dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน - Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 425 กลับคืนสู่สวรรค์ศักด์ิสิทธ์ิทั้งสี่ ?
- Home
- dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน
- Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 425 กลับคืนสู่สวรรค์ศักด์ิสิทธ์ิทั้งสี่ ?
บทที่ 425 กลับคืนสู่สวรรค์ศักด์ิสิทธ์ิทั้งสี่ ?
“ชิวเยว่ อธิบายสถานการณ์ซิ เจ้าพบอะไร” ซูหยางถามเธอขณะที่
พวกเขาเดินทางบนยานบิน
ชิวเยว่พยักหน้าและเริ่มอธิบาย “ข้าได้เดินทางปราศจากจุดหมายเมื่อ
สองสามเดือนก่อน โดยหวังว่าข้าจักพบเจอสิ่งที่จักสามารถพาพวก
เรากลับบ้านได้ และในขณะที่ข้ากำลังบินอยู่เหนือทวีปใต้ ข้าก็รับรู้
ถึงพลังงานที่คุ้นเคยและตัดสินใจที่จะสืบเสาะหามัน”
“ครั้นเมื่อข้าตรวจสอบแหล่งที่มา มันกลายเป็นประตูมิติเดินไปสู่
ปลายทางที่มิรู้จัก และพลังงานที่ปลดปล่อยออกมาจากประตูทำให้
ข้านึกถึงสวรรค์ศักด์ิสิทธ์ิทั้งสี่ แต่ข้ามิมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นข้า
จึงตัดสินใจที่จะกลับคืนมาก่อนเป็นอันดับแรกและให้ท่านไปดูมัน”
“ข้าเข้าใจแล้ว…” ซูหยางพยักหน้าและเริ่มครุ่นคิด
ไม่นานหลังจากนั้น ชิวเยว่หันไปมองดูหงอวี้เอ๋อร์และกล่าวถามว่า
“ท่านจะบอกข้าได้หรือยังว่าทำไมเธอจึงมากับพวกเราในตอนนี้”
“โอ ใช่” ซูหยางพลันนึกออกและกล่าวว่า “แต่ก่อนที่ข้าจักแนะนำ
เธอให้กับเจ้า ข้าคิดว่าเธอควรจะรู้ว่าเจ้าเป็นใครก่อนเป็นอันดับแรก”
เขาหันไปยังหงอวี้เอ๋อร์และกล่าวว่า “นี่คือชิวเยว่ และก็เหมือนกับที่
เจ้าสามารถบอกได้จากหน้าตาพิเศษเฉพาะของเธอ เธอมาจากวิหาร
จันทราศักด์ิสิทธ์ิ”
“วิหารจันทราศักด์ิสิทธ์ิ… ทำไมคนจากสถานที่ศักด์ิสิทธ์ิจึงอยู่ใน
โลกนี้ได้” หงอวี้เอ๋อร์ถาม
“สรุปให้สั้น ๆ เธอเป็นลูกสาวของเยว่ไห่ และเธอถูกวิหารจันทรา
ศักด์ิสิทธ์ิล่าในตอนนี้ ส่วนสำหรับที่ว่าเธอมาถึงที่นี่ได้อย่างไร เธอ
เข้าไปในประตูมิติโบราณของแดนสวรรค์ทั้งสี่โดยมิได้กำหนด
จุดหมายปลายทางและตกมาอยู่ในที่แห่งนี้ด้วยเหตุบังเอิญอย่าง
แท้จริง” ซูหยางอธิบายให้ข้อมูลอย่างคร่าว ๆ กับอีกฝ่าย “และนี่ก็ทำ
ให้ข้ารู้เรื่องเจ้าทำสงครามกับจักรพรรดิสวรรค์เช่นกัน”
“ลูกสาวของเยว่ไห่รึ… ถ้านี่มิได้พิสูจน์ว่าชะตากรรมมีจริง ข้าก็มิรู้
ว่าอะไรจักอธิบายได้…” หงอวี้เอ๋อร์มองดูชิวเยว่ในอีกแง่มุมหนึ่ง
ในตอนนี้
จากนั้นเธอก็ตระหนักถึงอะไรบางอย่าง
“เกี่ยวกับเยว่ไห่… เจ้ารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ใช่ไหม” หงอวี้เอ๋อร์
ถามเขาด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“ข้ารู้” ซูหยางหลับตา พยายามที่จะซ่อนความเศร้าโศกในดวงตา
