dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 588 การรุกรานของสํานักสุวรรณสิงห์ 8
- Home
- dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน
- บทที่ 588 การรุกรานของสํานักสุวรรณสิงห์ 8
บทที่ 588 การรุกรานของสํานักสุวรรณสิงห์ 8
“เราควรจัดการกับพวกเขาอย่างไร ท่านปู่” ซีซิงฟางถามเขาหลังจากที่ซูหยางปล่อยพวกเขาทิ้งไว้ตามลําพัง
“ข้าต้องการที่จะฆ่าพวกเขาทั้งหมดในตอนนี้ แต่ว่าเราควรให้บทลงโทษที่เหมาะสมหลังจากที่เรากลับไปที่ตระกูลแล้ว” ซีหวังพูด
“ตกลง” ซีซิงฟางพยักหน้า
“ฮ่าฮ่าฮ่า” ผู้นําเล่ยพลันเริ่มหัวเราะ
“ทําอะไรรึ” ซีหวังมองดูเขาพร้อมกับขมวดคิ้ว “ข้าจักฆ่าเจ้าเสียตอนนี้หากว่าเจ้ายังมี หุบปาก”
“ถ้าเช่นนั้นก็เข้ามาฆ่าข้าได้เลย” ผู้นําเล่ยกางแขนออกด้วยสีหน้าท้าทาย ทั้งยังพูดต่อไปอีกว่า “ต่อให้เจ้าฆ่าข้า เจ้าก็มิอาจจะขัดขวางสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ยามเมื่อกําลังเสริมจากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางมาถึงในวันพรุ่งนี้ ทวีปตะวันออกก็จะเหมือนกับไฟป่า และการแก้แค้นของข้าก็จักสําเร็จมิทางใดก็ทางหนึ่ง ฮ่าฮ่าฮ่า”
“เจ้าคนบ้าคลั่ง…” ซีหวังหรี่ตามองไปยังหัวหน้าเลย รู้สึกอยากจะฆ่าเขาเต็มกําลัง
อย่างไรก็ตาม ซีซิงฟางก็พลันกล่าวขึ้น “เจ้าช่างโชคร้ายนัก ซูหยางจักอยู่ที่นี่เพื่อป้องกันเรื่องนั้น”
ผู้นําเว่ยมองดูเธอด้วยท่าทางเยาะเย้ยแล้วเขาก็กล่าวขึ้นว่า “ซูหยางนะรึ เจ้านั่นจักทําบ้าอะไรได้ แม้ว่าเขาจักเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งที่นี่ เมื่อเปรียบเทียบกับจอมยุทธจากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางแล้ว เขาก็เป็นเพียงแค่มด และนั่นก็เพียงแค่ใช้นิ้วเพียงแค่นิ้วเดียวสําหรับจอมยุทธที่มาจากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางในการฆ่าเขา”
“เจ้าอาจจะมิรู้เรื่องนี้ แต่คนที่มาที่นี่จริงแล้วเป็นคนที่อยู่จอมยุทธระดับสูงสุดจากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลาง เขาเป็นถึงเจ้าสํานักของหนึ่งในสํานักที่ใหญ่ที่สุดในทวีป และพลังการฝึกปรือของเขานั้น ยิ่งน่าประทับใจยิ่งกว่า เมื่อเป็นถึงระดับสี่เขตราชันวิญญาณ ฮ่าฮ่าฮ่า และเจ้าบอกว่าแค่เพียงคนรุ่นหลังในเขตอัมพรวิญญาณมีความสามารถที่จะปกป้องที่แห่งนี้จากเขางั้น เจ้ากําลังฝันไปหรือเปล่า”
ซีซิงฟางยังคงเยือกเย็นทั้งที่หลังจากได้ยินคําพูดของเขา เธอกล่าวโต้ว่า “มิว่าจะเป็นผู้ใดจากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลาง พวกเขาก็มมีโอกาสที่จะก้าวเท้าขึ้นมาบนดินแดนแห่งนี้”
“ฮ่าฮ่าฮ่า…” ซีหวังระเบิดเสียงหัวเราะออกมาและเขาก็กล่าวขึ้นว่า “เขตราชันวิญญาณนะรึ เจ้ามิคิดบ้างหรือว่าเจ้ากําลังเผชิญอยู่กับอะไร นายพลเว่ย ถ้าเจ้าคิดว่าซูหยางนั้นอยู่ตามลําพัง เช่นนั้นแน่นอนว่าเจ้ากําลังผิดอย่างมหันต์ อย่างน้อยเขาควรจะเป็นความกังวลของเจ้า”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไรงั้นรึ” ผู้นําเว่ยขมวดคิ้วในทันที
“ข้ากําลังจะพูดว่ามีคนที่แข็งแกร่งหนุนหลังซูหยางอยู่ ตามจริงแล้ว ข้าได้ลิ้มลองพลังของเธอแล้วมินานมานี้ กระทั่งข้าเองก็ยังมิสามารถทนอยู่ได้แม้เพียงวินาทีภายใต้ลม หายใจเพียงครั้งเดียวจากเธอ ต่อให้คนที่มามีพลังในระดับสูงสุดของเขตราชันวิญญาณ เขาก็มิสามารถเอาชนะเธอได้” ซีหวังกล่าวด้วยความภูมิใจแม้ว่าจะกล่าวถึงความพ่ายแพ้ของตนเอง”
