dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน - Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 434 สมบัติของชนเผ่าหมูป่า
- Home
- dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน
- Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 434 สมบัติของชนเผ่าหมูป่า
บทที่ 434 สมบัติของชนเผ่าหมูป่า
“ห-หัวหน้าชิน ท่านคิดอะไรอยู่ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นแขกผู้ทรง
เกียรติของเราแต่เราปกติก็มิควรแสดงสมบัติของเราให้กับคนแปลก
หน้า” นักรบที่ชื่อเลอเป่าดึงเธอไปด้านข้างและพูด
“เจ้าโง่” ชินเหลียงหยูพลันตบหัวเลอเป่า สร้างความงงงันให้กับทุก
คนในห้อง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเลอเป่ าซึ่งไม่เคยถูกเธอตีมาก่อน
“หรือว่าเจ้ามิได้ยินคำพูดของทูตของชนเผ่ามังกรที่เพิ่งกล่าวไป”
“ผู้กอบกู้ของเราเป็นเทพธิดาที่แท้จริง คนที่สังหารมหาวิบัติในขณะที่
ทุกชนเผ่ามิอาจจะเอาชนะมันถึงแม้ว่าพวกเขาจะร่วมมือกันก็ตาม
และสมบัติของเราเดิมทีก็มาจากมหาวิบัติ ดังนั้นเดิมทีมันจึงถือเป็น
ของเทพธิดา.. พวกเขา”
“…”
ได้ยินคำพูดของเธอ เลอเป่ าจึงเงียบลงราวกับว่าเป็นลูกหมาที่เพิ่งถูก
เจ้าของดุ
“โปรดให้อภัยกับพฤติกรรมอันน่าอับอายของพวกเรา ผู้อาวุโสซู”
ชินหลิงหยูขอโทษพวกเขาและกล่าวต่อว่า “ตอนนี้ข้าจักแสดงให้
พวกท่านเห็นสมบัติที่เก็บเกี่ยวมาได้จากมหาวิบัติ”
ซูหยางพยักหน้าและติดตามเธอไปยังด้านหลังของกระท่อมที่ซึ่งมี
ประตูอยู่กลางห้อง
“หืม” ซูหยางเลิกคิ้วหลังจากที่เห็นประตูนี้ซึ่งเกือบจะโปร่งใส
“ประตูนี้เป็นค่ายกล มันค่อนข้างจะเป็นสิ่งที่ทรงพลังเช่นกันถ้าเจ้า
พิจารณาจากสถานการณ์ของพวกเขา” ถังหลิงชีพึมพัมกับซูหยาง
“พวกท่านสามารถเห็นประตูด้วยเช่นกันรึ” ชินเหลียงหยูมองดูพวก
เขาด้วยสายตาประหลาดใจและพูดต่อว่า “ตลอดทั่วทุกชนเผ่า ไม่ใช่
ตลอดทั่วทั้งทวีปใต้ ข้าควรจะเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถเห็นและ
เปิดประตูนี้ได้”
“อย่างไรก็ตามถ้าเจ้ารู้เรื่องค่ายกลสักอย่างสองอย่าง ใครก็จักสามารถ
ที่จะเห็นมันได้” ถังหลินชีกล่าว
“เป็นไปไม่ได้…” ชินเหลียงหยูพึมพัมไม่อยากเชื่อ ในเมื่อเธอเชื่อว่า
มันเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับทางพันธุกรรม
“ถ้าเจ้ามิเชื่อข้า เช่นนั้นข้าจะลองเปิดมันให้เจ้าดูไหม” ถังหลินชี
พลันกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นั่นจักใช้เวลามินานเช่นกัน”
“เดี๋ยว…”
แต่ทว่าก่อนที่ชินเหลียงหยูจะทันได้กล่าวอะไร ถังหลินชีก็ได้ก้าว
ออกไปข้างหน้าและยืนอยู่ตรงหน้าประตู จ้องมองมันอย่างเงียบ ๆ
ชินเหลียงหยูมองดูด้วยความรู้สึกเป็นกังวลใจ
หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะถังหลินชีก็กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงมีอำนาจ
ว่า “กระทั่งสมุนของจักรพรรดิสวรรค์ก็ยังมิกล้าที่จะขวางทางข้า แต่
แค่เพียงค่ายกลที่สร้างขึ้นจากสิ่งมีชีวิตที่ต่ำต้อยกล้าที่จะขวางทางข้า
งั้นรึ”
“ห-หือ เธอกำลังทำอะไร ทำยังกับว่านั่นจะเปิดค่ายกลได้” ชินเหลียง
หยูคิดในใจ
อย่างไรก็ตามเวลาถัดไปประตูที่โปร่งใสก็มีปฏิกิริยาตอบโต้ด้วยการ
สั่นสะเทือนเล็กน้อย
แม้ว่าการเคลื่อนไหวจะเล็กน้อยและเกือบสังเกตไม่ออก ชินเหลียงหยู
ถึงกับสั่นสะท้านไปถึงขั้วหัวใจ
“ข้าจักให้เวลาเจ้าสามวินาทีที่จะเปิดหรือไม่ข้าก็จักทำลายเจ้าซะ”
หลังจากที่กล่าวคำพูดเหล่านั้น ถังหลินชีก็เริ่มนับ
“หนึ่ง…”
ประตูสั่นสะท้านมากกว่าเดิม
“สอง….”
