dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน - Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 418 ความอึดที่น่าอัศจรรย์
- Home
- dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน
- Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 418 ความอึดที่น่าอัศจรรย์
บทที่ 418 ความอึดที่น่าอัศจรรย์
สองสามชั่วโมงผ่านไปนับตั้งแต่เหล่าศิษย์พากันฉุดซูหยางเข้าไปใน
ห้องส่วนตัว และเขาก็ได้ทำให้เธอทุกคนหมดเรี่ยวแรงยกเว้นโหลว
หลานจีและซุนจิงจิง
“อาาา”
ฟางซีหลานครางออกมาอย่างสุขสมก่อนที่จะล้มลงไปบนเตียง
พร้อมกับหยาดเหงื่อพราวทั้งปลดปล่อยปราณหยิน
“เหลือเพียงแค่สองคนเท่านั้น คนไหนที่ต้องการเข้ามาเป็นอันดับ
แรก” ซูหยางถามพวกเธอ
“ท่านผู้นำนิกาย ท่านควรเข้าไปก่อน” ซุนจิงจิงกล่าวกับเธอ
“ทำไมข้าควรเข้าไปก่อน” เธอเลิกคิ้ว
“เพราะว่าถ้าข้าไปก่อน ท่านจักมิมีโอกาสที่จะได้ฝึก เป็นเรื่องปกติที่
จักใช้เวลานานมาก”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของซุนจิงจิง โหลวหลานจีก็พลันขมวดคิ้ว
“โห ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เจ้ากลายเป็นคนยโส หรือเจ้าลืมไปแล้วว่า
เจ้าเป็นเพียงแค่หญิงพรหมจรรย์เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ในขณะที่ข้าได้
ฝึกวิชามากว่าห้าสิบปี” โหลวหลานจีกล่าว
“อย่างไรก็ตามในเมื่อเจ้ายืนกรานเช่นนี้ ข้าก็จักไปเป็นอันดับแรก
อย่าโทษข้าถ้าเจ้าแพ้พนันเพราะความทระนงตนของเจ้า”
ซุนจิงจิงเพียงแค่ขยุกขยิกเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ซูหยางทำพวกเราทั้ง
คู่ที่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์”
ซูหยางเลิกคิ้วแล้วถาม “เจ้ามั่นใจรึ”
“นั่นย่อมมิเป็นเรื่องท้าทายถ้าท่านปล่อยพวกเราไปง่าย ๆ” ซุนจิงจิง
พยักหน้า
“ด-เดี๋ยวก่อน… อะไรคือยี่สิบเปอร์เซ็นต์” โหลวหลานจีดูทั้งคู่พร้อม
กับรู้สึกเหมือนมีลางร้ายบริเวณท้องน้อยของเธอ
“ท่านจักเข้าใจครั้นเมื่อพวกเราเริ่ม” ซูหยางกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม
ลึกลับ
“ตอนนี้ท่านพร้อมรึยัง” ซูหยางยื่นมือออกมาเหมือนกับต้องการจับ
มือเธอ
แม้ว่าเธอจะค่อนข้างประหม่าเล็กน้อย โหลวหลานจีก็ยังพยักหน้า
และจับมือของเขา
หลังจากที่จับมือของเขาแล้ว ซูหยางก็ดึงเธอเข้าสู่เตียงในทันทีและ
เริ่มรุกกระหน่ำร่างกายของเธอด้วยทั้งปากและนิ้ว
“อาาา”
