dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 540 เกือบควบคุมตัวเองไม่ได้
บทที่ 540 เกือบควบคุมตัวเองไม่ได้
“ถ้าเจ้ามองข้าด้วยใบหน้าแบบนั้น นั่นจักทำให้สิ่งต่าง ๆ ยากขึ้น
แม้กระทั่งตัวข้าเอง เจ้ารู้ไหม” ซูหยางกล่าวกับชิวเยว่หลังจากที่เห็น
สีหน้าเร้าอารมณ์ของเธอ
หลังจากที่เลื่อนแขนของเธอออกพ้นใบหน้าแล้ว มือของชิวเยว่ก็
เอื้อมไปจับมือของซูหยาง
“ได้โปรด… หยุดรังแกข้าได้แล้วท่านพ่อ ทำให้มันจบไปเถอะ…”
เธอขอร้องเขาด้วยเสียงอ้อนวอน ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความ
ปรารถนา
เมื่อเห็นใบหน้ารัญจวนใจของเธอ ซูหยางก็ยิ้มและกล่าวขึ้นว่า “ถ้า
ข้าสามารถ ข้าก็คงจะมิลังเลที่จะโอบกอดเจ้าในเวลาขณะนี้ แต่ทว่า
เนื่องมาจากปัญหาที่เรารู้กันชัดเจนดีอยู่แล้ว ข้าต้องต้านทานความ
ปรารถนาเหล่านี้ที่กำลังแผดเผาอยู่ในใจข้า นี่อาจจะมิใช่สิ่งที่เจ้า
ต้องการ แต่ข้าหวังว่ามันคงจะเพียงพอที่จะสร้างความพึงพอใจ
ให้กับเจ้าในเวลานี้”
หลังจากที่กล่าวถ้อยคำเหล่านี้แล้ว ซูหยางก็สอดใส่นิ้วของเขาหนึ่ง
นิ้วเข้าไปในคูหาเปียกเยิ้มของชิวเยว่ จนทำให้เธอครวญครางเสียงดัง
ขาของเธอก็ถ่างกว้างขึ้นด้วยเช่นกันเปิ ดช่องว่างให้มือของเขา
เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
“อาาาา…”
เสียงสวรรค์ของชิวเยว่ดังก้องไปในห้องขณะที่นิ้วของซูหยางกระทำ
ย่ำยีถ้ำคับแน่นของเธอ
ยามเมื่อเธอเริ่มคุ้นเคยกับนิ้วของเขา ซูหยางก็เพิ่มนิ้วเข้าไปอีกหนึ่ง
นิ้วข้างในนั้นในขณะที่ใช้นิ้วโป้งของเขาลูบไล้ไปบนมุกมณีสีชมพู
ของเธออย่างนุ่มนวล
“อาาา อาาาาา อาาาาาาาาา”
ชิวเยว่ครวญครางราวกับว่าเธอกำลังร่วมรักกับซูหยางจริง ๆ โดยร่าง
เธอชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อและปราณหยิน
“อีก…… อีก…. อีก….” ชิวเยว่ร้องขอให้ทำให้มากกว่านั้นขณะที่
สายตาของเธอจ้องไปยังใบหน้าหล่อเหลาของซูหยาง
และเพื่อเป็นการตอบสนองต่อคำอ้อนวอนของเธอ ซูหยางก็เริ่มขยับ
นิ้วของเขาเข้มข้นยิ่งขึ้น
ถ้ำของชิวเยว่ทะลักทะลายไปด้วยปราณหยิน และตัวเธอเองก็รู้สึกว่า
สมองเบาโล่งจากการถึงจุดสูงสุดหลายต่อหลายครั้งจากนิ้วของซูหยาง
เวลาผ่านไป เมื่อความกระสันต์ของเธอได้สู่จุดสูงสุด ชิวเยว่ก็มอง
ไปยังซูหยางและกล่าวด้วยท่าทางมึนงงว่า “ข้ารักท่าน…. ป๊ ะป๋ า…”
คิ้วของซูหยางบิดเบี้ยวเมื่อได้ยินชิวเยว่เรียกเขาว่า “ป๊ ะป๋ า” จนเขา
ต้องหันไปดูเธอ
