dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน - Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - ตอนที่ 242
- Home
- dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน
- Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - ตอนที่ 242
Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน – ตอนที่ 242
DC บทที่ 242: วิญญาณพิทักษ์
“ข้าต้องการให้ท่านช่วยข้าเรื่องร่วมฝึกคู่” ซูหยางพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉย
โหลวหลานจีขมวดคิ้วและกล่าวว่า “เจ้าคงรู้ว่าเจ้ากำลังพูดอยู่กับเจ้านิกายของนิกายแห่งนี้ ใช่ไหม”
“ข้ามิได้เจาะจงตัวท่าน” ซูหยางส่ายหน้า “ข้าต้องการให้ท่านหาคู่ฝึกให้ข้า อย่างน้อยก็จนกว่าจะถึงการแข่งขันระดับภูมิภาค”
โหลวหลานจีรู้สึกไม่ค่อยสบายใจด้วยเหตุผลบางอย่างเมื่อซูหยางกล่าวเช่นนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนแรก
“ช่างน่าประหลาดใจนัก” เธอแค่นเสียงเย็นชา “เจ้าเป็นคนสุดท้ายในที่แห่งนี้ที่ข้าคาดว่าจะขอร้องให้ช่วยในเรื่องเช่นนี้ แล้วเจ้าจะอธิบายสถานการณ์ด้านนอกอย่างไร เจ้ามีศิษย์นอกหญิงเกือบทั้งหมดเขตศิษย์นอกชื่นชมเข้าแถวรอเพื่อที่จะร่วมฝึกกับเจ้า”
ซูหยางยิ้มและกล่าวว่า “จริงแล้ว ข้ามิต้องการความช่วยเหลือเท่าไหร่ แต่นั่นจะต้องใช้เวลามากมายถ้าข้าต้องตามหาพวกเธอทีละคน ถ้าข้ามีใครสักคน ไม่ต่ำกว่าระดับเจ้านิกาย แนะนำชื่อข้าให้กับพวกเธอ นั่นจักลดเวลาที่ข้าต้องไปหว่านล้อมพวกเธอและเพิ่มเวลาให้ข้าได้ฝึกฝน”
โหลวหลานจีมองดูเขาด้วยท่าทางค่อนข้างสับสน ถามว่า “พวกเธอ เจ้ากำลังพูดถึงใครกัน”
“แน่นอนว่าบรรดาศิษย์หลัก”
โหลวหลานจีทำตาโตด้วยความประหลาดใจ เธอไม่คาดคิดว่าซูหยางจะก้าวไปถึงศิษย์หลักแล้ว
“เจ้ามิมองสูงเกินไปรึซูหยาง ถึงแม้ว่าเจ้าเป็นศิษย์ใน ยากนักที่จะมีศิษย์หลักตกลงมาร่วมฝึกกับคนที่มีพลังการฝึกปรือด้อยกว่า” โหลวหลานจีกล่าว
ความแตกต่างระหว่างเขตคัมภีร์วิญญาณและเขตสัมมาวิญญาณไม่ใช่อะไรที่ใกล้เคียงกัน ดังนั้นศิษย์หลักจึงมักจะร่วมฝึกกับผู้อาวุโสนิกายหรือไม่ก็ร่วมฝึกกับคู่ฝึกภายนอกนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย
ซูหยางหัวเราะหึและกล่าวว่า “ท่านมิต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้น ด้วยว่าข้ามีวิธีของข้าในการหว่านล้อมพวกเธอ ข้าเพียงต้องการให้ท่านพาพวกเธอมาหาข้า”
โหลวหลานจีเชื่อว่าซูหยางพยายามกัดคำใหญ่เกินกว่าจะเคี้ยวได้ แต่ตามจริงซูหยางได้ถ่อมตัวแล้วกับการเลือกเฟ้นของเขา
“เจ้าอาจจะมีความมั่นใจในตนเอง แต่เจ้าก็ยังคงประเมินมาตรฐานบรรดาศิษย์หลักต่ำไป ถึงแม้ว่าเจ้าเป็นคนหล่อเหลาที่สุดในโลก แต่ถ้าปราณหยางของเจ้ามีคุณภาพไม่เพียงพอ พวกเธอย่อมมิพิจารณาร่วมฝึกกับเจ้า”
ซูหยางไม่รู้สึกว่าต้องทบทวนตนเองจึงนิ่งเฉยพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า
หลังจากเงียบไปชั่วขณะ โหลวหลานจีก็กล่าวขึ้นว่า “เจ้ามั่นใจว่านี่คือสิ่งที่เจ้าต้องการทั้งหมดในการแลกกับข้อมูลเรื่องน้ำมันรัญจวน”
“ท่านกำลังบอกให้ข้าร้องขอเพิ่มรึ”
“ไม่มีทาง ข้าเพียงมิต้องการเห็นเจ้าบ่นข้าภายหลังจากนี้”
“ท่านมิต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้น” เขาส่ายหน้าและกล่าวต่อว่า “ข้าเป็นชายที่รักษาคำพูด และด้วยประสบการณ์ของข้า ข้ามีเวลาเสียใจน้อยมาก”
