dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 581 การรุกรานของสํานักสุวรรณสิงห์ 1
- Home
- dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน
- บทที่ 581 การรุกรานของสํานักสุวรรณสิงห์ 1
บทที่ 581 การรุกรานของสํานักสุวรรณสิงห์ 1
“นั่นฟังดูอันตรายเป็นยิ่งนัก แล้วเจ้ามีแผนอะไรที่จะทําหากว่าเจ้าพบกับคนจากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางอย่าบอกข้านะว่าเจ้าจักไปต่อรองกับพวกนั้นด้วยหวังว่าพวกนั้นจักจากที่แห่งนี้ไปอย่างสันติ” ซีหวังถามเขา
“ฮ่าฮ่าฮ่า” ซูหยางพลันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังๆก่อนที่จะฉีกยิ้มกว้างในเวลาถัดไป
“ต่อรองนะ มิมีช่องทางให้ต่อรองอย่างแน่นอนในเมื่อข้ามีความบาดหมางเป็นการส่วนตัวบางอย่างกับพวกนั้น และครั้นเมื่อข้าเห็นพวกนั้นข้าก็จักสังหารพวกนั้นจนหมดสิ้น”
ทั้งซีหวังและซีซิงฟางมองดูซูหยางด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างเป็นกังวลอยู่ในใจของตนเองใน เมื่อพวกเขาไม่เคยรู้สึกถึงกลิ่นอายที่น่าสะพึงกลัวเช่นนี้มาก่อนและพวกเขาก็พากันคิดว่าคนพวกนี้ไปล่วงเกินซูหยางตอนไหนกัน
“เช่นนั้นท่านต้องการความช่วยเหลือจากพวกเราในการตระเตรียมของท่านหรือไม่” ซีซิงฟางถามเขาหลังจากนั้นชั่วขณะ
เขาส่ายหน้าและกล่าวว่า “มีเพียงสิ่งเดียวที่ข้าต้องการให้เจ้าทําให้กับข้าก็คือผ่อนคลายและรอคอยจนกว่าทุกสิ่งจะจบสิ้น”
“น-นั่นเป็นไปไม่ได้ มิว่าอย่างไรก็ตาม นั่นก็เป็นปัญหาของข้าเช่นเดียวกัน และท่านก็ได้ทําสิ่งเหล่านี้เพื่อช่วยข้า…” ซีซิงฟางกล่าว รู้สึกว่าตนเองนั้นเป็นคนเห็นแก่ตัวและไร้ค่าเป็นอย่างยิ่งที่ปล่อยให้เขาทําทุกสิ่งเพื่อเธอ
“อย่ากังวลเกินไปในเรื่องนี้ในเมื่อนี่คือสิ่งที่ข้าเป็น” ซูหยางกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม
“ช-เช่นนั้นอย่างน้อยก็ให้ข้าไปกับท่านได้ไหม” ซีซิงฟางถาม
“อะไรนะ มิมีทาง ทําไมเจ้าจึงต้องการที่จะออกไปจากค่ายกลและเสนอตัวของเจ้าให้กับศัตรูแล้วนั่นจะมีจุดมุ่งหมายอะไรที่จะเก็บเจ้าไว้ให้ปลอดภัยอยู่ที่นี่” ซีหวังอุทานออกมาเสียงดัง
“อืม…” ซูหยางมองไปยังเธอด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“เจ้ามีเหตุผลอะไรถึงต้องการติดตามข้าเข้าสู่สมรภูมิ”เขาถามเธอหลังจากนั้น
“อะไร มิว่าเธอจะมีเหตุผลอะไรข้าก็มิยอมแน่” ซีหวังรีบตอบ
แต่ทว่าซีซิงฟางไม่สนใจถ้อยคําของเขาและพูดด้วยเสียงเยือกเย็นว่า “เพราะว่าข้าได้หลบซ่อนตัวมาเป็นเวลานานเกินไปแล้ว แม้ว่าคนพวกนั้นล้มเหลวในการจับตัวข้า ข้าก็มิรู้จักหน้าตาของศัตรูของข้าเช่นเดียวกันข้ารู้ว่าข้ามาที่นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยเพื่อรับการปกป้องแต่ข้ามิได้ มีแผนว่าจะได้มันจากค่ายกล”
“กลับกัน ข้ามาที่นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยเพื่อให้ท่านปกป้อง ซูหยางและข้าก็มีความมั่นใจว่าท่านสามารถปกป้องข้าได้แม้ว่าข้าจะมิได้อยู่ภายในค่ายกลก็ตาม”
“เห็นชัดว่าเจ้ามีความมั่นใจในตัวข้า ซึ่งมีอายุอ่อนกว่าเจ้า เป็นอันมาก” ซูหยางกล่าวพร้อมกับยิ้ม
“วันที่แต่ละคนเกิดมิได้ผูกพันกับผู้ฝึกยุทธเช่นพวกเราและนั่นก็ยิ่งเป็นจริงเมื่อเราแข็งแกร่ง มากยิ่งขึ้น แม้ว่าท่านจะมีอายุน้อยมากกว่าข้าสองสามปีแต่พลังการฝึกปรือของท่านนั้นก็เหนือ กว่าข้าไปไกลลิบหลายปีแล้วถ้าท่านมิถือข้ามรังเกียจที่จะเรียกท่านว่าผู้อาวุโส” ซีซิงฟางกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“และข้าก็สัญญาว่าข้าจักมสร้างความยุ่งยากให้แก่ท่านเมื่อพวกเราอยู่ที่นั่นในเมื่อข้าก็มีวิธีของข้าในการปกป้องตัวเอง”
