dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน - Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 333
- Home
- dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน
- Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 333
บทที่ 333 สนับสนุนการตัดสินใจของเธอ
หลังจากที่ซูหยินได้พูดคุยกับโหลวหลานจีแล้ว พวกเธอก็ตรงไปยัง
ซูหยางเพื่อให้เขารู้ถึงสถานการณ์
“เช่นนั้นรึ” ซูหยางตอบสนองกับความปรารถนาที่จะเข้านิกายกุสุมาลย์
พ้นพิสัยของซูหยินด้วยอาการสงบ
“เจ้ามิมีความเห็นแย้งเรื่องนี้รึ” โหลวหลานจีเลิกคิ้ว
“ทำไมข้าต้องทำเช่นนั้น ถ้าเธอต้องการจะเป็นศิษย์ของนิกาย เช่นนั้น
ก็ให้เธอเป็น” เขายักไหล่อย่างไม่แยแส
“แต่สำนักหงส์สวรรค์…”
“พวกเขาแข็งแกร่งแค่ไหนเชียวเมื่อเปรียบเทียบกับนิกายล้านอสรพิษ”
เขาพลันถาม
“พวกเขาน่าจะมีพลังคู่คี่ก้ำกึ่งกับนิกายล้านอสรพิษ” โหลวหลานจีพูด
“เช่นนั้นต้องมีอะไรที่จะต้องกังวล ถ้านิกายล้านอสรพิษมิอาจทำ
อันตรายเราได้ พวกเขาจะทำอะไรได้”
“พี่ชาย ท่านมิถือกับการเข้าร่วมนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยของข้ารึ”
ซูหยินค่อนข้างประหลาดใจเล็กน้อยกับการที่เขาสนับสนุนการ
ตัดสินใจของเธอ ในเมื่อเธอคาดว่าเขาจะทำในสิ่งตรงกันข้าม
“ถ้านั่นเป็นการตัดสินใจของเจ้า แน่นอนว่าข้ามิถือ อย่างไรก็ตามกล่าว
ไปแล้ว เจ้าควรพูดกับอาจารย์ของเจ้าก่อนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าเจ้าต้องการ
ข้าสามารถไปกับเจ้าได้ มิว่าจะอย่างไร เจ้าก็มิได้เป็นเครื่องมือหรือ
ทาสของพวกเขา”
“พี่ชาย…” ซูหยินรู้สึกเหมือนว่าน้ำตาเธอจะไหลหลังจากที่ได้ยิน
ถ้อยคำของเขา
ในเวลานั้นในอีกโรงเตี๊ยม ที่ซึ่งนิกายหงส์สวรรค์อาศัยอยู่
“ซูหยินจากไปกับพี่ชายของเธอรึ” เจ้าสำนักหงส์สวรรค์มองดูผู้
อาวุโสสำนักที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“มิเพียงเท่านั้น เธอยังกระทั่งตบหน้าข้าท่ามกลางสาธารณะชนด้วย
การข่มขู่ข้า ท่านเจ้าสำนักควรจะบอกเธอให้กลับมาและลงโทษเธอ
สำหรับการไร้สัมมาคาวะผู้อาวุโสของเธอ” ผู้อาวุโสสำนักกล่าว
เจ้าสำนักครุ่นคิดอยู่อย่างเงียบ ๆ ชั่วขณะ
“ถ้าข้าจำได้มิผิด พี่ชายของเธอได้สูญหายไปเมื่อปีที่แล้ว เธอต้องเต็ม
ไปด้วยความสุขที่ในที่สุดก็สามารถได้อยู่ร่วมกับเขาอีกครั้ง ยังมิได้
พูดถึงความหดหู่ที่เธอมีไม่นานมานี้ ปล่อยให้เธอใช้เวลาชั่วขณะกับ
พี่ชายเธอ นั่นย่อมมิมีอันตรายใด”
เจ้าสำนักพูดหลังจากครุ่นคิด
“แต่ท่านเจ้าสำนัก ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นศิษย์ของท่าน เธอก็มิอาจจะไร้
ซึ่งความเคารพต่อผู้อาวุโสของเธอ เราต้องสอนวินัยให้เธออย่าง
เข้มงวด มิเช่นนั้นพฤติกรรมของเธอมีแต่จักเลวร้ายลงในอนาคต”
ผู้อาวุโสสำนักปฏิเสธที่จะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปง่าย ๆ ความอับ
อายที่เธอได้รับนั้นมากเกินไปเกินกว่าที่เธอจะปล่อยผ่าน
“เช่นนั้นเจ้าก็สามารถไปลากเธอกลับมาด้วยตัวเอง ข้าจักมิเข้าไปมี
ส่วนในเรื่องนี้ และถ้าเธอเปลี่ยนเป็นโกรธพวกเราในเรื่องนี้ ข้าจัก
ให้เจ้าเป็นผู้รับผิดชอบ”
เจ้าสำนักรู้ดีว่าซูหยินหวงแหนพี่ชายของเธอมากเพียงใด ถ้าพวกเธอ
แยกพวกเขาในตอนนี้ แน่นอนว่าเธอต้องเกลียดสำนักหงส์สวรรค์
แน่นอน
“ซูหยินมีอายุเพียงสิบห้าปี แต่เธอก็ได้ก้าวเข้าสู่ระดับสูงสุดของเขต
สัมมาวิญญาณแล้วตั้งแต่อายุยังน้อย ถ้าดูแลอย่างเหมาะสม เธอก็จัก
เข้าแทนที่ข้าในฐานะเจ้าสำนักอย่างแน่นอนภายในสิบปี เรามิอาจที่
จะยอมสูญเสียศิษย์เช่นเธอ” เธอกล่าวต่อว่า “ส่วนสำหรับพฤติกรรม
ของเธอ แน่นอนว่าข้าย่อมสั่งสอนเธออย่างเหมาะสมยามเมื่อเธอ
กลับมาแล้ว”
หลังจากที่ฟังคำพูดของเจ้าสำนัก ผู้อาวุโสสำนักก็นึกถึงความรู้สึก
อันตรายที่ซูหยินปลดปล่อยออกมาจากตอนนั้น
“ศิษย์คนนี้เข้าใจแล้ว…”
“พี่ชาย ห้องไหนที่เราจะได้ใช้ในคืนนี้” ซูหยินถามเขาหลังจากที่
ท้องฟ้าเริ่มมืด
“เจ้าสามารถหลับในห้องข้ากับเพื่อนของเจ้า” เขาตอบ
“เจ้าต้องการให้ข้าใช้ห้องเดียวร่วมกับชายที่เพิ่งพบรึ” เหยาหนิง
มองดูเข้าด้วยใบหน้าประหลาด
“เจ้ากังวลว่าข้าจักทำอะไรเจ้ารึ” ซูหยางถามด้วยรอยยิ้ม
“เจ้ามิทำรึ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าควรจะเป็นคนที่กังวลว่าจะถูกลวนลามขณะหลับ ข้าจะรู้
ได้อย่างไรว่าเจ้าจักไม่พ่ายแพ้ต่ออารมณ์หลังจากที่เห็นใบหน้ายาม
หลับของข้า” ซูหยางระเบิดเสียงหัวเราะ
“เจ้า… เจ้าตัวเลวน้อย แม้ว่าข้ายอมรับว่าเจ้าเป็นคนที่หน้าตาดีที่สุด
คนหนึ่งที่ข้าเคยเห็น แต่ก็อย่าหลงตัวเองเกินไป” เหยาหนิงหน้าแดง
“อย่ากังวลไปพี่หนิง พี่ชายข้ามิได้เป็นคนประเภทที่ถือโอกาสคนอื่น
เช่นนั้น ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน” ซูหยินประกันความ
ปลอดภัยของเธอจากซูหยาง
“ข้าเพียงล้อเล่น น้องหญิง ข้าเชื่อพี่ชายเจ้า” เหยาหนิงถอนใจ
ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ซูหยางก็พาเด็กสาวทั้งสองไปที่ห้องของเขา
ซึ่งมีหญิงสาวอีกสองคนได้รอคอยพวกเขาอยู่
“พวกเธอจักอยู่กับพวกเราในห้องนี้จนกว่าพวกเธอจะไป” เขากล่าว
กับพวกเธอ ซึ่งดูค่อนข้างไม่พอใจหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเขา
“เอ๋…. แล้วการฝึกวิชาของพวกเราล่ะ เจ้าสัญญาจะฝึกกับพวกเรา
ทั้งหมดเป็นกลุ่มเดียวคืนนี้” ซุนจิงจิงถามเขาโดยไม่อาย
“แน่นอน ข้าจักยังคงฝึกร่วมกับพวกเจ้าสาว ๆ คืนนี้ พวกเธอจักหลับ
ในห้องนี้ขณะที่เราไปยังอีกห้อง” ซูหยางหัวเราะหึ
“ถ้าเช่นนั้น พวกเราก็ไปอีกห้องกันตอนนี้เถอะ” ซูหยางหันไปมองดู
น้องสาวของตนเองที่ตกตะลึงอยู่และกล่าวว่า “ราตรีสวัสด์ิ ข้าจัก
กลับมาไม่นานนัก”
“อะแฮ่ม..”
