dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน - Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - ตอนที่ 246
- Home
- dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน
- Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - ตอนที่ 246
Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน – ตอนที่ 246
DC บทที่ 246: เซี่ยวไป่
ยามเมื่อเขาออกจากศาลาหยินหยางแล้วซูหยางก็กลับไปยังที่พักของตนเอง ซึ่งมีเหล่าศิษย์อยู่ข้างนอกรอเขาตั้งแต่เช้าเรียบร้อยแล้ว
ในเวลานั้น หลังจากที่โหลวหลานจีใช้เวลาไปพอประมาณในการครุ่นคิดเกี่ยวกับตัวตนที่ปลอมแปลงมาของซูหยาง เธอก็ออกจากศาลาหยินหยางเช่นกันเพื่อแจกจ่ายบันทึกที่ซูหยางให้กับเธอ
ศิษย์หลักคนแรกที่โหลวหลานจีตัดสินใจที่จะไปเยี่ยมแน่นอนว่าคือ ฟางซีหลาน ผู้ซึ่งดูแลวิญญาณพิทักษ์ให้กับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย ในเมื่อเธอเป็นเพียงคนเดียวที่วิญญาณพิทักษ์นี้เชื่อฟังด้วยเหตุผลบางอย่าง
“ซูหยาง ข้ามิรู้จักศิษย์คนใดที่มีชื่อนั้น” ฟางซีหลานกล่าวกับโหลวหลานจีหลังจากที่ถูกถามเกี่ยวกับซูหยาง
“เจ้าแน่ใจรึ ถ้าพวกเจ้าทั้งคู่มิเคยพบกันมาก่อน ทำไมจึงเป็นไปได้ที่เขารู้ถึงวิญญาณพิทักษ์” โหลวหลานจีครุ่นคิดด้วยท่าทางเคร่งเครียด
“ข้ามิอาจตอบกับสิ่งที่ข้ามิรู้” ฟางซีหลานกล่าวด้วยท่าทางเรียบเฉย และกล่าวต่ออีกว่า “อย่างไรก็ตามข้ามั่นใจว่าเธอมิเคยออกไปจากห้องนี้ ดังนั้นนอกจากว่าซูหยางคนนี้แอบเข้ามาในนี้โดยข้ามิรู้ ข้าก็มิอาจคิดออกได้ว่าเหตุใดเขาจึงรู้เรื่องนี้”
ความเป็นไปได้ที่คนอื่นจะปล่อยข้อมูลรั่วไหลก็ยังคงไม่น่าเป็นไปได้ ในเมื่อมีเพียงคนที่ชื่อถือได้และสำคัญเท่านั้นที่รู้เรื่องวิญญาณพิทักษ์
“อย่างไรก็ตาม ทำไมเจ้ามิอ่านบันทึกเสียก่อน” โหลวหลานจียื่นส่งบันทึกที่ซูหยางให้เธอให้แก่ฟางซีหลาน
ฟางซีหลานมองดูบันทึกและรับมันไว้อย่างไม่ใส่ใจก่อนที่จะอ่าน
แม้ว่าใบหน้าเธอยังคงดูเหมือนไม่สนใจในตอนแรก ดวงตาของฟางซีหลานกลับเป็นประกายไปด้วยแสงประหลาดหลังจากที่เธออ่านข้อความทั้งหมด
“นั่นกล่าวว่าอย่าไรบ้าง” โหลวหลานจีถาม
“ผู้นำนิกายยังมิได้อ่านรึ” ฟางซีหลานมองดูเธอด้วยดวงตาที่ค่อนข้างโต เธอแน่ใจว่าโหลวหลานจีควรจะได้มองดูบันทึกก่อนที่จะให้เธอ ช่างผิดคาดและน่าประหลาดใจ
“เอ้อ… ไม่ ข้ายังมิได้…” โหลวหลานจีไม่ต้องการเสี่ยงในการล่วงเกินซูหยางและความลับของน้ำมันรัญจวน ทำให้เธอยับยั้งความต้องการในการแอบดูข้อความแม้ว่าจะเกิดความสงสัย
“ซูหยางคนนี้… เขากล่าวว่าเขาสามารถปลุกวิญญาณพิทักษ์และทำให้มันโตเต็มวัยภายในหนึ่งเดือน…” ฟางซีหลานเปิดเผยข้อมูลบนบันทึก
“เจ้าว่ากระไรนะ” โหลวหลานจีทำตาโตด้วยความตื่นตระหนกอย่างยิ่ง
การตื่นขึ้นเป็นอีกคำหนึ่งสำหรับเมื่อวิญญาณพิทักษ์ย่างเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ อย่างไรก็ตามเหตุการณ์เช่นนี้เกิดค่อนข้างยากและลำบากเป็นอย่างยิ่งที่จะทำให้เป็นเช่นนั้น ในเมื่อพวกเขาต้องการวัตถุดิบจำนวนมหาศาลและการดูแลเพื่อที่จะปลุกมันให้ตื่นขึ้น
ภายใต้สถานการณ์ปกติ แม้จะเป็นสำนักที่ทรงอิทธิพลและร่ำรวยก็ยังต้องการเวลาหลายสิบปีและทรัพยากรจำนวนนับไม่ถ้วนเพื่อปลุกวิญญาณพิทักษ์ อย่าว่าแต่สำนักดังเช่นนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย
ตอนนี้คงจะเห็นชัดว่าการเลี้ยงดูวิญญาณพิทักษ์นี้ยากเพียงไหน แตสำหรับซูหยางที่พูดว่าเขาสามารถปลุกวิญญาณพิทักษ์ภายในเวลาเดือนเดียวนั้น เป็นสิ่งที่แม้กระทั่งนิกายระดับสูงก็ไม่กล้าที่จะจินตนาการ มันฟังไร้สาระอย่างสิ้นเชิง
“ซูหยางคนนี้…ค่อนข้างตลกจริงนะ หึ” ฟางซีหลานอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า คิดว่าซูหยางเพียงมาป่วนเธอเล่น
อย่างไรก็ตามโหลวหลานจีจ้องมองฟางซีหลานด้วยท่าทางเคร่งเครียด
“ผ-ผู้นำนิกาย…อย่าบอกข้านะว่าท่านเชื่อคำของเขาจริงๆ ใช่ไหม” ฟางซีหลานถามอีกฝ่ายที่ดูเหมือนตกอยู่ในภวังค์ความคิด
“ข…ข้ามิอาจพูดได้ชัดเจน…” โหลวหลานจีพูดด้วยน้ำเสียงทอดถอนใจ “เท่าที่รู้จักเขา เขาไม่เคยล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย ส่วนที่ว่าเขาจะทำได้อย่างไรนั้น ข้าก็มิอาจคิดออกได้”
“…”
ฟางซีหลานจนวาจา ในเมื่อเธอไม่เคยเห็นผู้นำนิกายมีท่าทางเช่นนี้มาก่อน
“สามารถทำให้ผู้นำนิกายเป็นได้เช่นนี้…ซูหยางนี่เป็นใครกัน…” เธอคิดสงสัยอยากรู้
“จะว่าไป วิญญาณพิทักษ์อยู่ที่ไหนตอนนี้ ข้ามิเห็น–”
ในขณะที่โหลวหลานจีอ้าปากพูด ร่างเล็กๆก็ปรากฏตัวขึ้นจากใต้เตียงของฟางซีหลาน
“อยู่นั่นเอง” โหลวหลานจีพลันยิ้มเมื่อเห็นลูกบอลขนสีขาวใต้เตียง
“เซี่ยวไป่ ทักทายเจ้านิกายสิ” ฟางซีหลานกล่าวกับสัตว์ตัวสีขาว
เมื่อสัตวขนตัวน้อยได้ยินคำพูดของฟางซีหลาน มันก็ก้มศีรษะเล็กๆนั้นลงเล็กน้อยไปทางโหลวหลานจี ทักทายเธอด้วยการค้อมคำนับ
โหลวหลานจีรู้สึกว่าใจละลายเมื่อเธอเห็นสัตวน่ารักตัวน้อยที่คล้ายกับลูกเล็กของเสือคำนับเธอ
“สวัสดี เซี่ยวไป่…”
อย่างไรก็ตามเมื่อโหลวหลานจีพยายามที่จะพูดกับมัน ลูกเล็กเสือขาวก็หดศีรษะกลับไปใต้เตียงและหายไปในความมืด
เมื่อเห็นเช่นนี้ โหลวหลานจีก็ได้แต่ยิ้มขื่นขม ถึงแม้ว่าเธอเป็นผู้นำนิกายและอาจารย์ของฟางซีหลาน แต่วิญญาณพิทักษ์ไม่สนใจใครสักคนนอกจากฟางซีหลาน
กล่าวไปแล้วในเมื่อฟางซีหลานเป็นคนค้นพบวิญญาณพิทักษ์ตั้งแต่แรก มันเป็นเรื่องปกติที่มันจะไม่เชื่อฟังใครไปนอกจากเธอ
“อย่างไรก็ตาม ข้าต้องการให้เจ้าพูดกับซูหยาง และอย่าลืมพาเซี่ยวไป่ไปด้วย”
“ท่านต้องการให้ข้าพาเซี่ยวไปออกไปจากห้องนี้…” ฟางซีหลานถามเธอเพื่อความมั่นใจ
“อืออ…” โหลวหลานจีไร้คำพูดไปชั่วขณะก่อนที่จะพูดว่า “ลืมไปซะ ข้าจักให้ซูหยางมาที่นี่แทน..”
โหลวหลานจีเกือบลืมเรื่องเซี่ยวไป่ว่าต้องเก็บเป็นความลับ
หลังจากที่ตัดสินใจเช่นนั้น โหลวหลานจีก็ออกไปจากที่แห่งนั้นไม่นานหลังจากนั้น เพื่อไปพบกับศิษย์หลักคนอื่น
ยามเมื่อโหลวหลานจีจากไป ฟางซีหลานก็ถอนใจ “เกิดอะไรขึ้นกับผู้นำนิกายหรือไม่ เธอดูแตกต่างไปจากครั้งก่อน…”
หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็กล่าวเสียงดังอย่างสุภาพว่า “เซี่ยวไป่ เจ้าออกมาได้แล้ว”
หลังจากที่ได้ยินเสียงเธอ ลูกเสือตัวน้อยก็ค่อยคลานออกมาจากใต้เตียงและเข้าไปหาเธอ
ฟางซีหลานจึงนำเอาแก่นพลังสัตว์อสูรธาตุหยินออกมาจากแหวนมิติและป้อนมันให้กับวิญญาณพิทักษ์
“เจ้าช่างมีท้องที่ไร้ก้นจริงๆ หือ ภายในไม่กี่อาทิตย์เจ้าได้กินเกือบหมดแก่นพลังสัตว์อสูรแมวสายฟ้าที่พอให้ข้าใช้ทั้งปี แม้ว่าจะเป็นตัวข้าเอง…” ฟางซีหลานถอนใจ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เธอก็คงไม่สามารถแม้แต่จะจินตนาการได้ว่าท้องของมันจะเป็นอย่างไรถ้าหากว่ามันเติบโตเต็มวัย