dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 538 คำขอโทษจากซูหยิน
บทที่ 538 คำขอโทษจากซูหยิน
“คนผู้นี้คือ…” ไป่ ลี่ฮัวก็จดจำชิวเยว่ได้ในทันทีเช่นกัน ในเมื่อตอนที่
อีกฝ่ายปรากฏตัวขึ้นที่การแข่งขันระดับภูมิภาคนั้นได้ทิ้งความ
ประทับใจลึกล้ำให้กับเธอ
“หืออออ เธอมาทำอะไรที่นี่” ชิวเยว่ชี้ไปที่ซูหยินด้วยสายตาคมกริบ
เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจกับการปรากฏตัวของอีกฝ่าย ในเมื่อเธอยังจำ
ได้ถึงตอนที่ซูหยินได้ดูถูกเธอ เรียกเธอว่าเป็นปีศาจจิ้งจอกที่ล่อลวง
ซูหยาง
“ข-ข้าขอโทษ” ซูหยินพลันก้าวออกไปข้างหน้าและขอโทษชิวเยว่
ด้วยการโค้งคำนับอย่างเต็มที่
“เนื่องเป็นเพราะความไม่พอใจของข้าในวันนั้น ข้าได้เข้าใจผิดท่าน
ว่าเป็นปีศาจจิ้งจอกที่ขโมยและล่อลวงพี่ชายของข้า กระทั่งล่วงเกิน
อย่างมากถึงขั้นโจมตีท่าน ข้ามิกล่าวโทษท่านที่จะมิชอบใจข้า หรือ
คาดหวังที่จะให้ท่านยกโทษให้ แต่ข้าจักขอให้ท่านรู้ไว้ว่าข้าได้
ตระหนักถึงความผิดพลาดของตัวข้า และก็ขออภัยท่านอย่างจริงใจ”
“ซูหยิน…” ไป่ ลี่ฮัวมองดูภาพฉากนี้ด้วยดวงตาโต ในเมื่อที่เป็นครั้ง
แรกที่เธอเห็นซูหยินมีกระทำท่าทางแบบนั้น
“มิยกโทษให้เธอรึ” ซูหยางก็กล่าวขึ้นเช่นกันพร้อมกับรอยยิ้มบน
ใบหน้า
“…”
ชิวเยว่ยังคงนิ่งเงียบไปอีกหลายอึดใจหลังจากนั้น
แม้ว่าเธอจะดูเหมือนไม่ชอบซูหยิน กระทั่งดูเหมือนจะเกลียดอีกฝ่าย
เสียด้วยซ้ำ แต่ความจริงก็คือชิวเยว่นั้นชื่นชมกระทั่งยังอิจฉาซูหยินที่
มีความกล้าที่จะแสดงออกถึงความรักของเธอที่มีต่อซูหยางอย่าง
เปิดเผยถึงแม้ว่าจะมีความสัมพันธ์ในฐานะพี่น้องร่วมสายเลือด
เปรียบเทียบกับตัวเธอเอง ซึ่งไม่สามารถแม้กระทั่งจะแสดงออกถึง
ความรักของเธอต่อซูหยางโดยไม่อายกับการกระทำนั้น ซูหยินนั้น
เหนือกว่ามาก
ที่ทำให้ชิวเยว่รู้สึกแย่กว่าเดิมก็คือความแตกต่างระหว่างวัยของพวก
เขา ไม่ว่าใครต่างก็คาดหวังว่าคนที่มีอายุมานับพันปีอย่างน้อยย่อม
ต้องมีความกล้าที่จะโอบกอดคนที่พวกเธอรักโดยไม่รู้สึกอายมาก
นัก แต่เธอกลับไม่สามารถที่จะทำเช่นนั้นได้
และบางที ซูหยิน ซึ่งจะบรรลุนิติภาวะในวันพรุ่งนี้ก็จะสามารถทำ
สิ่งที่เธอไม่สามารถทำได้
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ยิ่งทำให้ใจของชิวเยว่เต็มไปด้วยความโกรธ แต่ทว่า
