dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน - Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 419 วันสุดท้ายของการแข่งขัน
- Home
- dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน
- Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 419 วันสุดท้ายของการแข่งขัน
บทที่ 419 วันสุดท้ายของการแข่งขัน
เวลาสามชั่วโมงได้ผ่านไปนับตั้งแต่ซุนจิงจิงได้เริ่มการฝึกกับซูหยาง
แต่เธอก็ยังคงไม่แสดงท่าทีที่จะหมดแรง จริงแล้วเธอดูเหมือนยิ่ง
กระตือรือร้นกว่าตอนที่พวกเขาเริ่มต้นเสียอีก
“อา…”
“โอ…”
“อืมมมม”
ซุนจิงจิงครวญครางอ่อนหวานขณะที่ซูหยางกระแทกกระทั้นมังกร
ของเขาเข้าไปในถ้ำที่ทั้งเปียกและคับแคบ
“เธออยู่คนละระดับแตกต่างกับพวกเราจริง ๆ …” เหล่าศิษย์ต่างพา
กันจ้องมองด้วยความตระหนก
“ข้ายังคงมิเชื่อว่าข้าจักพ่ายแพ้ให้กับคนซึ่งเป็นสาวพรหมจรรย์เมื่อมิ
กี่เดือนก่อน…” โหลวหลานจีส่ายหน้า
“หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เธอจักต้องฝึกกับเขาไปจนกระทั่งเช้า”
เหล่าศิษย์ต่างพากันดูพวกเขาฝึกฝนต่อไปขณะที่รอให้พละกำลังของ
ตนเองกลับคืนมา
ไม่รู้เมื่อไหร่หลังจากนั้น ซุนจิงจิงก็ครวญครางดังขึ้นและกระชั้นขึ้น
และการเคลื่อนไหวของซูหยางก็สังเกตเห็นได้ว่าเร็วขึ้นและรุนแรง
ยิ่งขึ้น
“อาาา ข้าทนต่อไปมิได้แล้ว”
สองสามนาทีหลังจากนั้น ซุนจิงจิงก็พลันตะโกนออกมา
แต่อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะได้ยินเสียงกระสันของเธอ ซูหยางเพียงแค่
ขยับเร็วยิ่งขึ้น แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
“อาาาา… กำลังจะออกมาแล้ว”
หลังจากนั้นสองสามอึดใจ ร่างของซุนจิงจิงก็กระตุกอย่างไม่อาจ
ควบคุมได้ก่อนที่ช่องคลอดของเธอจะปลดปล่อยปราณหยินราวกับ
น้ำตก
เมื่อซูหยางวางร่างเธอลงและถอนมังกรออกมาจากถ้ำ ก็จะเห็น
ปราณหยางท่วมท้นอยู่ในรูของเธอ
เหล่าศิษย์ต่างพากันกลืนน้ำลายหลังจากที่เห็นฉากนี้ และร่างกาย
ของพวกเธอก็รู้สึกเสียวซ่านกระตุ้นความกำหนัดของพวกเธอขึ้น
“เรายังคงมีเวลาอีกหลายชั่วโมงก่อนที่จะถึงการแข่งขัน ใครต้องการ
ที่จะฝึกต่อ” ซูหยางหันไปดูพวกเธอและถาม
“ข้า ข้า ข้า”
“ข้าต้องการต่อ”
เหล่าศิษย์ทุกคนต่างพากันยกมือขึ้นด้วยความกระตือรือร้น
ซูหยางยิ้มและกล่าวว่า “มาเลย ข้าจักสร้างความพึงพอใจให้กับเจ้า
สามคนในทีเดียวเลยตอนนี้”
