dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 556 การทดสอบฟางเซี่ยวหรู
บทที่ 556 การทดสอบฟางเซี่ยวหรู
“เจ้ามั่นใจว่าไม่มีปัญหาที่จะทำเช่นนี้รึ” ฟางซีหลานถามฟางเซี่ยวหรู
หลังจากที่แม่ของพวกเธอลับหายไปจากที่แห่งนั้นแล้ว “ข้าออกจาก
ตระกูลเพราะว่าพวกเขาทอดทิ้งและกลั่นแกล้ง แต่เจ้านั้นกลับเป็น
อีกเรื่องหนึ่ง เจ้าเป็นถึงอัจฉริยะระดับสูงคนหนึ่งภายในตระกูล แต่
เจ้ากลับโยนทิ้งสิ่งที่คนส่วนใหญ่ในโลกนี้จักฆ่าฟันกันเพื่อแย่งชิง”
“นั่นไม่มีปัญหา” ฟางเซียวหรูตอบอย่างเยือกเย็น “มิมีอะไรอีกที่ข้า
สามารถเรียนรู้จากพวกเขาได้อีกแล้ว และข้าก็มิชอบบรรยากาศที่
นั่นด้วย”
“ว่าแต่ว่าเมื่อไหร่ที่ข้าจักสามารถรับการทดสอบศิษย์” เธอถามขึ้น
“เราสามารถทดสอบได้ในทันทีนี้” ซูหยางกล่าว
ในเวลาถัดไป ซูหยางก็นำฟางเซี่ยวหรูไปยังพื้นที่ทดสอบ โดยมีฟาง
ซีหลานและโหลวหลานจีคอยมองดูอยู่ที่ด้านหลัง
“ท่านคิดว่าเธอจักผ่านหรือไม่” ฟางซีหลานถามโหลวหลานจี
“ในฐานะอัจฉริยะของตระกูลซี พรสวรรค์ของเธอนั้นแน่นอนว่า
เป็นของจริง แต่ข้ามิสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าเธอจักผ่านการ
ทดสอบ ในเมื่อการทดสอบที่ท้าทายที่สุดสำหรับเธอในการทดสอบ
นี้ย่อมเป็นการทดสอบเม็ดยาจิตอสูร ซึ่งมิได้สนใจถึงพรสวรรค์ของ
ผู้ใดแต่กลับเป็นวิถีจิตของพวกเขาแทน”
ในเวลานั้นบนเวทีแรก ฟางเซี่ยวหรูได้สัมผัสเทวรูปกระดูกและ
เทวรูปวิญญาณ
“อายุยี่สิบเอ็ดปี ระดับหนึ่งเขตปฐพีวิญญาณ”
หลังจากที่ผ่านการทดสอบแรก เธอก็เดินไปยังเวทีที่สอง
ครั้นเมื่อเธอเตรียมตัวพร้อมแล้ว ซูหยางก็บีบเม็ดยาจิตอสูร
“…”
ฟางซีหลานมองดูอย่างเป็นกังวลขณะที่ฟางเซี่ยวหรูนั่งอยู่ตรงใจ
กลางหมอกสีแดง
ห้าวินาทีผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สิบวินาทีให้หลัง ร่างของฟางเซี่ยวหรูก็เริ่มสั่นสะท้าน
เมื่อถึงเวลายี่สิบวินาที ก็เริ่มมีเลือดไหลออกมาจากจมูกของเธอ
“นี่…” ฟางซีหลานแสดงสีหน้าเป็นกังวล
ถ้าฟางเซี่ยวหรูไม่ผ่านการทดสอบ เธอก็จะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจาก
กลับไปยังตระกูลฟาง แต่หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ใครจะรู้ว่าแม่
ของพวกเธอจะทำอะไรกับเธอถ้าเธอกลับไป