เมื่อนับถึงสองเป็นที่น่าประหลาดใจที่ประตูเปิดขึ้นเล็กน้อยสร้าง
ความตระหนกให้กับชินเหลียงหยูซึ่งไม่เคยจินตนาการว่าค่ายกลที่
ปกป้องทรัพย์สินที่มีค่ามากที่สุดของชนเผ่าจะเปิดเพียงเพราะว่ามัน
ถูกข่มขู่โดยใครสักคน
“สาม”
เมื่อนับถึงครั้งสุดท้าย ประตูก็รีบเปิ ดราวกับว่ามันถูกบังคับให้เปิด
จากการเตะ
ครั้นเมื่อประตูเปิดแล้ว ประตูก็เริ่มหายไปก่อนที่ประตูมิติปรากฏตัว
ขึ้นในตำแหน่งที่ซึ่งประตูหายไป
“เห็นไหม มันค่อนข้างง่ายดายจริง ๆ” ถังหลินชีหันไปหาชินเหลียง
หยูและกล่าวด้วยรอยยิ้ม
อย่างไรก็ตามซูหยางส่ายหน้าและถอนใจ “เจ้าจะได้อะไรจากการ
แสดงเล็กน้อยนี้รึ หลินชี”
“อะไรนะ การแสดงรึ” ชินเหลียงหยูมองดูพวกเขาด้วยสายตางงงัน
ถังหลินชีหัวเราะคิกคักและกล่าวว่า “การพูดเหล่านั้นเป็นเพียงแค่
การแสดง เป็นตัวล่อ ประตูเปิดเพราะว่าข้ามองเห็นทะลุถึงค่ายกล
และสะเดาะเปิดมันออก มิใช่เพราะว่ามันถูกข้าขู่”
“มิมีทาง…” ชินเหลียงหยูพูดไม่ออก
“อย่างไรก็ตามรีบแสดงสมบัติให้กับข้าเถอะ ข้าค่อนข้างที่จะสนใจ
กับมันแล้วจริง ๆ” ถังหลินชีกล่าว
“ท-ทางนี้ โปรดตามข้ามา”
ชินเหลียงหยูพยักหน้าและพาพวกเขาไปยังประตูมิติ เคลื่อนย้ายพวก
เขาไปยังอีกที่หนึ่ง
“แม้ว่าช่องว่างภายในค่ายกลนี้จะเล็กมาก ก็ถือว่าไม่เลวหากพิจารณา
ว่ามันถูกสร้างจากคนที่อยู่ในเขตราชันวิญญาณ” ซูหยางคิดในใจ
ขณะที่เขามองดูรอบ ๆ ห้องที่ไม่มีขอบเขต สิ่งที่เป็นจริงก็คือพวก
มันถูกรายล้อมไปด้วยความมืดที่มีเพียงแสงกระพริบบางครั้งในฉาก
หลัง ราวกับว่าพวกเขาถูกเคลื่อนย้ายไปยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่
ดาว
“สมบัติอยู่ที่นี่ ผู้อาวุโสซู”
ชินเหลียงหยูชี้ไปยังลูกตาขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนเสาอย่างระมัดระวัง
ไม่กี่เมตรจากพวกเขา
“โอ…”
ซูหยางเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจหลังจากที่เห็นลูกตานี้ที่มีขนาด
ใหญ่กว่าโขดหิน ถ้าให้เขาเดา ตัวตนของมหาวิบัตินี้จะต้องมีความ
ยาวหลายพันเมตร
“ที่รัก… นี่คือ…” กระทั่งถังหลินชีก็ยังมีสีหน้าเคร่งเครียดหลังจากที่
เห็นดวงตาขนาดมหึมา
“ถ้าข้าจำมิผิด สิ่งที่ชิวเยว่ฆ่าต้องมาจากรอยแยกมิติ มันเป็นมารช่อง
มิติ”
“อะไรนะ มารช่องมิติรึ” ซูหยางตาโตด้วยความตกใจ “ทำไมสิ่งมีชีวิต
จากรอยแยกมิติจึงอยู่ในที่แห่งนี้ได้ และมิใช่ว่ามารช่องมิติมิสามารถ
ที่จะออกไปจากรอยแยกมิติได้เช่นนั้นรึ และถึงแม้ว่ามารช่องมิติจะ
หนีออกมาจากรอยแยกมิติได้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ชิวเยว่ก็มิควรจะ
สามารถฆ่ามันได้ กระทั่งจอมยุทธเขตจอมเทพก็ยังต้องกลัวพวกนี้”
จากนั้นถังหลินชีก็พูดขึ้นว่า “มิใช่ทุกคนที่จะรู้เรื่องนี้ในเมื่อมันเกิดขึ้น
ยากมากแต่ทว่ารอยแยกมิติเพียงสามารถที่จะป้องกันมิให้มารช่อง
มิติที่แข็งแกร่งหลบหนีได้เท่านั้น มารช่องมิติที่ถูกชิวเยว่ฆ่าบางที
อาจจะอ่อนแอมากมายนัก ดังนั้นมันจึงสามารถที่จะหลบหนีรอย
แยกมิติออกมาได้”
“ถ้าเป็นเช่นนั้น… บางทีสิ่งนี้อาจจะมาจากกระจกนิลกาฬก็ได้ในเมื่อ
กระจกเป็นประตูมิติไปสู่ที่ต่าง ๆ ได้ และทุกประตูมิติล้วนเชื่อมต่อ
กับรอยแยกมิติ” ซูหยางครุ่นคิด
“นี่เป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ ตอนนี้พวกเราก้าวเข้าใกล้กับการเปิ ดเผย
ต้นตอของกระจกแล้ว” ถังหลินชีกว่าว
“รอยแยกมิติ มารช่องมิติ สิ่งเหล่านี้คืออะไรกัน” ชินเหลียงหยูตาม
การสนทนาของพวกเขาไม่ทันในเมื่อเธอไม่เคยได้ยินศัพท์เหล่านี้มา
ก่อนจนถึงวันนี้