ความโกรธนั้นไม่ได้มุ่งตรงไปยังซูหยิน แต่ลงมายังตัวเธอเองที่มี
จิตใจที่อ่อนแอ จุดอ่อนที่ไม่อาจแก้ไขได้ของผู้ฝึกยุทธ
เวลาหลังจากนั้น ชิวเยว่ก็กล่าวขึ้นด้วยเสียงเรียบเฉยว่า “สบายใจได้
ข้ามิใช่คนที่ใจแคบที่มิสามารถอภัยให้กับคนรุ่นหลังกับการดูหมิ่น
ข้าเพราะความเข้าใจผิดได้ และอีกทั้งเจ้าเองก็ยังเป็นน้องสาวของซู
หยางด้วยเช่นกัน ข้ามิสามารถที่จะโกรธเจ้าตลอดไปได้ถึงแม้ว่าข้า
จะต้องการอย่างนั้น”
“ขอบคุณ พี่สาว” ซูหยินเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าสดใสหลังจากที่ได้ยิน
คำพูดของชิวเยว่
“ว่าแต่ว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่ จึงมายืนอยู่ที่หน้าทางเข้าเหมือนกำลัง
รอใครสักคน” ซูหยางถามเธอ
“ฮึ่ม ท่านลืมไปแล้วรึ ซูหยาง ข้าได้ช่วยท่านกระตุ้นค่ายกลชั้นเยี่ยม
ดังนั้นจึงเป็นเวลาที่ท่านจะต้องทำให้ข้อตกลงของเราเสร็จสิ้น” ชิว
เยว่กล่าวกับเขา
“อะไรกัน นี่หมายความว่าพลังวิญญาณจำนวนมหาศาลนั้นเป็นของ
เธอรึ” ไป่ ลี่ฮัวร่ำร้องในใจ ในเมื่อสุดท้ายแล้วเธอก็มีเหตุผลมาก
พอที่จะทำให้เธอเข้าใจสถานการณ์
“ฮ่าฮ่าฮ่า…” ซูหยางพลันระเบิดเสียงหัวเราะออกมา แล้วเขาก็กล่าว
ว่า “มิจำเป็นต้องอดรนทนไม่ไหว ชิวเยว่ เจ้ากลัวอะไรอยู่รึ กลัวว่า
ข้าจักวิ่งหนีไปหลังจากที่เจ้ากระตุ้นค่ายกลงั้นรึ”
“น-นั่น…” ใบหน้าของชิวเยว่แดงก่ำด้วยเธอตระหนักว่าเธอได้แสดง
ท่าทางทนไม่ไหวมากเกินไปเพราะว่าความตื่นเต้นมาก ทำให้เธอ
เหมือนคนงี่เง่า
“แต่ในเมื่อเจ้าถึงกับออกมารอข้าถึงที่ประตู ข้าก็จักรีบใช้หนี้ให้” ซู
หยางกล่าว ก่อนที่จะมองไปยังโหลวหลานจีและกล่าวกับเธอว่า “ข้า
ขอรบกวนเจ้าสักเล็กน้อยได้หรือไม่”
โหลวหลานจีพยักหน้าด้วยรอยยิ้มแล้วกล่าวว่า “น้องสาว ผู้อาวุโส
ไป่ โปรดตามข้ามา ข้าจักพาพวกท่านไปยังห้องของท่าน”
“ขอบคุณ” ซูหยางกล่าวกับเธอก่อนที่จะเข้าไปในศาลาหยินหยาง
พร้อมกับชิวเยว่
ครั้นเมื่อพวกเขาไปแล้ว ไป่ ลี่ฮัวก็ถามโหลวหลานจีว่า “ผู้นำนิกาย
โหลว ผู้อาวุโสคนนั้นเป็นใครกัน ข้าคิดว่าเธอเป็นอาจารย์ของซู
หยาง แต่หลังจากที่เห็นวิธีการพูดคุยระหว่างพวกเขา ข้ามิเห็น
ความสัมพันธ์เช่นนั้นจากพวกเขา”
จากนั้นโหลวหลานจีก็ตอบว่า “แม้ว่าพวกเราจะอาศัยอยู่ในอาคาร