“ถ้าเจ้าต้องการ ข้าสามารถให้เผ่าของข้า…”
“ไม่ วิหารจันทราศักด์ิสิทธ์ิเป็นปัญหาของข้า ข้าจักจัดการกับพวก
นั้นด้วยตนเองหลังจากที่ข้ากลับไป” ซูหยางส่ายหน้า
“ข้าเข้าใจแล้ว…” หงอวี้เอ๋อร์พยักหน้า
“ตอนนี้เมื่อเจ้ารู้ว่าชิวเยว่คือใครแล้ว ข้าจักแนะนำเจ้าให้กับเธอ…”
“ข้าสามารถแนะนำตนเองได้น่า ที่รัก” หงอวี้เอ๋อร์พลันกล่าว
“ท-ท-ที่รักรึ” ชิวเยว่จ้องมองเธอด้วยดวงตาเบิกกว้าง
หงอวี้เอ๋อร์ยืนขึ้นและวางมือลงบนอกและกล่าวด้วยท่าทางภูมิใจว่า
“แม้ว่าข้าตอนนี้จะเรียกว่าหวอวี้เอ๋อร์ แต่นี่มิใช่ร่างจริงของข้า ในเมื่อ
ข้าจักสิงมันเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่ง”
“เจ้ากำลังสิงร่างนี้อยู่รึ…” ซูหยางงงงัน
“ใช่แล้ว หลังจากที่เจ้าตาย ข้าได้นำพาเผ่าเทพอาชูร่าประกาศสงคราม
กับจักรพรรดิสวรรค์ แต่ทว่าหลังจากต่อสู้กันได้สองสามร้อยปี ข้า
พลันพบเจอกับชายชราที่มิรู้ที่มา”
“ชายชรารึ” ซูหยางไม่อยากเชื่อ จะเป็นชายชราคนเดียวกับที่ซึ่งผลัก
เขาเข้าสู่ที่แห่งนี้หรือไม่ แต่เขาออกจากหน้าผาบาปนิรันดร์ได้
อย่างไร นั่นเป็นสถานที่ที่ซึ่งหากมีใครเข้าไปพวกเขาจะต้องอยู่ในที่
แห่งนั้นไปตราบชั่วชีวิต
หงอวี้เอ๋อร์พยักหน้าและกล่าวต่อว่า “เขาบอกข้าว่าเจ้ายังคงมีชีวิตอยู่
จริง แต่แน่นอนว่าข้าย่อมมิเชื่อเขาในตอนแรก ดังนั้นเขาจึงบอกข้า
ว่าเขาจักพิสูจน์ให้ดู”
“แม้ว่าเขาจักกล่าวเช่นนั้น แต่เขาก็ให้ข้ารออีกกว่าสองสามร้อยปี
ก่อนที่จะให้โอสถรุกล้ำวิญญาณกับข้า”
“โอสถรุกล้ำวิญญาณ”
ซูหยางตกใจ โอสถรุกล้ำวิญญาณเป็นสมบัติต้องห้ามที่ล้ำค่าที่ยอม
ให้คนผู้หนึ่งรุกเข้าไปในวิญญาณของอีกคนหนึ่งและยึดครองร่าง
นั้นเป็นชั่วระยะเวลาสั้น ๆ
“ข้ากลืนโอสถรุกล้ำวิญญาณและชายชราผู้นั้นก็ได้ชักนำวิญญาณข้า
ไปสู่ร่างของเด็กสาวคนนี้ ยอมให้ข้าเข้าสิงร่างของเธอ อย่างไรก็ตาม
ข้าก็สามารถอยู่ภายในร่างนี้ได้เพียงหนึ่งปี และเวลาครึ่งหนึ่งก็ได้
ผ่านพ้นไปแล้ว ดังนั้นข้าจักกลับคืนไปยังร่างเดิมของข้าในอีกครึ่งปี
ให้หลัง”
“ข้ายังคงมิเชื่อว่าเจ้ายังคงมีชีวิตในตอนนั้น แต่ข้าสิ้นหวังและโง่เขลา
ยึดมั่นอยู่กับความหวังอันน้อยนิดว่าเจ้ายังคงมีชีวิตอยู่ และหลังจาก
ที่ค้นหาผ่านความทรงจำของเด็กสาวคนนี้และพบเห็นเจ้า ข้าถึงกับ
ตระหนกเมื่อเห็นเจ้ามีชีวิตอยู่เป็นอย่างดี”
“ทำไมชายชราคนนั้นจึงทำเช่นนี้ให้กับเจ้า” ซูหยางถาม
“เขากล่าวว่า เขาต้องการที่จะหยุดสงครามก่อนที่มันจะควบคุมมิได้
ดังนั้นเขาจึงยอมให้ข้าเห็นเจ้า หักล้างเหตุผลเดียวที่ข้าต้องต่อสู้กับ
จักรพรรดิสวรรค์ทิ้งไป”
“ข้าเข้าใจแล้ว… นั่นมีเหตุผลอยู่…” ซูหยางพยักหน้า
“อย่างไรก็ตามจักเกิดอะไรขึ้นกับหงอวี้เอ๋อร์หลังจากที่เจ้ากลับคืน
ไปยังร่างของเจ้า” เขาพลันถาม