หลังจากผ่านไปชั่วขณะซูหยางก็พยักหน้าและกล่าวว่า “เช่นนั้นก็ดี ข้านั้นก็มิเคยพลาดโอกาสในการสร้างความประทับใจให้กับหญิงสาวสวยเมื่อไหร่ก็ตามที่ข้าสามารถทําได้ และข้าเองก็มีความมั่นใจว่าข้าสามารถปกป้องเจ้าได้ถึงแม้ว่าพวกนั้นจะโจมตีข้าในขณะที่มีเจ้าอยู่ในอ้อมแขนของข้าเช่นกัน”
“ด-เดี๋ยวก่อน ซูหยาง เจ้าจริงจังกับการพาเธอไปกับเจ้าด้วยงั้นรี” ชีหวังถามด้วยดวงตาเบิกกว้าง
เขาพยักหน้าและกล่าวว่า “ถ้าท่านกังวลมากนัก ท่านก็สามารถไปกับพวกเราได้เช่นกัน และ ใช่ว่าข้าจักไปเพียงลําพัง”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร ใครอีกที่จักไปกับพวกเรา” ซีหวังถาม
“ให้เรียกเธอว่าเป็นจอมยุทธที่มีพลังสุดหยั่งคาดไปก่อนเถอะ” ซูหยางกล่าว
“พลังสุดหยั่งคาด… และเป็นผู้หญิงรี” ซีหวังพลันนึกถึงชิวเยว่อยู่ในใจเมื่อเธอเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถเข้ากับคําอธิบายเช่นนั้น
“ถ้าเธอไปด้วยเช่นกัน เช่นนั้นข้าก็มิต้องกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของซิงเอ๋อร์แม้แต่น้อย…” เขาคิดในใจ
“ถ้ามีมีอะไรอีก พวกเราก็มาพบกันที่นี่ในวันพรุ่งนี้เช้า” ซูหยางกล่าว
พวกเขาทั้งสองคนพยักหน้า และพวกเขาก็ออกไปตระเตรียมตัวไม่นานนักหลังจากนั้น
ซูหยางก็กลับคืนไปยังศาลาหยินหยางเช่นเดียวกัน และเขาก็ไปหาเซี่ยวหรง
“เชี่ยวหรง ไปกับข้าในวันพรุ่งนี้ ข้าต้องการให้เจ้าอยู่ที่นั่นเพื่อให้มั่นใจว่าเขาจะมิได้วิ่งหนี้และเป็นการประกันในกรณีที่เกิดอะไรผิดปกติ” ซูหยางกล่าวกับเธอผู้ซึ่งพยักหน้ารับอย่างเยือกเย็น
“พวกท่านสองคนจักไปไหนกันในวันพรุ่งนี้” ชินเหลียงหยู ผู้ซึ่งก็อยู่ในห้องนั้นเช่นกัน ถามเขา
“เอ่อ คนจากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางจักมาถึงที่แห่งนี้ในเร็ววันนี้และข้าก็มีธุระอะไรบางอย่างกับเขา” ซูหยางพูด
“ทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางรี ที่แห่งนั้นมีตัวตนอยู่จริงๆรี” ดวงตาชินเหลียงหยูเปี่ยมไปด้วยความสงสัย
“กระทั่งทวีปใต้ก็ยังระแคะระคายถึงสถานที่นั้นด้วย”
“แน่นอน แม้ว่าจะมิมีใครเคยได้ไปที่นั่นมาก่อน แต่ก็ยังมีบันทึกของผู้คนที่เคยไปยังที่นั่นมาก่อน”
“เมื่อเวลามาถึง ข้าสามารถพาเจ้าไปยังที่แห่งนั้นได้”
“จริงรี ข้าอดใจรอมิไหวแล้ว” ชินเหลียงหยูกล่าว
“อย่างไรก็ตาม เจ้าสามารถทําสิ่งที่เจ้ากําลังทําอยู่ก่อนหน้านี้ต่อไปได้” ซูหยางกล่าวกับพวกเธอก่อนที่จะออกไปจากห้องนั้น
เวลาต่อจากนั้น เขาก็เคาะประตูของชิวเยว่
“ท่านต้องการอะไร ข้ายังรู้สึกว่ามิต้องการที่จะพูดกับท่านอยู่” เสียงของชิวเยว่ดังออกมาหลังจากนั้นชั่วขณะ
รอยยิ้มขึ้นขมปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูหยาง เขาพูดว่า “ข้าคาดว่าเจ้าควรจะรับรู้ว่ามีบางคนจากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางจักมาถึงที่แห่งนี้เร็วๆนี้ และข้าก็กําลังจะไปพบกับเขา”
ใคร
ซิวเยวถามเขา
“เจ้าสํานักของสํานักสุวรรณสิงห์”
“เจ้าคนลามกนั่นรี บ้าอะไรที่เจ้านั่นจึงเดินทางไกลมายังที่แห่งนี้ นั่นต้องใช้เวลากระทั่งคนอย่างเขาหลายเดือนกว่าจะมาถึงที่แห่งนี้” ชิวเยว่พูดด้วยเสียงไม่พึงพอใจ
“โอ เจ้าก็รู้จักเจ้านั่นด้วยรี” ซูหยางเลิกคิ้ว
“อื้อ.. เจ้าคนลามกนั่นกระโดดเข้าใส่ข้าระหว่างที่พวกเราพบกันครั้งแรก ดังนั้นข้าจึงทุบตีเจ้านั่นจนเกือบตาย” ชิวเยวถอนหายใจเมื่อนึกถึงความทรงจํานั้น
“อย่างงั้นรี ตอนนี้ข้ามีเหตุผลมากกว่าเดิมในการฆ่าเจ้าบัดซบนั่น” ซูหยางพยักหน้าให้กับตัวเอง