dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 537 โลกอื่น
บทที่ 537 โลกอื่น
“ท่านต้องการที่จะตามชิงเอ๋อร์ไปยังนิกายกุสุมาลย์รึ ท่านพ่อ” เจ้าซี
มองดูเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง ในเมื่อซีหวาง พ่อเขา ไม่เคยจากเมือง
หิมะโปรยมาหลายสิบปีแล้ว
“เจ้ามีปัญหากับข้ารึ” ซีหวางมองดูเขาพร้อมกับหรี่ตา จนทำให้เขา
ร่างสั่นสะท้านด้วยความกลัว
แม้ว่าเขาจะมีหน้าตาเป็นชายชราใจดีในตอนนี้ ซีหวางเคยปกครอง
ทวีปตะวันออกด้วยหมัดเหล็กในฐานะหนึ่งในวิชาที่ทรงอำนาจที่สุด
ในโลกนี้วิชาหนึ่ง ทั้งยังมีการเลี้ยงดูที่เข้มงวด
อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่ซีซิงฟางเกิดขึ้นมา ซีหวางกลายเป็นชายชรา
ใจดีและเลี้ยงดูเธอราวกับว่าเธอเป็นสมบัติสูงค่า เอาใจเธอไม่สิ้นสุด
ซึ่งย่อมทำให้เจ้าซีอิจฉาอยู่บ่อย ๆ
“ข้ามิกล้าที่จะคัดค้านท่าน ท่านพ่อ ถ้าท่านต้องการที่จะไปเป็นเพื่อน
ชิงเอ๋อร์ยังนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย เช่นนั้นข้าก็จักมิมีเหตุผลที่จะกังวล
เกี่ยวกับความปลอดภัยของเธออีกต่อไป” เจ้าซีกล่าวกับเขาพร้อมกับ
ฝืนยิ้ม
“ดี เอาล่ะถ้าเป็นเช่นนั้น เมื่อไหร่ที่เจ้าต้องการจะไป ชิงเอ๋อร์” ซีหวาง
หันไปถามเธอ
“พวกเราสามารถไปในตอนนี้เลย” เธอรีบตอบฉับพลัน
“เมื่อไหร่ที่เจ้าวางแผนจะกลับมา” เจ้าซีถามเธอในเวลาถัดไป
“ข้ามิรู้เช่นกัน แต่ถ้าดาบเสี้ยวจันทร์เพิ่มความรุนแรงขึ้น เช่นนั้นบางที
ข้าก็จักอยู่ที่นั่นจนกว่าทุกสิ่งจะสงบลง” เธอกล่าวหลังจากที่ครุ่นคิด
ชั่วขณะ
“…”
เจ้าซีพูดไม่ออก ในเมื่อเขาไม่อยากจะคิดเลยว่าซีซิงฟางจะพบว่านิกาย
กุสุมาลย์พ้นพิสัยมีความปลอดภัยมากกว่าบ้านของเธอเอง สถานที่
ปกป้องด้วยทหารทั้งกองทัพ
เวลาหลังจากนั้น ซีซิงฟาง และซีหวางก็ออกจากเมืองหิมะโปรยและ
เริ่มเดินทางไปสู่นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย
“ขอบคุณที่มากับข้า ท่านปู่” ซีซิงฟางกล่าวกับเขาด้วยรอยยิ้มสดใส
หลังจากนั้น “ถ้ามิใช่ท่าน ข้าคงต้องใช้ความพยายามมากกว่านั้นใน
การเปลี่ยนใจพ่อของข้า”
ซีหวางหัวเราะและกล่าวว่า “ฮ่าฮ่าฮ่าง.. มิต้องกล่าวถึงมันแล้ว ข้าจัก
ต้องทำทุกอย่างเพื่อหลานสาวสุดที่รักของข้าอยู่แล้ว”
จากนั้นเขาก็พูดว่า “อย่างไรก็ตาม จริงแล้วข้าก็สนใจในชายหนุ่มซู