“อ-อะไรกัน นั่นเป็นไปไม่ได้ จะมีคนที่ทรงอํานาจเช่นนั้นปรากฏตัวในที่แห่งนี้โดยปราศจากผู้คนรู้เห็นได้อย่างไรกัน” ผู้นําเว่ยพลันเกิดความสงสัยในคําพูดของเขา
“มีคํากล่าวว่ายอดยุทธที่แท้ภายในโลกนี้นั้นมักจะซ่อนตัวจากผู้คน ดังนั้นจึงมิแปลกที่มีจอมยุทธที่มิเคยรู้จักปรากฏตัวขึ้นจากความว่างเปล่าเป็นระยะ” ซีหวังยักไหล่
“และถ้าเจ้ายังคงมิเชื่อข้า ก็คงยังจําสิ่งที่เกิดขึ้นมนานมานี้ได้ เจ้าเพิ่งได้เห็นยอดยุทธผู้นั้นทําสิ่งที่เป็นไปไม่ได้”
“อ-อย่าบอกข้าว่าจอมยุทธที่เจ้ากําลังพูดถึงอยู่นั้นก็คือเด็กหญิงคนนั้น” ผู้นําเลยตะโกนออกมา
ซีหวังไม่ได้ตอบและเพียงแค่แสดงรอยยิ้มประหลาดขึ้นมาบนใบหน้า
“อย่างไรก็ตาม เจ้าก็ควรพยายามให้ดีในการใช้เวลาของเจ้าให้สนุกในค่ายกลนี้ มิว่าอย่างไรนี่ก็เป็นช่วงเวลาสุดท้ายของเจ้าแล้ว”
ซีหวังกับซีซิงฟางกลับไปที่ยานบินไม่นานหลังจากนั้น ปล่อยให้คนของดาบเสี้ยวจันทร์ติดอยู่ในค่ายกลของซูหยาง
“พวกเจ้ามัวทําอะไรอยู่ รีบทําลายค่ายกลนี้เร็วเข้า” ผู้นําเลยตะโกนใส่ผู้คนภายในนั้น
“ขอรับท่านผู้นํา”
ผู้อาวุโสของดาบเสี้ยวจันทร์เริ่มโจมตีค่ายกลด้วยพลังในเขตปฐพีวิญญาณของตน และผู้นําเล่ยก็เริ่มโจมตีค่ายกลด้วยพลังในเขตอัมพรวิญญาณของตนเองเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตามค่ายกลนั้นยังคงนิ่งเฉยแม้กระทั่งจะใช้วิชานับไม่ถ้วนของพวกเขาเป็นเวลาหลายชั่วโมง
“เป็นไปไม่ได้ ค่ายกลนี้จักทรงอํานาจเช่นนี้ได้อย่างไร ในเมื่อเขาใช้เวลาสร้างมันเพียงน้อยนิดมันมิควรจะมั่นคงแข็งแรงปานนี้” ผู้นําเล่ยหอบหายใจหลังจากที่หมดสิ้นพลังวิญญาณจากการโจมตีค่ายกล
กระทั่งสมาชิกคนอื่นก็ยังนอนเหยียดยาวอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าหมดเรี่ยวแรง
ในเวลานั้นบนยานบิน ซีหวังกับซีซิงฟางก็ได้มองดูพวกเขาพยายามที่จะทําลายค่ายกลอยู่อย่างไม่ใส่ใจนัก รู้สึกสนุกสนานไปกับความพยายามที่ไร้จุดหมายของพวกเขา
“ซูหยาง เจ้ามีความมั่นใจเพียงใดกับค่ายกลนี้” ซีหวังถามเขาในเวลาหลังจากนั้น
“แม้ว่ามันมิได้ทรงอํานาจ มันก็ควรจักเหนี่ยวรั้งพวกเขาไว้ภายในได้ประมาณหนึ่งสัปดาห์แม้ว่าพวกเขาจักโจมตีมันอย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุดพัก” ซูหยางตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“ว่าแต่ว่า เจ้าคิดอย่างไรกับคนที่มาจากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลาง ผู้นําเลยพูดว่าพวกเขาเป็นยอดยุทธที่นั่น” ซีหวังพลันถามเขา
“เขามิได้โกหก” ซูหยางกล่าว และพูดต่อไปอีกว่า “คนที่มาที่นี่นั้นเป็นผู้นําของสํานักที่เรียกว่า สํานักสุวรรณสิงห์ และพวกเขาเป็นหนึ่งในสามสํานักระดับสุดยอดที่นั่น”
“เจ้าคิดว่าเขาทรงอํานาจพอที่จะปราบทั่วทั้งทวีปตะวันออกด้วยตัวเองหรือไม่หากว่าพวกเจ้ามิได้อยู่ที่นี่”
ซูหยางพยักหน้า “มิต้องสงสัย หากมิรวมพวกเรา คนที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปตะวันออกก็คือท่าน ซึ่งเข้าสู่เขตราชันวิญญาณได้เพียงไม่นานมานี้ แต่หากว่าท่านต้องการเปรียบเทียบ ถึงแม้ว่าท่านจักทําการฝึกฝนต่อไปอีกหลายพันปี ท่านก็ยังมิอาจที่จะเอาชนะเขาได้ แม้กระทั่งผู้ที่อยู่ในเขตอัมพรวิญญาณทุกคนร่วมมือกันโจมตีเขาพร้อมกัน เขาก็จักยังเอาชนะได้อย่างง่ายดาย”
เขาทรงพลังขนาดนั้นเลยรี” ซีหวังรู้สึกถึงหยาดเหงื่อที่ไหลลงมาจากข้างแก้มหลังจากที่ได้ยินคําพูดของซูหยาง
“อย่างไรก็ตาม นั่นถือเป็นเรื่องปกติ ในเมื่อเขาเกิดในทวีปศักดิ์สิทธิ์กลาง ที่ซึ่งปราณไร้ลักษณ์มีความเข้มข้นและมีคุณภาพมากกว่าหากเปรียบกับที่นี่”
“ข้าเข้าใจ…” ซีหวังพยักหน้า