หลังจากที่ซูหยางเริ่มฝึกกับศิษย์คนอื่น ซุนจิงจิงกล่าวกับโหลว
หลานจีว่า “นี่เป็นเหตุผลที่ข้ามิต้องการที่จะพนันกับท่าน ท่านผู้นำ
นิกาย ตอนนี้ดูเหมือนว่าข้ารังแกท่าน ท่านมิจำเป็นต้องถือการพนัน
เป็นจริงเป็นจังแต่อย่างใด”
แต่ทว่าโหลวหลานจีส่ายหน้าและกล่าวด้วยเสียงพ่ายแพ้ว่า “เป็นข้า
ที่พ่ายแพ้ และข้ามิใช่คนที่จักคืนคำพูดของตนเอง ในเมื่อเจ้าชนะ
พนันครั้งนี้ ข้าจักมิฝึกร่วมกับเขาทั้งเดือนนี้”
“ท-ท่านมั่นใจเรื่องนั้นรึ ท่านผู้นำนิกาย ข้าจักรู้สึกแย่ถ้าพลังการ
ฝึกปรือของท่านลดถอยลงเพราะว่าเรื่องนี้…” ซุนจิงจิงยืนยันเธอ
ไม่ได้หยุดการฝึกฝนของอีกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมื่ออีกฝ่ายนั้น
ล้าหลังศิษย์ของตนเองไปเรียบร้อยแล้ว
“เจ้ามิจำเป็นต้องพูดอีกแล้ว มิเป็นไรจริง ๆ” โหลวหลานจีพยักหน้า
หลังจากนั้น เธอก็กล่าวต่อว่า “อย่างไรก็ตามข้าตั้งใจจะถามว่า
สัญลักษณ์ที่อยู่ใต้ท้องของเจ้านั้นคืออะไร ทำไมเป็นชื่อตระกูลของ
ซูหยาง”
“อือ.. นี่คือ…” ซุนจิงจิงครุ่นคิดอย่างหนักพยายามหาข้อแก้ตัว
สำหรับตราประจำตระกูลของเธอ
“นี่คือสัญลักษณ์ของความรักของเรา…” เธอกล่าวพร้อมกับหน้าแดง
“ข้ามิเข้าใจ…” โหลวหลานจีเลิกคิ้วมองดูซุนจิงจิงราวกับว่าเธอเป็น
คนแปลกหน้า
เหล่าศิษย์และซูหยางฝึกฝนกันต่อไปในเวลาค่ำคืนที่เหลืออยู่และ
จนกระทั่งถึงเช้า จนกระทั่งการแข่งขันรอบสุดท้ายเหลือเวลาอีก
เพียงสองชั่วโมง
“ซูหยาง การแข่งขันจะเริ่มภายในสองชั่วโมง” โหลวหลานจีเตือน
เขาผู้ซึ่งตอนนี้ยังคงร่วมฝึกอยู่กับเหล่าศิษย์
“โอ จริงรึ” ซูหยางตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ ทำท่าเหมือนกับว่าการ
แข่งขันไม่ได้สำคัญมากมายนักตั้งแต่ต้นแล้ว
“เราควรจักเริ่มตรงไปที่นั่นในตอนนี้ ใครจะรู้ว่าคนมากมายเพียงใด
ที่พยายายามเข้าไปในโคลีเซียมในวันนี้”
ซูหยางพยักหน้าและเพิ่มความเข้มข้นขึ้นทำให้จุดสุดยอดที่แสนสุข
สมของเหล่าศิษย์มาถึงในเวลาไม่กี่วินาที
เวลาต่อมา ทุกคนจากนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยก็รวมตัวกันที่ด้านหน้า
โรงเตี๊ยม ที่ซึ่งสำนักหงส์สวรรค์และนิกายดอกบัวเพลิงมารอพวก
เขาอยู่อย่างไม่คาดคิด
“พวกเจ้าเห็นชัดว่าใช้เวลาอย่างแสนหวาน เหมือนกับว่าพวกเจ้ามิ
สนใจกระทั่งการแข่งขัน” ไป่ ลี่ฮัวส่ายหน้าหลังจากที่เห็นพวกเขา
“ขอโทษที พวกเราเพิ่งเสร็จสิ้นการฝึกวิชา” โหลวหลานจีพูดผ่าน ๆ
“เอ๋”