หยางคนนี้เช่นเดียวกัน ข้าเคยพบเขาเพียงไม่กี่ครั้ง แต่เขาก็มักจะสร้าง
ความประทับใจให้ข้าจากการที่เป็นคนที่มีประวัติความเป็นมาอัน
ยิ่งใหญ่เหนือโลกนี้ไป ราวกับว่าเขามิได้เป็นตัวตนที่อยู่ในโลกนี้”
“บางทีท่านอาจจะพูดถูก ท่านปู่ พรสวรรค์ของซูหยางย่อมต้องเสีย
ไปในโลกใบเล็กแห่งนี้ ถ้ามีโลกอื่นนอกจากนี้ โลกที่น่าหวาดหวั่น
และลึกล้ำยิ่งกว่าโลกนี้ ใครจักรู้ว่าเขาจะเติบโตได้อีกสักเท่าไหร่” ซี
ซิงฟางกล่าวด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความคิดเพ้อฝัน
“โลกอื่นงั้นเรอะ… นั่นทำให้ข้านึกถึงเซียนหานซิ่น ซึ่งกล่าวกันว่า
มาจากโลกอื่น” ซีหวางพึมพำ
“นั่นเป็นจริงรึ ท่านปู่” ซีซิงฟางดวงตาเป็นประกายด้วยความสนใจ
“ใช่ นั่นเป็นคำร่ำลือที่มิได้อยู่นานนักเมื่อข้ายังเป็นเด็กหนุ่ม ชิงเอ๋อร์
จักรวาลเรานี้กว้างใหญ่ลึกล้ำอาจจะมิมีจุดสิ้นสุด ในจักรวาลที่ยิ่งใหญ่
เช่นนั้น ข้าย่อมมิประหลาดใจเลยถ้ามีโลกอื่นที่เหนือกว่าสวรรค์ของ
เราอยู่ที่ไหนสักแห่งในท้องฟ้าที่เปี่ยมไปด้วยดวงดาวนี้”
“นับตั้งแต่ข้าเข้าถึงเขตราชันย์วิญญาณ ข้าก็อดใจมิได้ที่จะคิดสงสัย
ว่ามีอะไรที่เหนือสวรรค์ขึ้นไปหรือไม่ มีความคิดสะกิดในใจของข้า
ปรารถนาที่จะเดินทางท่องเที่ยวสู่แดนฟ้าดาราพราว แต่อนิจจาด้วย
พลังของข้านี่ก็เป็นได้แค่เพียงความฝันของเด็ก ๆ” ซีหวางกล่าวด้วย
เสียงจริงจัง ขณะที่เขาจ้องไปยังฟากฟ้า ดูเหมือนว่าจะเต็มไปด้วย
ความเสียใจ
อย่างไรก็ตามที่เขาไม่รู้ก็คือ กระทั่งในสวรรค์ศักด์ิสิทธ์ิทั้งสี่ ที่ซึ่งผู้
ฝึกวิชาอันทรงอำนาจในจักรวาลรวมตัวกันอยู่นั่น ก็ยังมีเพียงแค่จอม
ยุทธเพียงแค่หยิบมือที่มีความสามารถในการท่องเที่ยวไปมาระหว่าง
ดวงดาวได้โดยปราศจากความช่วยเหลือของสมบัติวิญญาณศักด์ิสิทธ์ิ
ในเวลานั้น ย้อนกลับมาที่นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย หลังจากที่อธิบาย
การทำงานของค่ายกลชั้นเยี่ยมให้กับคนที่อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ซูหยาง
ก็ปล่อยให้เหล่าศิษย์จากไป กลับคืนไปทำการฝึกฝนตนเอง
“พวกเจ้าสองคนกำลังจะทำอะไรต่อไปในตอนนี้” ซูหยางถามไป่ ลี่ฮัว
และซูหยินหลังจากนี้
“ถ้าพวกเจ้าต้องการที่จะอยู่ในนิกายสักสองสามวัน ข้าก็จักจัดที่พัก
ของเจ้าให้ในทันที”