โหลวหลานจีถึงกับผงะกับการจู่โจมอย่างรุนแรงในฉับพลันแต่ก็
เคลิบเคลิ้มไปในทันทีกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับร่างกาย
“โออออ”
“อาาาา”
แม้ว่านี่ไม่ใช่เป็นครั้งแรกของเธอที่ฝึกกับซูหยาง แต่ก็ให้ความรู้สึก
แตกต่างอย่างสิ้นเชิงราวกับว่าเธอกำลังฝึกอยู่กับคนอื่น ยิ่งไปกว่านั้น
ความรู้สึกสุขสมก็ยิ่งเข้มข้นยิ่งกว่าเดิม
ในเวลานั้นศิษย์คนอื่นพากันมองด้วยสีหน้างงงันเมื่อผู้นำนิกายที่
พวกเธอนับถือแสดงสีหน้าเย้ายวนที่พวกเธอไม่เคยเห็นมาก่อน
พร้อมกับเสียงที่วาบหวามที่พวกเธอไม่เคยได้ยินมาก่อน
“ว้าว… นี่คงเป็นสิ่งที่ควรจะเป็นเมื่อผู้นำนิกายฝึกฝนกัน… นี่ช่างเร่า
ร้อน…” หนึ่งในศิษย์พึมพำ
“สมกับเป็นท่านผู้นำนิกาย เธอมีเรือนร่างที่ทำให้คนอย่างข้าต้องการ
ที่จะโอบกอด…”
“ข้ามิอาจนึกฝันว่าสักวันหนึ่งจะได้เห็นผู้นำนิกายแสดงท่าทางเช่นนี้
ห่างจากตัวข้าไปเพียงไม่กี่เมตร”
อย่างไรก็ตามแม้ว่าเหล่าศิษย์จะพากันจ้องมองตลอดเวลา แต่ก็
เหมือนกับว่าเธออยู่ในโลกส่วนตัว โหลวหลานจียังคงดื่มด่ำอยู่กับ
ความสุขสม
สามสิบนาทีหลังจากนั้น โหลวหลานจีก็นอนเหยียดยาวอยู่บนเตียง
ด้วยสีหน้าหมดแรงหอบหายใจ ร่างของเธอยังคงบิดกระตุกไปด้วย
ความหรรษา
“สามสิบนาทีรึ ดูเหมือนว่าข้าจักเป็นผู้ชนะในครั้งนี้อยู่ดี ท่านผู้นำ
นิกาย” ซุนจิงจิงกล่าวกับเธอพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง
“เจ้าใช้เคล็ดลับอะไรรึ ซูหยาง ข้าได้ฝึกกับเจ้าหลายครั้งแต่มิมีครั้งไหน
ที่ร้อนแรงเท่าครั้งนี้” โหลวหลานจีถามเขาหลังจากที่หายใจได้ทัน
“ข้ามิได้ใช้เคล็ดลับอะไร” เขาตอบอย่างเยือกเย็น “เพียงแค่ว่าข้าได้
ออมรั้งไว้ตลอดเวลาเมื่อข้าฝึกฝนกับพวกท่านทุกคน ตามจริงแล้วข้า
มิเคยใช้เกิน 15% ของกลเม็ดกับทุกคนมาก่อนจนถึงวันนี้”
“จ-เจ้าพูดจริงรึ” โหลวหลานจีมองดูเขาด้วยหน้าตาตกตะลึง
เมื่อมาคิดว่าเขาได้ออมรั้งตัวเองไว้ตลอดมานี้และยังสามารถที่จะทำ
ให้พวกเธอรู้สึกเหมือนกับอยู่บนสรวงสวรรค์ได้
“ถ้าเจ้ายอดเยี่ยมปานนี้กับการใช้เพียง 15% กับความความสามารถ
ของเจ้า เช่นนั้นข้าสงสัยว่าจะรู้สึกเป็นอย่างไรถ้าฝึกฝนด้วย 100%
ของเจ้า” โหลวหลานจีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
แต่ทว่าซูหยางเพียงแค่ส่ายหน้าและกล่าวว่า “ข้ามิได้มีความหมายจะ
ล่วงเกินเมื่อข้าจะพูดว่า เป็นสิ่งที่มิมีใครในหมู่พวกท่านจะสามารถ
รับได้ ถ้าข้าใช้วิชาทั้งหมดบนตัวท่าน ข้ายังสงสัยว่าท่านจะคงสติ