แต่ทว่าดูเหมือนว่าชิวเยว่จะหมกมุ่นเกินกว่าที่จะตระหนักว่าตัวเอง
เพิ่งจะพูดอะไรออกไป เมื่อเธอครวญครางต่อไปด้วยความสุขสันต์
โดยไม่ได้มีการยับยั้งอะไรทั้งสิ้น
“ชิวเยว่…” ซูหยางพลันเรียกเธอ
เมื่อชิวเยว่มองดูเขาอีกครั้ง ซูหยางก็พลันโน้มหน้าลงไปจุมพิตไป
บนริมฝีปากของเธอ ในขณะที่นิ้วของเขายังคงกระหน่ำเข้าไปใน
ช่องรักของเธอ
“อืมมมม” ดวงตาของชิวเยว่เบิกโพลงในตอนแรก แต่ในขณะที่พวก
เขาทำการจูบกันต่อไปอีกนั้น ดวงตาของเธอก็ค่อย ๆ ปิดลงไปอีก
ครั้ง ปล่อยให้เธอซึมซับกับความใกล้ชิดของพวกเขาอย่างเต็มที่
สองสามนาทีให้หลัง ซูหยางก็ถอนใบหน้าของเขาออกและเลียริม
ฝีปากของเขาด้วยท่าทางยั่วยวน
ชิวเยว่จ้องมองเขาในขณะที่หอบหายใจหนัก สายตาของเธอบอกเขา
ว่าเธอต้องการมากกว่านี้
หลังจากที่ให้เวลาเธอได้หายใจอีกชั่วขณะ ริมฝีปากของซูหยางก็
บรรจบกับริมฝีปากของเธออีกครั้ง
“อืมมมม…”
ลิ้นของพวกเขาเกี่ยวพันเข้าด้วยกันอย่างแน่นหนา ราวกับว่าเป็นงู
สองตัวที่ตวัดรัดพันซึ่งกันและกัน
หลายนาทีให้หลัง ชิวเยว่ก็ประสบกับจุดสุดยอดที่ถึงที่สุดพร้อมกับ
ปราณหยินที่พรั่งพรูออกมาจากคูหาของเธอราวกับท่อน้ำที่แตก
และทันทีที่ปราณหยินของเธอนั้นเหือดแห้ง สติของชิวเยว่ก็ลาจาก
ตัวไปเช่นกันจนทำให้เธอถึงกับสลบไสล
ครั้นเมื่อซูหยางตระหนักว่าเธอได้สลบไสลไปแล้ว เขาก็หยุดการ
สัมผัสร่างเธอและคลุมร่างเธอไว้ด้วยผ้าห่มผืนใหม่ที่ยังไม่ได้เปียก
ไปด้วยปราณหยินของเธอ
อย่างไรก็ตามเขาก็ยังคงยืนอยู่ข้างกายเธอไปอีกนานหลายนาที จ้อง
มองใบหน้าที่แสนสวยเปี่ยมไปด้วยความพึงพอใจอยู่อย่างเงียบ ๆ
“เป็นเวลานานแล้วนับตั้งแต่ข้าสูญเสียการควบคุมตัวตนและความ
ต้องการของข้า…” เขาคิดในใจขณะที่เขามองลงไปยังน้องชายของ
ตนเอง ซึ่งตอนนี้กำลังพองตัวผ่านเสื้อคลุมของเขาดูเหมือนกับว่ามัน
ต้องการที่จะแทงทะลุผ่านเสื้อผ้าของเขาและเข้าไปในร่างของชิวเยว่
ถ้าช่วงเวลาที่พวกเขาใกล้ชิดกันนานกว่านี้ บางทีเขาอาจจะยอมแพ้
แก่ไฟปรารถนาและร่วมรักกับชิวเยว่เข้าจริง ๆ อย่างไรก็ตาม
ความคิดที่จะทำให้เธอเป็นอันตรายเพื่อความปรารถนาของตนเอง
นั้นเป็นสิ่งที่เก็บความต้องการของเขาไว้ไม่ให้ระเบิดออกมา
“ข้าจำเป็นต้องเยือกเย็นลง…”
ซูหยางทำการนั่งลงบนพื้นด้วยท่าขัดสมาธิดอกบัวและทำจิตให้ผ่อง
ใส ไม่กี่นาทีให้หลัง เขาก็เริ่มดูดซับปราณหยินที่ฟุ้งเต็มห้อง
หลังจากที่ดูดซับปราณหยินทั้งหมดแล้ว ซูหยางก็สามารถรู้สึกได้ว่า
