dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน - Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 428 นักล่าชนเผ่าหมูป่า
- Home
- dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน
- Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 428 นักล่าชนเผ่าหมูป่า
บทที่ 428 นักล่าชนเผ่าหมูป่า
หลังจากที่ใช้เวลาหลายนาทีไปกับม้วนคัมภีร์ ถังหลินชีก็วางม้วน
คัมภีร์ในมือลงและถอนใจ “เป็นเวลาที่เสียไปโดยเปล่าประโยชน์
เวลาห้าร้อยปีกับการค้นคว้าและสิ่งที่พวกเขาได้มาก็เพียงแค่การคาด
เดา”
“ข้ามิได้คาดหวังมากนัก แต่เมื่อคิดดูว่ามันมิมีอะไรเลย…” ชิวเยว่ก็
ส่ายหน้าของเธอเช่นกัน
“ข้ามิได้กล่าวโทษพวกเขาที่มิสามารถตีความสิ่งที่อยู่นอกเหนือความ
เข้าใจของพวกเขาได้” ซูหยางกล่าว
สองสามนาทีหลังจากนั้น ชินเหลียงหยูก็เข้ามาในกระท่อมและกล่าว
ว่า “ท่านแขกผู้ทรงเกียรติ นักล่าของพวกเราได้กลับมาจากการเดินทาง
และพวกเขาได้นำเนื้อวิญญาณกลับมาด้วย ขอเชิญพวกท่านร่วมงาน
เลี้ยงกับพวกเราในคืนนี้”
“เนื้อวิญญาณรึ” ซูหยางเลิกคิ้ว
เนื้อของสัตว์วิญญาณที่แข็งแกร่งมักจะถือว่าเป็นอาหารอันโอชะใน
ยุทธภพ เมื่อมันให้พลังวิญญาณกับผู้ฝึกยุทธ ทำให้พวกเขาแข็งแกร่ง
กว่าเดิมด้วยเพียงแค่กินมันเข้าไป แต่อย่างไรก็ตามสำหรับเผ่าหมูป่า
แล้ว เนื้อวิญญาณก็เหมือนกับอาหารปกติมื้อหนึ่ง ในเมื่อพวกเขา
ต้องล่าสัตว์ร้ายเพื่อดำรงชีวิต
“ถ้าเจ้ามิถือสา ข้าก็จักขอเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้” ซูหยางพยักหน้า เขา
ต้องการที่จะได้มีประสบการณ์ด้วยตนเองสำหรับอาหารวิญญาณใน
สถานที่แบบนี้
“ข้าจักเข้าร่วมเช่นกัน” ชิวเยว่กล่าว
“เยี่ยม” ชินเหลียงหยูพลันแสดงความกระตือรือร้นขึ้นมาในทันใด
และพูดด้วยน้ำเสียงรื่นเริง “เราจักมิทำให้พวกท่านผิดหวัง”
“อย่างไรก็ตาม ม้วนคัมภีร์มีส่วนช่วยเหลืออะไรหรือไม่” เธอกล่าว
ต่อ
“น่าเสียดาย..มันมิช่วยอะไรเลย” ซูหยางส่ายหน้า
“เช่นนั้น… ข้าต้องเสียใจด้วยที่มิอาจมีประโยชน์มากกว่านี้…” เธอ
เปลี่ยนไปเป็นหดหู่อย่างรวดเร็ว
“มิต้องกังวลเรื่องนั้น”
ไม่นานหลังจากนั้น ชินเหลียงหยูก็ชักนำพวกเขาออกไปด้านนอก
ครั้นเมื่อพวกเขาอยู่ด้านนอกแล้ว พวกเขาก็สามารถที่จะเห็นชายร่าง
บึกบึนอย่างมากห้าสิบถึงหกสิบคนยืนอยู่ตรงประตูทางเข้าหมู่บ้าน
โดยมีครึ่งหนึ่งในนั้นถือซากของสัตว์วิญญาณ และเกือบทุกคนล้วน
ปลดปล่อยกลิ่นอายของเขตปฐพีวิญญาณโดยมีบางคนที่อยู่ในเขต
อัมพรวิญญาณ
“ข้าได้ตระหนักถึงเรื่องนี้แล้ว แต่คนที่นี่… พลังการฝึกปรือของพวก
เขาค่อนข้างน่าประทับใจสำหรับคนที่อาศัยอยู่ในสภาพเงื่อนไขแบบ
นี้” ซูหยางกล่าว “กระทั่งผู้หญิงเกือบทั้งหมดก็ยังอยู่ในเขตสัมมา
วิญญาณ”
ชิวเยว่พยักหน้าและกล่าวว่า “วิถีชีวิตที่อันตรายของพวกเขาต้องการ
พวกเขาล่าสัตว์วิญญาณเกือบทุกวัน และพวกเขาได้กินเนื้อวิญญาณ