ทุกคนที่นั่นต่างหันไปมองเธอด้วยดวงตาเบิกกว้าง
“เช่นนั้นเป็นว่าพวกเขาเมื่อกี้…กำลัง…มีเซ็กส์ใช่ไหม” ศิษย์นิกาย
ดอกบัวเพลิงและสำนักหงส์สวรรค์ต่างพากันครุ่นคิดในใจ ตะลึงกับ
นิสัยที่เสรีและไร้ยางอายของอีกฝ่าย
ถ้าเป็นพวกเขา พวกเขาย่อมต้องกังวลเกินกว่าจะหลับ อย่าว่าแต่จะ
ทำเรื่องเช่นนั้น
“น่าอิจฉานัก… ข้าก็ต้องการทำเช่นนั้นกับพี่ชายเช่นกัน…” ซูหยิ
นพึมพำด้วยเสียงที่เบาเหมือนกับยุง
ขณะที่พวกเขาเดินไปยังโคลีเซียม เหล่าศิษย์สตรีของทั้งสองสำนัก
ต่างพากันเหลือบมองไปยังซูหยางจากหางตาโดยมีบางคนในหมู่
พวกเธอหน้าแดงเล็กน้อย
หลังจากที่รู้ว่าเขาเป็นจอมยุทธเขตอัมพรวิญญาณตั้งแต่อายุยังน้อย
โดยที่ยังไม่ต้องพูดถึงภูมิหลังที่น่าประทับใจของเขา มุมมองของ
พวกเธอที่มีต่อเขาก็ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง และเขาก็ยิ่งดูหล่อเหลา
มีเสน่ห์ยิ่งขึ้นกว่าเดิม
“ดูพวกสาวบริสุทธ์ิพวกนี้กำลังเล่นหูเล่นตากับศิษย์พี่ชายสิ…” เหล่า
ศิษย์รุ่นเยาว์ต่างพากันกระซิบกระซาบกันหลังจากที่สังเกตเห็นการ
จ้องมองของอีกฝ่าย
“มิน่าแปลกใจแม้แต่น้อย ในเมื่อเสน่ห์ของศิษย์พี่ชายเป็นสิ่งที่มิอาจ
ต้านทาน”
“อาาา… ข้าอดใจรอจนกระทั่งข้ากลายเป็นผู้ใหญ่และเสนอแก่น
หยินบริสุทธ์ให้กับศิษย์พี่ชายไม่ได้แล้ว”
เวลาถัดไปสำนักทั้งสามก็ไปถึงหน้าโคลีเซียม แต่ก็เหมือนที่ได้คาด
กันไว้ ที่แห่งนั้นคลาคล่ำไปด้วยผู้คน
“น-นี่บ้าไปแล้ว นี่ราวกับว่าข้ายืนอยู่ต่อหน้าทะเล แต่แทนที่จะเป็น
น้ำกลับเป็นผู้คนแทน” เหล่าศิษย์รุ่นเยาว์ต่างพากันร่ำร้องเสียงดัง
หลังจากที่เห็นผู้คนจำนวนมหาศาลพยายามที่จะเข้าไปในโคลีเซียม
“มีผู้คนมากมายแล้วอย่างไรล่ะ พวกเขากล้าที่จะขวางทางพวกเรารึ”
ไป่ลี่ฮัวกล่าวขณะที่เธอก้าวไปข้างหน้า
“อะแฮ่ม” ไป่ ลี่ฮัวพลันกระแอมออกมาซึ่งดังเหมือนกับฟ้าร้อง ทำให้
คนทั้งหมดที่อยู่ตรงนั้นหันมามองเธอ
“นี่สำนักหงส์สวรรค์”
“นิกายดอกบัวเพลิงก็อยู่ตรงนี้เช่นกัน”
“กระทั่งนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยซึ่งจักต้องต่อสู้ในการแข่งขันรอบ
สุดท้ายในวันนี้ก็ด้วย ทำไมพวกเขาจึงมาที่นี่ด้วยกัน”
“เจ้ามิเคยได้ยินรึ พวกเขาล้วนร่วมเป็นพันธมิตรกัน ดังนั้นจึงมิน่า
แปลกสำหรับพวกเขาที่อยู่ด้วยกัน”
ครั้นเมื่อผู้คนที่นั่นตระหนักถึงตัวตนของพวกเขา ทะเลมนุษย์ก็แบ่ง
ครึ่งยอมให้พวกเขาผ่านไปโดยไม่ต้องใช้ความพยายามใด