dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน - Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 515 จุดจบของนิกายล้านอสรพิษ
- Home
- dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน
- Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 515 จุดจบของนิกายล้านอสรพิษ
ไม่นานหลังจากนั้นหลังจากที่ถูกโหลวหลานจีตบ ฟูกวางก็ค่อยดิ้นรนลุกขึ้นยืนบนพื้น ก่อนที่จะถ่มฟันออกมาสิบกว่าซี่
แม้ว่าโหลวหลานจีได้ยั้งมือของเธอไว้ระหว่างการตบ แต่เพราะว่าฟูกวางนั้นอ่อนแอเหมือนกับคนธรรมดาและเขาไม่ได้ฝึกฝนร่างกาย การตบนั้นจึงทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าวัวกระทิงพุ่งชนเข้าที่ใบหน้าของเขา
ในตอนนี้เมื่อฟันของเขาเหลืออยู่ไม่ถึงครึ่ง ฟูกวางก็มองไปที่โหลวหลานจีและตะโกนออกมา “นังสารเลว ถ้ามิใช่เพราะซูหยาง นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยคงต้องหายไปหลายเดือนก่อนแล้ว”
โหลวหลานจี คิ้วกระตุกเมื่อได้ยินคำพูดของเขา แต่เธอไม่ได้แสดงท่าทางโกรธอะไรและเพียงแค่ทำตัวเรียบเฉย
“ข้ามิเห็นแย้งกับเจ้าในเรื่องนั้นในเมื่อนี่คือความจริง เป็นความจริง หากปราศจากซูหยาง นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยย่อมมิอาจจะอยู่ได้ถึงวันนี้ และมิว่าข้าหรือนิกายก็มิอาจจะชดใช้ให้เขาได้เต็มที่”
โหลวหลานจีกล่าวขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจของเธอ จนทำให้ฟูกวางสั่นสะท้านด้วยความโกรธ
โดยธรรมดาแล้วเขาย่อมไม่คิดว่าสักวันหนึ่งเขาจะตกต่ำเช่นนี้เพียงเพราะว่าคนรุ่นหลังจากที่เล็กๆอย่างเช่นนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย
“องค์หญิง โปรดนำเขาไป ข้ามิต้องการให้การคงอยู่ของเขาทำให้อากาศใกล้กับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยแปดเปื้อนไปมากกว่านี้” โหลวหลานจีคำนับซีซิงฟางหลังจากนั้น
ซีซิงฟางพยักหน้าให้กับเธอจากนั้นก็หันไปมองดูผู้อาวุโสจง
เมื่อเห็นสัญญาณจากสายตาเธอ ผู้อาวุโสจงก็พยักหน้าก่อนที่จะคว้าคอฟูกวางอีกครั้ง
ขณะที่ผู้อาวุโสจงเริ่มลากฟูกวางไป ซีซิงฟางก็หันไปดูซูหยางและคำนับเขา “ในฐานะที่เป็นคนจากตระกูลซี ข้าต้องขออภัยเป็นอย่างสูงสำหรับเหตุการณ์นี้ ตระกูลซีมีหน้าที่รับผิดชอบในการดูแลสำนักระดับสูงเช่นนิกายล้านอสรพิษให้อยู่ในสายตา แต่เรื่องมาจากพวกเราขาดการประสานงาน พวกเขาจึงยิ่งโอหังและเหยียดหยามผู้อื่น ข้าสัญญาว่าพวกเราจักเพิ่มการประสานงานและทำให้มั่นใจว่าสิ่งนี้จะมิเกิดขึ้นอีกในอนาคต”
“ป-โปรดเงยหน้าขึ้น องค์หญิง เหตุการณ์นี้ล้วนเป็นความผิดของนิกายล้านอสรพิษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฟูกวาง ผู้นำนิกาย ท่านมิควรจะก้มหัวให้เพราะพวกขี้โกงเช่นนั้น” โหลวหลานจีพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ข้ารู้ แต่นั่นมิทำให้ข้ารู้สึกดีขึ้นถ้าข้ามิได้ขอโทษด้วยตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อข้ากลายเป็นไร้ประโยชน์ตลอดมานี้ นั่นทำให้ข้ารู้สึกเหมือนกับว่าข้ามิมีค่ากับการใช้แซ่นี้”
ซีซิงฟางกล่าวต่อว่า “อีกครั้ง ข้าขออภัยสำหรับเหตุการณ์นี้ ข้าจักทำให้มั่นใจว่าได้ให้รางวัลกับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยในการจัดการกับฟูกวางและป้องกันเขาไว้มิให้เกิดหายนะมากเกินไปกว่านี้ แม้ว่านั่นจะเป็นโชคร้ายสำหรับศิษย์กว่า 36,000 คนที่ได้สูญเสียชีวิตของพวกเขาไปเพราะว่าความบ้าคลั่งของคนเพียงคนเดียว แต่ท่านก็ได้ช่วยชีวิตคนนับล้านอย่างมีศักยภาพซึ่งนั่นรวมไปถึงตระกูลซีด้วย โดยการสังหารอสรพิษโลหิตปีศาจ”