แม้ว่าจะรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่เล็กน้อย แต่ทั้งซุนจิงจิงและฟางซี
หลานก็ติดตามซูหยางไปยังอีกห้องที่ซึ่งศิษย์คนอื่นอาศัยอยู่ ทิ้งให้ซู
หยินและเหยาหนิงงงงันอยู่เบื้องหลัง
“พี่ชายของเจ้าช่างหน้าด้านไร้ยางอายจริง ๆ ถึงกล้าพูดถ้อยคำเหล่านั้น
ต่อหน้าน้องสาวของตนเอง เขามิสนใจความรู้สึกของเจ้าแม้แต่น้อย”
เหยาหนิงเริ่มด่าเขาหลังจากที่พวกเขาไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ซูหยินยังคงเงียบเฉย
“ทำไมเจ้าถึงเงียบไปล่ะ พูดอะไรบ้างซิ…”
“ฮ่าาาาา..” ซูหยินถอนใจเสียงดังหลังจากนั้นชั่วขณะและพูดขึ้นว่า
“แม้ว่าข้าเกลียดที่จะเห็นหญิงคนอื่นแตะต้องพี่ชายที่รักของข้า ข้าก็มิ
อาจหาเหตุผลบอกเขาให้หยุด ในเมื่อนี่เป็นเรื่องปกติของนิกาย
กุสุมาลย์พ้นพิสัย ถ้าข้าก้าวเข้าเป็นศิษย์ของพวกเขา ข้าก็จักต้องคุ้นเคย
กับความรู้สึกนี้ไม่ช้าก็เร็ว” แม้ว่าเธอจะเต็มไปด้วยความอิจฉา เธอก็
ได้แต่ปลอบตัวเองด้วยการเชื่อว่าเธอก็จะสามารถทำเช่นนั้นกับซูหยาง
ได้เช่นกันถ้าเธอเข้าร่วมกับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย
“เจ้าจริงจังในเรื่องจากพวกเราไปเข้าร่วมกับพวกเขาอย่างแท้จริงเลย
รึ” เหยาหนิงอดไม่ได้ที่จะแสดงความเสียใจต่อการตัดสินใจของอีก
ฝ่าย
“แน่นอน” อีกฝ่ายตอบกลับในทันที
“อย่างไรก็ตาม ข้าจักต้องปวดหัวถ้าข้าคิดเรื่องนี้ต่อไป ดังนั้นข้าจัก
ปล่อยให้เจ้าสำนักจัดการเรื่องนี้…” เหยาหนิงส่ายหน้าและเลือกที่
นอนที่หนึ่งสำหรับหลับนอน
“เจ้ามิหลับรึ” เธอถามซูหยินสองสามนาทีหลังจากนั้น
“ข้าจักรอคอยพี่ชายกลับมา อย่างไรก็ตามข้าต้องการหลับอยู่ข้างเขา”
“…”
เหยาหนิงไม่รู้ว่าควรจะตอบสนองอย่างไรจึงได้แต่เงียบ และหลับลง
ไปในเวลาต่อมา