dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 551 ตระกูลฟาง
บทที่ 551 ตระกูลฟาง
“ซูหยิน… เจ้าเป็นน้องสาวของซูหยางใช่ไหม ข้าต้องการที่จะได้พูด
กับเจ้ามานานแล้ว” ซีซิงฟางพลันมองมายังเธอด้วยรอยยิ้ม
“ข้ารึ…” ซูหยินแสดงสีหน้างงงัน
ซีซิงฟางพยักหน้าและกล่าวว่า “ถ้าเจ้ามีเวลาบ้างในตอนนี้ จะเป็นไร
ไหมหากจะมานั่งคุยกับข้า ข้าจักบริการน้ำชาชั้นเยี่ยมประจำตระกูล
ของข้าเป็นการแลกเปลี่ยนกับเวลาของเจ้า”
“น้ำชากับองค์หญิงรึ” ซูหยินงงงัน ในเมื่อเธอได้รับโอกาสอันยิ่งใหญ่
ที่คนปกติไม่เคยได้รับอย่างกะทันหัน แต่ทว่าเธอก็ไม่สามารถที่จะ
จินตนาการได้ว่าทำไมซีซิงฟางจึงสนใจในตัวเธอ
แม้ว่าเธอจะมาจากหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ แต่เธอก็ไม่เคยทำอะไรที่
ควรได้รับความสนใจเช่นนี้ ดังนั้นนี่อาจจะไม่ใช่เรื่องเธอแต่เป็น
เรื่องของซูหยางแทน
“เจ้ามิต้องการรึ” ซีซิงฟางแสดงสีหน้าท้อแท้เมื่อซูหยินยังคงเงียบ
เฉย
“ม-มิใช่เช่นนั้น นับเป็นเกียรติของข้าที่ได้ดื่มน้ำชากับองค์หญิง” เธอ
กล่าว
“ก็อย่างที่ข้าได้พูดไป เจ้าควรงดใช้พิธีรีตอง ในเมื่อมีแค่พวกเราอยู่
ที่นี่ เพียงแค่เรียกข้าว่า พี่หญิงซิงฟาง”
“ข้ามิกล้า…” ซูหยินส่ายหน้าอย่างเป็นกังวล
“นั่นคงทำให้สิ่งต่าง ๆ เกิดความซับซ้อนกับข้า ในเมื่อข้าใกล้ชิดกับ
พี่ชายของเจ้าเป็นอย่างมาก”
“ท่านใกล้ชิดกับพี่ชายของข้างั้นรึ” ซูหยินมองดูเธอด้วยดวงตาเบิก
กว้าง แล้วเธอก็ถามว่า “ใกล้ชิดระดับไหนที่เรากำลังพูดถึง”
“ซูหยิน… เจ้ามิควรถามคำถามที่จาบจ้วงเช่นนั้น…” ไป่ ลี่ฮัวกล่าว
กับเธอด้วยสีหน้ากระสับกระส่าย
ซีซิงฟางหัวเราะคิกคักกล่าวว่า “ถ้าเจ้าต้องการรู้ ข้าจักบอกเจ้าทุก
อย่างถ้าเจ้ามากับข้า”
“ตกลง พี่หญิงซิงฟาง” ซูหยินตอบรับทันที และทัศนคติที่เธอมีต่อซี
ซิงฟางก็เปลี่ยนไป 180 องศา
“ข้าต้องขออภัยเป็นการล่วงหน้ากับพฤติกรรมหยาบคายของศิษย์ข้า
องค์หญิง…” ไป่ลี่ฮัวกล่าวกับซีซิงฟางก่อนที่ซีซิงฟางจะพาซูหยินไป
ครั้นเมื่อพวกเธอจากไปแล้ว ซีหวังก็มองไปยังไป่ ลี่ฮัวแล้วกล่าวว่า
“สำนักหงส์สวรรค์ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย
ใช่ไหม และนี่ก็เกิดขึ้นก่อนที่พวกเขาจะชนะการแข่งขันระดับภูมิภาค
