารู้ว่านี่อาจจะมียาที่เกือบเป็นไปไม่ได้ให้กิน แต่ซูหยาง… เขามี
อายุเพียงสิบเจ็ดปีในขณะนี้จริง ๆ” เจ้าซีเผยความจริงให้กับอีกฝ่าย
ซึ่งปากอ้าตาค้างด้วยความตระหนก
“ส-ส-ส-สิบเจ็ดปี…” ผู้อาวุโสจงพูดติดอ่างอย่างหยุดไม่ได้
“น-นั่นเป็นไปไม่ได้ พรสวรรค์ประเภทไหนกันที่ต้องมีเพื่อที่จะเขต
อัมพรวิญญาณในอายุเท่านั้น ในเมื่อพวกเราทั้งหมดล้วนอายุเกินร้อย
ปี”
เจ้าซีส่ายหน้าและกล่าวว่า “แม้ว่าเขาจะปฏิเสธ ข้าก็เชื่อว่าเขามีอาจารย์
จากทวีปศักด์ิสิทธ์ิกลางที่ลึกลับ มิเช่นนั้นข้าก็มิอาจจะจินตนาการได้
ว่าเขาจะประสบความสำเร็จเช่นนั้นได้อย่างไร”
“อาจารย์จากทวีปศักด์ิสิทธ์ิกลาง…”
บางทีเหตุผลที่พวกเขาไม่สามารถเข้าใจพรสวรรค์ของซูหยางก็
เพราะว่าอีกฝ่ายมีคนจากสถานที่ซึ่งพวกเขาไม่สามารถเข้าใจได้
หนุนหลังอยู่
“ถ้าเจ้ายังคงรู้สึกสงสัย ไปดูลูกชายคนที่สองของตระกูลซู”
“เดี๋ยวก่อน… ตระกูลซู “นั่น” นะรึ” ผู้อาวุโสจงมองดูอีกฝ่ายไม่
อยากเชื่อ
เจ้าซีพยักหน้าและกล่าวว่า “เนื่องมาจากเหตุผลที่ไม่ทราบชัด ซูหยาง
ได้สูญหายไปประมาณหนึ่งปี แต่ทว่าหลังจากที่มีการสืบสวนอย่าง
ลึก ๆ ปรากฏว่าเขาถูกเตะออกจากบ้านและส่งไปยังนิกายกุสุมาลย์
พ้นพิสัยในฐานะศิษย์”
ผู้อาวุโสจงพูดไม่ออก เขาไม่คาดว่าซูหยางจะมีเบื้องหลังซับซ้อน
แบบนั้น
“แม้ว่านั่นจะมิสามารถอธิบายได้ว่าเขาเข้าถึงเขตอัมพรวิญญาณได้
อย่างไร แต่นั่นก็จักสามารถลบล้างความสงสัยทั้งหมดที่ท่านมีต่อ
ตัวตนของเขาได้”
ผู้อาวุโสจงหัวเราะหึด้วยท่าทางยอมแพ้ไม่นานหลังจากนั้นและ
กล่าวว่า “อันดับแรกก็เป็นโอสถสู่ปฐพี ตอนนี้ก็มีรุ่นหลังที่เข้าถึงเขต
อัมพรวิญญาณ ดูเหมือนว่ายุคของการฝึกฝนวิชาแบบใหม่กำลังมาถึง
และการฝึกฝนวิชาของข้าก็ไร้ประโยชน์ ถ้าหากว่าข้าเกิดช้าลงอีกสัก
นิด”
“ถ้าซูหยางมีอายุเพียงสิบเจ็ดปีจริง ก็คงจะมิยากที่จะเชื่อได้ว่าหงอวี้
เอ๋อร์จากสำนักเมฆม่วงก็อยู่ที่เขตอัมพรวิญญาณเช่นกันใช่ไหม”
“หงอวี้เอ๋อร์…” เจ้าซีถอนหายใจหลังจากที่ได้ยินชื่อของเธอและ
กล่าวว่า “บางทีเธอก็อาจจะมีจอมยุทธจากทวีปศักด์ิสิทธ์ิกลาง
สนับสนุนเธอเช่นกัน มันเป็นเหตุบังเอิญอย่างที่สุดที่เธอก็เป็นคู่หมั้น
ของซูหยางด้วยเช่นกัน”
“เดี๋ยวก่อน…”
ผู้อาวุโสจงนวดขมับด้วยความเครียดและกล่าวต่อว่า “หงอวี้เอ๋อร์นี้
เป็นคู่หมั้นของซูหยางรึ”
“จากการสืบสวน ใช่ ข้าได้ส่งชายหนุ่มที่มีปูมหลังทรงอำนาจยาก
ต้านทานสองสามคนเข้าหาเธอแต่พวกเขาล้วนถูกเธอ ซึ่งยืนยันว่ามี
คู่หมั้นแล้ว ถีบออกไปในทันที ข้ายังได้สืบสวนตระกูลหงและเหตุ
ใดพวกเขาจึงได้ซ่อนความจริงไว้ และจริงแล้วหงอวี้เอ๋อร์ได้หมั้น
กับซูหยางนับตั้งแต่อายุยังน้อย”
“อย่างไรก็ตามมิว่าพวกเขามีความสัมพันธ์กันเช่นไร นั่นก็คงจะสนุก