เกือบทุกมื้อ ดังนั้นจึงมิเป็นเรื่องแปลกสำหรับพวกเขาที่จะมีพลังการ
ฝึกปรือถึงขั้นนี้ ตามความเป็นจริงหากเปรียบเทียบกับทวีปตะวันออก
โดยรวมแล้วทวีปใต้แข็งแกร่งกว่า”
“อืม…”
ในเวลานั้น คนพื้นเมืองก็สังเกตเห็นซูหยางและพวกของเขาเช่นกัน
“ส-สามคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นเป็นใครกัน ผิวของพวกเขาซีดเหมือนกับ
ผี” หนึ่งในพวกนั้นถามด้วยสีหน้าตกใจ สายตาของเขาตกอยู่กับสอง
สาวสวยที่ข้างกายซูหยาง
และไม่ใช่เพียงเขาคนเดียว ชายทุกคนที่นั่นต่างพากันจ้องมองชิวเยว่
และถังหลินชีด้วยดวงตาเบิกกว้างไม่อยากเชื่อ ราวกับว่านี่เป็นครั้ง
แรกที่พวกเขาเห็นผู้หญิงที่สวยดังเช่นสองสาว
และเพราะว่าพวกเขาได้ออกไปล่าข้างนอกตอนที่ชิวเยว่มาถึง พวก
เขาจึงไม่รู้การมาของอีกฝ่าย
“พวกเขาเป็นแขกผู้ทรงเกียรติของพวกเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มี
ผมและตาสีขาว เธอเป็นเทพธิดาจากตำนาน… แม้ว่าเธอมิต้องการที่
จะยอมรับ ถ้ามิใช่เธอชนเผ่าเสือโคร่งจักต้องทำลายที่แห่งนี้และทำ
ให้พวกเรากลายเป็นทาสไปแล้ว” หนึ่งในเด็กสาวกล่าว
“อะไรนะ เจ้าพวกเลวเสือโคร่งนั่นโจมตีพวกเรารึ” พวกผู้ชายพากัน
โกรธแค้นเมื่อได้ยินข่าวนี้
“ยอมรับไม่ได้ นี่เป็นการประกาศสงครามกับชนเผ่าหมูป่าของเรา”
“ทำไมพวกนั้นจึงพลันโจมตีพวกเราหลังจากที่สงบสุขมานับสิบปี”
หนึ่งในพวกเขาครุ่นคิดเสียงดัง
“มันต้องเป็นชนเผ่ามังกร พวกนั้นคบหากันมินานมานี้”
“บางทีพวกนั้นคิดว่าสามารถที่จะปกครองพวกเราเพราะว่ามีชนเผ่า
มังกรหนุนหลังอยู่ตอนนี้ ช่างกล้านัก”
“ถ้าพวกมันต้องการสงคราม พวกมันก็จักได้สงคราม”
ผู้ชายชนพื้นเมืองเริ่มตะโกนใฝ่หาสงคราม จนอากาศสั่นสะเทือน
“เฮ้ หยุดร่ำร้องแบบป่ าเถื่อนได้แล้ว” ชินเหลียงหยูพลันตรงเข้าไปหา
พวกเขาและกล่าวขึ้น “พวกเจ้าเหล่าผู้ชายกำลังรบกวนแขกผู้ทรง
เกียรติของพวกเรา”
“หัวหน้าชิน”
ชายชนพื้นเมืองพลันหยุดตะโกนและคำนับเธอด้วยความเคารพ
“ตอนนี้วางเนื้อลงและทำความเคารพผู้กอบกู้และแขกผู้ทรงเกียรติ”
ชินเหลียงหยูปลดปล่อยกลิ่นอายที่แตกต่างออกมาในเวลานั้น ดูไม่
เหมือนกับหญิงสาวขี้อายเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
“ขอรับ หัวหน้า”
ชายชนพื้นเหมืองทั้งหมดวางเนื้อและอาวุธลงก่อนที่จะเข้าไปหาซู
หยางและพวก
“พวกเรานักล่าชนเผ่าหมูป่ าขอคารวะเทพธิดาและแขกผู้ทรงเกียรติ”
พวกเขาคำนับอีกฝ่าย “ขอบคุณที่ช่วยเหลือชนเผ่าหมูป่ าของพวกเรา
ถ้ามิใช่พวกท่าน ที่แห่งนี้ของชนเผ่าหมูป่ าคงถูกเผาผลาญและผู้คน
ของพวกเราก็คงถูกลักพาตัวไป”
“อย่าเรียกข้าว่าเทพธิดา” ชิวเยว่ขมวดคิ้วแน่น
“ร-เราขออภัยเป็นอย่างสูงถ้าพวกเราล่วงเกินท่าน ผ-ผู้กอบกู้” ชน
พื้นเมืองพลันเหงื่อแตกเมื่อพวกเขาสัมผัสถึงกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่มา
จากชิวเยว่ พวกเขาสู้กับสัตว์วิญญาณอันตรายมานับครั้งไม่ถ้วน แต่