“วันเกิดของซูหยินจักยังมาไม่ถึงจนกว่าจะถึงพรุ่งนี้ พวกเราคงจัก
ต้องอยู่ที่นี่สักวันหรือสองวันเป็นอย่างน้อย หลังจากนั้นพวกเราก็จึง
ค่อยจักมาดูว่าพวกเราต้องการที่จะอยู่ที่นี่นานขึ้นอีกหรือไม่” ไป่ ลี่ฮัว
กล่าวกับเขา
“พี่ชาย ข้าพอจะพักกับท่านได้หรือไม่ในระหว่างที่ข้าอยู่ที่นี่ มันเป็น
เวลานานแล้วนับตั้งแต่พวกเราได้นอนเคียงข้างในห้องเดียวกัน” ซู
หยินพลันกล่าวกับเขาด้วยสีหน้าอ้อนวอน
“ถึงแม้ว่าเจ้าเป็นน้องของข้า แต่ศาลาหยินหยางก็มิใช่สถานที่สำหรับ
แขก” เขาส่ายหน้า
“ได้โปรด…” ซูหยินมองดูเขาด้วยดวงตาที่ดูเหมือนจะมีน้ำตาคลอ
“ข้ามิเห็นว่านี่จะเป็นปัญหาอะไร ซูหยาง เพียงแค่ให้เธออยู่กับเจ้า”
โหลวหลานจีพลันตัดบทพวกเขา
“เจ้ามั่นใจรึ” ซูหยางถามเธอ
โหลวหลานจีพยักหน้าและกล่าวว่า “ศาลาหยินหยางเคยเป็นสถานที่
ศักด์ิสิทธ์ิที่เป็นเพียงแค่บ้านของผู้นำนิกายเท่านั้น แต่ประเพณีประเภท
นั้นได้เป็นอดีตไปแล้ว มิว่าอย่างไรก็ตามมันก็ได้เป็นที่พักของแขก
สองสามคนไปแล้วในตอนนี้”
ในตอนนี้หากไม่นับเซี่ยวหรง ซึ่งตัวตนของเธอยังไม่ถูกโหลวหลาน
จีค้นพบ ก็ยังมีคนอื่นอีกสองคนนอกจากผู้นำนิกายที่อาศัยอยู่ใน
ศาลาหยินหยาง และพวกเธอก็คือ ชินเหลียงหยู และชิวเยว่
“เอาล่ะ เมื่อเจ้าพูดเช่นนั้น” ซูหยาพยักหน้าจากนั้นก็พูดกับซูหยิน
“ตกลง เจ้าสามารถอยู่กับข้าได้ในช่วงเวลานี้”
“ขอบคุณพี่ชาย ขอบคุณท่านผู้นำนิกายโหลว” ซูหยินคำนับเธอ
“แล้วท่านล่ะ ต้งอการที่จะพักอยู่ในศาลาหยินหยางด้วยหรือไม่ ท่าน
ผู้อาวุโสไป่ ” โหลวหลานจีถามไป่ ลี่ฮัวซึ่งก็ได้พยักหน้ารับ
“ถ้าเจ้ามิรังเกียจที่จะให้ข้าอยู่ด้วยเช่นกัน”
“เช่นนั้นก็ตัดสินใจตามนี้ มีห้องมากมายในสถานที่นั้น ดังนั้นท่าน
สามารถเลือกห้องใด ๆ ที่ถูกใจท่านได้”
“ขอบคุณ ท่านผู้นำนิกายโหลว”
หลังจากนั้น ซูหยางก็พาแขกเข้าสู่ศาลาหยินหยาง
อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาไปถึง พวกเขาก็ถูกขวางด้วยหญิงสาวที่
สวยเกินกว่าใครซึ่งเธอได้มายืนอยู่ที่ประตู
เมื่อซูหยินและไป่ ลี่ฮัวเห็นหญิงคนนี้ ดวงตาของพวกเธอก็เบิกกว้าง
ด้วยความตกใจ
“ท-ท่านคือ” ซูหยินพลันจดจำชิวเยว่ได้ในทันที ในเมื่อเธอยังคงค้าง
คาคำขอโทษจากการดูถูกอีกฝ่ายในระหว่างที่อีกฝ่ายและซูหยางได้
ไปเยี่ยมตระกูลซูมาเมื่อหลายเดือนก่อน