หากได้เห็นว่าพวกเขาจักทำอย่างไรเมื่อต้องอยู่บนเวทีเดียวกัน” เจ้าซี
ยิ้ม
ผู้อาวุโสจงมองดูอีกฝ่ายด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
เมื่อเจ้าซีสังเกตเห็นเช่นนั้นเขาก็กล่าวว่า “ข้ารู้ว่าท่านคิดอะไร แต่มิ
ว่าจะจับคู่สำนักของท่านอีกครั้งกับใครก็ตาม ผลลัพธ์ก็ยังคงเหมือน
เดิม นอกจากว่าท่านจะมีจอมยุทธเขตอัมพรวิญญาณอยู่ในกลุ่มคน
รุ่นเยาว์”
“ถ้าข้ามีคนแบบนั้น ทั้งโลกก็คงรู้ไปแล้วในตอนนี้” ผู้อาวุโสจงส่าย
หน้า
“ช่างเป็นโชคร้าย แต่ข้าก็จักให้ศิษย์ของข้าต่อสู้ศึกครั้งนี้ที่รู้ผล
เรียบร้อยแล้วก่อนที่มันจะเริ่ม”
“ท่านมิตั้งใจจะบอกพวกเขาเกี่ยวกับซูหยางรึ” เจ้าซีถาม
“จะมีความหมายอะไร รู้ถึงความแข็งแกร่งของเขาก็มิเปลี่ยนอะไร
ทั้งสิ้น ตามจริงมันเพียงแค่ทำให้พวกเขายิ่งผิดหวังกว่าเดิมกว่าตอน
ที่พวกเขาเป็นอยู่นี้กับฟางซีหลาน”
“เฮ้อ…เมื่อมาคิดว่าอำนาจที่มิเคยสั่นคลอนของสำนักกระบี่ศักด์ิสิทธ์ิ
สุดท้ายก็มาถึงจุดสิ้นสุด… และในทันทีทันใดแบบนี้ ข้าได้ล่วงเกิน
เทพเจ้าในชีวิตก่อนหรืออย่างไรจึงต้องรับผลเช่นนี้” ผู้อาวุโสจงถอน
หายใจลึก
“มิมีอะไรจักคงอยู่ได้ตลอดกาล ความจริงแล้วในอีกไม่กี่สิบปี ข้า
มั่นใจว่าซูหยางจักเหนือกว่าพ่อของข้าซึ่งได้ถึงเขตราชันย์วิญญาณ
ในตำนานในที่สุด ครั้นเมื่อเกิดแบบนั้นขึ้นเขาก็อาจจะกลายเป็น
จักรพรรดิคนถัดไปของทวีปตะวันออก” เจ้าซีกล่าว
“อย่างไรก็ตาม ผู้ฝึกวิชาที่มีอนาคตมิสิ้นสุดล้วนยากทำนาย ใครจะรู้
ว่าเขาจักทำอะไรในอนาคตเมื่อเขาเติบโตขึ้น เขาอาจจะอยู่ที่ทวีป
ตะวันออกในฐานะผู้กุมอำนาจหรือเขาอาจจะท่องเที่ยวไปยังทวีป
อื่นก็เป็นไปได้ เมื่อเห็นว่าอาจารย์ของเขามาจากทวีปศักด์ิสิทธ์ิกลาง
บางทีเขาอาจจะไปที่นั่นก็เป็นไปได้”
“มิว่าอย่างไรนี่ก็เป็นสิ่งที่เขาอาจจะทำ ข้ามั่นใจว่านั่นคงจะสั่นคลอน
ทั้งโลกแน่”
หลังจากนั้นผู้อาวุโสจงก็กลับไปหาศิษย์ของตนเอง
“ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีไหม ท่านเจ้าสำนัก”
พวกเขาถามเขาด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“อย่าเป็นกังวล มิมีอะไรที่ต้องห่วง อย่างไรก็ตามมิว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ในวันพรุ่งนี้ ก็จงเพียงมุ่งมั่นทำให้ดีที่สุดและพยายามอย่าทำตัวงี่เง่า”
ผู้อาวุโสจงกล่าวกับพวกเขา
“ตอนนี้ ข้าปวดหัวมาก ดังนั้นข้าจักขอพักสักวัน”
หลังจากที่เขาหายออกไปจากห้องแล้ว ผู้อาวุโสสำนักก็มองดูหน้า
กันด้วยท่าทางงุนงง
“ถึงกับทำให้จอมยุทธเขตอัมพรวิญญาณปวดหัวได้ นี่ต้องเป็นเรื่อง
หนักหนาแน่นอน”
“แต่น่าเสียดายมิมีอะไรที่พวกเราสามารถทำได้ เพียงหวังว่ามิมีอะไร
เลวร้ายเกินไป ตั้งใจก้าวผ่านพรุ่งนี้ไปโดยมิเสียหน้ามากเกินไปก็
แล้วกัน”