พลังการฝึกปรือของเขาได้เข้าถึงอีกระดับหนึ่ง เข้าสู่ระดับหกของ
เขาอัมพรวิญญาณ
ครั้นเมื่อเขาควบคุมความปรารถนาทางเพศของเขาได้อย่างสมบูรณ์
อีกครั้ง ซูหยางก็หันไปมองดูชิวเยว่ ซึ่งยังคงหลับสนิทแม้ว่าจะผ่าน
ไปหลายชั่วโมงแล้ว
หลังจากที่จ้องมองใบหน้าเธอไปอีกสองสามนาที เขาก็ออกไปจาก
ห้องเธอและกลับคืนสู่ห้องของตนเอง
“พี่ชาย ทำไมถึงใช้เวลานานนัก ข้าเกือบหลับไปในขณะที่รอท่าน
กลับมา” ซูหยินกล่าวกับเขาจากเตียง
“ขอโทษที ข้ามีธุระบางอย่างที่ต้องทำ” เขากล่าวพร้อมกับยิ้มขอโทษ
“ท่านอยู่กับผู้อาวุโสคนนั้นตลอดเลยรึ ท่านทำอะไรกับเธอ” เธอถาม
เขาด้วยสายตาอยากรู้
“ข้าเป็นหนี้เธอในการช่วยข้าสร้างค่ายกลชั้นเยี่ยม ดังนั้นข้าจึงต้อง
ช่วยเธอในสิ่งที่เธอขอมา” เขาตอบอย่างเรียบเฉย
“อืมมมม…เช่นนั้นความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับเธอนั้นเป็นอะไร
กัน หรือว่าเธอเป็นคนรักของท่าน” ซูหยินพลันถามเขา
“คนรักของข้ารึ ข้าเดาว่าเจ้าสามารถเรียกเธอเช่นนั้นได้” เขากล่าว
พร้อมกับรอยยิ้มบางเบา ไม่ได้ปฏิเสธ
“…”
ซูหยินมองดูเขาด้วยใบหน้างงงวย ดูเหมือนว่าจะไร้คำพูดกับการ
ตอบสนองของเขา แม้ว่าเธอจะคาดว่าจะเป็นเช่นนี้ แต่ก็ยังเป็นเหตุ
ทำให้หัวใจของเธอสั่นสะท้าน
“อย่างไรก็ตามมันค่อนข้างดึกแล้ว และข้าก็หมดแรงหลังจากช่วย
เธอ ดังนั้นข้าจะเข้านอนเร็วหน่อยในวันนี้ เจ้าก็ควรที่จะหลับเร็ว
หน่อยเช่นกัน ในเมื่อวันพรุ่งนี้นั้นเป็นวันอันยิ่งใหญ่สำหรับเจ้า” ซู
หยางกล่าว
“อื้อ” ซูหยินพยักหน้าและเว้นที่ว่างไว้ให้เขาขึ้นมาบนเตียง
ครั้นเมื่อแสงสว่างดับลงไปและพวกเขาทั้งคู่ซุกตัวอยู่ในผ้าห่มแล้ว
ซูหยินก็กล่าวด้วยเสียงเบาว่า “นานมาแล้วนับตั้งแต่พวกเราได้หลับ
ด้วยกัน พี่ชาย เมื่อตอนที่ท่านหายไปนั้นข้ามิได้คิดว่าข้าจักได้รับ
ความรู้สึกอันอบอุ่นจากท่านอีกครั้ง”
ซูหยินค่อยขยับกายเข้าไปชิดกับซูหยางและกอดเขาไว้แน่น
“ข้ารักท่าน พี่ชาย…” เธอพึมพำก่อนที่จะหลับลงไปอย่างรวดเร็ว
ซูหยางแสดงรอยยิ้มอบอุ่นก่อนที่จะหลับลงไปหลังจากนั้นสองสาม
นาทีเช่นเดียวกัน
สองสามชั่วโมงให้หลัง ครั้นเมื่อเวลาเที่ยงคืนได้ผ่านไป ดวงตาของ
ซูหยินก็พลันลืมขึ้น
“ข้าได้รอคอยมาเนิ่นนาน นานหลายปีสำหรับวันนี้ วันที่สุดท้ายก็ได้
กลายเป็นผู้ใหญ่…” เธอคิดในใจขณะที่เธอหันไปมองดูซูหยางที่
หลับอยู่ข้างกายเธอด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยว