dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน - Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 423 อันดับแรก
- Home
- dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน
- Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 423 อันดับแรก
บทที่ 423 อันดับแรก
“ข้ามิอาจเชื่อได้ เมื่อมาคิดว่าหงอวี้เอ๋อร์จักยอมแพ้ด้วยตนเอง” ไป่ ลี่
ฮัวตกตะลึงกับผลที่ได้จากการแข่งขัน
“น-น-น-นี่หมายความว่า… พวกเราเป็นแชมป์ รึ” โหลวหลานจีทั้ง
ร่างสั่นสะท้านด้วยความตกใจและสับสน
“แม้ว่าพวกเขายังคงเหลือนักสู้อีกเก้าคน พวกเขาก็มิสามารถที่จะ
เอาชนะเราได้ อย่าว่าแต่ซูหยางซึ่งยังคงอยู่บนเวทีดูมีเรี่ยวแรงเหมือน
ปกติ” ฟางซีหลานกล่าว
“ข้ายังมิเชื่อ… นี่เป็นจริงรึหรือว่าข้าเพิ่งกำลังฝันอยู่อย่างยาวนาน
อย่างแท้จริง” โหลวหลานจีจ้องไปที่เวทีด้วยท่าทางงุนงง
“อย่ากังวล ท่านผู้นำนิกาย ท่านกำลังอยู่กับความเป็นจริงในตอนนี้”
ซุนจิงจิงหัวเราะคิกคักให้กับเธอ
หลังจากที่หงอวี้เอ๋อร์ยอมแพ้รอบนี้ ศิษย์สำนักเมฆม่วงก็หันไปดูกู
กว่านถิง เจ้าสำนักด้วยดวงตาเป็นกังวล
“ท่านเจ้าสำนัก พวกเราควรทำอะไรต่อไปตอนนี้ ถึงแม้ว่าพวกเรา
ขึ้นไปบนเวที พวกเราก็มิอาจจะสามารถแตะต้องเขาได้ อย่าว่าจะล้ม
เขา”
“ใช่ ท่านเจ้าสำนัก ต่อให้พวกเราทั้งหมดร่วมมือกันสู้กับเขา พวกเรา
ยังมิสามารถเอาชนะได้โดยปราศจากศิษย์พี่หญิงหง”
กูกว่านถิงนวดขมับและถอนใจ “ข้ารู้แล้ว… ข้ารู้ พวกเจ้ามิต้องบอก
ข้าอะไรทั้งสิ้น หากปราศจากหงอวี้เอ๋อร์ พวกเราย่อมพ่ายแพ้ครั้งนี้”
ต่อจากนั้นอีกชั่วขณะ กูกว่านถิงก็ก้าวขึ้นไปบนเวทีและกล่าวกับซื่อ
ตงว่า “สำนักเมฆม่วงขอยอมแพ้การแข่งครั้งนี้”
“เชี่ย นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยสามารถเอาชนะสำนักเมฆม่วงด้วยการ
เอาชนะหงอวี้เอ๋อร์ได้จริง ๆ”
ผู้ชมต่างพากันตกใจ แม้ว่าพวกเขาหลายคนได้คาดเช่นนี้ไว้แล้ว
พวกเขาก็ไม่คิดว่ามันจะจบไปในรูปแบบนี้
“ส-สำนักเมฆม่วงยอมแพ้การแข่งขันครั้งนี้ ทำให้นิกายกุสุมาลย์พ้น
พิสัยกลายเป็นแชมป์ ของการแข่งขันระดับภูมิภาคในครั้งนี้ พวกเรา
มาช่วยกันส่งเสียงแสดงความยินดีกับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยหน่อย”
หลังจากที่ซื่อตงประกาศ ทั่วทั้งโคลีเซียมก็ระเบิดเสียงหวีดและโห่
ร้องจนทำให้อากาศสั่นสะเทือน
เวลาหลังจากนั้น เมื่อเสียงต่าง ๆ ซาลง เจ้าซีก็ยืนขึ้นจากที่นั่ง ทำให้
เสียงที่เหลืออยู่พลันหยุดหายไปในทันที
ซีซิงฟางก็ยืนขึ้นเช่นกัน พวกเขาทั้งสองคนตรงไปยังเวทีอย่างช้า ๆ
ที่ซึ่งนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยกำลังยืนอยู่
“พวกเราขอคารวะท่านเจ้า”
เหล่าศิษย์และโหลวหลานจีโค้งคำนับเขา
แน่นอนว่าซูหยางยังคงยืนอยู่ที่นั่นด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เจ้าซีมองดูซูหยางด้วยหางตาก่อนที่จะไม่สนใจเขา
“ขอแสดงความยินดีกับชัยชนะของพวกเจ้า นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย”
เจ้าซีกล่าวกับพวกเธอ “ทั้งหมดนี้ย่อมเป็นไปมิได้ถ้ามิใช่พวกเจ้า
ฝึกฝนอย่างหนัก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้นำนิกายซึ่งได้
แนะนำพวกเจ้าให้ไปตามเส้นทางที่ถูกต้อง แม้ว่าพวกเจ้าอาจจะ
ฝึกฝนผิดแผกไปจากปกติ แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็สำคัญ และข้าต้องขอ
กล่าวว่าเป็นสิ่งที่น่าประทับใจทีเดียว”
“ผู้เยาว์เหล่านี้… การที่พวกเจ้าทั้งหลายได้ยืนอยู่ต่อหน้าข้าในวันนี้
เป็นสัญลักษณ์ของยุคใหม่ในยุทธภพนี้ และข้าก็มิอาจจะอดใจรอดู
ว่าพวกเจ้าจะแสดงอะไรให้ข้าเห็นในอนาคต”
“ขอบพระทัยท่านเจ้าสำหรับพระกรุณา”
เหล่าศิษย์ยังคงรักษาอาการโค้งคำนับ
“เงยหน้าขึ้น” ซีซิงฟางพลันกล่าวกับพวกเธอด้วยเสียงนุ่มนวล
เมื่อเหล่าศิษย์เงยหน้าขึ้น พวกเธอก็เห็นซีซิงฟางถือหีบสีทองในมือ
เธอ
“นี่คือรางวัลสำหรับอันดับแรกของการแข่งขัน”
ซีซิงฟางเปิดหีบสีทองและเผยให้พวกเธอเห็นวัตถุที่อยู่ภายในนั้น
“นี่เป็นถุงมิติขนาดใหญ่สิบถุง และแหวนมิติขนาดกลางห้าวง พร้อม
กับหินวิญญาณสิบล้านก้อนภายในนั้น รับไว้สิ” ซีซิงฟางยื่นวัตถุ
เหล่านั้นให้กับโหลวหลานจี ซึ่งรับมันไว้ด้วยความลังเล
“ข-ขอบคุณองค์หญิง” โหลวหลานจีรับรางวัลด้วยมือที่สั่น
“สำหรับสมบัติวิญญาณระดับสวรรค์สองชิ้นและวิชาฝีมือ ท่านสามารถ
หยิบฉวยได้เมื่อพวกท่านเข้าไปเยี่ยมตระกูลซีในภายหลัง” ซีซิงฟาง
กล่าวกับเธอ
“เอ๋ พวกเราจะเข้าไปยังตระกูลซีรึ” โหลวหลานจีมองดูอีกฝ่ายด้วย
ใบหน้างงงัน ลืมเรื่องรางวัลอื่น ๆ ไปโดยสิ้นเชิง
ซีซิงฟางหัวเราะเบา ๆ และกล่าวว่า “รึว่าท่านลืมว่าแชมป์ของการ
แข่งขันจักได้รับสิทธ์ิเข้าไปที่สระสวรรค์เป็นเวลาเจ็ดวันด้วย อย่าลืม
เรื่องรับประทานอาหารเย็นด้วยเช่นกัน”
“โอ ใช่แล้ว… ข้าลืมไปเสียสนิทเกี่ยวกับรางวัลเหล่านั้น…” โหลว
หลานจีแสดงรอยยิ้มอาย ๆ
หลังจากที่ยื่นรางวัลให้กับโหลวหลานจีแล้ว ซีซิงฟางก็หันไปมองดู