โหลวหลานจีเลิกคิ้วให้กับเขาซึ่งฟังดูเหมือนกับว่าเขามีอายุมาเนิ่นนาน
“คนอายุสิบหกปีเช่นเจ้ามิควรพูดราวกับว่าเจ้ามีอายุถึงหมื่นหกพันปี” เธอพูดเย้ยเขาและกล่าวต่อว่า “อย่างไรก็ตามข้าจักรับคำขอร้องของเจ้าไว้ อย่างไรก็ตามจริงแล้วเจ้าต้องการให้ข้าทำอะไร”
“จริงแล้วง่ายๆ เพียงให้บันทึกชิ้นนี้แก่ทุกคนที่เป็นศิษย์หลักหญิง” ซูหยางยื่นส่งแผ่นกระดาษบันทึกปึกหนึ่งแก่เธอ
โหลวหลานจีรับแผ่นกระดาษและกล่าวด้วยเสียงสับสนว่า “เจ้าเตรียมการเช่นนี้ไว้อยู่แล้วก่อนที่ข้าจะมา นี่เหมือนกับว่าเจ้าคาดว่าข้า…”
เมื่อโหลวหลานจีเริ่มรู้สึกตัว เธอจ้องมองเขาทำตาโต ซูหยางเพียงแค่ยิ้มและกล่าวว่า “โอ ข้ายังมีบันทึกอีกแผ่นเฉพาะสำหรับเด็กหญิงที่มีวิญญาณพิทักษ์ธาตุหยิน”
ซูหยางดึงกระดาษบันทึกอีกแผ่นยื่นส่งให้กับเธอ
“ฟางเจอหลาน” โหลวหลานจีทำตาโตยิ่งกว่าเดิมกับชื่อบนแผ่นกระดาษ
“ทำไมเจ้าจีงรู้ว่าเธอมีวิญญาณพิทักษ์ นั่นเป็นสิ่งที่กระทั่งผู้อาวุโสส่วนใหญ่ยังมิรู้” เธอรีบถามเขา
“ข้ารับรู้ได้” เขาตอบกลับพร้อมกับยักไหล่อย่างสบายๆ
“เป็นไปไม่ได้” โหลวหลานจีตกตะลึงจนพูดไม่ออก
ความจริงที่ว่า ฟางเจอหลานพยายามที่จะฝึกวิญญาณพิทักษ์นี้เป็นสิ่งที่นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยเก็บไว้เป็นความลับอย่างแน่นหนา เพราะว่าวิญญาณพิทักษ์เป็นสิ่งหายากโดยธรรมชาติ และพวกมันล้วนเป็นเพื่อนพ้องที่ทรงพลังสำหรับใครก็ตามที่เลี้ยงมัน บางสิ่งที่กระทั่งนิกายที่มีอำนาจก็ยังไม่ลังเลที่จะขโมยมันมาเป็นของตนเอง
บางคนจะเปรียบเทียบวิญญาณพิทักษ์ได้กับสัตว์อสูรทั่วไปในพงไพร แต่นั่นเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนที่เฉพาะผู้ที่ไม่รู้จึงจะเชื่อ ในเมื่อพวกมันแตกต่างกันเป็นอย่างมาก
เพราะว่ามีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ วิญญาณพิทักษ์ส่วนใหญ่แล้วล้วนเกี่ยวข้องกับเทพเจ้า และยามที่พวกมันเติบโตขึ้น พลังอำนาจของมันก็ยิ่งเกินกว่าสัตว์อสูรใดๆที่พบเห็นได้ในป่า ยิ่งไปกว่านั้นวิญญาณพิทักษ์ผูกพันตั้งแต่เกิด ดังนั้นจึงยากเป็นอย่างมากในการเลี้ยงและควบคุมมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันยังเล็ก
เพื่อให้เข้าใจในความแข็งแกร่งระหว่างสัตว์อสูรและวิญญาณพิทักษ์ที่ระดับแรกของเขตสัมมาวิญญาณ วิญญาณพิทักษ์อาจจะแข็งแกร่งเท่ากับมนุษย์ที่ฝึกฝนถึงเขตปฐพีวิญญาณ ในขณะที่สัตว์อสูรทั่วไปจะมีความแข็งแกร่งเท่ากับคนที่อยู่เขตสัมมาวิญญาณระดับสามเท่านั้น
และเพราะว่าความสามารถตามธรรมชาติของพวกมันจะหลบซ่อนตัวจากผู้คนและสัตว์อสูร วิญญาณพิทักษ์จึงยากที่จะหานอกจากว่าคนนั้นมีวิชาพิเศษเฉพาะสำหรับค้นหาตำแหน่งของมัน
ตามจริงมีเหตุผลเดียวที่ซูหยางรู้ว่าฟางเจอหลานฝึกฝนวิญญาณพิทักษ์และไม่ใชแค่สัตว์อสูรทั่วไปก็เพราะว่าเซียวลี่ได้บอกกับเขาเมื่อเธอมาถึงยังนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยเป็นครั้งแรก
“ซูหยาง ความจริงที่ว่าเรามีวิญญาณพิทักษ์ภายในนิกายของเรานั้นเป็นความลับที่มิอาจปล่อยให้รั่วไหลออกไปข้างนอกไม่ว่าอะไรก็ตาม เพราะว่าถ้าหากเกิดการรั่วไหลออกไป ใครจะรู้ว่ามีผู้ทรงอิทธิพลมากมายเท่าไหร่ที่จะโจมตีพวกเราเพื่อที่จะขโมยวิญญาณพิทักษ์เพี่อตัวพวกเขาเอง ยิ่งไปกว่านั้นวิญญาณพิทักษ์นั้นพวกเราฝึกฝนมันมาตั้งแต่อายุยังน้อย ถ้าถูกรู้เข้าสงครามอาจปะทุขึ้นได้” โหลวหลานจีเตือนเขาด้วยสีหน้าตึงเครียด