หลังเดียวกัน แต่ข้าก็มิรู้เกี่ยวกับเธอหรือว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอ
กับซูหยางมากมายนัก แต่อย่างไรก็ตามท่านพูดถูกเมื่อท่านพูดว่า
พวกเขามิได้มีความสัมพันธ์ฉันอาจารย์กับศิษย์”
“อย่าบอกข้าว่าเธอก็เป็น…ของซูหยาง ตัวจริง” ไป่ลี่ฮัวพลันกล่าว
ขึ้นพร้อมกับยกนิ้วก้อยชูขึ้น เพื่อแสดงว่าชิวเยว่เป็นคนรักหลักของ
เขา
“…”
ทั้งซูหยินและโหลวหลานจีมองดูเธอด้วยดวงตาเบิกกว้าง ราวกับว่า
ความคิดเช่นนั้นเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ในตอนแรก แต่เมื่อพวกเธอ
นึกถึงตัวตนของซูหยางและความเจ้าชู้ตามธรรมชาติของเขา นั่นก็ดู
เหมือนจะไม่เป็นข้อสงสัยอีกต่อไป
“ยังไงก็ตามให้ข้าพาพวกท่านไปที่ห้อง…” โหลวหลานจีพาพวกเธอ
สองคนเข้าไปในศาลาหยินหยางสองสามนาทีให้หลัง
เวลาหลังจากนั้น พวกเธอก็มายืนอยู่ตรงหน้าห้องซูหยาง
“นี่คือห้องของพี่ชายของเจ้า มีเตียงเพียงเตียงเดียว แต่ก็กว้างพอที่จะ
จุคนเข้าไปสี่คน อย่างไรก็ตามถ้าเจ้าต้องการที่จะนอนเตียงอื่น ข้าก็
จักเอามาให้อีกหนึ่งภายในห้องเป็นการชั่วคราว” โหลวหลานจีกล่าว
กับซูหยิน ซึ่งรีบส่ายหน้า
“นี่สมบูรณ์แบบแล้ว ท่านผู้นำนิกายโหลว ข้ามิยอมที่จะนอนที่อื่น
นอกจากข้างกายของพี่ชายข้าในขณะที่ข้าอยู่ที่นี่ กระทั่งเมื่อตอนที่
เขาเคยพำนักอยู่ที่บ้านตระกูลซู พวกเราก็จะร่วมเตียงกันบ่อย ๆ” ซู
หยินพูดด้วยรอยยิ้มสดสวยบนใบหน้าขณะที่เธอนึกถึงอดีต
“ถ้าเช่นนั้นข้าก็จักมิรบกวนเข้าอีกต่อไป…”
ครั้นเมื่อซูหยินเข้าไปในห้องซูหยางแล้ว โหลวหลานจีก็กล่าวกับไป่
ลี่ฮัวว่า “นอกจากห้องตรงกันข้ามและห้องด้านข้างห้องซูหยางแล้ว
ที่เหลือล้วนใช้ได้ ดังนั้นท่านสามารถเลือกห้องไหนก็ได้ที่ท่านชอบ”
“ขอบคุณสำหรับการต้อนรับ ผู้นำนิกายโหลว” ไป่ ลี่ฮัวกล่าวกับเธอ
“ถ้าเจ้าได้ตัดสินใจไปเยี่ยมสำนักหงส์สวรรค์เมื่อไหร่ พวกเราจัก
พยายามอย่างดีที่สุดในการดูแลเจ้า”
“ขอบคุณเป็นการล่วงหน้า ข้าจักจดจำเอาไว้เมื่อข้าไปเยี่ยม” โหลว
หลานจีกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
ในเวลานั้นภายในห้องของชิวเยว่ ที่อยู่ถัดออกไปจากบริเวณพวกเธอ
ยืนอยู่กันนั้น ชิวเยว่ได้นอนคว่ำลงบนเตียงพร้อมกับร่างกายเปลือย
เปล่า ในขณะที่ซูหยางนั่งอยู่ข้างเธอด้วยสีหน้าประหลาดใจอยู่บ้าง