ซูหยาง
เวลาต่อจากนั้น เธอก็เดินไปตรงหน้าเขาและยกผ้าคลุมหน้าของเธอ
ออก สร้างความตกใจให้กับทุกคนที่นั่นด้วยความสวยของเธอ
“สวรรค์ นางฟ้าซียิ่งสวยกว่าที่ข้าจินตนาการไว้”
“มีคนที่สวยเช่นนี้อยู่บนโลกนี้ได้อย่างไร”
ผู้ชมต่างอ้าปากค้างด้วยความตกใจหลังจากที่เห็นความสวยของซีซิง
ฟาง
“ข้าเคยบอกเจ้าว่าอย่าเผยโฉมหน้าที่นี่…” เจ้าซีส่ายหน้ากับการ
กระทำของเธอ
“มิว่าอย่างไร ก็จักเป็นเรื่องหยาบคายสำหรับข้าในการพูดกับซูหยาง
โดยปิดหน้าไว้” ซีซิงฟางกล่าวด้วยรอยยิ้มและหันไปมองดูเขา
“ขอแสดงความยินดีในชัยชนะระดับภูมิภาค ซูหยาง” เธอกล่าวกับ
เขา “แม้ว่าข้าชอบที่จะพูดกับท่านมากกว่านี้ แต่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่
เหมาะสม”
“อย่ากังวลไป พวกเราสามารถพูดเรื่องที่เจ้าต้องการได้ระหว่าง
อาหารเย็นในภายหลัง” ซูหยางตอบพร้อมรอยยิ้ม
“อื้อ” ซีซิงฟางพยักหน้าพร้อมใบหน้าแดงเล็กน้อย
ในเวลานั้นเหล่าศิษย์และโหลวหลานจีต่างก็พากันมองดูอีกฝ่ายตาโต
ตามธรรมดาที่พวกเธอไม่เชื่อกับสิ่งที่ตนเองเห็น เมื่อไหร่กันที่ซูหยาง
รู้จักกับองค์หญิงของตระกูลซี และทั้งยังเหมือนจะค่อนข้างสนิท
สนมกันอีกด้วย
“อะแฮ่ม” เจ้าซีพลันกระแอมหลังจากที่เห็นบรรยากาศโรแมนติก
ของพวกเขาและกล่าวว่า “อย่างไรก็ตามในฐานะของแชมป์คนใหม่
ครั้งแรกของประวัติศาสตร์ พวกเจ้าควรพูดสองสามคำกับผู้คนที่นี่
บ้าง”
โหลวหลานจีมองดูซูหยางและกล่าวว่า “เจ้าควรทำการพูด มิว่า
อย่างไรเจ้าเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้พวกเราสามารถมายืนอยู่ที่ตรงนี้
ในวันนี้ได้”
ซูหยางพยักหน้าและถือโอกาสก้าวออกไปข้างหน้าสองสามก้าว ยืน
อยู่ในใจกลางความสนใจในเวลานี้
ทั้งสถานที่พลันเงียบสงัดและทุกคนต่างรอคอยที่จะให้เขาพูด
แต่ทว่าในขณะที่ซูหยางกำลังอ้าปาก เจ้าซีพลันหันไปมองยังท้องฟ้า
และตะโกนว่า “ใครอยู่ที่นั่น”
คำพูดของเขาทำให้ทุกคนที่นั่นหันเหความสนใจไปยังก้อนเมฆ
ไม่นานหลังจากนั้น ร่างหนึ่งก็ลดตัวลงมาจากเหนือเมฆและลอยอยู่
เหนือสนามประลองเล็กน้อย
“ท-เทพธิดา นี่เป็นเทพธิดาตัวจริง”
ผู้ชมต่างพากันตกตะลึงเมื่อเห็นหญิงสาวสวยคนนี้พลันปรากฏตัว
ตามความเป็นจริงแล้วตัวตนของเธอนั้นดูเหนือโลกจนปิดผนึก
ความสามารถในการหายใจของทุกคนในที่นั้นไปชั่วขณะ
ซูหยางดวงตาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นคนผู้นั้น
“ชิวเยว่รึ” เขาพึมพำชื่อเธอ