หลังจากนั้นได้อยู่หรือไม่”
“หนักหนาปานนั้นเลยรึ” โหลวหลานจีไม่อยากเชื่อ
แม้ว่าเขาแทบจะไม่ร่วมฝึกฝนโดยใช้ทุกสิ่งที่เขามี แม้กระทั่งใน
สวรรค์ศักด์ิสิทธ์ิทั้งสี่ แต่ก็ยังมีไม่กี่คนที่สามารถรับมือกลเม็ดของ
เขาได้
และจำนวนคนที่กลายเป็นบ้าหรือกลายเป็นคนเบี่ยงเบนทางเพศ
หลังจากได้รับประสบการณ์จากร้อยเปอร์เซนต์ของเขานั้นมีมากกว่า
ไม่กี่คนนั้น
ตามจริงแล้วกลเม็ดการฝึกวิชาคู่ของเขานั้นเทพมากและไม่อาจต่อต้าน
ได้จนกระทั่งเขาได้ใช้ในการลงโทษหรือทรมานศัตรูมากกว่าที่จะใช้
สร้างความพึงพอใจให้คู่ของเขา
“มาเลย ซูหยาง ตอนนี้ถึงตาข้าแล้ว ร่างกายของข้าหมดเรี่ยวแรงไป
หมดแล้วจากการรอคอยแสนนาน” ซุนจิงจิงพลันกระโดดเข้าไปใน
อ้อมอกของเขา
ครั้นเมื่อพวกเขาทั้งคู่เริ่มร่วมฝึก โหลวหลานจีก็ถามศิษย์คนอื่น ๆ
“เธอสามารถอยู่ได้นานเท่าไหร่ที่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์”
เหล่าศิษย์สบสายตากันไปมาก่อนที่จะมองดูโหลวหลานจีด้วยรอยยิ้ม
ขื่นขม “เธอ…บางทีอาจจะสามารถอยู่ได้ทั้งคืน…”
“อะไรนะ นั่นเป็นไปไม่ได้ ทำไมเธออยู่ได้นานขนาดนั้น” โหลว
หลานจีประหลาดใจถึงที่สุดกับคำตอบของพวกเธอ
อย่างไรก็ตามเหล่าศิษย์ก็พากันส่ายหน้าและกล่าวว่า “กระทั่งพวก
เราก็ยังคงตระหนกกับระดับความอึดของเธอ ท่านผู้นำนิกาย เธอมิ
สามารถทนได้ถึงสิบนาทีเมื่อมินานมานี้ แต่โดยไม่มีสาเหตุเธอก็
สามารถฝึกร่วมกับซูหยางได้ราวกับว่าพวกเขาได้ทำเช่นนี้มานาน
หลายปี เหมือนกับว่าเธอได้รับการอำนวยพรอะไรสักอย่าง”
“นั่นไร้เหตุผล… เจ้ามิมีทางที่จะกลายเป็นคุ้นเคยกับบางสิ่งที่เข้มข้น
ปานนี้ได้ในทันที เจ้าต้องใช้เวลาหลายเดือนหรือไม่ก็หลายปีในการ
ฝึกฝนและอดทนกับการฝึกวิชาคู่ที่เข้มข้นปานนี้”
โหลวหลานจีไม่มั่นใจว่ามีความรู้สึกอย่างไรในเวลานั้น เธอควรจะ
เสียใจที่ถูกเอาชนะจากเด็กสาวตัวเล็ก ๆ ซึ่งเพิ่งสูญเสียความบริสุทธ์ิ
ไปไม่นาน หรือควรจะดีใจไปกับซุนจิงจิงซึ่งเหมือนจะมีพรสวรรค์
เป็นพิเศษกับการฝึกวิชาคู่
“ข้ารู้ว่าความรู้สึกของท่านเป็นเช่นไร ท่านผู้นำนิกาย” ฟางซีหลาน
พลันกล่าวด้วยรอยยิ้มขื่นขม “ข้าเคยภาคภูมิใจกับความอึดของข้า
เมื่อร่วมฝึกกับซูหยางจนกระทั่งไม่นานมานี้ แต่อนิจจากลายเป็นว่า
ข้ามิมีอะไรจะเปรียบเทียบกับน้องสาวคนนี้ได้”
เหล่าศิษย์ที่นั่นต่างพากันถอนใจ ครุ่นคิดถึงตนเองอย่างเงียบ ๆ ว่า
ซุนจิงจิงพลันได้รับร่างที่ทรงพลังเช่นนั้นได้อย่างไร