ถ้าเจ้ามิถือ เจ้าพอที่จะบอกข้าได้ไหมว่าอะไรเป็นเหตุให้เจ้ามีการ
ตัดสินใจเช่นนั้น ข้ามิได้มีความคิดที่จะล่วงเกินแต่อย่างใดเพียงแต่
สำนักระดับสูงปกติแล้วมักจะมิเห็นหรือใส่ใจในสำนักที่เล็กและไร้
ความสำคัญอย่างเช่นนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย แต่เจ้ากลับทิ้งความ
ภาคภูมิทั้งหมดของตนเองและร่วมเป็นพันธมิตรกับพวกเขา ข้าจึงมิ
สามารถที่จะจินตนาการได้ว่าอะไรที่มีอิทธิพลต่อเจ้าให้ทำเช่นนั้น”
“เอ่อ… เรื่องนี้..” ไป่ ลี่ฮัวแสดงสีหน้ากระอักกระอ่วน ไม่เป็นเรื่อง
ฉลาดสำหรับเธอที่จะเปิดเผยรายละเอียดเบื้องหลังการร่วมเป็น
พันธมิตรของพวกเขา แต่เธอก็กำลังเผชิญหน้ากับปรมาจารย์ของ
ตระกูลซี ซึ่งยิ่งน่ากลัวและมีพลังอำนาจมากกว่าเจ้าซีคนปัจจุบัน
สวรรค์ จะรู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเธอโกหกต่อหน้าเขาแล้วเขา
พบเห็น
“หือออ… ถ้ามันเป็นการยากสำหรับเจ้าที่จะตอบคำถามนี้ของข้า เจ้า
ก็สามารถมองข้ามมันไปได้” ซีหวังพลันกล่าวขึ้น “ข้ามั่นใจว่าซูหยาง
ต้องเสนออะไรบางอย่างแก่เจ้าที่เจ้ามิสามารถที่จะปฏิเสธได้ใช่ไหม
ถ้าหากว่าเป็นเช่นนั้น ข้าก็จักมิซักไซ้ไล่เลียงไปอีกต่อไป”
หลังจากที่พูดถ้อยคำเหล่านั้นเรียบร้อยแล้ว ซีหวังก็กลับคืนไปสู่ที่
พักของตนเอง
ในเวลานั้นในห้องของซีซิงฟาง เธอก็เทน้ำชาให้กับซูหยินหนึ่งถ้วย
“องค์หญิงจากตระกูลซีเทน้ำชาให้กับข้า…” ซูหยินตระหนักในตอนนี้
ว่าสถานการณ์ของเธอนั้นมีความประหลาดพิกลซึ่งปกติแล้วควรจะ
เป็นอย่างอื่น
“ชานี้เรียกว่า ชาเขียวชำระใจ และมันผลิตมาจากใบไม้พิษในป่ าร้าง
แน่นอนว่าพิษของมันนั้นได้ถูกสกัดออกไปจากใบเรียบร้อยแล้ว
ดังนั้นเจ้ามิต้องกังวลว่าจะถูกพิษ และมันก็เป็นหนึ่งในชาที่ข้าชื่น
ชอบเช่นกัน”
“ข-ขอบคุณพี่หญิงซิงฟาง” ซูหยินกล่าวกับเธอก่อนที่จะจิบชาที่มีสี
เขียวเข้ม
“อืมม มันหวานจัง ข้ามิเคยได้ลิ้มชิมชารสชาติอร่อยเช่นนี้มาก่อน” ซู
หยินมีสีหน้าประหลาดใจในเวลาถัดไป
“ข้าดีใจที่มันถูกปากเจ้า น้องหญิง” ซีซิงฟางยิ้ม
สองสามนาทีให้หลัง ครั้นเมื่อพวกเขาจิบชาเรียบร้อยแล้ว ซูหยินก็
ถามซีซิงฟางว่า “พี่หญิงซิงฟาง ท่านมีความสัมพันธ์อะไรกับพี่ชาย
ของข้ารึ”
