dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน - Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 435 มารช่องมิติ
- Home
- dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน
- Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 435 มารช่องมิติ
บทที่ 435 มารช่องมิติ
“ผ-ผู้อาวุโสซู… ท่านรู้มากมายเกี่ยวกับสัตว์อสูรนั่นที่เกือบทำลาย
ทวีปใต้ มหาวิบัติ” ชินเหลียงหยูถามเขา
“สัตว์อสูรนั่นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ควรมีอยู่เฉพาะในรอยแยกมิติ มารช่อง
มิติ พวกมันมีรูปร่างหลายแบบและขนาดจนมิมีมารช่องมิติตนไหน
ที่ดูเหมือนกับตัวอื่น สิ่งเดียวที่เหมือนกันระหว่างมารช่องมิติเหล่านี้
ก็คือความแข็งแกร่งของมัน เพราะว่าพวกมันล้วนเกิดขึ้นในสภาพ
แวดล้อมอันโหดร้ายเหมือนกัน พวกมันทั้งหมดล้วนแข็งแกร่งและ
ทรงพลังถึงที่สุด”
“ส่วนสำหรับรอยแยกมิตินั้น… โดยปกติแล้วมันก็คือสถานที่ที่คล้าย
ช่องว่างที่เจ้าต้องเข้าไปเมื่อยามที่เจ้าต้องเดินทางไปในสถานที่ไกล
มากจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งโดยการใช้การเคลื่อนย้ายผ่านมิติ ดังนั้น
จึงมีโอกาสที่เจ้าอาจจะพบเจอกับมารช่องมิติเมื่อเจ้าเคลื่อนย้ายผ่าน
มิติไปยังที่ไกลมาก ๆ”
“แน่นอนว่ามารช่องมิตินั้นมิใช่สิ่งที่พบเจอได้บ่อย จริงแล้วพวกมัน
หายากมาก”
“เดี๋ยวก่อน… ถ้าหากว่ามหาวิบัติมีต้นกำเนิดจากกระจกนิลกาฬ มี
โอกาสที่ตัวอื่นจะปรากฏตัวในอนาคตหรือไม่” ชินเหลียงหยูถาม
พร้อมขมวดคิ้วด้วยความกังวล
“แม้ว่านั่นมิถึงกับเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ยังเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ไม่มากนัก”
ถังหลินชีกล่าว “เหมือนกับที่ข้าพูด มีเพียงมารช่องมิติที่อ่อนแอมาก ๆ
เท่านั้นที่มีโอกาสที่จะหนีไปจากรอยแยกมิติ แต่ถึงกระนั้นพวกมัน
ส่วนใหญ่แล้วจะตายในระหว่างที่พยายาม”
“ก่อนหน้านี้เจ้าพูดถึงเรื่องที่ทวีปใต้เปลี่ยนเป็นยิ่งมีอันตรายมากขึ้น
ใช่ไหม สมบัตินี้ที่เจ้าเก็บไว้ตรงนี้อาจจะเป็นสาเหตุของสิ่งเหล่านั้น”
ถังหลินชีกล่าว
“อะไรนะ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น” ชินเหลียงหยูตอบสนองด้วยสายตา
งงงัน
“ในขณะที่เจ้าอาจจะมิสามารถที่รับรู้มันได้ แต่ข้ารู้สึกถึงกระแสพลัง
น่าหวาดหวั่นซุกซ่อนอยู่ภายในดวงตานั้น และนั่นบางทีมีผลกระทบ
กับธรรมชาติรอบตัวมัน ยิ่งไปกว่านั้นมันจะเติบโตเล็กน้อยตาม
กาลเวลาที่ผ่านไป หลังจากผ่านไปอีกร้อยปีที่แห่งนี้บางทีอาจจะ
กลายเป็นรังที่เต็มไปด้วยสัตว์อสูรวิญญาณที่แข็งแกร่ง”
“ไม่นะ…” ชินเหลียงหยูพึมพำด้วยเสียงกระวนกระวาย “ม-มีทาง
ไหนที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้บ้างไหม”
ถังหลินชีพยักหน้าและกล่าวว่า “จริงแล้วมันเป็นเรื่องง่ายมาก เพียง
แค่ทำลายมันหรือโยนมันทิ้งไป”
“น-นี่….” ชินเหลียงหยูเปลี่ยนเป็นลังเล การทำเช่นนั้นพูดง่ายกว่าทำ
ในเมื่อสมบัตินี้ถูกส่งผ่านรุ่นต่อรุ่นมาหลายร้อยปี ถ้าประเพณีนี้จบ
ลงที่เธอ เธอก็จะไม่สามารถที่จะหลับตาลงได้เพราะความอับอายนี้
“คงมิมีประเพณีไหนที่จะคงอยู่ได้อีกถ้าทวีปใต้ถูกทำลายโดยสัตว์
อสูรวิญญาณจำนวนมากใช่ไหม เอางี้ไหม ข้าจักเอาสมบัตินี้ไปจาก
มือเจ้าในเมื่อข้ามีวิธีใช้งานมันได้จริง มิเหมือนกับพวกเจ้าซึ่งเพียงจัก
เก็บมันไว้เป็นของประดับเท่านั้น” ถังหลินชีกล่าวด้วยประกายลึกลับ
ในดวงตา
“…”
หลังจากที่ได้ยินคำแนะนำของถังหลินชี ชินเหลียงหยูก็หลับตาลง
ครุ่นคิดอยู่อย่างเงียบ ๆ
สิ่งที่ถังหลินชีพูดนั้นเป็นความจริง ถ้าพวกเขายังคงเก็บสมบัตินี้ไว้
มันจะเพียงทำให้ชนเผ่าของพวกเขายิ่งปั่นป่ วนแทนที่จะเป็นประโยชน์
ยิ่งไปกว่านั้นสมบัติเองเดิมก็เป็นของชิวเยว่ในเมื่อเธอเป็นคนที่ฆ่า
มารช่องมิติตั้งแต่แรก
“แน่นอนข้ามิเอาสิ่งใดที่มีค่าไปฟรี ๆ ข้าจักชดเชยให้กับเจ้า วิชาฝีมือ
ระดับเซียนสามวิชาฟังดูเป็นอย่างไร แน่นอนว่ามันจะเป็นประโยชน์
ต่อเจ้ามากกว่าลูกตานั่น”
“วิ-วิชาฝีมือระดับเซียนรึ และถึงสามวิชาด้วย” ชินเหลียงหยูคางตก
ถึงพื้น
ลืมเรื่องวิชาระดับเซียนไปได้เลย พวกเธอยังไม่มีวิชาฝีมือระดับสวรรค์
แม้แต่เล่มเดียว
“อะไรนะ นั่นยังมิพออีกรึ” ถังหลินชีเลิกคิ้ว
ชินเหลียงหยูรีบส่ายหน้า “แน่นอนว่าพอแล้ว นั่นยิ่งกว่าพอเสียอีก
ตามความเป็นจริงมันมากเกินไปด้วยซ้ำ”
“เช่นนั้นเจ้ายินดีที่จะแลกเปลี่ยนหรือไม่”
“…”
หลังจากครุ่นคิดไปอีกชั่วขณะ ชินเหลียงหยูก็พยักหน้า “สมบัติเดิมที
ก็เป็นของท่านเทพธิดาอยู่แล้ว มิว่าอย่างไรก็ตามข้าก็รู้สึกแย่ที่รับ
ค่าชดเชยจากท่านเช่นกัน”
“ดีมาก ข้าจักให้วิชาการฝึกฝนแก่เจ้าสำหรับลูกตาของมารช่องมิติ
ยามเมื่อข้าได้จัดเตรียมไว้แล้ว” ถังหลินชีกล่าว
“ข-ขอบคุณ ผู้อาวุโส” ชินเหลียงหยูคำนับเธอ
“ที่รักยืมแหวนมิติของเจ้าหน่อย” ถังหลินชีพลันกล่าวกับเขา
ซูหยางพยักหน้าและยื่นส่งแหวนมิติให้กับเธอโดยไม่ลังเล
ครั้นเมื่อเธอมีแหวนมิติแล้ว ถังหลินชีก็ตรงไปยังลูกตาของมารช่อง
มิติและดูดมันเข้าไปในแหวนมิติ
“นี่ รักษาสิ่งนี้ไว้ให้กับข้าจนกว่าเจ้ากลับไปยังสวรรค์ศักด์ิสิทธ์ิทั้งสี่”
ถังหลินชีกล่าว
เพราะว่าเธอไม่มีวิธีที่จะพาสิ่งที่มีตัวตนไปกับเธอยามเมื่อเธอกลับคืน
ไปยังร่างเดิมของเธอ เธอต้องการบางคนนำมันไปให้กับเธอ
“เจ้าวางแผนที่จะทำอะไรกับลูกตานี้ต่อไปรึ” ซูหยางถามเธอพร้อม
กับเลิกคิ้ว
“สายเลือดเทพอาชูร่าย่อมได้ประโยชน์จากพลังงานปั่นป่วนที่อยู่ใน
ลูกตาของมารช่องมิติ มิว่าอย่างไรพวกเรามิเหมือนกับผู้ฝึกวิชาทั่วไป
ที่ฝึกฝนโดยใช้พลังวิญญาณบริสุทธ์ิ ผู้ที่ฝึกวิชาของสายเลือดเทพอา
ชูร่าของเราต้องทำเช่นนั้นกับพลังวิญญาณปั่นป่ วนแทน นอกจากนั้น
มารช่องมิติก็เป็นตัวตนที่ยิ่งกว่าหายากเช่นกัน ดังนั้นข้าจึงต้องการ
เพิ่มมันเข้าไปในของสะสมของข้า แน่นอนว่ามันจะยิ่งมีค่ามากขึ้น”
“เจ้ายังคงเก็บของสะสมอันตรายพวกนั้นอยู่อีกรึ ข้ามิแปลกใจเลย”
ซูหยางเผยรอยยิ้ม
“อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกเราเสร็จงานตรงนี้แล้ว เรามุ่งไปยังชนเผ่า
อื่นและดูว่าข้อมูลอะไรที่พวกเขามีเกี่ยวกับกระจกนิลกาฬกันเถอะ”
ชินเหลียงหยูพยักหน้า
“มิว่าอย่างไรถ้าท่านมิถือหากข้าจะขอถาม ผู้อาวุโสซู ทำไมท่านจึง
ค้นคว้าเรื่องกระจกนิลกาฬ ท่านวางแผนที่จะเข้าไปในนั้นรึ” เธอ
พลันถาม
“ใช่แล้ว” เขาพยักหน้าอย่างใจเย็น “ข้าวางแผนที่จะเข้าไปในกระจก
นิลกาฬคราวหน้าที่มันปรากฏขึ้น”
“และท่านมิกังวลรึว่ามันจักพาท่านไปยังที่ไหนสักแห่ง ถ้าเป็นข้า ข้า
เองย่อมมิกล้าที่จะเข้าไปในนั้นในเมื่อข้ากลัวสิ่งที่ไม่รู้จัก”
“สำหรับผู้ฝึกยุทธแล้ว บางครั้ง…ก็มีหลายสิ่งในชีวิตที่น่ากลัวกว่า
ความตายอีก” ซูหยางกล่าว “หรืออาจจะมีเป้าหมายที่เจ้าต้องทำให้
สำเร็จต่อให้เจ้าอาจจะตายในระหว่างกระทำการนั้น”
“โดยเฉพาะอย่างยิ่งนี่เป็นเรื่องจริงสำหรับข้า ถ้าข้ากลัวความตาย
เช่นนั้นข้าก็มิอาจจักสามารถปกป้องสิ่งที่ข้าเห็นคุณค่าและผู้คนที่ข้า
รัก มันเป็นสิ่งที่ง่าย ๆ เช่นนั้นแหละ”
“อย่างนั้นรึ…” ชินเหลียงหยูพึมพัมเสียงเบา ดูเหมือนจะพูดไม่ออก
ไม่แน่ว่าอาจจะหลงใหลในถ้อยคำของเขา