“จะเกิดอะไรขึ้นกับศิษย์ของนิกายล้านอสรพิษที่เหลือ” โหลวหลานจีถามเธอ
“นิกายล้านอสรพิษจักมิคงอยู่อีกต่อไปหลังจากวันนี้ ดังนั้นพวกเขาจักต้องหาที่อยู่ใหม่” ซีซิงฟางตอบ
ไม่มีใครในที่นั้นประหลาดที่ได้ยินว่านิกายล้านอสรพิษจะไม่คงอยู่อีกต่อไปหลังจากวันนี้ ในเมื่อศิษย์ส่วนใหญ่ของพวกเขาพลันสิ้นชีวิต และนิกายของพวกเขาก็ไม่มีผู้นำอีกต่อไป
แตกต่างจากนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยที่สามารถอยู่รอดได้โดยมีศิษย์เหลือน้อยกว่าหนึ่งร้อยคน ศิษย์ของนิกายล้านอสรพิษไม่อยากที่จะทิ้งนิกายแต่ก็ต้องถูกสังเวยโดยไม่เต็มใจแทน คงเป็นปาฏิหาริย์ถ้าหากว่ามีใครสักคนในบรรดาศิษย์กว่า 10,000 คนยินดีที่จะอยู่ในนิกายหลังจากเหตุการณ์นั้น
อย่างไรก็ตามเหตุผลที่ใหญ่ที่สุดที่ทำไมนิกายล้านอสรพิษไม่อาจอยู่รอดต่อไปได้ก็เพราะว่าธรรมดาแล้วพวกเขาไม่มีคนอย่างซูหยางที่จะชี้นำและสนับสนุนพวกเขา
สองสามนาทีให้หลัง ซีซิงฟางและผู้อาวุโสจงก็ออกจากพื้นที่แห่งนั้น
“พวกเราจักส่งบัตรเชิญให้ท่านไปยังตระกูลซีด้วยตนเองเพื่อรับรางวัลในภายหลัง” ซีซิงฟางกล่าวกับพวกเขาก่อนจาก
“ข้าก็ควรกลับไปยังสำนักของข้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เช่นกัน หากว่าข่าวของเหตุการณ์นี้แพร่สะพัด นั่นย่อมสั่นสะเทือนไปทั้งทวีปตะวันออก และใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น” ไป่ลี่ฮัวกล่าว
และเธอก็พูดต่อว่า “อย่างไรก็ตาม ขอแสดงความยินดีที่ได้รับศิษยที่มีพรสวรรค์ตั้งมากมาย ข้ามิสามารถรอดูพวกเขาเติบโตและเห็นพลังอำนาจของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยที่จักบังเกิดขึ้นในไม่กี่ปีจากนี้”
“เจ้ามิจำเป็นต้องรอนานเช่นนั้น เจ้าจักเห็นผลในปีหน้า” ซูหยางกล่าวกับเธอด้วยรอยยิ้ม ถ้าเจ้ามั่นใจในเวลานั้น เจ้าสามารถส่งศิษย์ของเจ้าบางคนมาที่เรา พวกเขาจักได้รับการฝึกฝนเช่นเดียวกัน เช่นกัน”
“ฮึ่ม นอกจากว่านั่นสามารถทำให้ข้าพูดไม่ออก และเจ้าเป็นคนจัดการเรื่องนั้นเอง ข้าจึงจักค่อยพิจารณา”
ไม่นานนักหลังจากที่ไป่ลี่ฮัวจากไป หวังชูเหรินก็กล่าวกับซูหยางว่า “พวกเราจะหยุดในสัปดาห์หน้าหรือไม่ ข้าเข้าใจดีว่าท่านต้องการหยุดพักหลังจากสิ่งที่ได้เกิดขึ้นในวันนี้”
“พักรึ” ซูหยางเผยรอยยิ้มกว้างและกล่าวว่า “เจ้าได้พักผ่อนเพียงพอแล้วสัปดาห์นี้ ข้ามั่นใจว่าจะทำให้มีชีวิตชีวามากขึ้นเมื่อข้าไปเยี่ยมครั้งหน้า”
ร่างของหวังชูเหรินสั่นสะท้านด้วยความรู้สึกยินดีผิดปกติหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเขา
“ข้าจักเฝ้าคอยเวลานั้น” เธอกล่าวกับเขาด้วยรอยยิ้มชวนหลงไหลก่อนที่จะจากไปจากพื้นที่นั้น
ครั้นเมื่อทุกคนนอกจากศิษย์จากนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยได้จากไปแล้ว ซูหยางก็กล่าวกับโหลวหลานจีว่า “ข้าจักเก็บตัวฝึกฝนเป็นเวลาสามวันเพื่อฟื้นฟูปราณไร้ลักษณ์ของข้า ศิษย์ใหม่ควรจะกลับมาในเร็วๆนี้ และจนกว่าข้ากลับมา ให้สอนพวกเขาเกี่ยวกับกฏของสำนักและสิ่งอื่นๆ ข้าจักจัดการกับพวกเขาหลังจากนั้น”
โหลวหลานจีพยักหน้า
จากนั้นซูหยางก็หันไปมองดูชิวเยว่และกล่าวในขณะที่ดวงตาของเขาเริ่มปิดลงว่า ข้าจักรบกวนเจ้าช่วยพาข้ากลับไปที่บ้าน”
หลังจากที่พูดคำพูดเหล่านี้แล้ว ซูหยางก็ปล่อยให้สติหลุดลอย ทำให้หัวของเขาซบลงไปยังอกนุ่มของชิวเยว่
“?!?!”
ใบหน้าของชิวเยว่พลันแดงฉาน แต่เธอไม่กล้าที่จะผลักเขาออกไป และเธอยิ่งกอดร่างเขาแน่นขึ้นในเวลาถัดไป