dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน - Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - ตอนที่ 282
- Home
- dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน
- Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - ตอนที่ 282
Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน – ตอนที่ 282
DC บทที่ 282: นองเลือด
เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่นาทีนับตั้งแต่ซูหยางเริ่มต้น และโจรมากกว่าร้อยคนก็ได้สิ้นชีวิตลงด้วยดาบในมือของเขา
“อาาาา”
“ทำไมจึงมีคนที่โหดร้ายและเก่งกาจเช่นนี้ นี่ไม่ใช่คนแล้ว”
“สัตว์ร้าย นี่ต้องเป็นสัตว์ร้ายแปลงกายมา”
ซ่องโจรดังก้องไปด้วยเสียงร้องที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวจากเหล่าโจรเมื่อซูหยางฆ่าพวกเขาได้โดยง่าย
ไม่ว่าจะเป็นโล่เหล็กหรือวิชาป้องกันตัว เพียงดาบเดียวจากซูหยางก็จะตัดพวกมันขาดราวกับมีดร้อนตัดเนย ก่อนที่จะฆ่าโจรที่อยู่ด้านหลังการปกป้องเหล่านี้
ยิ่งไปกว่านั้นเพราะว่าซูหยางใช้ก้าวเก้าดารา ฝูงโจรรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังต่อสู้อยู่กับวิญญาณในเมื่อพวกเขาแทบทั้งหมดไม่แม้จะเห็นเงาของอีกฝ่าย
และถึงแม้ว่าพวกเขาจะโชคดีมากพอที่จะทันเห็นเงาของซูหยาง พวกเขาก็จะถูกฆ่าเสียก่อนที่จะทันได้มีปฏิกิริยาใด
กลิ่นคาวเลือดภายในซ่องโจรเข้มข้นขึ้นภายในไม่กี่นาที เมื่อทั่วทั้งทุกที่กองสุมไปด้วยศพเจิ่งนองไปด้วยเลือด
ยิ่งไปกว่านั้นเพราะว่าส่วนใหญ่ของโจรเหล่านี้อยู่ที่เขตปฐมวิญญาณและสัมมาวิญญาณ พวกเขาล้วนยากที่จะหายใจในเมื่อพลังการฝึกปรือเขตอัมพรวิญญาณของซูหยางกดดันพวกเขาอยู่ ลดทอนการป้องกันของพวกเขาไปยิ่งกว่าเดิม
นั่นก็ยังมีบ้างบางคนที่เขตคัมภีร์วิญญาณและสองสามคนที่เขตปฐพีวิญญาณปะปนอยู่ในกลุ่มโจรพวกนี้ แต่น่าเสียดายต่อหน้าซูหยางที่อยู่ในเขตอัมพรวิญญาณแล้วก็เหมือนกับมดที่ล้วนง่ายต่อการขยี้
“ว-วิ่งเร็ว เขามิอาจจับพวกเราทั้งหมดได้”
ฝูงโจรพากันวิ่งไปยังทางออกด้วยความพยายามคร้้งสุดท้าย แต่น่าเสียดายที่มีทางออกเพียงทางเดียว และซูหยางก็จะฆ่าพวกเขาก่อนที่จะมีใครในกลุ่มจะสามารถเข้าไปใกล้ทางออกได้
โจรภูผาแดงลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว และภายในครึ่งชั่วโมงจำนวนผู้แข็งแกร่งนับพันก็ได้ลดลงเหลือเพียงแค่ไม่กี่สิบคน
“ด-ได้โปรด โปรดเมตตา พวกเราทำอะไรล่วงเกินท่านรึจึงต้องขุ่นเคืองถึงขนาดนี้”
หมู่โจรที่เหลือทิ้งอาวุธและคุกเข่าลง ร้องขอชีวิตต่อซูหยาง
ซูหยางหยุดพักจากการฆ่าเป็นครั้งแรกนับจากตอนเริ่มต้นและพูดว่า “มีผู้เคราะห์ร้ายคนบริสุทธิ์ได้พูดคำพูดเช่นนี้ต่อพวกเจ้ากี่คนก่อนที่พวกเจ้าจะเปลี่ยนชีวิตของพวกเขาจนเลวร้ายถึงที่สุด”
“…”
ฝูงโจรพลันเงียบลงไป
“ข้ามิใช่วีรบุรุษทั้งมิได้คิดจะเป็นหนึ่งในนั้น ข้ามิได้ทำเช่นนี้เพราะต้องการล้างแค้นหรือถูกล่วงเกินโดยพวกเจ้าเหล่าขยะ”
หลังจากเงียบไปชั่วเสี้ยววินาที เขาก็พูดต่อว่า “กลับกันข้าทำเช่นนี้เพียงเพื่อความสะใจของตัวข้าเองเท่านั้น”
“ม-ไม่ ไม่มีทาง…”
ฝูงโจรมองดูซูหยางเหมือนกับว่าพวกเขากำลังดูปีศาจร้าย