ยี่สิบห้าวินาทีในการทดสอบ รูจมูกของเธอทั้งสองข้างของเธอก็มี
เลือดไหลออกมา
แต่ทว่าฟางเซี่ยวหรูไม่ได้ยอมแพ้น และซูหยางเองก็ไม่ได้ยับยั้งเธอ
ยี่สิบหกวินาที… ยี่สิบเจ็ดวินาที… ยี่สิบแปด… ยี่สิบเก้าวินาที…
เมื่อตอนที่เวลาแตะกำหนดสามสิบวินาที ซูหยางก็สะบัดชายเสื้อจน
ทำให้เมฆสีแดงนั้นหายไปในทันที
แค่ก
ฟางเซี่ยวหรูกระอักเลือดออกมาหนึ่งคำทันทีนับจากนั้น
“ข้า… ข้าได้ผ่านการทดสอบแล้วใช่ไหม” เธอถามเขาด้วยเสียงหมด
แรง
“ใช่ เจ้าผ่าน” ซูหยางพยักหน้า และเขากล่าวต่ออีกว่า “แต่ทว่าเจ้าผ่าน
อย่างฉิวเฉียด ถ้าเจ้าต้องทนต่อไปอีกหนึ่งถึงสองวินาที เจ้าก็จะตาย”
สองสามอึดใจให้หลัง ฟางเซี่ยวหรูก็ไปยังเวทีที่สามและผสมเลือด
ของเธอจากริมฝีปากเข้าไปในชามใส่น้ำ และทุกคนที่นั่นก็พากันดู
ในขณะที่น้ำเปลี่ยนเป็นสีแดง
“ขอแสดงความยินดี เจ้าได้ผ่านการทดสอบที่สาม และตอนนี้เจ้า
ต้องมาต่อสู้กับข้า ให้กล่าวไปแล้วข้าย่อมมิต่อสู้และทำร้ายผู้หญิง
ถึงแม้ว่ามันจักเป็นเพียงแค่การประลองฉันมิตร ดังนั้นข้าก็จักให้เจ้า
ได้มีเวลาฟื้นตัวก่อนที่พวกเราจะเริ่มต่อสู้” ซูหยางกล่าวก่อนที่จะส่ง
หินวิญญาณให้เธอสองสามก้อน
ฟางเซี่ยวหรูรับหินวิญญาณและก็เริ่มดูดซับพลังวิญญาณจากหิน
วิญญาณในทันทีเพื่อฟื้นฟูพละกำลังของเธอ
ในขณะที่ฟางเซี่ยวหรูฟื้นฟูพละกำลังของเธอเองอยู่นั้น ฟางซีหลาน
ก็ตรงเข้าไปหาซูหยางและกล่าวถามว่า “ในเมื่อเธอผ่านทั้งสามการ
ทดสอบ นี่ย่อมทำให้เธอเป็นศิษย์ของนิกายกุสุมาลย์แล้วใช่ไหม”
ซูหยางพยักหน้าและกล่าวว่า “มิเพียงแต่เธอมีพรสวรรค์สูงล้ำ แต่เธอ
ก็ยังมีการตัดสินใจที่แน่วแน่ แม้ว่าวิถีจิตของเธอจำเป็นต้องฝึกฝนอยู่
บ้าง แต่ยามที่เธอได้รับการฝึกฝนอย่างเหมาะสม โดยมิต้องสงสัยเลย
ว่าเธอจักกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งมากในโลกนี้ ถึงแม้ว่าจะปราศจาก
นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย เธอก็จักสามารถเข้าถึงระดับของเจ้าซีได้”
“เธอมีพรสวรรค์ถึงเช่นนั้นเลยรึ” ฟางซีหลานมองดูเขาด้วยดวงตา
เบิกกว้าง ในเมื่อยากที่ซูหยางจะชมเชยใครสักคนเป็นอย่างสูงแบบ
นั้น
เขาพยักหน้าและกล่าวว่า “ในบรรดาศิษย์ทั้งหมดของนิกายนี้ มีเพียง