“เออ แม้ว่าข้าจะยึดครองร่างเธอ เธอก็ยังคงมีสติสัมปชัญญะเต็มเปี่ยม
และรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกระทั่งตอนนี้ จริงแล้วเธอก็ยังได้รับความทรงจำ
ของข้าบางส่วน แต่เราก็ได้ทำข้อตกลงกันและเพื่อเป็นการชดเชยกับ
การยืมร่างเธอ ข้าจักช่วยเธอฝึกจนถึงเขตอัมพรวิญญาณและแบ่งปัน
วิชาฝึกฝนให้กับเธอบางส่วน”
“เจ้ามิใจกว้างไปหน่อยรึ…” ซูหยางหัวเราะหึ
จากนั้นเขาก็มองเข้าไปในดวงตาของหงอวี้เอ๋อร์และกล่าวว่า “ข้า
ต้องขอโทษที่เจ้าถูกลากเข้ามาในเรื่องนี้โดยมิเต็มใจ ข้าก็จักชดเชย
ให้กับเจ้าสำหรับปัญหานี้ในภายหลังเช่นกัน”
ในเวลานั้นชิวเยว่ก็จ้องมองหงอวี้เอ๋อร์ด้วยดวงตาเบิกกว้างและกราม
ตก ดูเหมือนจะไม่เชื่อ
“โอ ใช่ ข้ายังอยู่ในระหว่างการแนะนำตัวเอง” สุดท้ายหงอวี้เอ๋อร์ก็
ตระหนักถึงเรื่องนี้และกล่าวต่อว่า “ชื่อของข้าคือถังหลิวชี และข้ามา
จากเผ่าเทพอาชูร่า”
“ผ-ผ-เผ่าเทพอาชูร่า” ชิวเยว่เริ่มสั่นสะท้านด้วยความกลัว เมื่อมาคิดว่า
เธอพบกับคนจากเผ่าเทพอาชูร่าที่มีชื่อเสียงโด่งดังในสถานที่แห่งนี้
“ท-ท-ท่านมีความสัมพันธ์อะไรกับซูหยางรึ” ชิวเยว่ถามถังหลิวซี
แม้ว่าเธอจะยังคงกลัว
“มิว่าจะเป็นหงอวี้เอ๋อร์หรือถังหงซี เราก็หมั้นหมายกับคนคนเดียวกัน”
“อะไรนะ” ชิวเยว่พลันหันไปมองดูซูหยางและกล่าวว่า “น-นี่จริงรึ
ท่านได้หมั้นหมายจากคนในเผ่าเทพอาชูร่า”
“แม้ว่านี่จะซับซ้อนอยู่บ้าง เธอก็พูดมิผิด” ซูหยางพยักหน้าโดยไม่
ลังเล “และเธอก็มิใช่เป็นใครก็ได้ในเผ่าเทพอาชูร่า เธอเป็นลูกสาว
คนเดียวของหัวหน้าเผ่า ในด้านอำนาจเธอเพียงอยู่ใต้คนคนเดียวซึ่งก็
คือพ่อของเธอ”
“ป-ป-เป็นไปมิได้…” ชิวเยว่ตกอยู่ในสภาพไม่เชื่อ เขาทำอะไรลงไป
จนทำให้เกิดผลลัพธ์เช่นนั้นออกมาได้
“หลิงชี ที่เจ้าพูดออกมาเมื่อกี้ที่ว่าเผ่าเทพอาชูร่ามิได้ต่อสู้กับจักรพรรดิ
สวรรค์อีกต่อไปแล้วงั้นรึ” ซูหยางถามเธอ
เธอพยักหน้าและกล่าวว่า “ในเมื่อเจ้ามิได้ตายจริง ๆ ก็มิจำเป็นต้อง
แก้แค้นให้กับเจ้าอีกต่อไปเท่านั้นเอง”
“ฟิ้ว…” ซูหยางปาดเหงื่อออกจากหน้าผากและถอนใจ “ขอบคุณ
สวรรค์ที่ข้ามิต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้นอีกต่อไป…”
“เจ้ารู้ไหมว่าข้ากังวลแค่ไหนเมื่อข้าได้ยินว่าตระกูลเจ้าเริ่มสงคราม
กับจักรพรรดิสวรรค์” ซูหยางกล่าว
“ข้ารู้… เพราะว่านั่นเป็นสิ่งที่ข้ารู้สึกเมื่อข้าพลันได้ยินข่าวการตาย
ของเจ้า ไม่ใช่ มันเลวร้ายยิ่งกว่านั้น”
“นั่น… นอกจากว่าข้าได้พูดกับชายชรานั่นอีกครั้ง มิเช่นนั้นข้าก็คงมิ
รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับข้าจริง ๆ” ซูหยางถอนใจ
เวลาผ่านไป ชิวเยว่ก็พลันกล่าวขึ้นว่า “พวกเรามาถึงแล้ว นี่เป็นตำแหน่ง
ของประตูมิตินั้น”
ซูหยางพยักหน้าและกล่าวว่า “ลงไปกันเถอะ”