หลังจากปล้นฆ่าคนบริสุทธิ์นับไม่ถ้วนมานานหลายปี ฝูงโจรเหล่านี้ได้ลืมไปนานแล้วถึงความรู้สึกสิ้นหวังและหวาดกลัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาปราศจากคู่แข่งในพื้นที่แห่งนี้ แต่หลังจากที่พบกับซูหยางวันนี้สุดท้ายพวกเขาก็รำลึกถึงความรู้สึกเช่นนั้นขึ้นมาได้
“ถ้าข้าเสียลมปากพูดกับพวกเจ้าเหล่าขยะอีกต่อไป ปากข้าจักต้องเปื้อนความโสโครกของพวกเจ้า ดังนั้นจงตายให้ข้าเสียเถอะ”
“ด-ด-เดี๋ยว ให้พวกเราพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้–”
ปราณล้ำลึกระดับอัมพรพลันระเบิดออกมาจากร่างของซูหยาง และด้วยการตวัดด้วยวิชาดาบเพียงครั้งเดียว ประกายดาบนับร้อยก็พลันพวยพุ่งออกมาจากดาบ ตัดฝูงโจรที่เหลือเป็นหลายชิ้นภายในชั่วกระพริบตา
“…”
ซ่องโจรพลันเปลี่ยนเป็นเงียบสงัด
ซูหยางมองดูไปยังพื้นที่ปกคลุมไปด้วยเลือด ต่อด้วยร่างของตัวเขาเองที่ไม่มีแม้สักหยดของเลือดเกาะ ทั้งที่อยู่ท่ามกลางฝนเลือด
“นานพอควรแล้วนับตั้งแต่ข้าได้ปลิดชีวิตมากมายปานนี้ในช่วงเวลาสั้นๆ…” เขานึกถอนใจ
แม้ว่าการกระทำของซูหยางในวันนี้อาจจะดูโหดร้ายและไม่จำเป็น แต่การเข่นฆ่าล้างบางแบบนี้ก็เกิดขึ้นเกือบทุกวันในยุทธภพ บางครั้งก็กินขอบเขตกว้างขวาง และเป็นเรื่องปกติที่มักจะเป็นผู้บริสุทธิ์ถูกเข่นฆ่า ไม่ใช่หมู่โจรที่ไม่ทำอะไรนอกไปจากทำร้ายทั้งคนธรรมดาและยุทธภพ
ตามจริงแล้วถึงแม้ว่าเขาจะฆ่าคนไปมากมาย ซูหยางไม่ได้รู้สึกสงสารหรือสำนึกผิดแม้แต่น้อยในเวลานี้
บางทีเขาอาจจะสงสารคนผู้บริสุทธิ์และถูกปลิดชีวิตโดยพวกโจรเหล่านี้ แต่ต่อให้มีอารมณ์ความรู้สึกต่อโจรเหล่านี้ นั่นก็ไม่อาจจะจับใจซูหยางได้
หลังจากที่ยืนอยู่ชั่วขณะ ซูหยางก็เริ่มเตร่เข้าไปในซ่องโจร
แม้ว่านั่นอาจจะดูไม่มีอะไรน่าประทับใจจากด้านนอก แต่ขนาดที่แท้จริงของที่ซ่อนแห่งนี้ก็มีขนาดใกล้เคียงกับปราสาทของราชาเพียงแต่สร้างไว้ใต้ดิน ไม่เช่นนั้นมันจะสามารถรองรับหมู่โจรนับพันได้ในทีเดียวได้อย่างไร
มีมากกว่าห้าชั้นที่อยู่ลึกลงไปและมีมากกว่าร้อยห้อง และที่น่าประทับใจที่สุดของที่ซ่องสุมแห่งนี้ก็คือมันชัดเจนว่าถูกจัดสร้างด้วยมือทั้งหมด
อย่างไรก็ตามการที่สิ่งเหล่านี้เกิดจากความพยายามของฝูงโจรหรือความพยายามของคนที่ถูกจับตัวมานั้นยังเป็นปริศนา
หลังจากที่เดินไปรอบๆชั่วขณะ ซูหยางก็หยุดอยู่ตรงหน้าห้องห้องหนึ่งที่ชั้นสองและเปิดมันออก
ครั้นเมื่อเขาเปิดห้องออกมา เขาก็พบกับฉากโหดร้ายที่ทำให้กระทั่งคนที่ใจแข็งที่สุดก็ยังใจสั่นสะท้าน
ภายในห้องนี้มีหญิงหลายคนถูกล่ามโซ่ไว้กับผนังและไม่มีใครในนั้นที่สวมเสื้อผ้า
ยิ่งไปกว่านั้นร่างกายของหญิงพวกนี้ล้วนมีรอยช้ำผ่ายผอมเห็นชัดว่าขาดสารอาหาร ดวงตาของพวกเธอขาดประกายราวกับตุ๊กตาที่ปราศจากจิตวิญญาณ แต่กระนั้นตุ๊กตาเองก็ยังมีอารมณ์บนใบหน้ามากกว่าคนที่อยู่ในห้องนี้ บางอย่างที่พวกเธอขาดไปอย่างสิ้นเชิง
ผู้คนสามารถคาดเดาจุดประสงค์ของห้องนี้และเหตุใดหญิงพวกนี้จึงมาอยู่ที่นี่ได้อย่างง่ายดายเพียงแค่เหลือบมอง แต่นั่นยิ่งทำให้สถานที่แห่งนี้น่ารังเกียจยิ่งกว่าเดิม
เมื่อซูหยางเห็นสภาพของหญิงพวกนี้และสีหน้าของพวกเธอ ถึงแม้ว่าเขาไม่รู้จักพวกเธอแม้สักคนในใจเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธ
“ข้ามิควรฆ่าพวกมันเร็วจนเกินไปนัก…” เขานึกถอนใจ ค่อนข้างเสียใจในการตัดสินใจไม่ทรมานเหล่าโจรก่อนที่จะฆ่าพวกนั้นอย่างช้าๆ