เยี่ยนเยี่ยนที่เหนือกว่าเธอในเรื่องของพรสวรรค์ ตระกูลฟางบางที
อาจจะมิรู้ถึงพรสวรรค์ที่แท้จริงของเธอ มิเช่นนั้นพวกเขาก็คงมิยอม
ปล่อยวางเธอง่ายดายเช่นนี้”
เวลาหลังจากนั้น ครั้นเมื่อฟางเซี่ยวหรูเสร็จสิ้นการฟื้นฟูพลังของเธอ
เธอก็ตรงเข้าไปยังเวทีที่สี่
“ข้าจักมิเคลื่อนไหวจนกว่าเจ้าจะโจมตีข้าก่อนเป็นอันดับแรก” ซูหยาง
กล่าวกับเธอ “และก็มิจำเป็นที่จะต้องยั้งมือ โจมตีข้าด้วยทุกสิ่งที่เจ้า
มี”
ฟางเซี่ยวหรูพยักหน้า จากนั้นเธอก็เริ่มสะสมพลังปราณในส่วนหนึ่ง
ของร่างกาย มือขวาของเธอ
“น-นั่นคือ…” ฟางซีหลานพลันจดจำวิชานี้ได้และมีท่าทาง
ประหลาดใจ
“นั่นเป็นวิชาประเภทไหนกัน” โหลวหลานจีถามเธอด้วยความอยากรู้
“นั่นเป็น “หมัดภูเขาสุดยอด” วิชาประจำตระกูลฟาง และเป็นหนึ่ง
ในวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดวิชาหนึ่งของพวกเขา มีคำร่ำลือว่ามันมีพลังที่
สามารถที่จะทำลายเขาทั้งลูกได้ด้วยการต่อยเพียงหมัดเดียวถ้าฝึกปรือ
ถึงขั้นสมบูรณ์ ถ้าตระกูลฟางยอมให้เธอเรียนรู้วิชานี้ พวกเขาต้อง
เห็นคุณค่าในพรสวรรค์ของเธอจริง ๆ” เธออธิบาย
“ใช้วิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้าในการโจมตีครั้งแรก อย่างน้อยถือว่า
เจ้ามีความสำนึกอยู่บ้าง” ซูหยางกล่าวด้วยรอยยิ้มเยือกเย็นบนใบหน้า
สองสามอึดใจให้หลัง ฟางเซี่ยวหรูก็พุ่งเข้าไปหาซูหยางพร้อมกับ
หมัดที่พุ่งเข้าไปยังใบหน้าของเขา
และแรงกดดันมหาศาลก็พลันโถมทับลงไปยังร่างของซูหยาง ทำให้
รู้สึกเหมือนกับว่าเขาแบกภูเขาไว้บนบ่า
และในขณะที่ฟางเซี่ยวหรูปลดปล่อยพลังในหมัดของเธอ พื้นเวทีที่
เธอยืนอยู่ก็แตกออกเป็นชิ้น ๆ
“ฮ่าาาาา”
ฟางเซี่ยวหรูตะโกนออกมาด้วยเสียงอันดังขณะที่เธอต่อยไปยังซูหยาง
ซูหยางยังคงยิ้มและเพียงแค่ยกมือขึ้นไปอย่างสบาย ๆ จับหมัดของ
ฟางเซี่ยวหรูโดยการใช้ฝ่ามือของเขา
บูม
คลื่นพลังงานที่แข็งแกร่งมากถูกสร้างขึ้นจนสามารถที่จะผลักฟางซี
หลานและโหลวหลานจีถอยไปสองสามก้าว แต่ซูหยางยังคงยืนอยู่ที่
เดิมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
“เป็นไปไม่ได้…” ฟางเซี่ยวหรูจ้องมองหมัดของเธอด้วยใบหน้าสับสน
ดูเหมือนว่าจะตกใจที่ซูหยางสามารถที่จะหยุดวิชาการต่อสู้ของเธอ
โดยไม่ต้องใช้ความพยายามใด ๆ