“ข้าควรจะเริ่มจากตรงไหนดี…”
จากนั้นซีซิงฟางก็เริ่มเล่าย้อนให้ซูหยินฟังถึงตอนที่เธอพบกับซูหยาง
เป็นครั้งแรก
“แม้ว่าข้ามิเคยได้เห็นตัวเขามาก่อน และก่อนที่ข้าจะรู้จักตัวตนของ
เขา นั่นเพียงใช้เวลาข้าแค่เหลือบมองครั้งเดียวในการรับรู้ถึงตัวตน
อันเหนือธรรมดาของเขา” ซีซิงฟางกล่าวด้วยรอยยิ้ม ขณะที่เธอ
รำลึกไปถึงตอนที่ซูหยางยื่นส่งวิชาระดับเซียนที่มีประโยชน์ต่อร่าง
เซียนให้กับเธออย่างไม่ใส่ใจ
“ข้าได้รับความช่วยเหลือจากเขามากมายหลังจากนั้น ดังนั้นข้าจึง
เป็นหนี้เขามิน้อย แต่ทว่าด้วยฐานะของข้า ข้าก็พบว่าเป็นการยาก
เหลือเกินที่จะทดแทนเขา ในเมื่อข้ารู้สึกเหมือนกับว่ามิว่าข้าให้อะไร
กับเขาก็ตามมันก็เปรียบเหมือนกับขยะในสายตาเขา”
สองสามนาทีให้หลัง ซีซิงฟางก็กล่าวกับเธออีกว่า “ตอนนี้เมื่อเจ้ารู้
เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับซูหยางแล้ว ทำไมเจ้ามิบอกข้า
มากกว่านี้ในเรื่องของเขา มิว่าอย่างไรข้าก็ชื่นชอบที่จะรู้เกี่ยวกับผู้มี
บุญคุณของข้าให้มากขึ้น”
จากนั้น ซูหยินกับซีซิงฟางก็เริ่มพูดคุยกันโดยมีหัวข้อหลักเป็นเรื่อง
เกี่ยวข้องกับซูหยาง
หลายชั่วโมงหลังจากนั้น ซูหยินก็ออกจากที่แห่งนั้นและกลับคืนสู่
ศาลาหยินหยาง
“นั่นหมายความว่าซูหยางเดิมทีมิได้เป็นเช่นนี้งั้นรึ ดูเหมือนว่าจะมี
เหตุการณ์ใหญ่อะไรบางอย่างได้เกิดขึ้นกับเขาหลังจากที่เขาจาก
ตระกูลซูจนเป็นเหตุให้เกิดความเปลี่ยนแปลงเช่นนั้น” ซีซิงฟาง
พึมพำกับตนเองหลังจากนั้น
หลังจากที่ฟังซูหยินพูดถึงเกี่ยวกับซูหยาง เธอก็คิดว่าความเข้าใจที่
เธอมีต่อเขานั้นชัดเจนขึ้น แต่เธอจะคาดคิดแม้แต่น้อยก็หาไม่ว่านั่น
เป็นสิ่งที่ตรงกันข้าม
“จริงแล้วท่านเป็นใครกัน ซูหยาง” ซีซิงฟางถอนใจ
ในเวลานั้นที่ห่างออกไปสองสามกิโลเมตรจากนิกายกุสุมาลย์พ้น
พิสัย ก็เห็นรถม้าหรูหราหลายคันมุ่งหน้าตรงมายังทิศทางของนิกาย
และรถม้าแต่ละคันนั้นก็ปักธงขนาดใหญ่มีชื่อตระกูล “ฟาง” เย็บติด
ไว้อย่างสง่างาม
“ท่านผู้นำตระกูลฟาง พวกเราเกือบถึงนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยแล้ว”
คนขับรถม้ากล่าวกับคนที่อยูภายในรถม้าที่เขากำลังขับให้อยู่
“ดี…” เสียงที่เย็นเยียบเหินห่างดังขึ้นหลังจากนั้น