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขารู้สึกถึงความกลัวอย่างแท้จริง เหมือนกับว่า
พวกเขาอยู่ต่อหน้าเทพแห่งความตาย
“ลืมมันไปเถอะ” ชิวเยว่ถอนใจ
เวลาต่อจากนั้น ชนเผ่าหมูป่ าก็เริ่มตระเตรียมงานเลี้ยง
ระหว่างชั่วเวลานี้ ชินเหลียงหยูก็เข้าไปหาซูหยางและถามเขาว่า
“ท่านแขกผู้ทรงเกียรติ ท่านต้องการอะไรในตอนนี้หรือไม่”
ซูหยางครุ่นคิดชั่วขณะก่อนที่จะพูดว่า “ใช่แล้วข้าต้องการ”
และเขาก็พูดต่อว่า “ชื่อข้าคือซูหยาง ข้าจักรู้สึกสบายใจกว่านี้ถ้าเจ้า
เริ่มเรียกข้าเช่นนั้นนับแต่นี้ไป”
“ต-แต่ท่านเป็น…” ชินเหลียงหยูลังเล
ซูหยางไม่ได้พูดอะไรอีกและเพียงเผยยิ้มที่สุภาพ
“…”
ชินเหลียงหยูพลันเงียบลงไป ไม่นานหลังจากนั้น เธอก็พยักหน้าด้วย
รอยยิ้มเอียงอาย
“ขอบคุณ” เขากล่าวและกล่าวต่ออีกว่า “อย่างไรก็ตามช่วยบอกข้า
เรื่องเกี่ยวกับชนเผ่าของเจ้ามากกว่านี้ ข้าค่อนข้างสนใจว่าที่แห่งนี้
เป็นไปกันอย่างไรในเมื่อข้ามาจากที่อันแสนไกล”
ชินเหลียงหยูพยักหน้าและทำการอธิบายให้เขาฟังถึงวิถีชีวิตของชน
เผ่าหมูป่า “อย่างที่ท่านเห็น มากกว่าสองในสามของประชากรเผ่าเรา
เป็นผู้หญิง นั่นเป็นเพราะว่างานของผู้ชายในการแสวงหาอาหารจาก
ด้านนอกในขณะที่ผู้หญิงดูแลบ้านและสิ่งจำเป็นอื่น ๆ และเพราะว่า
การล่าสัตว์วิญญาณเป็นงานอันตรายมิว่าจะมีความแข็งแกร่งมากมาย
เพียงใด เมื่อนักล่าจากไป พวกเขาปกติมิได้กลับมาเร็วกว่าสามวัน
และโศกนาฏกรรมก็มักจะเกิดขึ้นเมื่อต้องอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อม
เช่นนี้”
“ทรัพยากรและอาหารหายากในที่แห่งนี้ ดังนั้นจึงเป็นเหตุที่ทำให้แต่
ละชนเผ่ามักจะโจมตีและขโมยอาหารชนเผ่าอื่น”
“ชนเผ่าหมูป่ าของเราเป็นเผ่าที่แข็งแกร่งที่สุดเผ่าหนึ่งในพื้นที่แถบนี้
และปกติแล้วพวกเรามิต้องกังวลเรื่องถูกโจมตี อย่างไรก็ตามเผ่าเสือ
โคร่งที่มีความแข็งแกร่งด้อยกว่าพวกเราเพียงเล็กน้อยได้เป็นเพื่อน
กับชนเผ่ามังกรที่เป็นชนเผ่าที่แข็งแกร่งอีกเผ่าในบริเวณนี้ ในเมื่อนัก
ล่ามิได้อยู่ในเวลานั้นถ้ามิใช่เป็นเพราะท่านผู้กอบกู้ เผ่าเสือโคร่งจัก
ต้องทำลายและปล้นสถานที่แห่งนี้ และพวกเราทั้งหมดคงต้องได้รับ
การปฏิบัติเยี่ยงทาสในหมู่บ้านของพวกนั้น”
“ข้าเข้าใจแล้ว…” ซูหยางพยักหน้า
ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็ถามว่า “ทำไมพวกเจ้ามิทิ้งนักรบของพวก
เจ้าบางส่วนไว้ด้านหลัง มิเป็นเรื่องฉลาดที่จะทิ้งทั้งหมู่บ้านให้
เปราะบางทุกครั้งที่พวกเจ้าต้องออกไปล่าหาอาหาร”
“แน่นอนปกติแล้วพวกเรามิส่งนักรบทั้งหมดออกไปล่า แต่อย่างไรก็
ตามเมื่อเร็ว ๆ นี้แดนกันดารนี้ได้มีอันตรายมากยิ่งขึ้น และถ้าพวกเรา
มิส่งทุกคนออกไป การบาดเจ็บล้มตายของพวกเราจะเพิ่มขึ้นเป็นสอง
เท่าหรืออาจจะสามเท่า พวกเรามิอาจจะยอมเสียนักรบไปมากกว่านี้
เช่นกัน” ชินเหลียงหยูถอนใจรู้สึกสิ้นหวัง